หลักบำรุงขวัญทหารครับ กุนซือระดับสูงจะเข้าใจขุนศึกระดับพระกาฬของฝ่ายตน
เมื่อออกศึกแพ้กลับมา ย่อมกระทบขวัญกำลังใจอยู่แล้ว โดยเฉพาะสเปอร์ที่มีภาพจำพ่ายนัดชิงหงส์ UCL มาก่อน
ครั้งนี้สถานการณ์เหมือนสร้างมาให้ไก่ถอนแค้นในใจ แถมถ้าชนะรางวัลยังเป็นสัญญลักษณ์อันดับหนึ่งของลีกแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะยิ่งส่งเสริมพลังใจให้ทวีความโหดของทีมขึ้นไปอีก เราจะเห็นได้ในหลายๆ ปีที่ทีมแชมป์หลาย ๆ ทีม พอเข้าฝักก็ติดปีก ชนะต่อเนื่องไม่หยุด
ก่อนแข่งคงปลุกขวัญกำลังใจมาเต็มที่
แต่สุดท้ายแพ้นัดนี้ กลับไม่เป็นดังหวัง
สิ่งที่อาจารย์มูพยายามทำคือ ทำให้ความพ่ายแพ้นี้เล็กที่สุด ไม่ใช่นัดสำคัญอะไร ก็แค่นัดเดียว หรือ อุบัติเหตุของคนแกร่งกว่าสะดุด
เพื่อให้ทีมเชื่อมั่นและรักษากำลังใจที่จะทำศึกที่เหลือต่ออีกยาวไกล รีบสลัดภาพจำความ "แพ้ทาง" หรือ คำ "เป็นรอง" ไม่ให้ฝังลงในใจ
ระดับอาจารย์มู ไม่มีทางไม่รู้ว่าใครเหนือกว่าใคร หรือหากใจไม่ยอมรับว่าลิเวอร์พูลเหนือกว่า จะเอาความมั่นใจตรงไหน กล้ามั่นใจว่าทีมเหนือกว่าจริงๆ เต็มที่ก็คู่คี่สูสีแพ้ชนะพลิกไปมา ทั้งที่ผ่านมาก็เห็น นัดนี้ก็เห็น
อาจารย์มูยอมเอาตัวเข้าแลกมาตลอดให้ใครหลายคนมองว่าเป็นพวกหลงตัวเอง เยินยอตัวเอง แท้จริงแล้วใครเลยจะรู้ว่ากำลังเสียสละตัวเองให้ผู้คนภายนอกพุ่งเป้ามาที่ตน เพื่อแลกกับกำลังรบที่แข็งแกร่งและยังเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
จริง ๆ อยากเขียนถึง อาจารย์คลอป ด้วย แต่จะยาวไป สรุปสั้น ๆ ว่าอาจารย์คลอปเป็นปรมาจารย์สายพุทธ มักจะให้ลูกทีมโฟกัส นัดต่อนัด เมื่อผ่านนัดที่ผิดหวัง ก็วางไว้ตรงนั้น จบแล้วก็จบไป และให้ลูกทีมโฟกัสนัดแข่งที่จะมาถึงเท่านั้น แม้เมื่อยามชนะ จะกล่าวชมก็ให้แล้วเสร็จ แล้วก็รีบโฟกัสที่นัดต่อไปทันที ระดับความมั่นใจที่สร้างสมขึ้นมานั้น เกิดจากสำนึกภายในที่ไม่ต้องการเปรียบเทียบกับใคร และไม่ใช่ระดับที่จะปลุกเร้าให้มั่นใจเกินจริงหรือโทษตัวเองให้ขาดความมั่นใจเกินจริง (นี่เขียนสั้นแล้วเรอะ!)
ความคิดของอาจารย์มู?
เมื่อออกศึกแพ้กลับมา ย่อมกระทบขวัญกำลังใจอยู่แล้ว โดยเฉพาะสเปอร์ที่มีภาพจำพ่ายนัดชิงหงส์ UCL มาก่อน
ครั้งนี้สถานการณ์เหมือนสร้างมาให้ไก่ถอนแค้นในใจ แถมถ้าชนะรางวัลยังเป็นสัญญลักษณ์อันดับหนึ่งของลีกแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะยิ่งส่งเสริมพลังใจให้ทวีความโหดของทีมขึ้นไปอีก เราจะเห็นได้ในหลายๆ ปีที่ทีมแชมป์หลาย ๆ ทีม พอเข้าฝักก็ติดปีก ชนะต่อเนื่องไม่หยุด
ก่อนแข่งคงปลุกขวัญกำลังใจมาเต็มที่
แต่สุดท้ายแพ้นัดนี้ กลับไม่เป็นดังหวัง
สิ่งที่อาจารย์มูพยายามทำคือ ทำให้ความพ่ายแพ้นี้เล็กที่สุด ไม่ใช่นัดสำคัญอะไร ก็แค่นัดเดียว หรือ อุบัติเหตุของคนแกร่งกว่าสะดุด
เพื่อให้ทีมเชื่อมั่นและรักษากำลังใจที่จะทำศึกที่เหลือต่ออีกยาวไกล รีบสลัดภาพจำความ "แพ้ทาง" หรือ คำ "เป็นรอง" ไม่ให้ฝังลงในใจ
ระดับอาจารย์มู ไม่มีทางไม่รู้ว่าใครเหนือกว่าใคร หรือหากใจไม่ยอมรับว่าลิเวอร์พูลเหนือกว่า จะเอาความมั่นใจตรงไหน กล้ามั่นใจว่าทีมเหนือกว่าจริงๆ เต็มที่ก็คู่คี่สูสีแพ้ชนะพลิกไปมา ทั้งที่ผ่านมาก็เห็น นัดนี้ก็เห็น
อาจารย์มูยอมเอาตัวเข้าแลกมาตลอดให้ใครหลายคนมองว่าเป็นพวกหลงตัวเอง เยินยอตัวเอง แท้จริงแล้วใครเลยจะรู้ว่ากำลังเสียสละตัวเองให้ผู้คนภายนอกพุ่งเป้ามาที่ตน เพื่อแลกกับกำลังรบที่แข็งแกร่งและยังเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
จริง ๆ อยากเขียนถึง อาจารย์คลอป ด้วย แต่จะยาวไป สรุปสั้น ๆ ว่าอาจารย์คลอปเป็นปรมาจารย์สายพุทธ มักจะให้ลูกทีมโฟกัส นัดต่อนัด เมื่อผ่านนัดที่ผิดหวัง ก็วางไว้ตรงนั้น จบแล้วก็จบไป และให้ลูกทีมโฟกัสนัดแข่งที่จะมาถึงเท่านั้น แม้เมื่อยามชนะ จะกล่าวชมก็ให้แล้วเสร็จ แล้วก็รีบโฟกัสที่นัดต่อไปทันที ระดับความมั่นใจที่สร้างสมขึ้นมานั้น เกิดจากสำนึกภายในที่ไม่ต้องการเปรียบเทียบกับใคร และไม่ใช่ระดับที่จะปลุกเร้าให้มั่นใจเกินจริงหรือโทษตัวเองให้ขาดความมั่นใจเกินจริง (นี่เขียนสั้นแล้วเรอะ!)