"ความต้องการพลังไฟฟ้า  : ความต้องการพลังไฟฟ้าแต่ละเดือน คือความต้องการพลังไฟฟ้าเป็นกิโลวัตต์  เฉลี่ยใน 15 นาทีที่สูงสุดในช่วงเวลา On Peak ในรอบเดือน เศษของกิโลวัตต์  ถ้าไม่ถึง 0.5 กิโลวัตต์ตัดทิ้ง ตั้งแต่ 0.5 กิโลวัตต์ขึ้นไป คิดเป็น 1 กิโลวัตต์"
Ref. 1: การไฟฟ้านครหลวง, "ประเภทที่ 4 กิจการขนาดใหญ่"

ต่อไปเป็นความเข้าใจของผมนะครับ
1. ความต้องการพลังไฟฟ้า = Peak Demand = กำลังไฟฟ้าสูงสุดเฉลี่ย 15 นาที  >> มีหน่วยเป็น kW

สมมติว่า เป็นอัตรา TOU และ อยู่ในช่วงเวลา 9.00 ถึง 22.00 น.
             เก็บข้อมูลทุก 5 นาที คือแสดงค่า 20, 30, 40 kW ในช่วง 15 นาที แล้วก็คำนวณค่าเฉลี่ยคือ 30 kW ---(15 นาทีแรก)
             ต่อจากนั้น แสดงค่า 35, 45, 55 kW ค่าเฉลี่ยคือ 45 kW  -----------------------------------------------------(15 นาที ถึง 30 นาที)         
             ทำแบบนี้เช่นเดิมจนครบ 1 ชั่วโมง
             ทำแบบนี้เช่นเดิมจนครบ 13 ชั่วโมง (1 วัน)
             นอกช่วงเวลาอีก 11 ชั่วโมง (22.00 ถึง 9.00น.) เป็นช่วง Off Peak ถึงจะมีค่า kW สูงมากขนาดไหน ก็ไม่นำมาคิด Peak Demand 
             ถ้าในเดือนนี้ มีวันหยุดเพียง เสาร์ อาทิตย์ ดังนั้น เดือนนี้วัดค่าในช่วง On Peak คือ 22 วัน
            ทำแบบนี้เช่นเดิมจนครบ 286 ชั่วโมง (1 เดือน)
             นำค่าเฉลี่ยทั้งหมด ซึ่งจะได้ชั่วโมงละ 4 ค่าเฉลี่ย หรือใน 1 วันได้ 52 ค่าเฉลี่ย หรือใน 1 เดือน ได้ 1,144 ค่าเฉลี่ย
             >> ค่าไหนสูงสุดก็นำค่านั้นมาคูณด้วย 132.93 บาท/kW  คือ ค่าไฟฟ้าส่วนของความต้องการพลังไฟฟ้าที่ต้องจ่ายในเดือนนี้
             

เมื่ออ่านจนถึงการคำนวณ Load Factor จะต้องมีการนำค่า กำลังไฟฟ้าสูงสุดเฉลี่ย 15 นาที ในชั่วโมงที่ 1 ผมคิดว่าคือ Peak Demand (kW) 
เช่น ข้อมูลแสดงทุก 5 นาที แล้วใน 1 ชั่วโมง
       แสดงค่า 20 30 25// 35 30 40// 50 60 55// 65 60 70 ทำการเฉลี่ยครั้งที่ 1 2 3 4 ได้ค่าเฉลี่ยเป็น 25, 35, 55, 65 kW ตามลำดับ
       ดังนั้น กำลังไฟฟ้าสูงสุดเฉลี่ย 15 นาที ในชั่วโมงที่ 1 >>>  65 kW