แว่นท๊อปเจริญ บทเรียนราคาแพง สำนึกแล้วค่าาา...T^T


 
          เพี้ยนเซ็งเป็ดมันเริ่มจากเมื่อวันที่27-11-2020 เราไปสมัครเรียนขับรถแล้วพบว่าสายตามันไม่ปกติคิดว่าน่าจะสั้นขึ้น เลยตัดสินใจไปลองวัดสายตาที่ร้านแว่นที่ใกล้ที่สุดคือร้านแว่นท๊อปเจริญเพราะคิดว่าเป็นร้านมีชื่อเสียงน่าจะเชื่อถือได้และน่าจะแนะนำแว่นที่ดีให้กับเราได้ถ้าต้องตัด 

          เราเข้าไปที่ร้านช่วงเย็นแล้วพี่ที่ร้านก็พูดจาดีมาวัดสายตาให้เราคร่าวๆแล้วถามเราว่าจะตัดแว่นไหมเพราะ  จะได้วัดสายตาให้เราแบบละเอียด(ถ้าไม่ตัดก็จะวัดให้แค่นั้น)  เราเลยคิดว่ายังไงก็จะเรียนขับรถเลยคิดว่าตัดๆไปเถอะและนั่นแหละคือความคิดมักง่ายของเรา เพียงเพราะคิดว่าจะรีบใช้แว่นเร็วๆโดยไม่หาข้อมูลเกี่ยวกับร้านเกี่ยวกับแว่นทำให้เราต้องเจอกับความยุ่งยากและปัญหาในเวลาต่อมา
          พี่พนักงานร้านก็วัดสายตาให้ผลออกมาสายตาเราสั้นเป็นพันจากเดิมช่วง7-8ร้อย พี่พนักงานก็พูดแนะนำว่าสายตาสั้นขนาดนี้ตัดแว่นดีกว่าสำหรับเราในระยะยาว เราก็โอเคตัดก็ตัดเราก็ถามว่าเลนส์เนี่ยบางได้ไหม(จากตรงนี้จริงๆควรจะแนะนำเราไหมเกี่ยวกับเลนส์หรือแว่นอย่าง เช่น สั้นขนาดนี้ควรใช้เป็นเลนส์อีกแบบดีไหมหรือสายตาแบบน้องควรใช้กรอบแบบไหนอะไรแต่ที่เกิดขึ้นคือรีบๆขายให้เรา)   พี่พนักงานก็บอกว่าได้ แล้วก็แนะนำโปรลดราคาซึ่งตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไรมาก ต้องบอกไว้ก่อนว่าจริงๆไม่ได้สนใจโปรอะไรเนี่ยแล้วก็ไม่ได้รู้ด้วยว่ามีโปรจนตอนจ่ายเงินเนี่ยแหละ  ราคาหลังหักส่วนลดอยู่ที่ 6800 เราไม่ได้พกเงินมาเท่าไหร่ก็เลยใช้โอนมัดจำครึ่งนึงไปก่อนแล้วก็รับไปนัดรับของมาก่อนจะกลับบ้าน  

          วันต่อมาเพิ่งนึกได้ว่าเราค่อนข้างใช้คอมกับมือถือบ่อยควรจะใช้แบบตัดแสงสีฟ้าด้วยก็เลยโทรไปถาม(แบบไม่คาดหวังนัก)ว่าเพิ่มเป็นแบบตัดแสงสีฟ้าได้ไหมแล้วต้องบวกเงินที่ต้องจ่ายเพิ่มเท่าไหร่ตอนแรกพี่พนักงานก็บอกว่าส่งเรื่องให้ศูนย์ไปแล้วแต่ถ้าจะบวกเลนส์บลูเพิ่มต้องเพิ่มเงินอีก 1150 เราก็บอกว่าโอเค พี่พนักงานก็บอกว่าเดี๋ยวจะแก้บิลให้เดี๋ยวแก้บิลเสร็จจะโทรบอกหลังจากนั้นพี่พนักงานก็โทรกลับมาบอกว่าส่งเรื่องไปแล้วแก้บิลไม่ได้จะเพิ่มเลนส์บลูให้เราฟรีแบบไม่คิดเงินเพิ่ม(เราก็คุยกับที่บ้านว่าทำได้ด้วยเหรอแอบคิดเล็กๆว่าเขาเอาเลนส์เหลือจากคนอื่นมาให้เราป่าวหว่าแต่ก็คิดว่าตัวเองคงคิดไปเอง) โทรมาอีกทีวันรับของว่าของมาแล้วให้เราไปรับ
 
          เพี้ยนเบลอเราเข้าไปรับพร้อมลองสายตาดูแต่แว่นที่ได้มองยากมากภาพมันบิดเบี้ยวโค้งๆถ้าหันมองซ้ายขวา บอกพี่พนักงานไปพี่พนักงานก็ตอบกลับมาว่ามันเป็นปกติของเลนส์หนาแบบนี้ใช้ไปซักพักเดี๋ยวก็ชินน้องต้องอดทนเดี๋ยวสายตาน้องจะปรับได้เองแต่ไม่รับประกันนะว่าจะนานแค่ไหนอาจจะ1เดือน3เดือนหรือ1ปี   (ณ ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรแต่พอกลับมาดูถึงได้รู้ว่าเลนส์มันประกันแค่90วัน)  พอตอนจะจ่ายเงินอีกครึ่งจอมือถือที่เราถืออยู่ภาพที่เห็นคือจอมันโค้งเหมือนโดนบิดงอเราก็เลยบอกพี่ไปว่าเลนส์มันไม่ได้นะคะพี่เขาก็ยังยืนยันว่าเพราะเรายังไม่ชิน ลองใส่ๆไปก่อนเราก็เริ่มรู้สึกไม่ดีแล้ว แต่ก็ยังอดทนรับของมา(อันนี้ความผิดเราเองที่เชื่อใจคนอื่นแทนที่จะเชื่อตัวเอง)  พอตอนจะออกจากร้านเราเกือบสะดุดล้มบันไดหน้าร้านดีที่มีคนมาด้วยเราลองเดินไปบิ๊กซีใกล้ๆแต่เราแทบเดินไม่ได้เริ่มเกิดอาการเมาแว่นเกือบอ๊วกเลยเดินไปนั่งในแม็คโดนัลนั่งพักซักครู่ก่อนจะเดินกลับไปที่ร้านเพื่อบอกว่าเราไม่ไหวกับแว่นนี้แต่พี่พนักงานก็บอกว่าเราไม่อดทนให้เราใช้ๆไปก่อนอีก  เราก็โอเคจะลองอีกซักวันเราเลยพยายามเดินกลับบ้านในสภาพคนป่วยเวียนหัวสุดๆแต่ไม่ว่าเราจะทนยังไงอาการเหมือนเมารถก็ไม่หายไป  พอกลับมาบ้านคนที่บ้านเห็นก็พูดขึ้นมาทันทีว่างานไม่เนี๊ยบเลยแล้วชี้ให้เราดูตรงมุมเลนส์ทั้ง2ข้างว่ามันตัดฝนเข้ามุมมาไม่เท่ากันข้างนึงเข้าเนื้อไปเยอะกว่าแล้วยังใส่เลนส์ไม่พอดีกรอบข้างนึงชิดข้างจึงเกิน  เราเลยลองปรึกษาพี่สาว พี่เลยแนะนำให้เอาแว่นไปลองเช็คกับร้านที่พาหลานไปตัดที่พาราไดเราเลยไปกับพี่ในวันต่อมา

          พี่ที่ร้านแว่นเอาแว่นเราไปเช็คก็บอกว่าเลนสายตาเท่ากับที่ตัดมาแล้วถามเราว่าพี่พนักงานที่ท๊อปเจริญไม่ได้แนะนำอะไรเลยเหรอพร้อมกับให้ความรู้เกี่ยวกับเลนส์ให้กับเรา  พี่เขาพูดว่าถ้าจะแก้เอามาแก้กับที่ร้านก็ได้เพราะคนก่อนหน้าเราก็เอาแว่นจากท๊อปเจริญนี่แหละมาให้เขาแก้ให้
          ระหว่างรอเช็คแว่นเราก็เพิ่งได้เข้าไปเช็คในเน็ตถึงได้รู้ว่าเราได้ตัดสินใจผิดพลาดมากๆที่มาตัดแว่น  เราได้รู้แล้วว่าการรีบร้อนไม่หาข้อมูลก่อนมันเป็นยังไง เพราะแค่ค้นหาในgoogleก็เจอเนื้อหาเกี่ยวกับประสบการณ์ของเพื่อนๆชาวเน็ตในการตัดแว่นกับร้านนี้ขึ้นมา  พร้อมกับเนื้อหาประมาณว่าต่อให้ยังไงก็ไม่น่าจะได้เงินคืนหรือแม้กระทั่งแก้ไขก็ไม่น่าจะสามารถใช้งานได้อาจจะต้องเสียเงินฟรีแล้ว
           เพี้ยนจริงจังเราได้โทรติดต่อไปทางcall centerของท๊อปเจริญแต่ได้คำตอบว่าให้ไปคุยกับทางร้านแม้เราจะพยายามถามว่าถ้ากรณีขอคืนเงินจะต้องทำอย่างไร  เขาก็ตอบเราแค่ให้ไปคุยกับทางร้านทางนี้รับเรื่องแค่ซื้อจากทางออนไลน์เท่านั้นหน้าร้านต้องติดต่อกันเอง  เจอแบบนี้งงเหมือนกันค่ะ เพราะซื้อจากไหนก็ท๊อปเจริญเหมือนกันทำไมถ้าซื้อจากออนไลน์จะตอบคำถามหรือแก้ปัญหาให้เราได้ แต่ถ้าซื้อจากหน้าร้านคือจะไม่สนใจเลยเหรอคะ  โอเคเลยค่ะ ตอนนี้ได้เข้าใจแล้วว่าเรื่องที่คนอื่นๆเล่ามาเกี่ยวกับร้านนี้ดูเหมือนจะเป็นจริง  อ่า...ดูเหมือนเราจะพลาดจริงๆแล้ว  สำนึกแล้ว...สำนึกแล้วจริงๆค่าT^T
 
          พี่สาวได้ไปเป็นเพื่อนเราในวันถัดมาได้ไปคุยกับพี่พนักงานร้านแต่เป็นวันหยุดของพี่พนักงานอีกคนที่ขายให้เราพี่คนนี้ไม่ค่อยอยากคุยกับพวกเราเท่าไหร่พร้อมบอกให้เรากลับมาคุยกับพี่คนที่ขายให้เราในวันที่พี่คนนั้นกลับมาทำงาน  พวกเราจึงรอจนวันที่พี่เขาโทรมาแจ้งว่ามาทำงานแล้ว  
          พี่สาวได้ไปเป็นเพื่อนเราอีกครั้งครั้งนี้พี่พนักงานได้โทษว่าได้บอกกับเราแล้วว่าแว่นมันจะมองลำบากแล้วพูดเหมือนเป็นการบอกว่าเราไม่อดทน  พี่สาวเราเลยสวนกลับไปว่าถ้าน้องไม่อดทนคงไม่รับแว่นมาทั้งๆที่มันมองไม่ได้หรอกแล้วก็อดทนใช้มาตลอดตามที่บอกแต่มันก็ยังใช้ไม่ได้  แล้วตอนนี้จะมีวิธีรับมือกับเรื่องนี้ยังไง  ระหว่างคุยกันพี่พนักงานดูเหมือนว่าจะอารมณ์ไม่ค่อยดีจับแว่นเราย้ายไปย้ายมาเช็ดๆถูตลอดเรากลัวมันเป็นรอยมากๆเราทำได้แค่มองตามตลอด  
          เพี้ยนหืมพี่พนักงานโทษว่าเป็นเพราะเลนส์บลูทำให้มองภาพผิดเพี้ยนแล้วก็บอกอีกว่าวันนั้นที่น้องเพิ่มเป็นเลนส์บลูพี่ก็ไม่ได้ให้น้องเพิ่มเงินนะ  แล้วพี่เขายังบอกอีกว่าถ้าจะให้แก้เลนส์คงต้องใช้เป็นเลนส์ยี่ห้อต้องให้เราเสียเงินเพิ่มและเลนส์พวกนั้นไม่ลดราคาให้เพราะไม่ร่วมโปร  พี่สาวเราเลยพูดว่าถ้าให้เพิ่มเงินน้องก็คงไม่ทำถ้าคุณคิดว่าควรจะใช้เลนส์แบบนั้นทำไมไม่แนะนำตั้งแต่ทีแรกน้องจะได้ไม่ต้องมาแก้  และถ้าน้องเห็นราคานี้ตั้งแต่แรกแล้วยอมรับมันก็โอเคแต่ถ้าไม่เอาเขาก็ไม่ต้องสั่งตั้งแต่แรกไปแล้วไหม  สรุปสุดท้ายก็บอกให้เรากลับไปอดทนกับแว่นใหม่อีกรอบแล้วมานัดเจออีกทีในวันที่ 14ธันวา  พร้อมกับเอาแว่นอันเก่ามาด้วย   ซึ่งก็คือวันนี้  แต่ตอนนี้เหนื่อยใจมากเริ่มทำใจแล้วว่าเสียเงินฟรีแน่ๆเพราะดูแววแล้วไม่น่าจะได้เรื่องอะไร
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่