ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร

EP.1 สวัสดีค่ะ นี่คือครั้งแรกในการเขียนพันทิปเลย (เขียนผิดเขียนถูกขออภัย) เรื่องมันก็ผ่านมานานแล้ว แต่ก็ยังมีเรื่องมากระทบใจอยู่ " ตามหัวข้อนะคะ " เราอายุพึ่งจะ27หมาดๆ ตอนนี้เราซื้อบ้านรอเสร็จขยายครอบครัวเรามีรถยนต์แล้วหนึ่งคันปลอดหนี้มีบ้านหลังเล็กแต่สร้างในที่แฟนคือที่อยู่ปัจจุบันมีทรัพย์สินพอปานกลางมีความสุขดีค่ะกินอยู่สุขสบายดี ไม่ได้มีเจตนาอวดอ้างนะคะแต่จะเล่าท้าวความย้อนไปวัยเด็กและไล่ขึ้นมาปัจจุบัน พ่อแม่แยกทางกันแม่ต้องทำงานไม่สามารถเลี้ยงเราได้เริ่มแรกเราอยู่กับพ่อแม่พร้อมหน้าพร้อมตา พ่อเป็นข้าราชการแม่เป็นแม่บ้านทำงานสหกรณ์ เรามีน้องชาย1คน เราไม่รู้ว่าช่วงเวลาที่เราเด็กๆนั้นมันเกิดอะไรขึ้น เพราะแม่คลอดน้องแล้วเอาไปให้ยายเลี้ยงเลยที่ต่างจังหวัด เรายังอยู่กับพ่อแม่ และอายุได้ประมาณ 3-4 ขวบ พ่อแม่เริ่มแยกทางกันเวลานั้นจำไม่ได้จริงๆเพราะเราไปๆมาๆ เพราะด้วยความที่พ่อแม่เลี้ยงมาเองเขาเลยแย่งเราไปมา บ้านย่าบ้างบ้านยายบ้าง จนถึงที่สุดแล้วพ่อแม่เราคงไม่ไหวเลยเอาเราไปไว้กับยายแบบถาวร แน่นอนเราไปตอนโตแล้ว 4-5 ขวบ ยายเลี้ยงหลานอยู่แล้ว 2 คน คนโตที่ยายเลี้ยงคือลูกพี่ลูกน้องเป็นผู้หญิง เขากำพร้าโตกว่าประมาณ 2 ปี และอีกคนก็คือคนเล็กคือน้องชายเราเองที่ยายเลี้ยงมาแต่เกิด ห่างกับเรา 4ปี และตอนนี้คือยายมีหลานที่ต้องเลี้ยง3คน หลานสาวคนโต เราหลานคนกลางและน้องชายหลานคนเล็ก แน่นอนเขาต้องรักและผูกพันกับ 2 คนนั้นมากกว่าเรา แรกๆเราไปอยู่ใหม่ๆ ทุกคนเล่าว่าเราเป็นเด็กที่หน้าตาน่ารักมากๆ แต่สุดแสนจะเอาแต่ใจขี้โกง ก็แน่ละเด็กเคยอยู่กับพ่อแม่ วันนี้ไม่มีอีกแล้วครอบครัว แม่เราทิ้งเราไว้กับยายแล้วไปหางานทำ แม่เราส่งให้ยายบ้างแต่มันไม่มากเลยเพราะแม่เงินเดือนเพียง 6,000.- เท่านั้นก็ยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ค่าใช้จ่ายเลยไม่พอ ต้องเล่าก่อนว่าตอนนั้นยายเราติดเหล้าหนักมาก และแม่เราเหมือนมีปัญหาทางจิตใจเพราะล้มเหลวในชีวิตครอบครัว เราเป็นหลานคนกลางที่ ยาย และป้า.ตจว ไม่ค่อยรักเท่าไหร่ เพราะเราคือคนเดียวที่ยายใช้ทำงานสารพัดจะทำ จำความได้คืออนุบาลเราก็ต้องล้างจานช่วยยายแล้ว ยายขายก๋วยเตี๋ยวบ้านอยู่ติดหน้าโรงเรียน ทำทุกอย่างที่ยายให้ทำ โยกน้ำหาบน้ำ เผาถ่าน ทำอยู่แบบนั้น นานมากหลายปี ทุกครั้งที่จะกินหรือจะได้อะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะขนมหรือข้าวปลาอาหาร เราต้องเสียสละให้น้อง และ พี่สาวเสมอ ยายให้เหตุผลว่า น้องยังเล็กเราเป็นพี่ต้องเสียสละ ส่วนกับพี่ยายบอกว่าพี่สาวไม่ค่อยกินข้าวเลยอยากให้กินดีๆ ทั้งๆที่เราทำงานหนักทุกประเภทใช้พลังงานเยอะและเป็นเด็กวัยกำลังกินนอน ประมาณ8-9 ขวบ ฟันฟืนเลื่อยไม้ เผาถ่าน หาบน้ำ หากุ้ง ทำงานทุกประเภท เราเป็นคนไม่เถียง เลยมักถูกยายตีบ่อยมาก ด้ามจอบด้ามเสียมขันเงิน เราโดนมาหมดแล้ว และอีกสารพัดที่เราโดน (นี่คือเรื่องจริงทุกประการ) ยายตอนนั้นแกขี้เหล้าแกจะด่าพ่อแม่เราให้ฟังทุกวัน ว่าทำให้เขาลำบากเราทำงานบ้านหนักๆทุกประเภท เข้าแถวไม่เคยทันเคารพธงชาติ เพราะถ้างานที่ยายให้ทำไม่เสร็จก็ไม่ได้ไปโรงเรียนเสื้อผ้าไม่เคยได้รีดเพราะยายบอกเปลืองค่าไฟ มีพี่สาวคนเดียวที่ได้รีดผ้าเพราะยายบอกเขาเป็นหน้าเป็นตาของที่บ้านและเป็นสาวกว่าเราเรียนหนังสือได้เกรดกลางๆ พอโตมาได้อายุประมาณ 10-11-12 ช่วงนี้เราเริ่มไปหารายได้เสริมด้วยการเสริฟอาหารที่ร้านอาหารเพื่อนสมัยเรียนของแม่ เราเป็นคนที่หาเงินเท่าไหร่ให้ที่บ้านหมด เพราะยายยึดหมดทุกบาททุกสตางค์ ถ้าพูดภาษาหยาบๆ ก็คือตัวทำเงิน(แน่นอนเพราะแม่เราใข่ไว้แล้วเราก็ต้องรับผิดชอบยายว่างั้นนะ) เราเป็นคนหาเงินเก่งมาก ด้วยเพราะเรายังเด็ก และทำงานนอกบ้านสบายใจกว่า ดีกว่าโดนพี่น้องกดขี่เอาเปรียบอยู่บ้าน เราต้องอดทน เลยทำให้ลูกค้าเอ็นดูเมตตาสงสาร เราเป็นคนคล่องว่องไว เอาตัวรอดเก่ง เราทำทุกอย่างที่เขาใช้ให้ทำ โบกรถให้แขก วิ่งเก็บจาน เสริฟอาหาร พอเริ่มมาทำงานเจอผู้คนมากหน้าหลายตาเราเริ่มพูดเก่ง มันเลยทำให้เราหาเงินเก่งขึ้น การเรียน เรียนไปโดดไป (แต่การเรียนอยู่ในระดับปานกลางเพราะเราแข่งวิชาการทุกปีและขว้ารางวัลทำชื่อเสียงมาให้โรงเรียนได้ตลอด แต่ก็นั่นแหละยายกับป้า.ตจวก็ไม่เคยมองเราว่าดีเพราะแม่ทิ้งปัญหาไว้ให้กู) เราโดดเรียนบ่อยขึ้นเพราะเราโตมาท่ามกลางความกดดันและไม่ยุติธรรม เงินในตัวเราก็ไม่มี โดดเรียนไปหาเงินบ้าง ไปหาเพื่อนบ้าง เริ่มเกเร ติดเพื่อน เพราะบ้านไม่เคยมีใครเข้าใจอยู่แล้วไม่มีความสุข เราทำงานหนักมากและโดนตีรายวัน ช่วงอายุ14ปี เราหนีออกจากบ้าน ป้าเรากับยายเลยตามหา (ขอแทรกนิดนึงเรามักโดนด่าประจานและโดนตีประจานอยู่เสมอตั้งแต่เราเริ่มไปอยู่จนโตนั่นแหละและคนทั่วไปเห็นบ่อยมากโดยเฉพาะเพื่อนบ้านอยู่หน้าโรงเรียนนิเนอะอายเพื่อนมาก ทำไงได้) ทำให้เราไม่อยากอยู่บ้าน ป้าเราโทรไปฟ้องแม่ว่าเราหนีไปอยู่กับผู้ชาย บังคับให้ส่งเงินมา (ทั้งๆที่ลำพังเงินกินก็ไม่พออยู่แล้ว) และไปตรวจภายใน ผลออกมาเราบริสุทธิ์ แม่เราแทบล้มทั้งยืนเล่าเรื่องนี้กี่ครั้งแม่เหมือนเจ็บใจน้ำตาไหลทุกที สุดท้ายไม่ไหว แม่กับป้าที่กรุงเทพก็ตัดสินใจรับเราขึ้นมาเรียนด้วย (ป้ามีหลายคนมากแต่จะพูดถึงแค่สองป้าที่มีผลกับชีวิตเราแล้วกัน (สมมุตินาม ป้า.ตจว กับ ป้า.กทม แล้วกัน) กระทู้ถัดไปเลยคร้าาาาา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่