🔴มาลาริน/13 ธ.ค.ไทยพบโควิด17ราย จากตปท./สั่งยกเลิกคอนเสิร์ตยันยังไม่มีผู้ติดเชื้อในงาน/อียู-อาเซียน ความเท่าเทียมวัคซีน

🔴วันนี้ ไทยพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 17 ราย จากต่างประเทศ รวมป่วยสะสม 4,209 ราย


วันนี้ (13 ธ.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รายงานถึงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ว่า
ล่าสุด สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทยวันนี้ (13 ธ.ค.) พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 17 ราย
ผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้า State Quarantine ดังนี้...🔻

สวิตเซอร์แลนด์ 2 ราย
สหรัฐอเมริกา 2 ราย
ปากีสถาน 1 ราย
บาห์เรน 1 ราย
เมียนมา 4 ราย
สหราชอาณาจักร 1 ราย
ญี่ปุ่น 1 ราย

ผู้ที่เดินทางมาจากประเทศเมียนมา และไม่ได้เข้า State Quarantine 5 คน
ส่งผลให้ผู้ป่วยติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 4,209 ราย หายป่วยแล้ว 3,923 ราย โดยยังมีผู้ป่วยที่รักษาอาการอยู่ 226 คน ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม มีผู้เสียชีวิตรวม 60 ราย

https://www.sanook.com/news/8314930/

🔴สธ.สั่งยกเลิก คอนเสิร์ต "บิ๊กเม้าท์เท่น" เสี่ยงสูง คุมไม่ได้ ยัน ยังไม่มีผู้ติดเชื้อโควิดร่วมงาน


 
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม นพ.โอภาส  การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่าตามที่มีข่าวลือว่ามีผู้ติดเชื้อจากโควิด-19 เดินทางจาก จ.เชียงใหม่ ไปร่วมงานดนตรีบิ๊กเม้าท์เท่น ที่เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา นั้น ยืนยันว่ามีข้อมูลคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ไม่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ร่วมงานคอนเสิร์ตบิ๊กเมาท์เท่นBig Mountain ครั้งที่ 11  ที่เขาใหญ่  เมื่อคืนนี้แต่อย่างใด

นพ.โอภาส ระบุด้วยว่า ในส่วนการจัดเทศกาลดนตรี บิ๊กเม้าท์เท่น เมื่อ 12 ธันวาคม ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้คนหนาแน่น และแอดอัดโดยเฉพาะ บริเวณจุดเสี่ยงคือหน้าเวที และคนที่ไปร่วมงานส่วนใหญ่ไม่สวมหน้ากาก ทางสาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา จึงเข้าไปตักเตือน ขอให้แก้ไข เนื่องจากการมีผู้คนแออัดหนาแน่นเช่นนี้มีความเสี่ยงสูง ต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  แต่พบว่าไม่มีการแก้ไข ลดความแออัดแต่อย่างใด ทำให้ สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา เสนอผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาแล้ว พิจารณาว่า ต้องสั่งยุติคอนเสิร์ตดังกล่าว โดยจะออกประกาศ ให้ยกเลิกการจัดคอนเสิร์ตบิ๊กเม้าท์เท่น ที่จะมีอีกในคืนนี้ เนื่องจาก มีความเสี่ยงสูง เดี๋ยววันนี้จะออกคำสั่ง

https://www.pptvhd36.com/news/สุขภาพ/138225

🔴อุทธรณ์ไม่สำเร็จ! ผู้ว่าฯ โคราช ยืนยันคำสั่งยกเลิกจัด "บิ๊กเม้าน์เท่น” ด้านคอนเสิร์ตเริ่มแล้ว



วันนี้ (13 ธ.ค.) นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครราชสีมา และผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดนครราชสีมา แถลงผลการประชุมคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัดนครราชสีมา พิจารณาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งยกเลิกเทศกาลดนตรี Big Mountain Music Festival (บิ๊กเม้าท์เท่น) ของผู้จัดงานนั้น
ล่าสุด ผู้ว่าฯ นครราชสีมา กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดฯ เห็นว่า มาตรการใหม่ที่ผู้จัดงานเสนอมาคล้ายกับมาตรการเดิมที่เคยเสนอ จึงยังไม่มีความมั่นใจ และเกรงว่าจะเข้าลักษณะเดิม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา จึงยกคำขอทบทวนคำสั่ง โดยให้ยึดประกาศเดิม คือ ปิดพื้นที่ และไม่ให้มีการแสดงคอนเสิร์ตคืนวันนี้ (13 ธ.ค.) ในทุกเวที

ทั้งนี้ ยืนยันว่า คำสั่งดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เป็นไปตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ส่วนกรณีการชดเชยให้กับผู้ที่ซื้อบัตรเข้าชมงานนั้น ยังไม่ได้มีการหารือประเด็นนี้ โดยวันนี้คณะกรรมการฯ พิจารณาในประเด็นป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 เท่านั้น 

ขณะที่บรรยากาศหน้างานพบมีประชาชนทยอยเดินทางไปร่วมงานตามปกติ โดยในงานมีการวัดตรวจอุณหภูมิและป้ายเตือนให้ผู้มาร่วมงานสวมหน้ากากอย่างเคร่งครัด ทุกเวทีห้ามนำเครื่องดื่มและอาหารเข้าในโซนแสดง ขณะที่ด้านหน้าเวทีคอนเสิร์ต ได้มีทีมงานนำเชือกตีเส้นเพื่อให้เว้นระยะห่างทางสังคม โดยเวทีคอนเสิร์ตได้เปิดและมีวงดนตรีขึ้นเล่นแล้ว โดยมีผู้ชมเป็นจำนวนมาก
 

https://www.sanook.com/news/8315142/

🔴เปิดคำสั่งผู้ว่าฯ โคราช ออกคำสั่ง ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ปิดสถานที่ – ยกเลิกจัดคอนเสิร์ต ‘บิ๊กเมาน์เท่น



https://workpointtoday.com/big-mountain-music-festival/

🔴'อียู-อาเซียน' ความเท่าเทียม 'วัคซีนโควิด'



ภายใต้ความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ทำให้เกิดความกังวลถึงภาวะเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เนื่องจากอาจได้รับวัคซีนไม่ทั่วถึง ล่าสุดสหภาพยุโรปและอาเซียนได้ร่วมมือกันแลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งสร้างหลักประกันว่าทุกคนจะสามารถเข้าถึงและได้รับประโยชน์จากวัคซีน
 
สหราชอาณาจักรจัดส่งวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (วัคซีนโควิด-19) ที่พัฒนาโดยไฟเซอร์ (Pfizer) ร่วมกับไบโอเอ็นเทค (BioNTech) จำนวน 800,000 โดส ไปยังโรงพยาบาล 50 แห่งและเริ่มให้บริการฉีดเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2563 โดยรายแรกคือ “มาร์กาเรต คีแนน" หญิงวัย 90 ปีจากไอร์แลนด์เหนือ
ภายใต้ความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 หลายฝ่ายเริ่มมีความกังวลถึงภาวะเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ที่อาจทำให้คนจำนวนมากเข้าไม่ถึงวัคซีนโควิด-19 เมื่อพบว่าประชากรในประเทศร่ำรวย ซึ่งคิดเป็น 14% ของคนทั้งโลก กลับถือครองวัคซีนมากถึง 53% โดยที่มีบางประเทศสั่งจองวัคซีนเพียงพอและอาจมากกว่าความต้องการของคนทั้งประเทศไปแล้ว ขณะที่ประชากรในเกือบ 70 ประเทศที่มีรายได้ต่ำ อาจมีโอกาสเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 เพียง 10% ของทั้งหมด 
  
(รัฐบาลเกาหลีใต้ได้จัดสรรเงินเพื่อซื้อวัคซีนจำนวน 20 ล้านโดสจากบริษัทแอสตราเซนเนกา, ไฟเซอร์ และโมเดอร์นา และซื้อวัคซีนอีก 4 ล้านโดสจากบริษัทแจนเซ่นซึ่งอยู่ในเครือของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ซึ่งทั้งหมดนั้นเพียงพอต่อการฉีดให้กับประชาชนราว 34 ล้านคน ส่วนประชาชนอีก 10 ล้านคนนั้นจะได้รับวัคซีนผ่านทางโครงการ COVAX)

ล่าสุดผู้เชี่ยวชาญจากสหภาพยุโรปและสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ “อาเซียน” ได้จัดการประชุมทางไกลขึ้นในวันที่ 8 ธ.ค. วันเดียวกับที่อังกฤษลงมือฉีดวัคซีนให้พลเรือน เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับแนวปฏิบัติด้านนโยบายที่ได้ผล รวมทั้งสำรวจความเป็นไปได้ที่ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันค้นคว้าวิจัยและผลิตวัคซีนสำหรับป้องกันไวรัสโควิด-19 ในอนาคต

ด้วยเหตุที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในระดับภูมิภาค สหภาพยุโรปและอาเซียนจึงมีเป้าหมายร่วมในอันที่จะสนับสนุนแนวทางพหุภาคี เพื่อทำให้ประชากรโลกโดยรวมสามารถเข้าถึงวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ที่มีความปลอดภัย มีประสิทธิภาพและในราคาที่สมเหตุสมผลได้อย่างเท่าเทียมกันและเป็นธรรม
 
ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันเจตนารมณ์ดังกล่าวอีกครั้งหนึ่งในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรป-อาเซียน ครั้งที่ 23 เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา อีกทั้งได้แสดงความมุ่งมั่นในอันที่จะสนับสนุนความพยายามที่จะทำให้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 เป็นสินค้าเพื่อประโยชน์สาธารณะของโลก รวมทั้งทำให้การจัดหาวัคซีนนั้นเป็นการดำเนินงานร่วมของทุกฝ่าย 
  
ทั้งนี้ เพื่อให้เจตนารมณ์นี้สัมฤทธิผล สหภาพยุโรปจึงได้จัดสรรงบประมาณเป็นจำนวนทั้งสิ้น 500 ล้านยูโร สนับสนุนโครงการพัฒนาและจัดหาวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือโคแวกซ์ (COVAX) ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเร่งพัฒนาและผลิตวัคซีนให้ได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งสร้างหลักประกันแก่ประชาคมโลกว่าทุกประเทศจะสามารถเข้าถึงวัคซีนดังกล่าวได้อย่างเสรีและเป็นธรรม ในปัจจุบันนี้ มีประเทศทั้งสิ้น 189 ประเทศแล้วที่เข้าร่วมโครงการ COVAX

ความร่วมมือเพื่อพัฒนาวัคซีนนี้ เป็นส่วนหนึ่งของความช่วยเหลือที่สหภาพยุโรปได้ให้แก่อาเซียนอย่างครอบคลุม โดยมีความช่วยเหลือเพื่อลดผลกระทบจากโควิด-19 มูลค่า 800 ล้านยูโร ภายใต้ชุดมาตรการที่ถูกขนานนามว่า “ทีมยุโรป” เป็นความช่วยเหลือหลัก
 
นอกจากนี้ในสัปดาห์ที่แล้ว สหภาพยุโรปก็ได้เปิดตัวโครงการมูลค่า 20 ล้านยูโรในชื่อว่า South-East Asia Pandemic Response and Preparedness ซึ่งจะดำเนินการโดยองค์การอนามัยโลก เพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพของประเทศสมาชิกอาเซียนในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

การประชุมทางไกลเมื่อ 8 ธ.ค.เปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนรับผิดชอบด้านนโยบายและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของทั้งสหภาพยุโรปและอาเซียนได้มาสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกันในประเด็นที่เกี่ยวกับการวางยุทธศาสตร์ รวมทั้งองค์ประกอบอื่นๆ ในการอนุมัติ การผลิต และการกระจายวัคซีนที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
กุง ฝก รองเลขาธิการอาเซียนสำหรับประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน กล่าวว่า การแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับวัคซีนที่เราจัดขึ้นผ่านทางออนไลน์ในครั้งนี้ จะช่วยเอื้อและส่งเสริมให้เกิดการพัฒนานวัตกรรม เพื่อความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างอาเซียนและสหภาพยุโรปมากยิ่งขึ้น 

ศาสตราจารย์ปีเตอร์ พีอ็อท ที่ปรึกษาพิเศษด้านโควิด-19 ของประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และผู้อำนวยการ London School of Hygiene & Tropical Medicine ระบุว่าวัคซีนที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้โลกเราสามารถเอาชนะวิกฤติโควิด-19 จะยังไม่มีประเทศไหนที่ปลอดภัยจากการระบาดจนกว่าทุกประเทศจะปลอดภัยกันหมด 
 
ความร่วมมือและความเป็นผู้นำของอาเซียนและสหภาพยุโรป ยิ่งทวีความสำคัญในปัจจุบันในการที่จะสร้างหลักประกันว่ามนุษย์ทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลกก็ตาม จะสามารถเข้าถึงและได้รับประโยชน์จากวัคซีนต้านไวรัสโคโรน่าซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นยิ่ง

ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางวัคซีนโควิด-19 ทำให้ COVAX ซึ่งเป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นเพื่อประสานงานและระดมทุน หวังให้วัคซีนโควิด-19 เพียงพอกับคนทั้งโลก ตั้งเป้าไว้ว่าจะต้องจัดหาวัคซีนแจกจ่ายให้กับประเทศยากจนอย่างน้อย 92 ประเทศให้ได้ 2,000 ล้านโดสภายในปีหน้า โดยในตอนนี้สามารถจัดหาได้แล้ว 700 ล้านโดส
ขณะเดียวกัน ในตอนนี้มีบริษัทวัคซีนที่ประกาศตัวพร้อมช่วยแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 บริษัท คือบริษัทแอสทราเซเนกา (AstraZeneca) ที่ร่วมพัฒนาวัคซีนโควิด-19 กับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ออกมายืนยันว่าจะขายวัคซีนโควิด-19 ในราคาทุนให้กับประเทศกำลังพัฒนา โดยมีข้อดีคือสามารถเก็บรักษาได้ในอุณหภูมิตู้เย็นปกติ ไม่ต้องใช้อุณหภูมิที่เย็นจัด ทำให้ช่วยลดอุปสรรคในการขนส่งไปได้มาก

ทั้งนี้ หมายเหตุเพิ่มเติมในส่วนของประเทศไทย ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 ระบุเมื่อ 21 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า รัฐบาลไทยมี 3 แนวทางเพื่อให้คนไทยเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ที่ปลอดภัย เหมาะสม และมีประสิทธิภาพ ได้แก่.....🔻

1.การวิจัยและพัฒนาภายในประเทศ เร่งพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตภายในประเทศ
2.การทำความร่วมมือกับต่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เพื่อขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตวัคซีน คาดว่าจะได้รับคำตอบไม่เกินกลางเดือน ก.ย.2564 (ล่าสุดได้มีการลงนามความร่วมมือในการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตวัคซีนแล้ว) 
3.การจัดซื้อจัดหาวัคซีนล่วงหน้าจากต่างประเทศ โดยองค์กร COVAX ที่ผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมในการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชากรทั่วทุกมุมโลก ในระยะแรกจะกระจายวัคซีนประมาณ 20% ของจำนวนประชากร และทางกรมควบคุมโรคได้ลงนามจองซื้อและซื้อวัคซีนโควิด 19 จำนวน 26 ล้านโดสจากบริษัท แอสตราเซนเนกา จำกัด เรียบร้อยแล้ว

https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/912081

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ผู้จัดต้องเห็นแก่ส่วนรวมนะคะ เมื่อสั่งปิดก็ควรปิดคอนเสิร์ต

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่