สาเหตุของโรคซึมเศร้าประมาณ40%เกิดจากDNA ประมาณ60%เกิดจากสิ่งแวดล้อม&ปัจจัยอื่นๆ


สาเหตุของโรคซึมเศร้าประมาณ40%เกิดจากDNA ประมาณ60%เกิดจากสิ่งแวดล้อม&ปัจจัยอื่นๆ
แปลเป็นพุทธคือ กรรมใหม่เหนือกว่ากรรมเก่าได้!
อาการซึมเศร้าอ่อนๆ แท้จริงคือจุดเริ่มต้นไปสู่ สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต!

Dungtrin

#โพสบทความของคุณดังตฤณโดยแอดมินเบลล์

จากวัยเด็กถึงวัยรุ่น
ผมเคยเป็นเด็กอารมณ์เหวี่ยง
แม้ได้เกิดกับพ่อแม่ดีๆ
อยู่ท่ามกลางพี่น้องในครอบครัวที่อบอุ่น
แต่ก็ไม่ค่อยจะได้เห็นแสงสว่างทางความสุขกับใครเขาเลย
บางวันตื่นขึ้นมาสดชื่น หน้าตาแจ่มใส
แต่วันส่วนใหญ่ไม่อย่างนั้น
ผมตื่นแบบไม่รู้จะทำอะไรดี
รู้สึกเงียบเหงา เข้ากับใครไม่ได้ ไม่มีใครเข้าใจ
แค่โทร.ไปแล้วเพื่อนเมิน
แค่แม่ค้าก๋วยเตี๋ยวที่เคยยิ้มให้แล้วไม่ยิ้ม
หรือแค่ขอของเล่นแล้วพ่อไม่ซื้อให้
ก็เพียงพอแล้วที่จะ ‘ทำร้ายความรู้สึก’
หรือ ‘ทำลายความเชื่อมั่นในตนเอง’ ให้พังหมด

เวลาเจอคนดีๆ พูดดีๆ ผมไม่จำ
จะไปจำแต่ตอนคนมาพูดแย่ๆใส่
แล้วสรุปว่าโลกทั้งใบใจร้ายนัก
แค่เป็นภูมิแพ้ เจอควันรถแล้วหายใจไม่ออก
ก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกหนู
ที่ถูกบีบให้ตายทีละน้อยคามือที่มองไม่เห็น

ความรู้สึกที่ตกค้าง บีบให้
มองตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำ
มองตัวเองบาดเจ็บน่าสงสาร
จู่ๆแอบร้องไห้โดย (เหมือน) ไม่มีเหตุผล
ความรู้สึกโดดเดี่ยว
เมื่อมาปนกับอารมณ์อ่อนไหวง่าย
ยึดมั่นถือมั่นแรง
ก่อให้เกิดวิธีปักใจคิด ปักใจเชื่อว่า
‘ฉันอยู่ตัวคนเดียวในโลก’
ไม่อยากมีชีวิต แต่ก็กลัวว่าตายแล้วจะไม่จบ
กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จุกอกอยู่อย่างนั้น

ความสงสารตัวเองที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
ทำให้คิดแบบคนเห็นแก่ตัว
และวิธีคิดแบบคนเห็นแก่ตัวนั่นแหละ
ที่ยิ่งซ้ำเติม เหมือนบีบผนังคุกให้คับแคบรัดตัวเข้าไปใหญ่

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

#เคมีในสมองเป็นผลลัพธ์หรือต้นเหตุ?

สมัยนั้นไม่มีใครพูดเรื่องโรคซึมเศร้าให้ได้ยิน
แต่ถ้าผมในวันนั้น ย้ายมาอยู่ในยุคนี้
ผมคงจำและปักใจเชื่อสั้นๆ ง่ายๆ ว่า
ที่ผมเป็นอย่างนั้น เพราะ ‘เคมีในสมองผิดปกติ’
ไม่พยายามทำความเข้าใจว่า
เคมีในสมองผิดปกติคือปลายเหตุ
ต้นเหตุจริงๆคือปล่อยให้ตัวเอง
‘ยึดมั่นถือมั่นผิดปกติ’ ต่างหาก


(หมายเหตุ - ถ้าเชื่อว่าโรคซึมเศร้า
มีสาเหตุสำคัญจากเคมีในสมองผิดปกติ
อยากให้ลองอ่านอันนี้ดูครับ
แม้เป็นข้อสรุปจากมุมมองแบบแพทย์ตะวันตกที่ว่า
จิตคือสมอง สมองคือจิต
อย่างน้อยก็จะช่วยให้กระจ่างว่า
เคมีในสมองที่ไม่สมดุลนั้น
เป็นแค่ส่วนหนึ่งของคำอธิบาย
และสำหรับกรณีส่วนใหญ่
เคมีเป็น ‘ผลลัพธ์’ ไม่ใช่ ‘ต้นเหตุ’ ครับ
https://www.health.harvard.edu/mind-and-mood/what-causes-depression)

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

#มุมมมองแบบพุทธ

อย่างไรก็ตาม ข้อดีมีอยู่
เพราะการยึดมั่นถือมั่นผิดปกติ
ช่วยให้เห็นค่าของศาสนาพุทธได้ง่าย
หลังจากที่ผมมองแบบพุทธ
ชีวิตที่จมอยู่กับสภาพซึมเศร้าก็ค่อยๆต่างไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อได้สดับธรรม
ที่ทำให้คลายความยึดมั่นถือมั่นได้ ‘ยิ่งกว่าคนปกติ’
วิธีคิดเกี่ยวกับตัวเอง
วิธีมองความเศร้าที่เกิดขึ้น
จึงแตกต่างแบบกลับขั้ว
แทนการเห็นว่ามี ‘ตัวฉันเศร้าอย่างถาวร’
ก็กลายเป็นเห็นว่ามี ‘ความเศร้าเกิดขึ้นชั่วคราว’
ลมหายใจนี้เศร้าได้ ลมหายใจหน้าก็คลายได้
เห็นทุกวัน กระทั่งค่อยๆคลายการยึด
ค่อยๆคายตัวตนออกจากจิต
ไม่ใช่หายขาดในสามวันเจ็ดวัน
แต่ดีวันดีคืน มองตัวเองใหม่ ทำความเข้าใจคนอื่นใหม่

ยิ่งเมื่อสามสิบปีก่อนเริ่มฝึกเขียน
ด้วยเจตนาช่วยให้คนร่วมสมัย
เข้าใจความจริงแบบพุทธ
มีความสุขแบบพุทธกันมากๆ
ใจคอก็ยิ่งสดชื่น สงสารตัวเองน้อยลงเรื่อยๆ
เห็นใจคนอื่นได้มากขึ้นเรื่อยๆ
ร่างกายหลั่งสารดีๆออกมารักษาตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ

กระทั่งได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า
ถ้ามีศรัทธา มีความเข้าใจแบบพุทธ
และมีแก่ใจช่วยคนอื่นบ้าง
ก็ออกจากคุกที่จิตสร้างขึ้นขังตัวเองได้
หลายปีต่อมา
ก็หลุดจากโรคซึมเศร้าได้เด็ดขาด

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

#เป็นซึมเศร้าต้องใช้ยาหรือเจริญสติก็พอ?

ซึมเศร้ามีสองแบบ
แบบเรื้อรัง อาการหนัก
กับแบบเป็นๆหายๆ อาการเบา

แบบเรื้อรัง คือ ปล่อยให้ยืดเยื้อมานาน
อยู่ดีๆก็เศร้าเองได้เรื่อยๆ
นอนไม่หลับแทบทุกคืน
อยากตายเกือบตลอดเวลา
เจ็บปวดใจ หรือเกร็งเนื้อตัวขึ้นมาเอง
ถ้าอาการหนักขั้นนี้ พึ่งยาก็ดี
เพราะเคมีไม่สมดุลหนักแล้ว
ต้องเยียวยาเฉพาะหน้าแบบด่วนๆไปก่อน

แบบเป็นๆหายๆ คือ ยังไม่สายเกินไป
แค่เปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจ เปลี่ยนมุมมองใหม่
ก็พ้นเขตเมฆหมอกแห่งความเศร้าได้
ขอแค่มีบุญได้พบพระพุทธศาสนา
ขอแค่รู้ทางเจริญสติได้ถูก
ขอแค่เต็มใจตั้งต้นช่วยเหลือตัวเองมาจากข้างใน

นอกจากพิจารณาด้านความหนักเบาของอาการ
ยังต้องพิจารณาตามจริงด้วยว่า
การปฏิบัติธรรมก็มีสองแบบเช่นกัน คือ
แบบปล่อยวาง ปลดภาระรุงรังลง
กับแบบยึดมั่น เพิ่มภาระรุงรังขึ้น

แบบปล่อยวาง คือ ยิ่งทำ ใจยิ่งเบาลง
ดูในจุดที่ควรจะดู รู้ในสิ่งที่ควรจะรู้
เช่น ลมหายใจยาวสั้นไม่เท่าเดิมก็เห็น
ทุกข์หนักบ้างเบาบ้างก็เห็น
ฟุ้งมากบ้างน้อยบ้างก็เห็น
กระทั่งจิตเลิกทำตัวเป็นมือกำ
แต่มีอาการเป็น มือแบ บ่อยๆ
ปฏิบัติแบบนี้ดีกว่ายาไหนๆในโลก

แบบยึดมั่น คือ ยิ่งทำ ใจยิ่งหนักขึ้น
เพราะยึดในสิ่งที่ไม่ควรยึด
วัดผลการปฏิบัติจากสิ่งที่ไม่ควรวัด
เช่น ตั้งธงไว้แต่แรกว่า
นั่งสมาธิครั้งแรกต้องเกิดความสงบ ๒ ชั่วโมง
เดินจงกรมครั้งแรกต้องเห็นรูปนาม
ภาพลักษณ์นักปฏิบัติธรรมต้องสงบเหมือนน้ำนิ่ง
พอไม่ได้อย่างใจก็ถือว่าล้มเหลว
ไม่มีการคิดถึงความไม่เที่ยงแม้แต่ขณะจิตเดียว
แบบนี้นอกจากไม่ช่วย ยังซ้ำเติมให้หนักขึ้นอีก

สรุปคือ อย่าตั้งโจทย์แค่ว่า
ซึมเศร้าแล้วใช้ยาหรือไม่ใช้ยาดี
ปฏิบัติธรรมเจริญสติช่วยได้ครอบจักรวาลหรือส่วนเดียว
ทุกอย่างเป็นไปตามเงื่อนไข
ทั้งฝั่งโรค และฝั่งการปฏิบัติของแต่ละคน!

.. .. .. .. .. .. .. .. .. ..

#ผลการใช้เสียงสติรักษาโรคซึมเศร้า

อาการซึมเศร้าส่วนใหญ่
เกิดจากการคิดลบซ้ำๆ
การฟังเสียงสติ
ช่วยให้ใจคอสบายขึ้น พร้อมคิดบวกมากขึ้น

ดาวน์โหลด ))เสียงสติ((
คำอธิบายและวิธีใช้
รวมถึงฟีดแบคของผู้ใช้เสียงสติในการรักษาโรคซึมเศร้า
https://dungtrin.com/BB/

อาการซึมเศร้าอ่อนๆ
แท้จริงคือจุดเริ่มต้นไปสู่สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต
เปลี่ยนมโนกรรม (กรรมทางความคิด)
จากมืดเป็นสว่าง ชีวิตจะสว่างเองครับ!

________________

ร้อยเรียงจากหลากบทความของคุณดังตฤณ
#อ้างอิงข้อมูลเกี่ยวกับการค้นพบทาง DNA
http://www.healthline.com/health/depression/genetic
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่