เมื่อธนาคาร CIMB ทำให้ผมเสียประวัติ “เครดิตบูโร”
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน นี่เป็นช่องทางที่ผมอยากจะขอความช่วยเหลือจากผู้คนที่มีความรู้ครับ ตามหัวข้อ
เรื่องมีอยู่ว่าผมมีสินเชื่อกับทางธนาคาร CIMB โดยตกลงมีเงื่อนไขการชำระค่างวดทุกๆวันที่ ๑๕ ของทุกเดือน โดยเป็นการหักอัติโนมัติจากบัญชีออมทรัพย์ที่ลงทะเบียนไว้ ซึ่งก่อนถึงวันที่ ๑๕ ของทุกเดือนผมจะโอนเงินจากบัญชีอื่นเข้าไปเก็บไว้ที่บัญชีออมทรัพย์ เพื่อให้ธนาคารหักอัติโนมัติในทุกๆวันที่ ๑๕ ที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งผมก็ปฎิบัติดี และมีเครดิตทางด้านการเงินที่ดีมาโดยตลอดกับทุกๆสถาบันการเงิน
เหตุการณ์ก็คือช่วงโควิดที่ผ่านมา เดือนเมษา ๒๕๖๓ ทางธนาคารฯประกาศมาตรการช่วยเหลือลูกค้า โดยการให้พักชำระค่างวดเป็นเวลา ๓ เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน ถึง มิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งผมก็เป็นลูกค้าคนหนึ่งที่ได้รับการพิจารณามาตรการนี้จากทางธนาคาร
เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นกำหนดครบมาตรการช่ยเหลือดังกล่า ทางธนาคารก็ประกาศมาตรการมาอีกฉบับหนึ่งว่า ลูกค้าสามารถขอลดการชำระค่างวดได้เป็นเวลา ๑ ปี ซึ่งผมก็ได้รับการพิจารณาโครงการนี้อีก เริ่มชำระเดือน กรกฏาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ถึง มิถุนายน ๒๕๖๔
NOTE: จากที่ได้แจ้งให้ทราบในตอนต้นว่าผมจะโอนเงินใส่ในบัญชีออมทรัพย์ที่ลงทะเบียนเพื่ให้ธนาคารทำการหักบางทีก็โอนไปเก็บไว้ก่อนเป็นอาทิตย์ ถึง สองอาทิตย์เป็นปกติ นั่นหมายความว่า เดือน เมษายน ถึง มิถุนายน ผมยังไม่ได้เสียค่างวดตามมาตรการของธนาคาร พอถึงปลายเดือนมิถุนายนผมก็โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ปกติเพื่อรอให้ธนาคารหักสำหรับงวดของเดือนกรกฎาคมที่จมาถึงเช่นเดิมแต่ในค่างวดที่ถูกลงตามมาตรการใหม่ของธนาคาร
ผมทำแบบนี้มาเรื่อยๆ และประมาณเดือนอะไรสักอย่างผมจำไม่ได้แล้วน่จะ กันยายน ตุลาคม ก็มีเจ้าหน้าที่ของธนาคารโทรมาทวงหนี้ ว่าผมขาดชำระหนี้ ตอนนั้นยังไม่ได้เอะใจอะไร ก็คิดแค่ว่าจ่ายค่างวดหลายรอบก็ดีจะได้ลดเงินต้นไวไวแค่นั้น และพอขึ้นเดือนใหม่ ผมก็ทำแบบเดิมคือโอนเงินเข้าไปในบัญชีเพื่อรอธนาคารหักเหมือนเดิม และเดือนนั้นก็ยังมีเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมาแจ้งให้ผมชำระค่างวด (โทรมาหลังวันที่ ๑๕) ซึ่งผมก็เข้าไปดูแอปธนาคารว่าเหตุใดธุรกรรมที่ผมทำไปถึงเป็นแบบนี้ ปรากฎว่า ทุกครั้งที่ผมโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ระบบมันหักออกไปในวันนั้นเลยทันที โดยที่ไม่รอธนาคารหักออกไปตามวันที่ ๑๕ ที่มันควรจะเป็นนั้น ผมจึงติดต่อกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร ทางเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าไม่มีปัญหาใด ซึ่งก็เป็นความผิดผมเองที่รอบคอบไม่พอที่การตรวจสอบข้อมูล ธุรกรรมของตนเองนั้นไม่ละเอียดพอตั้งแต่แรกๆ และก็ไว้ใจธนาคารมากเกินไป จนต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๓ ทนายความของธนาคารโทรมาแจ้งว่า ทีแรกจะสั่งฟ้องผมเพราะเหตุว่าผมผิดชำระค่างวด แต่พอทางทนายความของธนาคารตรวจสอบข้อมูลกลับพบว่าเป็นความผิดของธนาคารเอง และก็ได้ขอโทษผมว่าระบบของธนาคารไม่ Settle และขอให้ผมรออีกประมาณหนึ่งเดือนเพื่อจะเคลียร์สถานะของผมให้เป็นปกติ ซึ่งผมก็ไว้ใจอีกแล้วก็ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาอีกแล้ว จนผมได้ขอสมัครบัตรเครดิตกับสถาบันการเงินที่อื่นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ปรากฏว่าผมถูกปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าผมมีประวัติการชำระเงินที่ล่าช้าหรือ “ติดเครดิตบูโร” นั่นเอง อีกทั้งผมมีแพลนจะออกรถยนต์ซึ่งแน่นอนว่าหากสถาบันการเงินอื่นพบสถานะผมใน ระบบข้อมูลเครดิตแห่งชาติ “เครดิตบูโร” ว่าผมมีประวัติไม่ดี รวมถึงการทำธุรกรรมอื่นใดที่ต้องการการพิจารณาด้านเครดิต ผมต้องเสียสิทธิ์ เสรีภาพทางด้านการเงิน ที่ผมไม่ได้เป็นคนทำ
นั่นคือประเด็นที่ผมเจ็บใจมากที่สุดคือการที่ลูกค้าธรรมดาคนหนึ่ง ปฏิบัติดีมาโดยตลอด มีเครดิตทางการเงินที่ดีมาโดยตลอด แต่กลับถูกธนาคารที่เป็น “สถาบันการเงิน” ไม่น่าจะ “สะเพร่า” เรื่องเงิน แบบนี้ได้ และยังเบียดเบียนให้คนอื่นหมดอิสรภาพการเงินในระยะยาวอีกด้วย
Pain point ของผมคือผมทำธุรกรรมการเงินกับสถาบันอื่นไม่ได้
คำถามคือ ผมจะทำอะไรได้บ้าง
ร้องเรียนที่ BOT ได้หรือไม่ หรือกรณีแบบนี้ฟ้องได้หรือไม่ ผมไม่ต้องการค่าเสียหายอะไร ผมแค่อยากให้ในประวัติเครดิตบูโรของผม “สะอาด” เท่านั้น
จึงรบกวนท่านผ้อ่านมา ณ ที่นี้เพื่อขอความรู้และแนวทางด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
นมกล่อง
เมื่อธนาคาร CIMB ทำให้ผมเสียประวัติ “เครดิตบูโร”
สวัสดีครับท่านผู้อ่าน นี่เป็นช่องทางที่ผมอยากจะขอความช่วยเหลือจากผู้คนที่มีความรู้ครับ ตามหัวข้อ
เรื่องมีอยู่ว่าผมมีสินเชื่อกับทางธนาคาร CIMB โดยตกลงมีเงื่อนไขการชำระค่างวดทุกๆวันที่ ๑๕ ของทุกเดือน โดยเป็นการหักอัติโนมัติจากบัญชีออมทรัพย์ที่ลงทะเบียนไว้ ซึ่งก่อนถึงวันที่ ๑๕ ของทุกเดือนผมจะโอนเงินจากบัญชีอื่นเข้าไปเก็บไว้ที่บัญชีออมทรัพย์ เพื่อให้ธนาคารหักอัติโนมัติในทุกๆวันที่ ๑๕ ที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งผมก็ปฎิบัติดี และมีเครดิตทางด้านการเงินที่ดีมาโดยตลอดกับทุกๆสถาบันการเงิน
เหตุการณ์ก็คือช่วงโควิดที่ผ่านมา เดือนเมษา ๒๕๖๓ ทางธนาคารฯประกาศมาตรการช่วยเหลือลูกค้า โดยการให้พักชำระค่างวดเป็นเวลา ๓ เดือน ตั้งแต่เดือนเมษายน ถึง มิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งผมก็เป็นลูกค้าคนหนึ่งที่ได้รับการพิจารณามาตรการนี้จากทางธนาคาร
เมื่อเวลาล่วงเลยมาถึงเดือนมิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นกำหนดครบมาตรการช่ยเหลือดังกล่า ทางธนาคารก็ประกาศมาตรการมาอีกฉบับหนึ่งว่า ลูกค้าสามารถขอลดการชำระค่างวดได้เป็นเวลา ๑ ปี ซึ่งผมก็ได้รับการพิจารณาโครงการนี้อีก เริ่มชำระเดือน กรกฏาคม ๒๕๖๓ เป็นต้นไป ถึง มิถุนายน ๒๕๖๔
NOTE: จากที่ได้แจ้งให้ทราบในตอนต้นว่าผมจะโอนเงินใส่ในบัญชีออมทรัพย์ที่ลงทะเบียนเพื่ให้ธนาคารทำการหักบางทีก็โอนไปเก็บไว้ก่อนเป็นอาทิตย์ ถึง สองอาทิตย์เป็นปกติ นั่นหมายความว่า เดือน เมษายน ถึง มิถุนายน ผมยังไม่ได้เสียค่างวดตามมาตรการของธนาคาร พอถึงปลายเดือนมิถุนายนผมก็โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ปกติเพื่อรอให้ธนาคารหักสำหรับงวดของเดือนกรกฎาคมที่จมาถึงเช่นเดิมแต่ในค่างวดที่ถูกลงตามมาตรการใหม่ของธนาคาร
ผมทำแบบนี้มาเรื่อยๆ และประมาณเดือนอะไรสักอย่างผมจำไม่ได้แล้วน่จะ กันยายน ตุลาคม ก็มีเจ้าหน้าที่ของธนาคารโทรมาทวงหนี้ ว่าผมขาดชำระหนี้ ตอนนั้นยังไม่ได้เอะใจอะไร ก็คิดแค่ว่าจ่ายค่างวดหลายรอบก็ดีจะได้ลดเงินต้นไวไวแค่นั้น และพอขึ้นเดือนใหม่ ผมก็ทำแบบเดิมคือโอนเงินเข้าไปในบัญชีเพื่อรอธนาคารหักเหมือนเดิม และเดือนนั้นก็ยังมีเจ้าหน้าที่ธนาคารโทรมาแจ้งให้ผมชำระค่างวด (โทรมาหลังวันที่ ๑๕) ซึ่งผมก็เข้าไปดูแอปธนาคารว่าเหตุใดธุรกรรมที่ผมทำไปถึงเป็นแบบนี้ ปรากฎว่า ทุกครั้งที่ผมโอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ระบบมันหักออกไปในวันนั้นเลยทันที โดยที่ไม่รอธนาคารหักออกไปตามวันที่ ๑๕ ที่มันควรจะเป็นนั้น ผมจึงติดต่อกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร ทางเจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าไม่มีปัญหาใด ซึ่งก็เป็นความผิดผมเองที่รอบคอบไม่พอที่การตรวจสอบข้อมูล ธุรกรรมของตนเองนั้นไม่ละเอียดพอตั้งแต่แรกๆ และก็ไว้ใจธนาคารมากเกินไป จนต้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๖๓ ทนายความของธนาคารโทรมาแจ้งว่า ทีแรกจะสั่งฟ้องผมเพราะเหตุว่าผมผิดชำระค่างวด แต่พอทางทนายความของธนาคารตรวจสอบข้อมูลกลับพบว่าเป็นความผิดของธนาคารเอง และก็ได้ขอโทษผมว่าระบบของธนาคารไม่ Settle และขอให้ผมรออีกประมาณหนึ่งเดือนเพื่อจะเคลียร์สถานะของผมให้เป็นปกติ ซึ่งผมก็ไว้ใจอีกแล้วก็ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาอีกแล้ว จนผมได้ขอสมัครบัตรเครดิตกับสถาบันการเงินที่อื่นช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ปรากฏว่าผมถูกปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าผมมีประวัติการชำระเงินที่ล่าช้าหรือ “ติดเครดิตบูโร” นั่นเอง อีกทั้งผมมีแพลนจะออกรถยนต์ซึ่งแน่นอนว่าหากสถาบันการเงินอื่นพบสถานะผมใน ระบบข้อมูลเครดิตแห่งชาติ “เครดิตบูโร” ว่าผมมีประวัติไม่ดี รวมถึงการทำธุรกรรมอื่นใดที่ต้องการการพิจารณาด้านเครดิต ผมต้องเสียสิทธิ์ เสรีภาพทางด้านการเงิน ที่ผมไม่ได้เป็นคนทำ
นั่นคือประเด็นที่ผมเจ็บใจมากที่สุดคือการที่ลูกค้าธรรมดาคนหนึ่ง ปฏิบัติดีมาโดยตลอด มีเครดิตทางการเงินที่ดีมาโดยตลอด แต่กลับถูกธนาคารที่เป็น “สถาบันการเงิน” ไม่น่าจะ “สะเพร่า” เรื่องเงิน แบบนี้ได้ และยังเบียดเบียนให้คนอื่นหมดอิสรภาพการเงินในระยะยาวอีกด้วย
Pain point ของผมคือผมทำธุรกรรมการเงินกับสถาบันอื่นไม่ได้
คำถามคือ ผมจะทำอะไรได้บ้าง
ร้องเรียนที่ BOT ได้หรือไม่ หรือกรณีแบบนี้ฟ้องได้หรือไม่ ผมไม่ต้องการค่าเสียหายอะไร ผมแค่อยากให้ในประวัติเครดิตบูโรของผม “สะอาด” เท่านั้น
จึงรบกวนท่านผ้อ่านมา ณ ที่นี้เพื่อขอความรู้และแนวทางด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ
นมกล่อง