วันที่ 10 ธันวาคม 63 เหมือนเป็นคราวโชคดีของผมที่จะต้องบอกลาสายการบินนกแอร์ที่กำลังยื่นฟื้นฟูกิจการก่อนที่สายการบินจะเจ๊ง เรื่องมีอยู่ว่า ผมเดินทางจาก กทม. ไปอุดรธานี ปีนี้บินทุกเดือนเดือนละครั้งบ้าง สองครั้งบาง โดยปกติผมจะมีกระเป๋า 2 ใบ คือกระเป๋าเดินทางขนาดประมาณ 54x34 cm กับกระเป๋าเป้สะพายใส่แล็ปท็อปไปทำงาน ในกระเป๋าเดินทางก็มีแค่เสื้อผ้า 3 ชุดสำหรับใส่ 3 วัน ไม่มีชุดนอนเพราะไปนอนบ้านตัวเอง มีหนังสือ 2 เล่มร้อยกว่าหน้า สายแล็ปท็อป ครีมทาผิวเล็กน้อย ก็เดินทางโดยไม่ซื้อโหลดมาตลอดเพราะ (1) สัมภาระผมน้อย (2) ผมเห็นคนอื่นถือสัมภาระมากกว่าผมก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร (3) ไม่อยากเสียเวลารอกระเป๋า (4) ไม่อยากให้กระเป๋าเสียหาย โดยก่อนเดินทางทุกครั้งผมก็ไม่เคยชั่งน้ำหนัก เพราะแต่ก่อนขึ้น AirAsia มาสิบกว่าปีขนของมากกว่านี้ก็ไม่เคยมีปัญหาถูกเรียกชั่งน้ำหนัก เคยมีปัญหาอยู่ครั้งหนึ่งตอนขึ้น Thailion น้ำหนักเฉพาะกระเป๋าเดินทางปาไป 10 กิโลได้ เขาก็อนุโลมให้ผมเอาของไปใส่เป้แล้วชั่งน้ำหนักเฉพาะกระเป๋าเดินทางใหม่เหลือ 7 กิโลกว่า ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่หลังจากนั้นผมก็ระวังไม่ขนหนังสือไปมากอีก ยิ่งระยะหลังที่ผมเดินทางขนสัมภาระสำหรับกลับไปทำธุระที่บ้านแค่ 2-3 วัน สัมภาระผมก็น้อยลงมาก ผมก็ไม่คิดว่าน้ำหนักเที่ยวนี้มันจะเกิน
พอมาวันนี้หลงซื้อนกแอร์เพราะได้ code กบข.มา ปรากฏว่าวันนี้ถูกพนักงานสั่งชั่งน้ำหนักกระเป๋าเดินทาง เครื่องชั่งระบุน้ำหนัก 8 กิโลกว่า เกินมา 1 กิโลนิดๆ ไม่ถึง 8 ครึ่งด้วยซ้ำ พนักงานพูดจาดุดันสั่งให้ผมซื้อโหลดกระเป๋าทันที ไม่มีประนีประนอมทางเลือกอื่นด้วยซ้ำ แถมอธิบายกฎเสร็จสรรพว่าขนสัมภาระขึ้นเครื่องได้ 2 ใบห้ามเกิน 7 กิโล ถ้าอยากขนเยอะให้ซื้อน้ำหนักมาก่อนล่วงหน้า (ก็ผมไม่เคยมีปัญหาน้ำหนัก ผมจะทราบได้ยังไงว่าควรซื้อล่วงหน้า) พอพูดจบบอกให้ผมลองเอากระเป๋าเป้มาชั่งรวมดูสิว่ามันเกินเยอะไหม ซึ่งแน่นอนว่า รวมกันมีแล็ปท็อปกับสัมภาระอื่นก็หนัก 10 กว่ากิโล แสดงให้เห็นว่าผมผิดกฎสายการบินท่านเต็ม ๆ พนักงานคนนั้นก็บอกให้ผมโหลดแล้วไปจ่ายเงินซื้อค่าโหลดซะ ราคา 900 บาท ผมถามว่าซื้อในเน็ตได้ไหม เธอก็บอกว่าไม่ได้เพราะระบบปิดล่วงหน้า 1 วัน ต้องซื้อราคานี้เท่านั้น ผมก็ต้องยอมแต่โดยดี
จบเรื่องนี้ผมยืนยันว่าหลังจากที่ผมเดินทางกับสายการบินนกแอร์ครบ 4 เที่ยวบินที่ผมซื้อล่วงหน้าในช่วงเดือนธันวาคมนี้แล้ว ผมจะไม่ซื้อตั๋วของสายการบินนี้อีกเด็ดขาดถึงแม้ว่าจะมีโปร กบข. หรือโปรใด ๆ อีกก็ตาม ผมขนของไปเกินจริง แต่คุณหยุมหยิมไม่ประนีประนอมอะไรกับลูกค้าเลยทั้งที่ไม่ได้เป็นปัญหาเรื่องกฎความปลอดภัยใด ๆ เป็นแค่นโยบายหากินกับเศษเงินค่าขนสัมภาระเท่านั้น แล้วเรื่องนี้สำนักงานการบินพลเรือนก็ควรจะต้องทำหน้าที่กำกับค่าขนส่งสัมภาระได้แล้ว ไม่ใช่ปล่อยให้กำหนดค่าขนของในวันเดินทางแพง ๆ เช่นนี้ ทั้งที่เคสผมไม่ได้มีเจตนาจะขนของเยอะๆหนักๆแล้วไม่ซื้อโหลดเพื่อหลีกเลี่ยงค่าสัมภาระ ซึ่งจริงๆถ้าของเกินมาแค่นี้แล้วคุณจะให้ซื้อโหลดก็ควรมีการกำหนดราคาที่เป็นปกติ คือไม่เกิน 300 บาท ไม่ใช่เกินแค่ไม่กี่กิโลแล้วคุณจะหยุมหยิมคิดเงิน 900 บาท เงินเท่านี้แลกกับผมเลิกบินสายการบินนกแอร์ ก็คงจะช่วยให้สายการบินคุณพ้นจะภาวะที่จะล้มละลายได้อยู่หรอกครับ
-------
ส่วนนี้ผมขอชี้แจงท้ายกระทู้เพิ่มเติมตามที่โพสทิ้งไว้ในคอมเมนต์ที่ 41 สำหรับคนมาอ่านใหม่ เพราะเห็นว่าหลายคอมเมนต์มีปัญหาการอ่านจับใจความภาษาไทยมาก แล้วพาลกล่าวหาผมในทางเสียหายเกินไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ผมขนสัมภาระครั้งนี้น้อยมากตามรายละเอียดที่เล่าไป และก่อนหน้านี้ก็เคยขนเสื้อผ้า ของใช้ประมาณนี้หรือมากกว่านี้ ก็ไม่เคยถูกชั่ง หรือถูกเรียกชั่งก็น้ำหนักไม่เคยเกิน ที่เกินครั้งนึงที่ผมเล่าไป ผมก็บอกว่าผมไม่ได้ขนหนักขนาดนั้นอีก กระเป๋าผมขนาดปกติ ไม่ได้ใหญ่เกินเลยขนาดที่สายการบินอนุญาตให้ขึ้นเครื่องบินเลย ผมย่อมเชื่อโดยสุจริตใจก่อนออกเดินทางว่าน้ำหนักสัมภาระของผมไม่เกิน 7 กิโลกรัม แต่เคสนี้เข้าใจว่ามันมีเอกสารอย่างอื่นที่ทำให้หนักมากกว่าปกติ ทำให้กระเป๋าเดินทางน้ำหนัก 8 กิโลกรัมกว่าๆ ซึ่งถ้ารู้ว่าเกินผมก็ซื้อล่วงหน้าแล้ว แค่จ่ายเงินเพิ่ม 300 บาท ถึงผมไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเหล่ามหาเศรษฐีใน pantip ผมก็ไม่เดือดร้อนอะไร ผมไม่ได้มีเจตนาจะหลีกเลี่ยงไม่จ่ายน้ำหนัก 300 บาทอยู่แล้ว
2. พวกคุณที่มาโพสเกือบ 40 โพส คุณกล้าสาบานตรงนี้ไหมว่าก่อนออกเดินทาง พวกคุณชั่งน้ำหนักกระเป๋าทุกใบก่อนออกเดินทางทุกครั้งในชั่วชีวิตนี้ไหม
3. การที่น้ำหนักผมเกินแล้วผมต้องเสียเงินในราคาปกติ 300 บาท ผมไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่การที่ต้องเสียถึง 900 บาท แพงกว่าปกติ 3 เท่า โดยที่ผมไม่มีทางเลือกอื่นทั้งที่น้ำหนักผมไม่ได้เกินมามากส่อเจตนาเอาเปรียบสายการบิน มันเป็นกติกาที่เอาเปรียบผู้บริโภค ทั้งที่การที่ต้องมาจ่ายเงินแพงกว่าปกติ 3 เท่าไม่ได้เกี่ยวกับกฎความปลอดภัยใด ๆ คุณอ้างว่า"กฎ" แล้วก็ "กฎ" ถ้าเรียนหนังสือกันมาบ้างย่อมต้องทราบว่า กฎ หรือกฎหมาย ต้องมีเหตุผล มีความสมเหตุสมผล ไม่ใช่อยากกำหนดอย่างไรก็ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต่างกับกฎโจร
4. ผมไม่ต้องการให้ใครมาเข้าข้างใด ๆ แต่อยากเตือนคนที่ปกติไม่ได้ชั่งน้ำหนักให้ชั่งน้ำหนักก่อนแล้วต้องมาเสี่ยงน้ำหนักเกินเพราะความหยุมหยิมของกฎเพื่อการค้ากำไร (แต่กำลังจะเจ๊งตกงานกัน) เท่านั้น เพราะเท่าที่ผมทราบ โดยปกติไม่มีใครชั่งน้ำหนักกระเป๋าเดินทางจากบ้านสำหรับการเดินทางในประเทศแค่ 2-3 วันหรอก
---
จริงๆผมก็ไม่ได้อยากจะมาตอบโต้อะไรอีกครับ ถึงแม้ว่าผมจะได้รับถ้อยคำหมิ่นประมาทลามไปเรื่องอื่นทั้งที่ถ้อยคำหมิ่นประมาทเป็นเรื่องไม่เกี่ยวกับเนื้อหาเลย จะว่าผมยังไงกับเรื่องนี้ผมก็ไม่ว่าหรอกครับแต่อย่าลามปามเกินไป และที่ต้องมาชี้แจงเพิ่มเพราะผมก็แปลกใจดีว่ากระทู้ผมได้รับการตอบรับดีเหลือเกินก็คงเป็นเพราะถ้อยคำเรียกแขก ในครั้งนี้ผมขอชี้แจงครั้งที่ 2 ต่อจากครั้งแรกข้างต้นเป็นครั้งสุดท้าย (ซึ่งผมก็ไม่ได้ไปแก้ไขข้อความอะไร ในโพสเดิม) ดังนี้
1. เรื่องน้ำหนักเกิน 7 กิโลกรัม ผมเห็นว่ามีผลเรื่องความปลอดภัยอย่างมีนัยยะสำคัญ กฎหมายที่กำกับดูแลเรื่องสัมภาระขึ้นเครื่องที่ผมเช็คดูทั้งที่สหรัฐอเมริกา และยุโรปที่ไทยเอามาเป็นแม่แบบ ก็แค่กำหนดขนาดกระเป๋า สิ่งของที่อนุญาตให้ขึ้นเครื่องเท่านั้น IATA ก็เพียงกำหนดคำแนะนำเรื่องขนาดเท่านั้น ส่วนเรื่องน้ำหนักสายการบินเขากำหนดเอง (อ่านเพิ่มเติม
https://en.wikipedia.org/wiki/Hand_luggage http://news.bbc.co.uk/1/hi/uk/5367096.stm)
2. จากข้อ 1 ผมสำรวจพบว่า หลายสายการบินทั่วโลกกำหนดขนาดน้ำหนักกระเป๋าไว้แตกต่างกัน หลายสายการบินกำหนดขนาดไว้มากกว่า 10 กิโลกรัมด้วยซ้ำ หลายสายการบินไม่ได้กำหนดขนาดน้ำหนักกระเป๋า ซึ่งผมยืมข้อมูลจากเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลไว้มาแสดงภาพด้านล่างนี้ ซึ่งมันตอกย้ำว่าถ้าขนาดกระเป๋าไม่เกินขนาดที่ไกด์ไลน์ IATA กำหนด มันไม่ได้กระทบกับความปลอดภัยเกินขนาดตามที่มีหลายโพสกล่าวอ้างหรอก มันเป็นแค่นโยบายทางพาณิชย์เท่านั้น (
https://www.travelandleisure.com/style/travel-bags/airline-carry-on-luggage-size-guide)
3. ผมย้ำครั้งที่เท่าไรก็ไม่ทราบว่าผมไม่ได้มีเจตนาโกงตามที่มีคนกล่าวหมิ่นประมาท โดยยกตัวอย่างว่าเคยขนสัมภาระราวๆนี้แล้วมันไม่เคยมีปัญหา เคยถูกเรียกชั่งน้ำหนักแล้วมันก็ไม่เกิน ที่เกินก็ครั้งเดียวตามที่ผมเล่าไว้แล้ว ซึ่งผมก็ไม่ขนของหนักเช่นนั้นอีก ผมจึงเชื่อด้วยความสุจริตใจว่ามันไม่น่าจะเกิน แต่กลับหมิ่นประมาทหาว่าผมโกงมาหลายครั้ง
4. การตั้งกระทู้นี้ผมไม่ได้บอกหรือยืนยันเลยว่าผมไม่ผิดกฎสายการบิน ถึงแม้จะมีถ้อยคำบริภาษสายการบินอยู่พอสมควร เรื่องนี้ผมได้รับคำชี้แจงจาก CC สายการบินเป็นการส่วนตัวตั้งแต่วันเดินทางแล้ว ส่วนอื่นผมก็ขออภัยที่ทำให้ท่านที่เป็นคนดีในสังคม pantip ขุ่นข้องหมองใจด้วย ส่วนคนที่ว่าผมเสียหาย(ที่ไม่ลามปามเกินไป)ก็ไม่เป็นไร เรื่องนี้ผมถือว่ากล่าวเตือนคนที่ถือสัมภาระใหญ่กว่าผม หิ้วถุงอาหารขนมพะรุงพะรังราวครึ่งลำที่ผมเห็นประจำ ถ้าผมคิดถึงแต่ตัวเองผมจ่ายเงินที่มองว่าแพงเกินไปก็จบแล้วไม่ไปขึ้นสายการบินเดิมอีกก็ได้ แต่ผมเห็นด้วยสายตาว่ามีกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงอีกมากและการตั้งราคาเช่นนี้มันไม่เป็นธรรมกับคนทั่วไป
5. เรื่องกลัวผมลบกระทู้จนต้องรีบแคปเอาไว้หลังผมแจ้ง mod เรื่องมีโพสทำนองหมิ่นประมาทผมเพียงไม่นาน ผมก็ไม่ทราบว่าท่านคิดยังไง ก็แปลกใจกับพฤติกรรมของสังคม pantip ซึ่งผมไม่เคยเห็นในบอร์ดอื่น ๆ ไม่แน่ใจว่ากลัวจะไม่ได้ประจานผมเรียกเรตติ้งให้คนเข้ามาอ่าน pantip เช่นนั้นเชียวหรือ เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเพราะข้อความยังคงเดิม เรื่องนี้ผมเพียงกดแจ้ง mod เพื่อให้ช่วยดูแลถ้อยคำลักษณะหมิ่นประมาทผม (ผมย้ำว่าไม่เห็นด้วยจะว่าผมในเรื่องนี้ก็ได้ แต่อย่าลามปามไปเรื่องอื่นใส่ความผมจนเสียหาย) ท่านจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเป็นพยาน ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง ทั้งที่ถ้าเป็นโพสเรื่องกระทบกลุ่มคนขนมหวานราดกะทิ mod ท่านจะจัดการลบทันทีโดยอ้างว่ารักษาบรรยากาศการพูดคุย ผมก็ไม่ทราบหรอกว่านโยบายเว็บจะเข้มตอนไหนปล่อยตอนไหนประเมินความเสี่ยงทางกฎหมายอย่างไร
เตือนภัยซื้อตั๋วนกแอร์ควรชั่งน้ำหนักสัมภาระขึ้นเครื่องให้พอดี ไม่งั้นอาจโดนขูดรีดเงิน 900 บาท
พอมาวันนี้หลงซื้อนกแอร์เพราะได้ code กบข.มา ปรากฏว่าวันนี้ถูกพนักงานสั่งชั่งน้ำหนักกระเป๋าเดินทาง เครื่องชั่งระบุน้ำหนัก 8 กิโลกว่า เกินมา 1 กิโลนิดๆ ไม่ถึง 8 ครึ่งด้วยซ้ำ พนักงานพูดจาดุดันสั่งให้ผมซื้อโหลดกระเป๋าทันที ไม่มีประนีประนอมทางเลือกอื่นด้วยซ้ำ แถมอธิบายกฎเสร็จสรรพว่าขนสัมภาระขึ้นเครื่องได้ 2 ใบห้ามเกิน 7 กิโล ถ้าอยากขนเยอะให้ซื้อน้ำหนักมาก่อนล่วงหน้า (ก็ผมไม่เคยมีปัญหาน้ำหนัก ผมจะทราบได้ยังไงว่าควรซื้อล่วงหน้า) พอพูดจบบอกให้ผมลองเอากระเป๋าเป้มาชั่งรวมดูสิว่ามันเกินเยอะไหม ซึ่งแน่นอนว่า รวมกันมีแล็ปท็อปกับสัมภาระอื่นก็หนัก 10 กว่ากิโล แสดงให้เห็นว่าผมผิดกฎสายการบินท่านเต็ม ๆ พนักงานคนนั้นก็บอกให้ผมโหลดแล้วไปจ่ายเงินซื้อค่าโหลดซะ ราคา 900 บาท ผมถามว่าซื้อในเน็ตได้ไหม เธอก็บอกว่าไม่ได้เพราะระบบปิดล่วงหน้า 1 วัน ต้องซื้อราคานี้เท่านั้น ผมก็ต้องยอมแต่โดยดี
จบเรื่องนี้ผมยืนยันว่าหลังจากที่ผมเดินทางกับสายการบินนกแอร์ครบ 4 เที่ยวบินที่ผมซื้อล่วงหน้าในช่วงเดือนธันวาคมนี้แล้ว ผมจะไม่ซื้อตั๋วของสายการบินนี้อีกเด็ดขาดถึงแม้ว่าจะมีโปร กบข. หรือโปรใด ๆ อีกก็ตาม ผมขนของไปเกินจริง แต่คุณหยุมหยิมไม่ประนีประนอมอะไรกับลูกค้าเลยทั้งที่ไม่ได้เป็นปัญหาเรื่องกฎความปลอดภัยใด ๆ เป็นแค่นโยบายหากินกับเศษเงินค่าขนสัมภาระเท่านั้น แล้วเรื่องนี้สำนักงานการบินพลเรือนก็ควรจะต้องทำหน้าที่กำกับค่าขนส่งสัมภาระได้แล้ว ไม่ใช่ปล่อยให้กำหนดค่าขนของในวันเดินทางแพง ๆ เช่นนี้ ทั้งที่เคสผมไม่ได้มีเจตนาจะขนของเยอะๆหนักๆแล้วไม่ซื้อโหลดเพื่อหลีกเลี่ยงค่าสัมภาระ ซึ่งจริงๆถ้าของเกินมาแค่นี้แล้วคุณจะให้ซื้อโหลดก็ควรมีการกำหนดราคาที่เป็นปกติ คือไม่เกิน 300 บาท ไม่ใช่เกินแค่ไม่กี่กิโลแล้วคุณจะหยุมหยิมคิดเงิน 900 บาท เงินเท่านี้แลกกับผมเลิกบินสายการบินนกแอร์ ก็คงจะช่วยให้สายการบินคุณพ้นจะภาวะที่จะล้มละลายได้อยู่หรอกครับ
-------
ส่วนนี้ผมขอชี้แจงท้ายกระทู้เพิ่มเติมตามที่โพสทิ้งไว้ในคอมเมนต์ที่ 41 สำหรับคนมาอ่านใหม่ เพราะเห็นว่าหลายคอมเมนต์มีปัญหาการอ่านจับใจความภาษาไทยมาก แล้วพาลกล่าวหาผมในทางเสียหายเกินไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. ผมขนสัมภาระครั้งนี้น้อยมากตามรายละเอียดที่เล่าไป และก่อนหน้านี้ก็เคยขนเสื้อผ้า ของใช้ประมาณนี้หรือมากกว่านี้ ก็ไม่เคยถูกชั่ง หรือถูกเรียกชั่งก็น้ำหนักไม่เคยเกิน ที่เกินครั้งนึงที่ผมเล่าไป ผมก็บอกว่าผมไม่ได้ขนหนักขนาดนั้นอีก กระเป๋าผมขนาดปกติ ไม่ได้ใหญ่เกินเลยขนาดที่สายการบินอนุญาตให้ขึ้นเครื่องบินเลย ผมย่อมเชื่อโดยสุจริตใจก่อนออกเดินทางว่าน้ำหนักสัมภาระของผมไม่เกิน 7 กิโลกรัม แต่เคสนี้เข้าใจว่ามันมีเอกสารอย่างอื่นที่ทำให้หนักมากกว่าปกติ ทำให้กระเป๋าเดินทางน้ำหนัก 8 กิโลกรัมกว่าๆ ซึ่งถ้ารู้ว่าเกินผมก็ซื้อล่วงหน้าแล้ว แค่จ่ายเงินเพิ่ม 300 บาท ถึงผมไม่ได้ร่ำรวยเหมือนเหล่ามหาเศรษฐีใน pantip ผมก็ไม่เดือดร้อนอะไร ผมไม่ได้มีเจตนาจะหลีกเลี่ยงไม่จ่ายน้ำหนัก 300 บาทอยู่แล้ว
2. พวกคุณที่มาโพสเกือบ 40 โพส คุณกล้าสาบานตรงนี้ไหมว่าก่อนออกเดินทาง พวกคุณชั่งน้ำหนักกระเป๋าทุกใบก่อนออกเดินทางทุกครั้งในชั่วชีวิตนี้ไหม
3. การที่น้ำหนักผมเกินแล้วผมต้องเสียเงินในราคาปกติ 300 บาท ผมไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่การที่ต้องเสียถึง 900 บาท แพงกว่าปกติ 3 เท่า โดยที่ผมไม่มีทางเลือกอื่นทั้งที่น้ำหนักผมไม่ได้เกินมามากส่อเจตนาเอาเปรียบสายการบิน มันเป็นกติกาที่เอาเปรียบผู้บริโภค ทั้งที่การที่ต้องมาจ่ายเงินแพงกว่าปกติ 3 เท่าไม่ได้เกี่ยวกับกฎความปลอดภัยใด ๆ คุณอ้างว่า"กฎ" แล้วก็ "กฎ" ถ้าเรียนหนังสือกันมาบ้างย่อมต้องทราบว่า กฎ หรือกฎหมาย ต้องมีเหตุผล มีความสมเหตุสมผล ไม่ใช่อยากกำหนดอย่างไรก็ได้ เช่นนั้นก็ไม่ต่างกับกฎโจร
4. ผมไม่ต้องการให้ใครมาเข้าข้างใด ๆ แต่อยากเตือนคนที่ปกติไม่ได้ชั่งน้ำหนักให้ชั่งน้ำหนักก่อนแล้วต้องมาเสี่ยงน้ำหนักเกินเพราะความหยุมหยิมของกฎเพื่อการค้ากำไร (แต่กำลังจะเจ๊งตกงานกัน) เท่านั้น เพราะเท่าที่ผมทราบ โดยปกติไม่มีใครชั่งน้ำหนักกระเป๋าเดินทางจากบ้านสำหรับการเดินทางในประเทศแค่ 2-3 วันหรอก
---
จริงๆผมก็ไม่ได้อยากจะมาตอบโต้อะไรอีกครับ ถึงแม้ว่าผมจะได้รับถ้อยคำหมิ่นประมาทลามไปเรื่องอื่นทั้งที่ถ้อยคำหมิ่นประมาทเป็นเรื่องไม่เกี่ยวกับเนื้อหาเลย จะว่าผมยังไงกับเรื่องนี้ผมก็ไม่ว่าหรอกครับแต่อย่าลามปามเกินไป และที่ต้องมาชี้แจงเพิ่มเพราะผมก็แปลกใจดีว่ากระทู้ผมได้รับการตอบรับดีเหลือเกินก็คงเป็นเพราะถ้อยคำเรียกแขก ในครั้งนี้ผมขอชี้แจงครั้งที่ 2 ต่อจากครั้งแรกข้างต้นเป็นครั้งสุดท้าย (ซึ่งผมก็ไม่ได้ไปแก้ไขข้อความอะไร ในโพสเดิม) ดังนี้
1. เรื่องน้ำหนักเกิน 7 กิโลกรัม ผมเห็นว่ามีผลเรื่องความปลอดภัยอย่างมีนัยยะสำคัญ กฎหมายที่กำกับดูแลเรื่องสัมภาระขึ้นเครื่องที่ผมเช็คดูทั้งที่สหรัฐอเมริกา และยุโรปที่ไทยเอามาเป็นแม่แบบ ก็แค่กำหนดขนาดกระเป๋า สิ่งของที่อนุญาตให้ขึ้นเครื่องเท่านั้น IATA ก็เพียงกำหนดคำแนะนำเรื่องขนาดเท่านั้น ส่วนเรื่องน้ำหนักสายการบินเขากำหนดเอง (อ่านเพิ่มเติม https://en.wikipedia.org/wiki/Hand_luggage http://news.bbc.co.uk/1/hi/uk/5367096.stm)
2. จากข้อ 1 ผมสำรวจพบว่า หลายสายการบินทั่วโลกกำหนดขนาดน้ำหนักกระเป๋าไว้แตกต่างกัน หลายสายการบินกำหนดขนาดไว้มากกว่า 10 กิโลกรัมด้วยซ้ำ หลายสายการบินไม่ได้กำหนดขนาดน้ำหนักกระเป๋า ซึ่งผมยืมข้อมูลจากเว็บไซต์ที่รวบรวมข้อมูลไว้มาแสดงภาพด้านล่างนี้ ซึ่งมันตอกย้ำว่าถ้าขนาดกระเป๋าไม่เกินขนาดที่ไกด์ไลน์ IATA กำหนด มันไม่ได้กระทบกับความปลอดภัยเกินขนาดตามที่มีหลายโพสกล่าวอ้างหรอก มันเป็นแค่นโยบายทางพาณิชย์เท่านั้น (https://www.travelandleisure.com/style/travel-bags/airline-carry-on-luggage-size-guide)
3. ผมย้ำครั้งที่เท่าไรก็ไม่ทราบว่าผมไม่ได้มีเจตนาโกงตามที่มีคนกล่าวหมิ่นประมาท โดยยกตัวอย่างว่าเคยขนสัมภาระราวๆนี้แล้วมันไม่เคยมีปัญหา เคยถูกเรียกชั่งน้ำหนักแล้วมันก็ไม่เกิน ที่เกินก็ครั้งเดียวตามที่ผมเล่าไว้แล้ว ซึ่งผมก็ไม่ขนของหนักเช่นนั้นอีก ผมจึงเชื่อด้วยความสุจริตใจว่ามันไม่น่าจะเกิน แต่กลับหมิ่นประมาทหาว่าผมโกงมาหลายครั้ง
4. การตั้งกระทู้นี้ผมไม่ได้บอกหรือยืนยันเลยว่าผมไม่ผิดกฎสายการบิน ถึงแม้จะมีถ้อยคำบริภาษสายการบินอยู่พอสมควร เรื่องนี้ผมได้รับคำชี้แจงจาก CC สายการบินเป็นการส่วนตัวตั้งแต่วันเดินทางแล้ว ส่วนอื่นผมก็ขออภัยที่ทำให้ท่านที่เป็นคนดีในสังคม pantip ขุ่นข้องหมองใจด้วย ส่วนคนที่ว่าผมเสียหาย(ที่ไม่ลามปามเกินไป)ก็ไม่เป็นไร เรื่องนี้ผมถือว่ากล่าวเตือนคนที่ถือสัมภาระใหญ่กว่าผม หิ้วถุงอาหารขนมพะรุงพะรังราวครึ่งลำที่ผมเห็นประจำ ถ้าผมคิดถึงแต่ตัวเองผมจ่ายเงินที่มองว่าแพงเกินไปก็จบแล้วไม่ไปขึ้นสายการบินเดิมอีกก็ได้ แต่ผมเห็นด้วยสายตาว่ามีกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงอีกมากและการตั้งราคาเช่นนี้มันไม่เป็นธรรมกับคนทั่วไป
5. เรื่องกลัวผมลบกระทู้จนต้องรีบแคปเอาไว้หลังผมแจ้ง mod เรื่องมีโพสทำนองหมิ่นประมาทผมเพียงไม่นาน ผมก็ไม่ทราบว่าท่านคิดยังไง ก็แปลกใจกับพฤติกรรมของสังคม pantip ซึ่งผมไม่เคยเห็นในบอร์ดอื่น ๆ ไม่แน่ใจว่ากลัวจะไม่ได้ประจานผมเรียกเรตติ้งให้คนเข้ามาอ่าน pantip เช่นนั้นเชียวหรือ เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเพราะข้อความยังคงเดิม เรื่องนี้ผมเพียงกดแจ้ง mod เพื่อให้ช่วยดูแลถ้อยคำลักษณะหมิ่นประมาทผม (ผมย้ำว่าไม่เห็นด้วยจะว่าผมในเรื่องนี้ก็ได้ แต่อย่าลามปามไปเรื่องอื่นใส่ความผมจนเสียหาย) ท่านจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเป็นพยาน ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง ทั้งที่ถ้าเป็นโพสเรื่องกระทบกลุ่มคนขนมหวานราดกะทิ mod ท่านจะจัดการลบทันทีโดยอ้างว่ารักษาบรรยากาศการพูดคุย ผมก็ไม่ทราบหรอกว่านโยบายเว็บจะเข้มตอนไหนปล่อยตอนไหนประเมินความเสี่ยงทางกฎหมายอย่างไร