จากข่าว กำลังหมดยุค X86?AMD ซุ่มพัฒนาชิปประมวลผล ARM เช่นเดียวกัน (คิดว่ายังไงกันบ้าง)

จากการที่ Apple เปิดตัวชิปประมวลผล Apple M1 ที่มีโครงสร้างของสถาปัตยกรรมแบบ ARM ก็พอทำให้เราเห็นแล้วว่าประสิทธิภาพของ ARM นั้นไม่ได้ด้อยไปกว่า X86 จนอาจทำให้หลาย ๆ คนคิดว่ายุคของ X86 นั้นกำลังจะจบลงแล้วจริง ๆ ก็ได้
อุปกรณ์ฝั่ง Mac ก็มี Apple M1 ของ Apple แต่สำหรับอุปกรณ์ฝั่ง Windows นั้นก็ยังน่าคิดว่าใครจะเข้ามาร่วมในตลาดนี้บาง เดิมก็มี Snapdragon ของ Qualcomm อย่าง Surface Pro X ที่ใช้ชิปประมวลผล ARM อยู่ แต่จากข่าวล่าสุดอาจไม่ได้มีเพียง Qualcomm เท่านั้นที่จะทำชิป ARM สำหรับอุปกรณ์ฝั่ง Windows PC ครับ มีข่าวจากต่างประเทศว่าตอนนี้ AMD เองก็กำลังซุ่มพัฒนาชิปประมวลผล ARM อยู่เช่นเดียวกัน Leaker ที่ชื่อว่า @MauriQHD บอกว่าตอนนี้ ADM มีชิปต้นแบบ ARM ซึ่งเป็นคู่แข่งของ Apple M1 อยู่ในมือแล้ว ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงทดสอบการทำงานอยู่ แต่ก็ถึงจุดที่ “เกือบพร้อมใช้งาน” แล้วละ่ครับ ตอนนี้ก็เหลือเพียงแต่ Intel แล้วที่ไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ก็ดูเหมือนจะเป็นมรสุมของ Intel พอสมควร นอกจากจะโดน AMD ตีตื้นขึ้นมาได้ก็ยังมาเสียลูกค้าอย่าง Apple ที่หันไปใช้ชิปประมวลผล ARM แทนอีก จากข่าวwww.appdisqus.com (การตลาดจะมีการเปลี่ยนไปบ้างใหม)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ผมเชื่อว่าปี 2020 เป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของ x86 และ CISC โดยรวมเลยครับ จริง ๆ แล้วซีพียูตระกูล RISC นั้นมีการวิจัยวิเคราะห์กันมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 90 แล้วว่าดีกว่า CISC มาก ทั้งในแง่ประหยัดพลังงาน ออกแบบง่าย สร้างง่าย ทำ pipeline กับ superscalar ง่ายกว่า CISC เยอะ ซึ่งก็ส่งผลให้ประสิทธิภาพนั้นควรจะสูงกว่า CISC ด้วย สาเหตุที่ RISC (เช่น ARM หรือ PowerPC ยุคก่อน) ไม่สามารถตีตลาดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะและโน้ตบุ๊คได้นั้นไม่ใช่เพราะปัญหาทางเทคนิค แต่เป็นปัญหาด้านการรองรับของซอฟต์แวร์กับ ROI (return of investment) ของผู้ลงทุนผลิตชิป คือซอฟต์แวร์ที่เคยใช้ใน x86 ต้องเอามาคอมไพล์และ optimize ใหม่หมดสำหรับ RISC ซึ่งบริษัทผลิตซอฟต์แวร์ไหนบ้างจะยอมทำครับถ้าในตลาดยังไม่มีคอมพิวเตอร์แบบ RISC ใช้กันแพร่หลาย และเมื่อไม่มีซอฟต์แวร์สำหรับ RISC แล้วบริษัทผลิตฮาร์ดแวร์ไหนจะกล้าเอาชิป RISC มาใส่คอมพิวเตอร์ของตนเองถ้าไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากผู้ผลิตชิป และผู้ผลิตชิป RISC เจ้าไหนจะยอมลงทุนลงเงินไปก่อนเป็นสิบปีเพื่อสร้างตลาดนี้ขึ้นมา มันก็ไม่มีคอมพิวเตอร์ RISC ที่ใช้กันแพร่หลายซิ กลายเป็นปัญหางูกินหางครับ นี่เป็นสาเหตุที่ RISC ไม่ได้รับตอบรับจากตลาดที่ x86 ครองอยู่ ก็เลยไปเล่นตลาดมือถือหรืออุปกรณ์พวก router หรือ printer แทน อุปกรณ์พวกนี้ไม่ต้องการกำลังการประมวลผลมาก คนทั่วไปก็เลยนึกว่า RISC/ARM ไม่สามารถประมวลผลหนัก ๆ ได้ ซึ่งไม่เป็นความจริง (ทำได้แต่ขายแล้วไม่คุ้ม)

สถานการณ์มาเปลี่ยนไปเมื่อ Apple มาสร้างชิป ARM เองเพื่อใช้กับ iPhone/iPad โดยเฉพาะช่วงหลังที่ชิปตระกูล A ที่ใช้กับ iPad นั้นมีประสิทธิภาพสูงมากทัดเทียมกับ x86 รุ่นล่าง ๆ เลย เป็นการสร้างประสบการณ์ในการพัฒนาชิป ARM ประสิทธิภาพสูงราคาเหมาะสมอย่างดี พอ Apple ประกาศปรับเปลี่ยน CPU ในเครื่องแมคทุกรุ่น มันเป็นการสร้างความมั่นใจให้ทั้งตลาดและนักพัฒนาซอฟต์แวร์ครับว่าชิปตระกูล ARM บน Desktop/Notebook จะมาแน่ อยู่ยาวแน่ เพราะ Apple มีทั้งเงินและมีทั้ง ecosystem ที่จะผลักดันนักพัฒนาซอฟต์แวร์ให้คอมไพล์โปรแกรมมารันบน ARM ลงทุนลงแรงแล้วไม่เสียเปล่า นอกจากนี้ Apple ยังมีประสบการณ์เปลี่ยน CPU จาก PowerPC มาเป็น x86 มาก่อนแล้วด้วย ผมมองว่า Apple นี้เป็นบริษัทที่สามารถผลักดัน ARM มาใช้บน Desktop/Notebook ได้อย่างไม่มีบริษัทไหนทำได้ เพราะ Apple สร้างทั้งชิปทั้งคอมพิวเตอร์ทั่ง OS ทั้งซอฟต์แวร์เองหมด และผลักดันผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ได้ด้วย

ทีนี้พอตลาดเชื่อมั่นแล้วว่า ARM มาแน่ บริษัทซอฟต์แวร์สร้างเวอร์ชันให้ ARM แน่ บริษัทอื่นที่เคยสร้างชิป ARM ในมือถือหรือสร้างชิปแบบอื่น (GPU / FPGA) ก็สนใจตลาดนี้แล้วซิครับ ไม่มีปัญหางูกินหางแล้วนี่ ผมเห็นด้วยกับคคห.6 นะครับว่า Apple ไม่น่าจะขายชิปตระกูล M ของตนให้บริษัทอื่นใช้ เพราะ Apple คงเก็บไว้เพื่อสร้างความแตกต่างในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง (เป็นยุทธศาสตร์ของ Apple มาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว) แต่ผมสรุปไม่เหมือนคคห.ที่ 6 เพราะสิ่งที่ Apple ทำเหมือนการสภาวะและสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่สามารถนำเทคโนลียีมาใช้ทำลายกำแพงป้อมได้ (คลาด CPU Desktop/Notebook) แต่ไม่เข้าตีป้อมเอง มันก็มีเจ้าอื่นที่จะฉกฉวยโอกาสนี้เข้าตีป้อมที่ Apple ไม่สนใจน่ะครับ ช่วงที่ Apple จะประกาศ MacBook Pro/Mini รุ่นใหม่นั้นทาง AMD ก็ซื้อ Xilinx ส่วน NVIDIA ก็ซื้อ ARM ผมแน่ใจว่า Qualcomm ก็กำลังพัฒนา CPU ARM ใหม่ (ที่ไม่ใช่ 8cx Gen 2) สำหรับ Desktop/Notebook เหมือนกัน บริษัทพวกนี้พร้อมเข้าตีป้อมของ Intel กันแล้ว และทุกส่วนแบ่งตลาดที่บริษัทพวกนี้ฉกฉวยได้ก็คงเอามาจากส่วนแบ่ง Intel ทั้งนั้นครับ บริษัทพวกนี้ไม่ได้รบกันเอง แต่แข่งกันว่าใครจะช่วงชิงดินแดนของ Intel ได้มากกว่า เร็วกว่ากัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่