ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องที่ 3 ครับ ^^
เรื่องนี้แนวสืบสวน และเกี่ยวกับน้องหมาตัวหนึ่งซึ่งถูกฆ่าในบ้านหลังหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่าคนฆ่ามันคือใคร
เจ้าของรักน้องหมามาก เลยให้คุณหมอซึ่งเป็นนักสืบสมัครเล่นคนหนึ่งที่ตนรู้จักมาช่วยไขปริศนา
เขาจะไขปริศนาได้หรือไม่ และสุดท้ายผลจะเป็นอย่างไร ตามไปดูกันครับ ^^
“อ๊ายยยยยยยย....เจ้าเบิ้ม...เจ้าเบิ้มตายค่ะ !!! ” เสียงร้องตะโกนลั่นของยายทิพย์ หัวหน้าแม่บ้านคฤหาสน์หรูสไตล์วินเทจ เมื่อเปิดประตูก้าวเท้าเข้ามาในห้องโถง ตอนหกโมงเช้า…
“น้ำลายฟูมปากแบบนี้โดนยาเบื่ออีกแน่ ๆ...” ไม่นานนัก สมชาติ คนขับรถประจำบ้านกระหืดกระหอบวิ่งเข้ามาดู หลังจากได้ยินเสียงโวยวายเมื่อครู่ ขณะที่ตนเองกำลังทำความสะอาดภายนอกรถยนต์คันงาม เพื่อจะใช้ขับพาคุณนายหญิงไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าช่วงสาย
“ใครนะ..ใจร้ายที่สุด !!? ทำกับเจ้าเบิ้มของยายทิพย์ได้ ฮือ ๆ ๆ ” หญิงชราแม่บ้านร้องไห้เสียใจ และนี่ก็เป็นสุนัขตัวที่สองแล้ว ที่เสียชีวิตในลักษณะเดียวกันภายในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา
****************
“สวัสดีครับ ผมชื่อ
ปรเมศร์ ทวียุติธรรม นักสืบเอกชนที่คุณนายแพรวพรรณ สุวรรณอนันท์ จ้างมาช่วยสืบคดี ใครฆ่าเจ้าเบิ้ม นะครับ จากการชันสูตรพลิกศพเจ้าเบิ้ม สุนัขเพศผู้ พันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ ขนสีเหลือง ที่เสียชีวิตเมื่อช่วงเช้ามืดของวันเสาร์ที่ผ่านมา ปรากฏว่า เจ้าเบิ้มเสียชีวิตจากการกินไส้กรอกผสมยาเบื่อเข้าไป ทำให้มีอาการน้ำลายฟูมปาก และหัวใจหยุดเต้นในที่สุด” นักสืบรุ่นเก๋าวัย 62 แนะนำตัวเองและบอกวัตถุประสงค์ของการเชิญสมาชิกทุกคนในบ้านมาพร้อมหน้ากันอย่างคร่าว ๆ
“เนื่องจากการเสียชีวิตของสุนัขในบ้านนี้ ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งที่สอง โดยครั้งแรกก็คือสุนัขชื่อเจ้าเบิ้มเหมือนกัน เป็นพันธุ์และสีเดียวกันกับตัวที่เพิ่งเสียชีวิตไป และมีสาเหตุการตายเดียวกันคือกินไส้กรอกผสมยาเบื่อเข้าไป และทั้งสองครั้งของคืนเกิดเหตุ หลังจากตรวจดูกล้องวงจรปิดของบ้านแล้ว ไม่มีบุคคลภายนอกเข้าออกตัวบ้านเลย นอกจากสมาชิกภายในบ้าน ซึ่งก็มี คุณนายแพรวพรรณ และลูก ๆ ได้แก่ คุณหญิงใหญ่ คุณชายกลาง คุณหญิงเล็ก และคุณชายน้อย ส่วนพวกแม่บ้านและคนขับรถ ไม่ได้เข้ามาในบ้านเลยช่วงกลางคืน ผู้ต้องสงสัยจึงมีแต่คนในครอบครัวเท่านั้นครับ” ชายสูงวัยในร่างที่ดูทะมัดทะแมงแข็งแรงกล่าวเพิ่มเติม
“ใครนะใจร้าย ฆ่าเจ้าเบิ้มทั้งสองตัวได้ !!? ” คุณหญิงเล็กตำหนิคนร้ายที่ก่ออาชญากรรมนี้ขึ้น
“มันจะเป็นไปได้ยังไง ที่ผู้ต้องสงสัยคือพวกเราในบ้าน พวกเรารักหมาของคุณนายแม่กันทั้งนั้น” คุณชายกลางรู้สึกโมโหที่พวกตนถูกกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าสุนัข
“พี่ว่าต้องมีคนร้ายข้างนอกเข้ามานะ แต่กล้องอาจจะถ่ายบันทึกไว้ไม่ทัน” คุณหญิงใหญ่เสริมความคิดเห็น
“ชายน้อยไม่รู้ แต่เสียใจ ๆ” คุณชายน้อยเบ้ปาก แม้พัฒนาการทางสมองจะไม่เท่ากับอายุ แต่ก็มีความรู้สึกเศร้าสะเทือนใจไม่ต่างจากคนปกติ
“คุณแม่ก็ไม่อยากจะคิดว่าเป็นฝีมือของพวกลูก ๆ เลย แต่จากหลักฐานที่มีอยู่ เพื่อนนักสืบคนเก่งของคุณแม่คนนี้จึงอยากขอสอบสวนพยานโดยรอบทุกคน พวกลูก ๆ ลองคุยกับคุณลุงดูก่อนนะ คุณแม่เชื่อว่า คุณลุงจะต้องมีวิธีไขปริศนาหาคนร้ายตัวจริงมาได้อย่างแน่นอน” คุณนายหญิงวัยอ่อนกว่านักสืบชายเล็กน้อย เป็นคนที่รักสุนัขของตนมาก เมื่อมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก จึงมีความพยายามในการเชิญผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์หาคนผิดให้จงได้
ลุงนักสืบจึงขอทำการสัมภาษณ์ลูก ๆ ทั้งสี่ ทีละคน ในห้องทำงานของคุณนายหญิงซึ่งค่อนข้างเก็บเสียง คนนอกห้องไม่สามารถได้ยินบทสนทนาของคนในห้องได้
นักสืบชราถามทุกคนด้วยคำถามเดียวกันว่า
ตอนช่วงเที่ยงคืนถึงหกโมงเช้า ทุกคนทำอะไรกันบ้าง เพราะก่อนเที่ยงคืน คุณนายหญิงได้พาสุนัขตัวโปรดออกไปนอกบ้านเพื่อถ่ายปัสสาวะชั่วเวลาสั้น ๆ ก่อนจะเข้ามาในบ้าน และกล้องวงจรปิดก็ได้สิ้นสุดการบันทึกภาพทั้งสองลงแค่ช่วงนั้น ภายในบ้านไม่มีกล้องวงจรปิด หลังจากเข้าบ้าน คุณนายหญิงได้ขึ้นข้างบนเข้าห้องนอน ปล่อยให้เจ้าเบิ้มนอนด้านล่างที่ห้องโถง
“วันนั้นหญิงใหญ่นอนตั้งแต่ห้าทุ่มค่ะ ตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนตีสองครั้งนึง แต่ก็ไม่ได้ยินอะไรผิดปกตินะคะ แล้วก็นอนต่อมาตื่นตอนตีห้าครึ่งค่ะ และลงไปข้างล่างตอนที่ได้ยินเสียงดังของยายทิพย์เนี่ยค่ะ” คุณหญิงใหญ่ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องสอบสวนชั่วคราวเป็นคนแรก
“ผมนอนตอนตีหนึ่งครับ แล้วก็มาตื่นอีกทีตอนที่น้องหญิงเล็กมาปลุกไปดูเจ้าเบิ้มช่วงหกโมงครับ” คุณชายกลางเล่าเสียงราบเรียบ
“หญิงเล็ก เอ่อ คือหญิงเล็กไม่ได้ทำนะคะครั้งนี้ คือหญิงเล็กนอนตั้งแต่สี่ทุ่มแล้วค่ะ แต่หญิงเล็กตื่นบ่อยค่ะ ชอบตื่นตีสองกับตีสี่ แล้วก็นอนไม่ค่อยหลับแล้วค่ะ มาได้ยินเสียงยายทิพย์ก็เลยลงไปดู” คุณหญิงเล็กเล่าด้วยอาการกังวลทำให้นักสืบรุ่นเก๋าจับพิรุธได้บางอย่าง
“ชายน้อยนอนหลับกี่โมงจำไม่ได้แล้วครับ ตื่นมาอีกทีก็รู้ว่าเจ้าเบิ้มตายแล้ว” คุณชายน้อยค่อย ๆ นึกและเล่าเหตุการณ์วันนั้น
ใช้เวลาไปนานพอสมควร จึงได้คุยกันครบทั้งสี่คน แล้วนักสืบปรเมศร์ก็ได้เชิญคุณนายแพรวพรรณเข้าไปคุยเป็นคนสุดท้าย
“คุณไม่น่าใช้วิธีนี้เลยนะครับ น่าจะปรึกษาผมก่อน” นักสืบรุ่นเก๋าเอ่ยขึ้น
“ฉัน...คือฉันคิดถึงเจ้าเบิ้มตัวแรกมากค่ะ เจ้าเบิ้มตัวที่สองนิสัยไม่เหมือนกับตัวแรกเลย มันซนกว่ามาก ชอบเห่าเสียงดังและกัดของเสียหายด้วยค่ะ” คุณนายแพรวพรรณค่อย ๆ ระบายความอัดอั้นออกมา
“คุณก็เลยวางยาเบื่อเจ้าเบิ้มตัวที่สองให้มีลักษณะการตายเหมือนกับตัวแรก เพื่อที่จะได้หาข้อพิรุธของคนร้ายที่ฆ่าเจ้าเบิ้มตัวแรกเนี่ยนะ ที่จริงคุณก็มาพบผมเป็นประจำอยู่แล้ว น่าจะหารือผมก่อน”
จริง ๆ แล้วปรเมศร์คือจิตแพทย์ประจำตัวของคุณนายแพรวพรรณซึ่งป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อนหน้า เนื่องจากเสียใจมากเพราะสามีสุดที่รักเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน
“ฉันไม่ชอบเจ้าเบิ้มตัวที่สองด้วยค่ะ และฉันก็อยากรู้ว่าใครฆ่าเจ้าเบิ้มตัวแรกของฉัน คุณหมอคะ คุณหมอคิดว่าในกลุ่มลูก ๆ ของฉัน ใครฆ่าเจ้าเบิ้มตัวแรกของฉันคะ อ้อ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ที่ปลอมตัวมาเป็นนักสืบ เพื่อสืบหาคนร้ายให้ค่ะ”
หมอปรเมศร์แม้ไม่ใช่นักสืบ แต่เขาสนใจการสืบสวนสอบสวนมานานแล้ว เวลาว่างเขามักอ่านนิยายหรือการ์ตูนแนวนี้ตั้งแต่เด็ก การได้มาเป็นนักสืบเฉพาะกิจ จึงเป็นเรื่องที่เขาสนใจและน่าท้าทายอย่างยิ่ง
“จริง ๆ ผมพยายามสืบให้คุณนายตั้งแต่ตอนที่มาเล่าให้ผมฟังแล้วว่าเจ้าเบิ้มตัวแรกถูกฆ่าเมื่อหลายเดือนก่อน และผมก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนฆ่า แต่ผมไม่อยากบอก เพราะถึงอย่างไร ฆาตรกรก็เป็นลูกแท้ ๆ ของคุณนาย ผมไม่อยากให้คนในครอบครัวต้องแตกแยกกันครับ แต่ตอนนี้เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมคิดว่าผมควรจะบอกคุณนายว่า ใครฆ่าเจ้าเบิ้ม ??” จิตแพทย์ในคราบนักสืบตัดสินใจที่จะเผยความลับที่เขาปกปิดเก็บงำไว้ออกมา
“ใครคะคุณนักสืบ เอ๊ย ! คุณหมอ ?” คุณนายหญิงจ้องหน้าและจดจ่อต่อคำตอบของนักสืบจำเป็น
“
คุณชายกลางครับ…” คุณหมอตอบอย่างไม่ค่อยเต็มปากเต็มคำ เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของคุณนายคนไข้
“หา...ชายกลางเองหรือคะ ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ ทำไมชายกลางถึงทำอย่างนั้นล่ะคะ แล้วคุณหมอรู้ได้ยังไงคะ” คาดไม่ถึงจริง ๆ สำหรับคุณนายแม่ที่เลี้ยงลูก ๆ เองทั้งหมด เพราะรู้จักนิสัยใจคอของลูก ๆ ทุกคนดี คุณชายกลางมีนิสัยอ่อนโยน รักสัตว์ แต่ก็มีใจร้อนบ้างเป็นบางครั้ง จึงยากที่จะทำใจให้เชื่อได้ว่าเป็นฆาตรกร
“ก็รู้จากคุณหญิงเล็กครับ คือเธอเป็นคนไข้ของจิตแพทย์คนหนึ่งที่เป็นเพื่อนของผมพอดี ตอนนั้นผมลองสืบหาประวัติการเข้าออกโรงพยาบาลของลูก ๆ คุณนายทุกคน เผื่อจะมีข้อมูลสืบหาคนฆ่าเจ้าเบิ้มได้บ้าง” ปรเมศร์หยุดเล่าสักครู่ และสังเกตปฏิกิริยาของคุณนายว่าปกติดีไหม
“ผมจึงไปถามเพื่อนหมอคนนั้น แกเล่าให้ผมฟังว่า คุณหญิงเล็กมาปรึกษาเรื่องนอนไม่ค่อยหลับ หลับยาก แล้วก็เลยเล่าเรื่องพี่ชายของเธอด้วยว่า เขามาสารภาพกับเธอว่าเขาเองเป็นคนวางยาเบื่อในไส้กรอกให้สุนัขของคุณนายกินแล้วตาย สาเหตุเพราะเจ้าเบิ้มไปกัดแมวสุดรักของเขาตายก่อนน่ะครับ” คุณหมอนักสืบอธิบายที่มาที่ไปและสาเหตุของการฆ่า
“โถ ชายกลางของแม่ ไม่น่าทำแบบนี้เลย ขอบคุณมาก ๆ นะคะคุณหมอ” มีน้ำตาใส ๆ ซึมออกมาจากดวงตาของคุณนายแม่
“แล้วคุณนายจะทำยังไงต่อไปล่ะครับ ตอนนี้รู้ความจริงแล้วว่าใครฆ่าเจ้าเบิ้ม ??” คุณหมอนักสืบรีบถามเพราะเกรงว่าคนไข้ของตนจะทำอะไรที่คาดไม่ถึงอีก
“ฉันก็คงจะปล่อยให้เรื่องมันเงียบไปค่ะ เพราะฉันคงไม่ไปพูดทำร้ายจิตใจลูกของฉันหรอกค่ะ และฉันก็คงไม่ซื้อสุนัขตัวใหม่มาเลี้ยงแล้วค่ะ” คุณนายหญิงเริ่มทำใจได้แล้วกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“แล้วคุณนายจะไม่รู้สึกเหงาเหรอครับ ไม่มีสุนัขเป็นเพื่อน ?? ” คุณหมอถามอย่างห่วงใย
“ก็ฉันมีคุณแล้วไงคะ...คุณบอกเองว่าคุณรักฉัน...ฉันก็รักคุณค่ะคุณหมอ”
ทั้งสองมองตากัน ขยับเข้ามาใกล้ชิดกัน และโอบกอดกันอย่างมีความสุข
โรคซึมเศร้าของคุณนายหญิงคงจะถูกบำบัดให้หายสนิทไปได้ในไม่ช้า โดยคุณหมอยอดนักสืบ คู่ชีวิตคนใหม่...คนนี้นั่นเอง
/// จบ ///
รายชื่อให้เลือกตอบครับ
1. Chi River
2. Christian Trevelyan Grey
3. KTHc
4. Ladylongleg - 2326325 (คุณเล็ก)
5. Lady Star 919 (น้องดาว)
6. Psycho G
7. Soul Master
8. TOSHARE - 5212378
9. WANG JIE (กรรมการ)
10. แจ๊คในสวนถั่ว
11. ดินสอสีน้ำ
12. นลินมณี
13. ป้ามล - 3650985
14. รัชต์สารินท์
15. ไร้นาม - 3842840
16. ลุงแผน
17. ลูนาติก
18. วนิล - 3188982
19. สวนดอก
20. สิงห์ริมถนน
🐕❔🕵️ THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#104 Week#24 FINAL : "ใครฆ่าเจ้าเบิ้ม" - ถุงมือ คุณหมอยอดนักสืบ 🕵️❔🐕
เรื่องนี้แนวสืบสวน และเกี่ยวกับน้องหมาตัวหนึ่งซึ่งถูกฆ่าในบ้านหลังหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่าคนฆ่ามันคือใคร
เจ้าของรักน้องหมามาก เลยให้คุณหมอซึ่งเป็นนักสืบสมัครเล่นคนหนึ่งที่ตนรู้จักมาช่วยไขปริศนา
เขาจะไขปริศนาได้หรือไม่ และสุดท้ายผลจะเป็นอย่างไร ตามไปดูกันครับ ^^
“อ๊ายยยยยยยย....เจ้าเบิ้ม...เจ้าเบิ้มตายค่ะ !!! ” เสียงร้องตะโกนลั่นของยายทิพย์ หัวหน้าแม่บ้านคฤหาสน์หรูสไตล์วินเทจ เมื่อเปิดประตูก้าวเท้าเข้ามาในห้องโถง ตอนหกโมงเช้า…
“น้ำลายฟูมปากแบบนี้โดนยาเบื่ออีกแน่ ๆ...” ไม่นานนัก สมชาติ คนขับรถประจำบ้านกระหืดกระหอบวิ่งเข้ามาดู หลังจากได้ยินเสียงโวยวายเมื่อครู่ ขณะที่ตนเองกำลังทำความสะอาดภายนอกรถยนต์คันงาม เพื่อจะใช้ขับพาคุณนายหญิงไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าช่วงสาย
“ใครนะ..ใจร้ายที่สุด !!? ทำกับเจ้าเบิ้มของยายทิพย์ได้ ฮือ ๆ ๆ ” หญิงชราแม่บ้านร้องไห้เสียใจ และนี่ก็เป็นสุนัขตัวที่สองแล้ว ที่เสียชีวิตในลักษณะเดียวกันภายในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา
“เนื่องจากการเสียชีวิตของสุนัขในบ้านนี้ ครั้งนี้นับว่าเป็นครั้งที่สอง โดยครั้งแรกก็คือสุนัขชื่อเจ้าเบิ้มเหมือนกัน เป็นพันธุ์และสีเดียวกันกับตัวที่เพิ่งเสียชีวิตไป และมีสาเหตุการตายเดียวกันคือกินไส้กรอกผสมยาเบื่อเข้าไป และทั้งสองครั้งของคืนเกิดเหตุ หลังจากตรวจดูกล้องวงจรปิดของบ้านแล้ว ไม่มีบุคคลภายนอกเข้าออกตัวบ้านเลย นอกจากสมาชิกภายในบ้าน ซึ่งก็มี คุณนายแพรวพรรณ และลูก ๆ ได้แก่ คุณหญิงใหญ่ คุณชายกลาง คุณหญิงเล็ก และคุณชายน้อย ส่วนพวกแม่บ้านและคนขับรถ ไม่ได้เข้ามาในบ้านเลยช่วงกลางคืน ผู้ต้องสงสัยจึงมีแต่คนในครอบครัวเท่านั้นครับ” ชายสูงวัยในร่างที่ดูทะมัดทะแมงแข็งแรงกล่าวเพิ่มเติม
“ใครนะใจร้าย ฆ่าเจ้าเบิ้มทั้งสองตัวได้ !!? ” คุณหญิงเล็กตำหนิคนร้ายที่ก่ออาชญากรรมนี้ขึ้น
“มันจะเป็นไปได้ยังไง ที่ผู้ต้องสงสัยคือพวกเราในบ้าน พวกเรารักหมาของคุณนายแม่กันทั้งนั้น” คุณชายกลางรู้สึกโมโหที่พวกตนถูกกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าสุนัข
“พี่ว่าต้องมีคนร้ายข้างนอกเข้ามานะ แต่กล้องอาจจะถ่ายบันทึกไว้ไม่ทัน” คุณหญิงใหญ่เสริมความคิดเห็น
“ชายน้อยไม่รู้ แต่เสียใจ ๆ” คุณชายน้อยเบ้ปาก แม้พัฒนาการทางสมองจะไม่เท่ากับอายุ แต่ก็มีความรู้สึกเศร้าสะเทือนใจไม่ต่างจากคนปกติ
“คุณแม่ก็ไม่อยากจะคิดว่าเป็นฝีมือของพวกลูก ๆ เลย แต่จากหลักฐานที่มีอยู่ เพื่อนนักสืบคนเก่งของคุณแม่คนนี้จึงอยากขอสอบสวนพยานโดยรอบทุกคน พวกลูก ๆ ลองคุยกับคุณลุงดูก่อนนะ คุณแม่เชื่อว่า คุณลุงจะต้องมีวิธีไขปริศนาหาคนร้ายตัวจริงมาได้อย่างแน่นอน” คุณนายหญิงวัยอ่อนกว่านักสืบชายเล็กน้อย เป็นคนที่รักสุนัขของตนมาก เมื่อมีการฆาตกรรมเกิดขึ้นกับสัตว์เลี้ยงแสนรัก จึงมีความพยายามในการเชิญผู้เชี่ยวชาญมาวิเคราะห์หาคนผิดให้จงได้
ลุงนักสืบจึงขอทำการสัมภาษณ์ลูก ๆ ทั้งสี่ ทีละคน ในห้องทำงานของคุณนายหญิงซึ่งค่อนข้างเก็บเสียง คนนอกห้องไม่สามารถได้ยินบทสนทนาของคนในห้องได้
นักสืบชราถามทุกคนด้วยคำถามเดียวกันว่า ตอนช่วงเที่ยงคืนถึงหกโมงเช้า ทุกคนทำอะไรกันบ้าง เพราะก่อนเที่ยงคืน คุณนายหญิงได้พาสุนัขตัวโปรดออกไปนอกบ้านเพื่อถ่ายปัสสาวะชั่วเวลาสั้น ๆ ก่อนจะเข้ามาในบ้าน และกล้องวงจรปิดก็ได้สิ้นสุดการบันทึกภาพทั้งสองลงแค่ช่วงนั้น ภายในบ้านไม่มีกล้องวงจรปิด หลังจากเข้าบ้าน คุณนายหญิงได้ขึ้นข้างบนเข้าห้องนอน ปล่อยให้เจ้าเบิ้มนอนด้านล่างที่ห้องโถง
“วันนั้นหญิงใหญ่นอนตั้งแต่ห้าทุ่มค่ะ ตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนตีสองครั้งนึง แต่ก็ไม่ได้ยินอะไรผิดปกตินะคะ แล้วก็นอนต่อมาตื่นตอนตีห้าครึ่งค่ะ และลงไปข้างล่างตอนที่ได้ยินเสียงดังของยายทิพย์เนี่ยค่ะ” คุณหญิงใหญ่ลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องสอบสวนชั่วคราวเป็นคนแรก
“ผมนอนตอนตีหนึ่งครับ แล้วก็มาตื่นอีกทีตอนที่น้องหญิงเล็กมาปลุกไปดูเจ้าเบิ้มช่วงหกโมงครับ” คุณชายกลางเล่าเสียงราบเรียบ
“หญิงเล็ก เอ่อ คือหญิงเล็กไม่ได้ทำนะคะครั้งนี้ คือหญิงเล็กนอนตั้งแต่สี่ทุ่มแล้วค่ะ แต่หญิงเล็กตื่นบ่อยค่ะ ชอบตื่นตีสองกับตีสี่ แล้วก็นอนไม่ค่อยหลับแล้วค่ะ มาได้ยินเสียงยายทิพย์ก็เลยลงไปดู” คุณหญิงเล็กเล่าด้วยอาการกังวลทำให้นักสืบรุ่นเก๋าจับพิรุธได้บางอย่าง
“ชายน้อยนอนหลับกี่โมงจำไม่ได้แล้วครับ ตื่นมาอีกทีก็รู้ว่าเจ้าเบิ้มตายแล้ว” คุณชายน้อยค่อย ๆ นึกและเล่าเหตุการณ์วันนั้น
ใช้เวลาไปนานพอสมควร จึงได้คุยกันครบทั้งสี่คน แล้วนักสืบปรเมศร์ก็ได้เชิญคุณนายแพรวพรรณเข้าไปคุยเป็นคนสุดท้าย
“คุณไม่น่าใช้วิธีนี้เลยนะครับ น่าจะปรึกษาผมก่อน” นักสืบรุ่นเก๋าเอ่ยขึ้น
“ฉัน...คือฉันคิดถึงเจ้าเบิ้มตัวแรกมากค่ะ เจ้าเบิ้มตัวที่สองนิสัยไม่เหมือนกับตัวแรกเลย มันซนกว่ามาก ชอบเห่าเสียงดังและกัดของเสียหายด้วยค่ะ” คุณนายแพรวพรรณค่อย ๆ ระบายความอัดอั้นออกมา
“คุณก็เลยวางยาเบื่อเจ้าเบิ้มตัวที่สองให้มีลักษณะการตายเหมือนกับตัวแรก เพื่อที่จะได้หาข้อพิรุธของคนร้ายที่ฆ่าเจ้าเบิ้มตัวแรกเนี่ยนะ ที่จริงคุณก็มาพบผมเป็นประจำอยู่แล้ว น่าจะหารือผมก่อน”
จริง ๆ แล้วปรเมศร์คือจิตแพทย์ประจำตัวของคุณนายแพรวพรรณซึ่งป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามาก่อนหน้า เนื่องจากเสียใจมากเพราะสามีสุดที่รักเสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อน
“ฉันไม่ชอบเจ้าเบิ้มตัวที่สองด้วยค่ะ และฉันก็อยากรู้ว่าใครฆ่าเจ้าเบิ้มตัวแรกของฉัน คุณหมอคะ คุณหมอคิดว่าในกลุ่มลูก ๆ ของฉัน ใครฆ่าเจ้าเบิ้มตัวแรกของฉันคะ อ้อ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ ที่ปลอมตัวมาเป็นนักสืบ เพื่อสืบหาคนร้ายให้ค่ะ”
หมอปรเมศร์แม้ไม่ใช่นักสืบ แต่เขาสนใจการสืบสวนสอบสวนมานานแล้ว เวลาว่างเขามักอ่านนิยายหรือการ์ตูนแนวนี้ตั้งแต่เด็ก การได้มาเป็นนักสืบเฉพาะกิจ จึงเป็นเรื่องที่เขาสนใจและน่าท้าทายอย่างยิ่ง
“จริง ๆ ผมพยายามสืบให้คุณนายตั้งแต่ตอนที่มาเล่าให้ผมฟังแล้วว่าเจ้าเบิ้มตัวแรกถูกฆ่าเมื่อหลายเดือนก่อน และผมก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนฆ่า แต่ผมไม่อยากบอก เพราะถึงอย่างไร ฆาตรกรก็เป็นลูกแท้ ๆ ของคุณนาย ผมไม่อยากให้คนในครอบครัวต้องแตกแยกกันครับ แต่ตอนนี้เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ผมคิดว่าผมควรจะบอกคุณนายว่า ใครฆ่าเจ้าเบิ้ม ??” จิตแพทย์ในคราบนักสืบตัดสินใจที่จะเผยความลับที่เขาปกปิดเก็บงำไว้ออกมา
“ใครคะคุณนักสืบ เอ๊ย ! คุณหมอ ?” คุณนายหญิงจ้องหน้าและจดจ่อต่อคำตอบของนักสืบจำเป็น
“คุณชายกลางครับ…” คุณหมอตอบอย่างไม่ค่อยเต็มปากเต็มคำ เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของคุณนายคนไข้
“หา...ชายกลางเองหรือคะ ไม่น่าเชื่อเลยค่ะ ทำไมชายกลางถึงทำอย่างนั้นล่ะคะ แล้วคุณหมอรู้ได้ยังไงคะ” คาดไม่ถึงจริง ๆ สำหรับคุณนายแม่ที่เลี้ยงลูก ๆ เองทั้งหมด เพราะรู้จักนิสัยใจคอของลูก ๆ ทุกคนดี คุณชายกลางมีนิสัยอ่อนโยน รักสัตว์ แต่ก็มีใจร้อนบ้างเป็นบางครั้ง จึงยากที่จะทำใจให้เชื่อได้ว่าเป็นฆาตรกร
“ก็รู้จากคุณหญิงเล็กครับ คือเธอเป็นคนไข้ของจิตแพทย์คนหนึ่งที่เป็นเพื่อนของผมพอดี ตอนนั้นผมลองสืบหาประวัติการเข้าออกโรงพยาบาลของลูก ๆ คุณนายทุกคน เผื่อจะมีข้อมูลสืบหาคนฆ่าเจ้าเบิ้มได้บ้าง” ปรเมศร์หยุดเล่าสักครู่ และสังเกตปฏิกิริยาของคุณนายว่าปกติดีไหม
“ผมจึงไปถามเพื่อนหมอคนนั้น แกเล่าให้ผมฟังว่า คุณหญิงเล็กมาปรึกษาเรื่องนอนไม่ค่อยหลับ หลับยาก แล้วก็เลยเล่าเรื่องพี่ชายของเธอด้วยว่า เขามาสารภาพกับเธอว่าเขาเองเป็นคนวางยาเบื่อในไส้กรอกให้สุนัขของคุณนายกินแล้วตาย สาเหตุเพราะเจ้าเบิ้มไปกัดแมวสุดรักของเขาตายก่อนน่ะครับ” คุณหมอนักสืบอธิบายที่มาที่ไปและสาเหตุของการฆ่า
“โถ ชายกลางของแม่ ไม่น่าทำแบบนี้เลย ขอบคุณมาก ๆ นะคะคุณหมอ” มีน้ำตาใส ๆ ซึมออกมาจากดวงตาของคุณนายแม่
“แล้วคุณนายจะทำยังไงต่อไปล่ะครับ ตอนนี้รู้ความจริงแล้วว่าใครฆ่าเจ้าเบิ้ม ??” คุณหมอนักสืบรีบถามเพราะเกรงว่าคนไข้ของตนจะทำอะไรที่คาดไม่ถึงอีก
“ฉันก็คงจะปล่อยให้เรื่องมันเงียบไปค่ะ เพราะฉันคงไม่ไปพูดทำร้ายจิตใจลูกของฉันหรอกค่ะ และฉันก็คงไม่ซื้อสุนัขตัวใหม่มาเลี้ยงแล้วค่ะ” คุณนายหญิงเริ่มทำใจได้แล้วกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“แล้วคุณนายจะไม่รู้สึกเหงาเหรอครับ ไม่มีสุนัขเป็นเพื่อน ?? ” คุณหมอถามอย่างห่วงใย
“ก็ฉันมีคุณแล้วไงคะ...คุณบอกเองว่าคุณรักฉัน...ฉันก็รักคุณค่ะคุณหมอ”
ทั้งสองมองตากัน ขยับเข้ามาใกล้ชิดกัน และโอบกอดกันอย่างมีความสุข
โรคซึมเศร้าของคุณนายหญิงคงจะถูกบำบัดให้หายสนิทไปได้ในไม่ช้า โดยคุณหมอยอดนักสืบ คู่ชีวิตคนใหม่...คนนี้นั่นเอง