ขึ้นชื่อ "ไตรภพ ลิมปพัทธ์" เชื่อว่าหลายคนที่อยู่ตรงนี้จะนึกถึงภาพการเป็น "พิธีกรขายดีตลอดกาล" อยู่วันยันค่ำ แต่หารู้ไหมว่าตลอดกว่า 40 ปีที่ผ่านมา เขาผ่านการประกอบอาชีพมาหลายอย่าง ทั้งการเป็นทนายความ หรือบทบาทการเป็นนักแสดง
จะมีน้อยคนนักยังจำได้ว่า "เฮียต๋อย" เคยเป็นพระเอกภาพยนตร์มาแล้วในเรื่อง "อีก 10 วันโลกจะแตก" เมื่อปี 2530 แต่หลังจากนั้นเรื่อยมาเขาก็ลงหลักปักฐานทำงานด้านโทรทัศน์อยู่ตลอด จนทำให้เขาแทบไม่มีเวลากลับไปเล่นหนังอีกเลย
แต่จากการที่ผู้ชายใจใหญ่คนนี้ได้เชื้อเชิญเหล่าดาราและผู้อยู่เบื้องหลังมาเยี่ยมรายการของเขาอยู่หลายครั้ง สิ่งที่เขามักจะเปรยและเชื่อเสมออยู่ที่ว่าจะต้อง "รักหนังไทย" และ "อุดหนุนหนังไทย" ด้วยกัน
แต่ว่าสิ่งนั้นไม่ใช่แค่พูดเฉย ๆ เสมอไป เพราะเราได้พิสูจน์มาแล้วว่า...มีอยู่ครั้งหนึ่งในชีวิต...นานมาแล้ว...ที่เขาพยายามตระเตรียมความคิดต่าง ๆ เหล่านั้นเอาไว้เพื่อให้เป็นจริงขึ้นมา นั่นคือ...ความฝันอยากจะทำหนังด้วยตัวเองบ้าง!!!
ก็ไม่รู้ว่าทำไมพิธีกรชื่อดังถึงกล้าทุ่มจิต ทุ่มใจ และทุ่มเงิน...เพื่อวาดภาพที่ฝันนั้นให้ดูดีมีคุณค่า ทัดเทียมสากลได้อย่างสบาย แต่จนถึงป่านนี้...สิ่งที่เขาวาดไว้ยังไม่สำเร็จเป็นรูปเป็นร่างเลย
ถ้าคุณไม่เชื่อ เราได้เจอข่าวความฝันชิ้นดังกล่าวของเขาลงในหนังสือพิมพ์เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว เขาว่าอย่างไรบ้าง เชิญอ่านแล้วค่อยคิด...
ข่าวตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ข่าวสด, 28 มกราคม 2537.
นั่นคือความฝันที่ยังคงเป็นความฝันอยู่ แต่ถ้าเกิดเฮียต๋อยทำสำเร็จและได้รับความร่วมมือจากเพื่อนฝูงรอบข้างเป็นอย่างดี เราจะมีโอกาสได้ดูหนังที่เขาวาดไว้มานานแน่ ๆ แต่จะมาเมื่อไรนั้นคงขึ้นอยู่กับทุกสิ่งทุกอย่างอำนวย
ไม่แน่ว่าอาจจะเชิญลูกทีมของเขามาร่วมงานด้วยคงยิ่งดีใหญ่ อย่าง "โก๊ะตี๋" อาจจะมานั่งแท่นกำกับ "เอ๊าะ" ที่เคยเล่นหนังพวกกระโปรงบานขาสั้นก็อาจจะกลับหวนจอเงินอีกครั้ง "ณวัฒน์" หลังจากช้ำใจกับรายได้หนัง "รักข้ามคาน" ที่เขาปั้นในปีนี้ น่าจะมาเล่นหนังให้ดูเป็นขวัญตาสักครั้ง
และเฮียต๋อยเองอาจจะกลับมาเล่นหนังในรอบ 30 กว่าปีไปด้วย ไม่ว่าจะมาในหนังของเขาเอง หรือหนังของคนอื่น เรารอที่จะชม
ขอให้โชคดีนะ สวัสดี.
"โปรเจ็กต์หนัง" หนึ่งความฝันที่ใกล้จะเป็นจริงของ "ไตรภพ"
จะมีน้อยคนนักยังจำได้ว่า "เฮียต๋อย" เคยเป็นพระเอกภาพยนตร์มาแล้วในเรื่อง "อีก 10 วันโลกจะแตก" เมื่อปี 2530 แต่หลังจากนั้นเรื่อยมาเขาก็ลงหลักปักฐานทำงานด้านโทรทัศน์อยู่ตลอด จนทำให้เขาแทบไม่มีเวลากลับไปเล่นหนังอีกเลย
แต่จากการที่ผู้ชายใจใหญ่คนนี้ได้เชื้อเชิญเหล่าดาราและผู้อยู่เบื้องหลังมาเยี่ยมรายการของเขาอยู่หลายครั้ง สิ่งที่เขามักจะเปรยและเชื่อเสมออยู่ที่ว่าจะต้อง "รักหนังไทย" และ "อุดหนุนหนังไทย" ด้วยกัน
แต่ว่าสิ่งนั้นไม่ใช่แค่พูดเฉย ๆ เสมอไป เพราะเราได้พิสูจน์มาแล้วว่า...มีอยู่ครั้งหนึ่งในชีวิต...นานมาแล้ว...ที่เขาพยายามตระเตรียมความคิดต่าง ๆ เหล่านั้นเอาไว้เพื่อให้เป็นจริงขึ้นมา นั่นคือ...ความฝันอยากจะทำหนังด้วยตัวเองบ้าง!!!
ก็ไม่รู้ว่าทำไมพิธีกรชื่อดังถึงกล้าทุ่มจิต ทุ่มใจ และทุ่มเงิน...เพื่อวาดภาพที่ฝันนั้นให้ดูดีมีคุณค่า ทัดเทียมสากลได้อย่างสบาย แต่จนถึงป่านนี้...สิ่งที่เขาวาดไว้ยังไม่สำเร็จเป็นรูปเป็นร่างเลย
ถ้าคุณไม่เชื่อ เราได้เจอข่าวความฝันชิ้นดังกล่าวของเขาลงในหนังสือพิมพ์เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว เขาว่าอย่างไรบ้าง เชิญอ่านแล้วค่อยคิด...