👉🏻ก่อนเข้ารีวิวเราขอแนะนำแฟนเพจ FB ของเราสักนิด เราเปิดขึ้นมาเพื่อรวบรวมร้านอาหารทั้งในและต่างประเทศมากมาย มาแบ่งปันกัน ฝากกดไลค์ กดแชร เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะค้าาา
📍 FB: ตามล่า Fine Dining
📌 IG: Fine Dining lover
และช่องทางใหม่ทาง Youtube : ตามล่า Fine Dining
🇹🇭 Baankhao - บ้านข้าว
🍴 Creative - อาหารเชิงความคิดสร้างสรรค์
🎗 [Intro] เพิ่งทำรีวิวเซ็ตเมนู Season 2 เสร็จไปได้ราวๆ 1 เดือน ไม่น่าเชื่อว่าเชฟเป้และเชฟข้าวโพดจะได้ฤกษ์เปลี่ยนเมนูกันใหม่ทั้งหมดอีกแล้วโดยใน Season 3 นี้เป็นธีม Celebration เพื่อเฉลิมฉลองวันคริสมาสต์และปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนั่นเอง
🎗 [Review] สำหรับประวัติของร้านเราขอยกมาจากรีวิวก่อนหน้านี้ ร้าน "BaanKhao (บ้านข้าว)" มีที่มาจากชื่อของพี่น้องข้าวโพดเเละข้าวโอ๊ตที่ปรับเปลี่ยนบริเวณข้างโรงจอดรถในบ้านเดี่ยวมาเป็นห้อง Private Dining เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว ลูกค้าต้องโทรจองกับเชฟข้าวโพดก่อนล่วงหน้าเพื่อนัดหมายวันว่างก่อนเข้าไปทาน ตัวร้านตั้งอยู่ย่านบางขุนเทียนค่อนข้างไกลจากตัวเมืองทำให้การเดินทางมาที่นี่ต้องอาศัยเเทกซี่หรือรถส่วนตัวเป็นหลัก ภายในมีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่สำหรับรองรับลูกค้าได้ 8-10 คน เชฟทั้งคู่ได้จัดเตรียมใบเมนูแสดงรายการอาหารแต่ละคอร์สที่เราจะได้ทานกัน บนผนังมีรูปแมวในชุดแดงตกแต่งเอาไว้เข้ากับบรรยากาศภายในได้เป็นอย่างดี ที่มุมร้านเชฟได้สั่งซื้อเป็ดสตัฟฟ์สองตัวมาวางเอาไว้ซึ่งก็เข้ากันกับธีมโดยรวมอย่างน่าแปลกใจ ประวัติของเชฟเราขอเริ่มเล่าที่ “เชฟเป้” ซึ่งผ่านประสบการณ์ในร้านอาหารระดับ Michelin Star มาเเล้วหลายแห่งทั้ง Ze Kitchen Galerie (1 Michelin Star, Paris), Le Vendôme, Meatlicious, La Casa Nostra, L'Atelier de Joël Robuchon (1 Michelin Star, Bangkok), White Lies (Michelin Plate, Bangkok) ส่วน “เชฟข้าวโพด” เรียนจบทางด้านการอาหารมาจากมหาวิทยาลัยสวนดุสิต และผ่านงานร้านอาหารชั้นนำมาหลายแห่ง เช่น Red Egg, Meatlicious, La Casa Nostra, Baltic Blunos รวมไปถึงการร่วมเข้าแข่งขันระดับประเทศอย่าง The Team Chef จากที่ว่ามาทำให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพอาหารได้ระดับหนึ่งเลยล่ะ
🎗 สำหรับใน Season 3 เชฟทั้งคู่ได้นำเสนอออกมาในรูปแบบเซ็ตเมนูไม่จำกัดสัญชาติจำนวน 10 คอร์ส (เพิ่มจาก Season ก่อนมาอีก 1 คอร์ส) ทั้งยังเพิ่มความแปลกใหม่โดยการเลือกวัตถุดิบหาทานยากอย่างเนื้อนกกระจอกเทศ สวีทเบรด กุ้งหวานญี่ปุ่น และหอยแมลงภู่คุณภาพเข้าไว้ในเซ็ทด้วย เชฟทั้งสองจะสลับกันออกมาอธิบายอาหารแต่ละคอร์สให้ลูกค้าฟังด้วยตัวเอง และเช่นเคยหลังทานเสร็จลูกค้าสามารถกดกริ่งเรียกเชฟมาเก็บจานและเตรียมนำเสิร์ฟอาหารคอร์สถัดไป สำหรับ Season 3 นี้ เชฟเป้และเชฟข้าวโพดจัดเตรียมอาหารออกมาใน Theme: Celebration และมีจานที่ทำออกมาได้อย่างโดดเด่น เช่น
✨ SALMON
white miso | nori | white asparagus
คอร์สหลักจานแรกคือ ”ปลาแซลมอน“ ที่เชฟนำไปหมักในมิโสะขาวนานถึง 5 ชั่วโมง เนื้อสัมผัสที่ได้ทานถือว่าโอเคเลยสำหรับเนื้อปลาระดับนี้คือมีความหนึบแต่ไม่ทิ้งความนุ่ม จากนั้นนำมาห่อด้วยสาหร่ายเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและความอุมามิ จากนั้นจึงนำไปซูวีที่อุณหภูมิ 53 องศาเซลเซียสนาน 5 นาที ด้านล่างเป็นเวลูเต้หรือซุปเย็นทำจากหน่อไม้ฝรั่งขาวและน้ำมันทารากอนหยดมาที่ด้านบนให้ความรู้สึกสดชื่นและกระตุ้นความอยากอาหารได้อย่างดี
✨ CARAMELLE PASTA
seafood mousse | clam jus | saffron foam
”การาเมลเล่“ เป็นพาสต้าที่หน้าตาดูคล้ายห่อลูกอม ด้านในเป็นไส้อาหารทะเลได้จากการนำเนื้อกุ้งอะมะเอบิและหอยเชลล์มาสับผสมกันเพื่อให้เกิดความนุ่มและรสหวานธรรมชาติจับคู่กับซอสแซฟฟรอนที่เชฟผสมกับน้ำสต็อกหอยออกมาได้กลมกล่อมไร้ซึ่งกลิ่นคาว ข้างกันคือหอยแมลงภู่นำเข้าจากฝรั่งเศสซึ่งแม้ขนาดจะไม่ได้ใหญ่เท่าหอยแมลงภู่ฝั่งบ้านเราหรือนิวซีแลนด์แต่มีจุดเด่นอยู่ที่เนื้อสัมผัสที่นุ่มและหนึบเด่นชัดกว่ามาก ขอแนะนำให้ทานซอสพร้อมกันกับพาสต้าสลับกับหอยแมลงภู่เพื่อให้ได้ความหลากหลายทางรสชาติและเนื้อสัมผัส
✨ EGG
coconut | mango chutney | nest
เมนูของหวานวันนี้เป็นไข่ไดโนเสาร์ … เอ่อ เป็นไวท์ช็อกโกแลตนำมาทำเป็นเปลือก ด้านในเป็นพานาคอตต้าและชัตนีย์มะม่วง รองด้านล่างด้วยขนมทรงรังนกหรือ Kadaif ปิดท้ายด้วยการโรยผงผงสโนว์ทำมาจากมะพร้าวไว้ที่รอบนอก เมื่อใช้ช้อนตอกออกมาจะเห็นชัทนีย์มะม่วงไหลเยิ้มออกมาคล้ายไข่แดงให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว ชั้นกลางที่เลียนแบบไข่ขาวเป็นพานาคอตต้าเนื้อนุ่มละมุน หอมกลิ่นวานิลลา เปลือกไข่ด้านนอกให้ความหวานจากไวท์ช็อกโกแลต คาคาอีฟด้านนอกบาง กรอบ ไม่แข็งจนทิ่มปากเหมือนที่เคยเจอมา ถือเป็นจานที่ทั้งสวยงาม รสชาติอร่อย และน่าจะเรียกเสียงว้าวจากลูกค้าทุกคนที่ได้ทาน
🎗 รสชาติและเทคนิคในอาหารแต่ละคอร์สถือว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป เชฟเป้และเชฟข้าวโพดนำเสนอเมนูที่แปลกตา มีความคิดสร้างสรรค์ และไม่ซ้ำใครโดยเฉพาะขนมหวานอย่าง EGG ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมออกไปอีกขั้น ราคาที่ตั้งเอาไว้ได้รวมน้ำเปล่าและโกโก้ร้อนเสิร์ฟปิดท้ายมื้ออาหารเอาไว้แล้วทั้งหมด บ้านข้าวยังคงเป็นร้านอาหารสไตล์ Chef's Table ย่านฝั่งธนที่เราแนะนำให้ลูกค้าที่อยากเริ่มลองทานอาหารสไตล์นี้ได้แวะลิ้มลองกันดู
📃 BAANKHAO SEASON 3 ”CELEBRATION” TASTING MENU (1,850 NET/p)
MERINGUE
mentaiko | roselle | cream cheese
TARTLETTE
fava bean | goat cheese | shichimi
ESCABECHE
mackerel | potato | fennel | dill
SALMON
white miso | nori | white asparagus
BEEF BROTH
wagyu | winter melon | yuzukosho
SWEETBREAD
5 mustards | jalapeno | mustard greens
CARAMELLE PASTA
seafood mousse | clam jus | saffron foam
PORK BELLY
pork rind crust | pork jus | lentils stew
OR�
PIE (+350 supplement)
ostrich | duxelles | port wine sauce | romanesco broccoli
EGG
coconut | mango chutney | nest
CHOCOLATE CHAUD
house blended cacao | speculaas
👍 ร้านอาหารสไตล์ Chef's Table ราคาสุดคุ้มค่าในย่านบางขุนเทียน เซ็ตเมนูชุดใหม่ถูกปรับออกได้อย่างลงตัวมากขึ้น
🏵 Score: เนื่องจากเป็นสปอนเซอร์รีวิวทางเพจจึงไม่ได้ลงคะเเนนเอาไว้จ้า
📍 Visit: Nov 2020
🏠 Location: บ้านเลขที่ 8 ซอยบางกระดี่ ซอย 1 เเยก 16-1-2, เเสมดำ, บางขุนเทียน, กรุงเทพ, 10150
🚗 Parking: จอดได้ที่ร้าน
🕕 Operating Time: จองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน
💰 Price: 1,850 THB/p
📞 Tel: 085-199-0630 (เชฟข้าวโพด)
🧥 Dress Code: Casual
🖥 Website:
https://m.facebook.com/BaanKhaoRama2/
🥰 ฝากเพื่อนๆช่วยแชร์ กดไลค์ และกดติดตามเพจของเรา : ตามล่า Fine Dining
👍 เพจเราสร้างขึ้นเพื่อรีวิวห้องอาหาร Fine Dining ระดับมิชลินไกด์ทั่วโลก
#ChefsTable #Baankhao #FineDining #AroiBKK #Bangkok #ตามล่าFineDining
เพิ่งทำรีวิวเซ็ตเมนู Season 2 เสร็จไปได้ราวๆ 1 เดือน ไม่น่าเชื่อว่าเชฟเป้และเชฟข้าวโพดจะได้ฤกษ์เปลี่ยนเมนูกันใหม่ทั้งหมดอีกแล้วโดยใน Season 3 นี้เป็นธีม Celebration เพื่อเฉลิมฉลองวันคริสมาสต์และปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนั่นเอง
ที่มุมร้านเชฟได้สั่งซื้อเป็ดสตัฟฟ์สองตัวมาวางเอาไว้ซึ่งก็เข้ากันกับธีมโดยรวมอย่างน่าแปลกใจ
MERINGUE
mentaiko | roselle | cream cheese
ชิ้นแรกที่หน้าตาดูธรรมดาแต่รสชาติโดดเด่นที่สุดคือ ”แผ่นเมอแรงก์“ สองชิ้นประกบกัน ตรงกลางเป็นครีมชีสผสมกับไข่ปลาค็อดญี่ปุ่นหรือเมนไทโกะ รสชาติออกไปในโทนหวานจากเมอแรงก์เสริมด้วยความหอมมันของครีมชีสไข่ปลา ด้านบนโรยด้วยผงกระเจี๊ยบรสเปรี้ยวเพื่อตัดไม่ใช่เลี่ยนได้ง่าย
TARTLETTE
fava bean | goat cheese | shichimi
ชิ้นที่สองเป็น ”ทาร์ตเล็ต“ ขนาดพอดีคำทำมาจากถั่วปากอ้า ด้านในเป็นมูสทำมาจากชีสนมแพะให้ความรสออกเฝื่อนๆมันๆตัดกันกับคำแรกได้อย่างดี ด้านบนคือชิจิมิหรือพริกญี่ปุ่นช่วยเบรครสชาติชีสนมแพะไม่ได้แรงจนเกินไป
ESCABECHE
mackerel | potato | fennel | dill
สุดท้ายคือ ”มูสปลาทู“ ทานกับมันฝรั่งฟองดองท์ที่แทรกอยู่ตรงกลาง ด้านบนทอปด้วยเคเปอร์ทอดให้รสชาติเค็มและช่วยกระตุ้นน้ำย่อยได้ดี
SALMON
white miso | nori | white asparagus
มาถึงคอร์สหลักอย่างแรกคือ ”ปลาแซลมอน“ ที่เชฟนำไปหมักในมิโสะขาวนานถึง 5 ชั่วโมง เนื้อสัมผัสที่ได้ทานถือว่าโอเคเลยสำหรับเนื้อปลาระดับนี้คือมีความหนึบแต่ไม่ทิ้งความนุ่ม จากนั้นนำมาห่อด้วยสาหร่ายเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและความอุมามิ จากนั้นจึงนำไปซูวีที่อุณหภูมิ 53 องศาเซลเซียสนาน 5 นาที ด้านล่างเป็นเวลูเต้หรือซุปเย็นทำจากหน่อไม้ฝรั่งขาวและน้ำมันทารากอนหยดมาที่ด้านบนให้ความรู้สึกสดชื่นและกระตุ้นความอยากอาหารได้อย่างดี
BEEF BROTH
wagyu | winter melon | yuzukosho
ถัดจาก Cold starter เชฟจะนำเราเข้าสู่ ”ซุปเนื้อ“ เสิร์ฟมาร้อนๆโดยเชฟข้าวโพดจะมาเทซุปให้ต่อหน้าเราที่บนโต๊ะกันเลย
BEEF BROTH
wagyu | winter melon | yuzukosho
เชฟใช้เนื้อวัวออสเตรเลียนวากิวส่วนใบพายมาพันห่อรอบฟักชิ้นจิ๋วที่ผ่านการตุห่ยกับน้ำสต๊อกจนนุ่มทำให้เมื่อตอนกัดจะมีความต่างทางเนื้อสัมผัสเกิดขึ้นชัดเจน ส่วนน้ำซุปทำออกมาสไตล์จีนจีนผสมฝรั่งเศสเป็นคอนซูเม่เนื้อที่ผสมเครื่องเทศเข้าไปด้วย ด้านล่างเป็นน้ำมันวัวช่วยเพิ่มตัวตนความเป็นเนื้อให้เด่นชัดมากขึ้น
SWEETBREAD
5 mustards | jalapeno | mustard greens
มาถึงวัตถุดิบที่จัดการได้ยากอย่าง ”สวีทเบรด“ หรือต่อมไทมัสที่พบได้เฉพาะในลูกวัวเท่านั้น เชฟนำไปชุบแป้งทอดทำให้มีหน้าตาคล้ายนักเก็ต ด้านล่างเป็นซอสทำจากพริก Jalapeno ด้านล่างมีน้ำยำทำจากน้ำพริกหนุ่ม หอมแดง กระเทียม และผักกาดหิ่น ด้านบนเชฟใช้โทนรสเผ็ดจากซอสสีเหลืองทำมาจากมัสตาร์ดหลายชนิดคือดิจอง อเมริกัน ญี่ปุ่น และโฮลเกรน จุดเด่นของคำนี้คือเนื้อสัมผัสที่พบได้เฉพาะในสวีทเบรดเท่านั้นคือมีผิวด้านนอกกรอบแต่ด้านในนุ่มฉ่ำมาก น่าสนใจไม่เบา
ENERGY SHOT
prune | plum | balsamic vinegar
ล้างปากด้วย ”เอเนอจี้ช็อต“ เสิร์ฟมาในหลอดขนาดจิ๋ว วันนี้เชฟเลือกใช้ลูกพรุน บ๊วยและบัลซามิคผสมกันเป็นค็อกเทลรสหวานหอมสดชื่น
ตามต่อกันในคอมเม้นนะคะ
สำหรับใครที่ไม่อยากพลาดร้านอาหารดีๆสามารถไปติดตามกันได้ที่ fb: ตามล่า Fine Dining
[CR] 🇹🇭 Baankhao - บ้านข้าว private home dining
📍 FB: ตามล่า Fine Dining
📌 IG: Fine Dining lover
และช่องทางใหม่ทาง Youtube : ตามล่า Fine Dining
🇹🇭 Baankhao - บ้านข้าว
🍴 Creative - อาหารเชิงความคิดสร้างสรรค์
🎗 [Intro] เพิ่งทำรีวิวเซ็ตเมนู Season 2 เสร็จไปได้ราวๆ 1 เดือน ไม่น่าเชื่อว่าเชฟเป้และเชฟข้าวโพดจะได้ฤกษ์เปลี่ยนเมนูกันใหม่ทั้งหมดอีกแล้วโดยใน Season 3 นี้เป็นธีม Celebration เพื่อเฉลิมฉลองวันคริสมาสต์และปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนั่นเอง
🎗 [Review] สำหรับประวัติของร้านเราขอยกมาจากรีวิวก่อนหน้านี้ ร้าน "BaanKhao (บ้านข้าว)" มีที่มาจากชื่อของพี่น้องข้าวโพดเเละข้าวโอ๊ตที่ปรับเปลี่ยนบริเวณข้างโรงจอดรถในบ้านเดี่ยวมาเป็นห้อง Private Dining เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว ลูกค้าต้องโทรจองกับเชฟข้าวโพดก่อนล่วงหน้าเพื่อนัดหมายวันว่างก่อนเข้าไปทาน ตัวร้านตั้งอยู่ย่านบางขุนเทียนค่อนข้างไกลจากตัวเมืองทำให้การเดินทางมาที่นี่ต้องอาศัยเเทกซี่หรือรถส่วนตัวเป็นหลัก ภายในมีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่สำหรับรองรับลูกค้าได้ 8-10 คน เชฟทั้งคู่ได้จัดเตรียมใบเมนูแสดงรายการอาหารแต่ละคอร์สที่เราจะได้ทานกัน บนผนังมีรูปแมวในชุดแดงตกแต่งเอาไว้เข้ากับบรรยากาศภายในได้เป็นอย่างดี ที่มุมร้านเชฟได้สั่งซื้อเป็ดสตัฟฟ์สองตัวมาวางเอาไว้ซึ่งก็เข้ากันกับธีมโดยรวมอย่างน่าแปลกใจ ประวัติของเชฟเราขอเริ่มเล่าที่ “เชฟเป้” ซึ่งผ่านประสบการณ์ในร้านอาหารระดับ Michelin Star มาเเล้วหลายแห่งทั้ง Ze Kitchen Galerie (1 Michelin Star, Paris), Le Vendôme, Meatlicious, La Casa Nostra, L'Atelier de Joël Robuchon (1 Michelin Star, Bangkok), White Lies (Michelin Plate, Bangkok) ส่วน “เชฟข้าวโพด” เรียนจบทางด้านการอาหารมาจากมหาวิทยาลัยสวนดุสิต และผ่านงานร้านอาหารชั้นนำมาหลายแห่ง เช่น Red Egg, Meatlicious, La Casa Nostra, Baltic Blunos รวมไปถึงการร่วมเข้าแข่งขันระดับประเทศอย่าง The Team Chef จากที่ว่ามาทำให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพอาหารได้ระดับหนึ่งเลยล่ะ
🎗 สำหรับใน Season 3 เชฟทั้งคู่ได้นำเสนอออกมาในรูปแบบเซ็ตเมนูไม่จำกัดสัญชาติจำนวน 10 คอร์ส (เพิ่มจาก Season ก่อนมาอีก 1 คอร์ส) ทั้งยังเพิ่มความแปลกใหม่โดยการเลือกวัตถุดิบหาทานยากอย่างเนื้อนกกระจอกเทศ สวีทเบรด กุ้งหวานญี่ปุ่น และหอยแมลงภู่คุณภาพเข้าไว้ในเซ็ทด้วย เชฟทั้งสองจะสลับกันออกมาอธิบายอาหารแต่ละคอร์สให้ลูกค้าฟังด้วยตัวเอง และเช่นเคยหลังทานเสร็จลูกค้าสามารถกดกริ่งเรียกเชฟมาเก็บจานและเตรียมนำเสิร์ฟอาหารคอร์สถัดไป สำหรับ Season 3 นี้ เชฟเป้และเชฟข้าวโพดจัดเตรียมอาหารออกมาใน Theme: Celebration และมีจานที่ทำออกมาได้อย่างโดดเด่น เช่น
✨ SALMON
white miso | nori | white asparagus
คอร์สหลักจานแรกคือ ”ปลาแซลมอน“ ที่เชฟนำไปหมักในมิโสะขาวนานถึง 5 ชั่วโมง เนื้อสัมผัสที่ได้ทานถือว่าโอเคเลยสำหรับเนื้อปลาระดับนี้คือมีความหนึบแต่ไม่ทิ้งความนุ่ม จากนั้นนำมาห่อด้วยสาหร่ายเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและความอุมามิ จากนั้นจึงนำไปซูวีที่อุณหภูมิ 53 องศาเซลเซียสนาน 5 นาที ด้านล่างเป็นเวลูเต้หรือซุปเย็นทำจากหน่อไม้ฝรั่งขาวและน้ำมันทารากอนหยดมาที่ด้านบนให้ความรู้สึกสดชื่นและกระตุ้นความอยากอาหารได้อย่างดี
✨ CARAMELLE PASTA
seafood mousse | clam jus | saffron foam
”การาเมลเล่“ เป็นพาสต้าที่หน้าตาดูคล้ายห่อลูกอม ด้านในเป็นไส้อาหารทะเลได้จากการนำเนื้อกุ้งอะมะเอบิและหอยเชลล์มาสับผสมกันเพื่อให้เกิดความนุ่มและรสหวานธรรมชาติจับคู่กับซอสแซฟฟรอนที่เชฟผสมกับน้ำสต็อกหอยออกมาได้กลมกล่อมไร้ซึ่งกลิ่นคาว ข้างกันคือหอยแมลงภู่นำเข้าจากฝรั่งเศสซึ่งแม้ขนาดจะไม่ได้ใหญ่เท่าหอยแมลงภู่ฝั่งบ้านเราหรือนิวซีแลนด์แต่มีจุดเด่นอยู่ที่เนื้อสัมผัสที่นุ่มและหนึบเด่นชัดกว่ามาก ขอแนะนำให้ทานซอสพร้อมกันกับพาสต้าสลับกับหอยแมลงภู่เพื่อให้ได้ความหลากหลายทางรสชาติและเนื้อสัมผัส
✨ EGG
coconut | mango chutney | nest
เมนูของหวานวันนี้เป็นไข่ไดโนเสาร์ … เอ่อ เป็นไวท์ช็อกโกแลตนำมาทำเป็นเปลือก ด้านในเป็นพานาคอตต้าและชัตนีย์มะม่วง รองด้านล่างด้วยขนมทรงรังนกหรือ Kadaif ปิดท้ายด้วยการโรยผงผงสโนว์ทำมาจากมะพร้าวไว้ที่รอบนอก เมื่อใช้ช้อนตอกออกมาจะเห็นชัทนีย์มะม่วงไหลเยิ้มออกมาคล้ายไข่แดงให้รสชาติหวานอมเปรี้ยว ชั้นกลางที่เลียนแบบไข่ขาวเป็นพานาคอตต้าเนื้อนุ่มละมุน หอมกลิ่นวานิลลา เปลือกไข่ด้านนอกให้ความหวานจากไวท์ช็อกโกแลต คาคาอีฟด้านนอกบาง กรอบ ไม่แข็งจนทิ่มปากเหมือนที่เคยเจอมา ถือเป็นจานที่ทั้งสวยงาม รสชาติอร่อย และน่าจะเรียกเสียงว้าวจากลูกค้าทุกคนที่ได้ทาน
🎗 รสชาติและเทคนิคในอาหารแต่ละคอร์สถือว่าคุ้มค่ากับราคาที่จ่ายไป เชฟเป้และเชฟข้าวโพดนำเสนอเมนูที่แปลกตา มีความคิดสร้างสรรค์ และไม่ซ้ำใครโดยเฉพาะขนมหวานอย่าง EGG ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมออกไปอีกขั้น ราคาที่ตั้งเอาไว้ได้รวมน้ำเปล่าและโกโก้ร้อนเสิร์ฟปิดท้ายมื้ออาหารเอาไว้แล้วทั้งหมด บ้านข้าวยังคงเป็นร้านอาหารสไตล์ Chef's Table ย่านฝั่งธนที่เราแนะนำให้ลูกค้าที่อยากเริ่มลองทานอาหารสไตล์นี้ได้แวะลิ้มลองกันดู
📃 BAANKHAO SEASON 3 ”CELEBRATION” TASTING MENU (1,850 NET/p)
MERINGUE
mentaiko | roselle | cream cheese
TARTLETTE
fava bean | goat cheese | shichimi
ESCABECHE
mackerel | potato | fennel | dill
SALMON
white miso | nori | white asparagus
BEEF BROTH
wagyu | winter melon | yuzukosho
SWEETBREAD
5 mustards | jalapeno | mustard greens
CARAMELLE PASTA
seafood mousse | clam jus | saffron foam
PORK BELLY
pork rind crust | pork jus | lentils stew
OR�
PIE (+350 supplement)
ostrich | duxelles | port wine sauce | romanesco broccoli
EGG
coconut | mango chutney | nest
CHOCOLATE CHAUD
house blended cacao | speculaas
👍 ร้านอาหารสไตล์ Chef's Table ราคาสุดคุ้มค่าในย่านบางขุนเทียน เซ็ตเมนูชุดใหม่ถูกปรับออกได้อย่างลงตัวมากขึ้น
🏵 Score: เนื่องจากเป็นสปอนเซอร์รีวิวทางเพจจึงไม่ได้ลงคะเเนนเอาไว้จ้า
📍 Visit: Nov 2020
🏠 Location: บ้านเลขที่ 8 ซอยบางกระดี่ ซอย 1 เเยก 16-1-2, เเสมดำ, บางขุนเทียน, กรุงเทพ, 10150
🚗 Parking: จอดได้ที่ร้าน
🕕 Operating Time: จองล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน
💰 Price: 1,850 THB/p
📞 Tel: 085-199-0630 (เชฟข้าวโพด)
🧥 Dress Code: Casual
🖥 Website: https://m.facebook.com/BaanKhaoRama2/
🥰 ฝากเพื่อนๆช่วยแชร์ กดไลค์ และกดติดตามเพจของเรา : ตามล่า Fine Dining
👍 เพจเราสร้างขึ้นเพื่อรีวิวห้องอาหาร Fine Dining ระดับมิชลินไกด์ทั่วโลก
#ChefsTable #Baankhao #FineDining #AroiBKK #Bangkok #ตามล่าFineDining
เพิ่งทำรีวิวเซ็ตเมนู Season 2 เสร็จไปได้ราวๆ 1 เดือน ไม่น่าเชื่อว่าเชฟเป้และเชฟข้าวโพดจะได้ฤกษ์เปลี่ยนเมนูกันใหม่ทั้งหมดอีกแล้วโดยใน Season 3 นี้เป็นธีม Celebration เพื่อเฉลิมฉลองวันคริสมาสต์และปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนั่นเอง
ที่มุมร้านเชฟได้สั่งซื้อเป็ดสตัฟฟ์สองตัวมาวางเอาไว้ซึ่งก็เข้ากันกับธีมโดยรวมอย่างน่าแปลกใจ
MERINGUE
mentaiko | roselle | cream cheese
ชิ้นแรกที่หน้าตาดูธรรมดาแต่รสชาติโดดเด่นที่สุดคือ ”แผ่นเมอแรงก์“ สองชิ้นประกบกัน ตรงกลางเป็นครีมชีสผสมกับไข่ปลาค็อดญี่ปุ่นหรือเมนไทโกะ รสชาติออกไปในโทนหวานจากเมอแรงก์เสริมด้วยความหอมมันของครีมชีสไข่ปลา ด้านบนโรยด้วยผงกระเจี๊ยบรสเปรี้ยวเพื่อตัดไม่ใช่เลี่ยนได้ง่าย
TARTLETTE
fava bean | goat cheese | shichimi
ชิ้นที่สองเป็น ”ทาร์ตเล็ต“ ขนาดพอดีคำทำมาจากถั่วปากอ้า ด้านในเป็นมูสทำมาจากชีสนมแพะให้ความรสออกเฝื่อนๆมันๆตัดกันกับคำแรกได้อย่างดี ด้านบนคือชิจิมิหรือพริกญี่ปุ่นช่วยเบรครสชาติชีสนมแพะไม่ได้แรงจนเกินไป
ESCABECHE
mackerel | potato | fennel | dill
สุดท้ายคือ ”มูสปลาทู“ ทานกับมันฝรั่งฟองดองท์ที่แทรกอยู่ตรงกลาง ด้านบนทอปด้วยเคเปอร์ทอดให้รสชาติเค็มและช่วยกระตุ้นน้ำย่อยได้ดี
SALMON
white miso | nori | white asparagus
มาถึงคอร์สหลักอย่างแรกคือ ”ปลาแซลมอน“ ที่เชฟนำไปหมักในมิโสะขาวนานถึง 5 ชั่วโมง เนื้อสัมผัสที่ได้ทานถือว่าโอเคเลยสำหรับเนื้อปลาระดับนี้คือมีความหนึบแต่ไม่ทิ้งความนุ่ม จากนั้นนำมาห่อด้วยสาหร่ายเพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและความอุมามิ จากนั้นจึงนำไปซูวีที่อุณหภูมิ 53 องศาเซลเซียสนาน 5 นาที ด้านล่างเป็นเวลูเต้หรือซุปเย็นทำจากหน่อไม้ฝรั่งขาวและน้ำมันทารากอนหยดมาที่ด้านบนให้ความรู้สึกสดชื่นและกระตุ้นความอยากอาหารได้อย่างดี
BEEF BROTH
wagyu | winter melon | yuzukosho
ถัดจาก Cold starter เชฟจะนำเราเข้าสู่ ”ซุปเนื้อ“ เสิร์ฟมาร้อนๆโดยเชฟข้าวโพดจะมาเทซุปให้ต่อหน้าเราที่บนโต๊ะกันเลย
BEEF BROTH
wagyu | winter melon | yuzukosho
เชฟใช้เนื้อวัวออสเตรเลียนวากิวส่วนใบพายมาพันห่อรอบฟักชิ้นจิ๋วที่ผ่านการตุห่ยกับน้ำสต๊อกจนนุ่มทำให้เมื่อตอนกัดจะมีความต่างทางเนื้อสัมผัสเกิดขึ้นชัดเจน ส่วนน้ำซุปทำออกมาสไตล์จีนจีนผสมฝรั่งเศสเป็นคอนซูเม่เนื้อที่ผสมเครื่องเทศเข้าไปด้วย ด้านล่างเป็นน้ำมันวัวช่วยเพิ่มตัวตนความเป็นเนื้อให้เด่นชัดมากขึ้น
SWEETBREAD
5 mustards | jalapeno | mustard greens
มาถึงวัตถุดิบที่จัดการได้ยากอย่าง ”สวีทเบรด“ หรือต่อมไทมัสที่พบได้เฉพาะในลูกวัวเท่านั้น เชฟนำไปชุบแป้งทอดทำให้มีหน้าตาคล้ายนักเก็ต ด้านล่างเป็นซอสทำจากพริก Jalapeno ด้านล่างมีน้ำยำทำจากน้ำพริกหนุ่ม หอมแดง กระเทียม และผักกาดหิ่น ด้านบนเชฟใช้โทนรสเผ็ดจากซอสสีเหลืองทำมาจากมัสตาร์ดหลายชนิดคือดิจอง อเมริกัน ญี่ปุ่น และโฮลเกรน จุดเด่นของคำนี้คือเนื้อสัมผัสที่พบได้เฉพาะในสวีทเบรดเท่านั้นคือมีผิวด้านนอกกรอบแต่ด้านในนุ่มฉ่ำมาก น่าสนใจไม่เบา
ENERGY SHOT
prune | plum | balsamic vinegar
ล้างปากด้วย ”เอเนอจี้ช็อต“ เสิร์ฟมาในหลอดขนาดจิ๋ว วันนี้เชฟเลือกใช้ลูกพรุน บ๊วยและบัลซามิคผสมกันเป็นค็อกเทลรสหวานหอมสดชื่น
ตามต่อกันในคอมเม้นนะคะ
สำหรับใครที่ไม่อยากพลาดร้านอาหารดีๆสามารถไปติดตามกันได้ที่ fb: ตามล่า Fine Dining
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้