ASUS ยังคงเดินหน้าทำ Laptop สาย Flip อย่างต่อเนื่องและแน่นอนว่า นอกเหนือจาก Vivobook Flip จริงๆนั้นจะมีอีกตระกูลในรุ่น Zenbook Flip S ที่ครั้งนี้มีการพัฒนางานออกแบบ คุณภาพ รวมถึงความพรีเมี่ยมที่มากขึ้นแบบรู้สึกได้เลย และในครั้งนี้ได้พัฒนาทั้งหลากหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น วัสดุงานออกแบบ ความบางเบา รวมถึง เทคโนโลยี intel Gen 11 รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพมากขึ้นพร้อมกับได้มาตรฐาน intel EVO ตัวล่าสุดด้วยเช่นกัน และทางด้านหน้าจอเป็นค่ายที่เน้นเรื่องของหน้าจออย่างมาก มาพร้อมกับหน้าจอ 4K UHD OLED HDR500 ตัวใหม่ล่าสุดพร้อมกับรองรับ Pantone Validated และมาพร้อมกับ Response Time 0.2MS เท่านั้นครับถือว่าเป็นรุ่นที่หน้าจอสวยที่สุดในบรรดาเรทราคานี้รวมถึงดีที่สุดของตระกูล Flip ที่เคยมีมาเลยก็ว่าได้ในเรื่องนี้ครับ ในเรื่องของปากกานั้นเราจะเห็นการพัฒนาด้วยเช่นกันจะมาพร้อมกับการรองรับแรงกดที่มากกว่าเดิมที่ 4096 ระดับ
ทางด้านสเปกของ ASUS ZENBOOK FLIP S UX371 รุ่นนี้จะมาพร้อมกับ Intel® Core™ i7-1165G7 และ Intel® Iris Xe ส่วนทางด้าน RAM นั้นให้มาที่ 16GB LPDDR4X และ มาพร้อมกับ SSD 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 Performance SSD และทางด้านหน้าจอนั้นจะเห็นว่า มาพร้อมกับหน้าจอ 13.3 นิ้ว OLED, 4K UHD (3840 x 2160) 16:9 พร้อมกับ มาตรฐาน VERSA TRUEBLACK 500 พร้อมกับ DCI P3 ครับ ถือว่าเป็นหน้าจอที่มีคุณภาพทั้งความคมชัด ความสวยงาม และ รายละเอียดได้ดีอย่างมากรุ่นนึงในตอนนี้ รวมถึงรองรับปากกา และ ระบบสัมผัสด้วยเช่นกันครับ ส่วนลำโพงนั้นมาพร้อมกับ HARMANเช่นเดิม รวมถึงมาพร้อมกับพอร์ต Thunderbolt 4 มากถึง 2 พอร์ตเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. ใส่เข้ามาให้แล้วนะครับ ส่วนทางด้าน Number Pad นั้นมาพร้อมกับการใช้งานตรง Touchpad เช่นเดิม รวมถึงการรับประกันนั้นให้ 3 ปีเต็มๆ พร้อมกับ On Site 3 ปีเช่นกัน และ ประกันอุบัติเหตุ 1 ปีครับ และ รองรับ MIL STD810G ทนทานแน่นอน และแน่นอนว่า รองรับการหมุน 360 องศา และ ทางด้าน สเปกนั้นจะมาเป็นสเปกเดียวนะครับในราคา 55,900 บาท
UNBOX
อุปกรณ์ในตัวกล่องนั้นต้องบอกว่ามีความพรีเมี่ยมมากขึ้น แน่นอนว่าสมกับตระกูล Zenbook ครับ และแม้ว่าจะตัดรู 3.5 มม. ออกไปแต่ก็ยังคงใจดีแถมตัวแปลงมาให้แล้ว ส่วนอุปกรณ์อื่นๆนั้นรองรับการใช้งานทั่วไปเลย
- ตัวเครื่อง ASUS ZENBOOK FLIP S
- ADAPTOR USB-TYPE C
- ตัวแปลง USB-C ไปยัง 3.5 มม.
- ตัวแปลง USB-A ไป RJ45
- คู่มือ ใบรับประกัน
- ปากกา ASUS STYLUS PEN
- ซองหนัง ASUS
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมากๆถ้าหากไปเทียบกับ Zenbook Flip S รุ่นเดิมหลักๆเลยเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงคือในเรื่องของ วัสดุ การตัดขอบความเหลี่ยมสันที่มากกว่าเดิมชัดเจน และการตัดขอบเหลี่ยมสีทองแดงสวยงามอีกทั้ง ขอบหน้าจอมีความบางมากขึ้น ตัวเครื่องบางเบามากกว่าเดิม และทำน้ำหนักได้เพียง 1.2 KG พร้อมกับ หนาเพียง 13.9 มม. เท่านั้นครับ และ การออกแบบฝาหลังอะไรสวยงามพร้อมกับสีตัดขอบเยอะขึ้นทำให้เมื่อมองแรกสัมผัสนั้นต้องบอกเลยว่า รู้สึกแพงพรีเมี่ยมมาก พร้อมกับหน้าจอ 4K ทำให้ยกระดับขึ้นไปชัดเจน
ทางด้านหน้าจอมาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วที่ความละเอียดแบบ 4K UHD ขอบหน้าจอบางมากขึ้นแต่ยังคงมีกล้องหน้า พร้อมกับการสแกนใบหน้า IR เข้ามาให้ไม่ได้ตัดออกไปไหนครับ รวมถึงขอบข้างๆก็ทำได้บางเช่นกัน ส่วนขอบล่างยังคงมีความหนาเป็นปกติ เพราะว่าต้องมีพื้นที่สำหรับขอบยึดอะไรต่างๆเพื่อความแข็งแรงด้วยเช่นกันครับ แต่สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องบอกเลยว่ามีความสวยงามทันสมัยขึ้นเยอะ ส่วนฝาหลังนั้นยังคงลวดลาย Zen ไว้พร้อมกับย้ายโลโก้ไปมุมขวาครับ ปัดด้านสวยงามตรงฝาหลังและเล่นสะท้อนแสงสวยงามสีออกดำเข้มสวยงามไปอีกแบบ
ขอบหน้าจอส่วนล่างนั้นจะเขียน ASUS ZENBOOK พร้อมกับหน้าจอแบบเงาทั้งหมดรองรับการสัมผัสได้ดี และแสดงผลออกมาสวยงาม มีการตัดขอบสีทองแดงสวยงามขนาดใหญ่ที่จะคุ้นเคยกันในหลายๆรุ่นของ Zenbook อีกทั้ง บานพับอะไรนั้นดูแข็งแรงเช่นเดิม ส่วนช่องระบายในด้านหลังนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งระบายออกได้ดีเช่นกัน
การออกแบบส่วนขอบจะขอแอบติ ในส่วนขอบหน้าจอส่วนล่างถ้าหากเวลาพับใช้งานแบบ Tablet นั้นสอบมุมหน้าจอจะค่อนข้างคม บาดมือมากๆ ในการใช้งานจริงเวลาวาดแล้ววางมือจะวางมือแล้วจะทิ่มตรงใต้ทองแขนชัดเจนครับ เท่าที่ลองใช้ และวัสดุปัดลายสวยงามครับ ส่วนทางด้านคีย์บอร์ดนั้นเต็มสัดส่วนหน้าจอพอดีเป๊ะๆตัวเครื่องอะไรทำได้กระชับมากขึ้น แต่ทางด้านปุ่ม Power หรือ เปิด-ปิดเครื่องนั้นจะอยู่ตรงขอบเครื่องด้านขวาเป็นปกติครับเวลาใช้งานพับหน้าจอ ส่วนหน้าจอ 13.3 นิ้วนั้นมาพร้อมกับขอบหน้าจอที่บางมากขึ้น ในขอบซ้ายขวา และ ด้านบน แม้จะมีกล้องหน้าอยู่ก็ตามถือว่าทำให้สัดส่วนต่อตัวเครื่องนั้นบางมากขึ้น Screen-to-body ratio 80% เลยทีเดียวครับรุ่นนี้
ทางด้านฝาหลังนั้นเราจะเห็นว่ามีความเรียบร้อยพอสมควรครับ ไม่ได้มีการเล่นลวดลายอะไร พร้อมกับยางรองทั้ง 4 มุมและจะเห็นว่ามีช่องระบายความร้อนในส่วนของด้านหลังทั้ง 2 แถบเท่านั้นและยิงออกไปในด้านหลังขอบเครื่องส่วนล่างหน้าจอครับ แต่ด้านหน้านั้นไม่มีช่องระบายอะไรเข้ามา ส่วนทางด้านลำโพงนั้นจะอยู่ซ้าย ขวา ด้านหน้าครับ เป็นปกติของพวก Ultrabook หรือว่าตระกูล Flip ทั้งหลายเพราะว่าจะต้องรองรับการใข้งานแบบพับหน้าจอเพิ่มมา
ภาพข้างบนนั้นจะแสดงให้เห็นถึงการใช้งานหลักๆ 4 รูปแบบ คือการใช้งาน เป็นเหมือน Tablet ที่สามารถพับได้พกพาได้ง่าย วาดรูปเขียนแบบได้ง่ายๆ หรือจะเป็นแบบทั่วไป Laptop โหมด แบบปกติที่ใช้ๆงานกัน หรือจะเป็นคล้ายๆ Tent Mode สำหรับวางเพื่อที่จะนำเสนองานหรือ วางโชว์รูปภาพ พรีเซนต์ต่างๆครับ และ อีกแบบก็จะเป็นการเอาวางฐานหน้าจอ ใช้งานสำหรับดูหนัง หรือจะเป็นตั้งวางแต่มีความมั่นคงที่ดีขึ้นครับ และแน่นอนว่าใช้งานปากกาได้ทำให้มันใช้งานได้หลากหลายกว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ และสะดวกในการพกพาด้วยน้ำหนักแค่ 1.2KG
ปากกาในรุ่นนี้มาพร้อมกับงานออกแบบใหม่ทั้งหมด รองรับแรงกดได้ดีมาก รวมถึงปุ่มการใช้งานที่เนียนไปกับปากกาด้วยเช่นกัน แต่ในส่วนของด้านหลังนั้นไม่มีที่หนีบปกเสื้ออะไรมาแอบน่าเสียดายครับ การจับถืออะไรนั้นรองรับได้ดีเช่นเดิม รูปทรงสวยงามมากขึ้นและจะเห็นการปาดรูปทรงที่คล้ายกับดินสออะไรต่างๆจุดนี้ถือว่าดี ส่วนปุ่มในการควบคุมนั้นจะเป็นปุ่มที่รองรับได้กดทั้งบนและล่างแต่รวมอยู่ในปุ่มเดียวกัน ซึ่งในรุ่นก่อนจะเปลี่ยนปุ่ม
ทางด้านการเก็บปากกานั้น ในรุ่นนี้มาพร้อมกับการรองรับการเก็บปากกาได้ดีเพราะว่าไม่ต้องมีที่หนีบแยกต่างหากรวมถึงสามารถแตะไว้ขอบหน้าจอส่วนหลังได้จะมีแม่เหล็กติดไว้ในด้านบนครับ แต่ทางด้านแม่เหล็กแอบจะเบาไปและใช้งานจริงๆนั้นต้องบอกว่าติดไม่ค่อยแน่นเท่าไรครับ แต่ก็พัฒนาดีขึ้นเพราะในรุ่นก่อนๆนั้นต้องเก็บแยกครับ แต่ถ้ามองในการใช้งานจริงๆ การติดขอบหน้าจอตรงขอบข้างๆนั้นจะทำงานได้ดีกว่าทั้งการพับใช้งานหรือหยิบใช้งาน
SPEC
- Intel® Core™ i7-1165G7 Processor 1.2-2.8 GHz (12M Cache, up to 4.7 GHz)
- Intel® Iris Xe Graphics
- Display Touch screen, 13.3-inch, OLED, 4K UHD (3840 x 2160) 16:9,Glossy display, LED Backlit, 500nits, DCI-P3: 100%, Screen-to-body ratio: 80%, With stylus support
- Memory 16GB LPDDR4X on board
- Storage 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 Performance SSD
- I/O Ports 1x USB 3.2 Gen 1 Type-A / 2x Thunderbolt™ 4 supports display / power delivery / 1x HDMI 1.4
- Keyboard & Touchpad Backlit Chiclet Keyboard 1.35mm Key-travel
- Support NumberPad
- Camera HD camera with IR function to support Windows Hello Without privacy shutter
- Audio SonicMaster Smart Amp Technology Built-in array microphone
- harman/kardon (Mainstream) with Cortana and Alexa voice-recognition support
- Battery 67WHrs, 4S1P, 4-cell Li-ion Power Supply
- TYPE-C, 65W AC Adapter, Output: 19V DC, 3.42A, 65W, Input: 100~240V AC 50/60Hz universal
- Weight 1.20 kg (2.65 lbs)
- Dimensions (W x D x H) 30.50 x 21.10 x 1.19 ~ 1.39 cm (12.01″ x 8.31″ x 0.47″ ~ 0.55″)
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพรุ่นนี้อัพเกรดมาใช้งาน INTEL GEN 11 ที่รองรับมาตรฐาน INTEL EVO มาพร้อมกับตัวIntel® Core™ i7-1165G7 Processor 1.2-2.8 GHz (12M Cache, up to 4.7 GHz) เทคโนโลยี 10nm ตัวล่าสุดครับ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ส่วนทางด้านการ์ดจอ นั้นมาพร้อมกับการ์ดจอในตัวคือ INTEL IRIS XE ที่ก็ใช้งานได้ระดับนึงเลย แรงไม่แพ้ MX และ ให้ RAM 16GB ไม่สามารถอัพเกรดได้ ส่วนเรื่องของความจุนั้นมาพร้อมกับ SSD 1TBM.2 NVMe™ PCIe® 3.0 Performance SSD ครบๆเลย สำหรับรุ่นนี้ ส่วนของคะแนนก็พอใช้งานได้พอสมควร มาพร้อม Pre-installed Microsoft office Home & Student พร้อมใช้งาน ไม่ต้องซื้อเพิ่ม ถือว่าครบจบในเครื่องเดียวเลย
[SR] รีวิว ASUS ZENBOOK FLIP S พร้อม i7 Gen11 หน้าจอสัมผัส 4K พรีเมี่ยมมากขึ้น !
ASUS ยังคงเดินหน้าทำ Laptop สาย Flip อย่างต่อเนื่องและแน่นอนว่า นอกเหนือจาก Vivobook Flip จริงๆนั้นจะมีอีกตระกูลในรุ่น Zenbook Flip S ที่ครั้งนี้มีการพัฒนางานออกแบบ คุณภาพ รวมถึงความพรีเมี่ยมที่มากขึ้นแบบรู้สึกได้เลย และในครั้งนี้ได้พัฒนาทั้งหลากหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น วัสดุงานออกแบบ ความบางเบา รวมถึง เทคโนโลยี intel Gen 11 รุ่นล่าสุดที่มาพร้อมกับประสิทธิภาพมากขึ้นพร้อมกับได้มาตรฐาน intel EVO ตัวล่าสุดด้วยเช่นกัน และทางด้านหน้าจอเป็นค่ายที่เน้นเรื่องของหน้าจออย่างมาก มาพร้อมกับหน้าจอ 4K UHD OLED HDR500 ตัวใหม่ล่าสุดพร้อมกับรองรับ Pantone Validated และมาพร้อมกับ Response Time 0.2MS เท่านั้นครับถือว่าเป็นรุ่นที่หน้าจอสวยที่สุดในบรรดาเรทราคานี้รวมถึงดีที่สุดของตระกูล Flip ที่เคยมีมาเลยก็ว่าได้ในเรื่องนี้ครับ ในเรื่องของปากกานั้นเราจะเห็นการพัฒนาด้วยเช่นกันจะมาพร้อมกับการรองรับแรงกดที่มากกว่าเดิมที่ 4096 ระดับ
ทางด้านสเปกของ ASUS ZENBOOK FLIP S UX371 รุ่นนี้จะมาพร้อมกับ Intel® Core™ i7-1165G7 และ Intel® Iris Xe ส่วนทางด้าน RAM นั้นให้มาที่ 16GB LPDDR4X และ มาพร้อมกับ SSD 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 Performance SSD และทางด้านหน้าจอนั้นจะเห็นว่า มาพร้อมกับหน้าจอ 13.3 นิ้ว OLED, 4K UHD (3840 x 2160) 16:9 พร้อมกับ มาตรฐาน VERSA TRUEBLACK 500 พร้อมกับ DCI P3 ครับ ถือว่าเป็นหน้าจอที่มีคุณภาพทั้งความคมชัด ความสวยงาม และ รายละเอียดได้ดีอย่างมากรุ่นนึงในตอนนี้ รวมถึงรองรับปากกา และ ระบบสัมผัสด้วยเช่นกันครับ ส่วนลำโพงนั้นมาพร้อมกับ HARMANเช่นเดิม รวมถึงมาพร้อมกับพอร์ต Thunderbolt 4 มากถึง 2 พอร์ตเลยทีเดียว แต่น่าเสียดายไม่มีรูหูฟัง 3.5 มม. ใส่เข้ามาให้แล้วนะครับ ส่วนทางด้าน Number Pad นั้นมาพร้อมกับการใช้งานตรง Touchpad เช่นเดิม รวมถึงการรับประกันนั้นให้ 3 ปีเต็มๆ พร้อมกับ On Site 3 ปีเช่นกัน และ ประกันอุบัติเหตุ 1 ปีครับ และ รองรับ MIL STD810G ทนทานแน่นอน และแน่นอนว่า รองรับการหมุน 360 องศา และ ทางด้าน สเปกนั้นจะมาเป็นสเปกเดียวนะครับในราคา 55,900 บาท
UNBOX
อุปกรณ์ในตัวกล่องนั้นต้องบอกว่ามีความพรีเมี่ยมมากขึ้น แน่นอนว่าสมกับตระกูล Zenbook ครับ และแม้ว่าจะตัดรู 3.5 มม. ออกไปแต่ก็ยังคงใจดีแถมตัวแปลงมาให้แล้ว ส่วนอุปกรณ์อื่นๆนั้นรองรับการใช้งานทั่วไปเลย
- ตัวเครื่อง ASUS ZENBOOK FLIP S
- ADAPTOR USB-TYPE C
- ตัวแปลง USB-C ไปยัง 3.5 มม.
- ตัวแปลง USB-A ไป RJ45
- คู่มือ ใบรับประกัน
- ปากกา ASUS STYLUS PEN
- ซองหนัง ASUS
DESIGN
งานออกแบบในรุ่นนี้มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมากๆถ้าหากไปเทียบกับ Zenbook Flip S รุ่นเดิมหลักๆเลยเราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงคือในเรื่องของ วัสดุ การตัดขอบความเหลี่ยมสันที่มากกว่าเดิมชัดเจน และการตัดขอบเหลี่ยมสีทองแดงสวยงามอีกทั้ง ขอบหน้าจอมีความบางมากขึ้น ตัวเครื่องบางเบามากกว่าเดิม และทำน้ำหนักได้เพียง 1.2 KG พร้อมกับ หนาเพียง 13.9 มม. เท่านั้นครับ และ การออกแบบฝาหลังอะไรสวยงามพร้อมกับสีตัดขอบเยอะขึ้นทำให้เมื่อมองแรกสัมผัสนั้นต้องบอกเลยว่า รู้สึกแพงพรีเมี่ยมมาก พร้อมกับหน้าจอ 4K ทำให้ยกระดับขึ้นไปชัดเจน
ทางด้านหน้าจอมาพร้อมกับขนาดหน้าจอ 13.3 นิ้วที่ความละเอียดแบบ 4K UHD ขอบหน้าจอบางมากขึ้นแต่ยังคงมีกล้องหน้า พร้อมกับการสแกนใบหน้า IR เข้ามาให้ไม่ได้ตัดออกไปไหนครับ รวมถึงขอบข้างๆก็ทำได้บางเช่นกัน ส่วนขอบล่างยังคงมีความหนาเป็นปกติ เพราะว่าต้องมีพื้นที่สำหรับขอบยึดอะไรต่างๆเพื่อความแข็งแรงด้วยเช่นกันครับ แต่สัดส่วนหน้าจอต่อตัวเครื่องบอกเลยว่ามีความสวยงามทันสมัยขึ้นเยอะ ส่วนฝาหลังนั้นยังคงลวดลาย Zen ไว้พร้อมกับย้ายโลโก้ไปมุมขวาครับ ปัดด้านสวยงามตรงฝาหลังและเล่นสะท้อนแสงสวยงามสีออกดำเข้มสวยงามไปอีกแบบ
ขอบหน้าจอส่วนล่างนั้นจะเขียน ASUS ZENBOOK พร้อมกับหน้าจอแบบเงาทั้งหมดรองรับการสัมผัสได้ดี และแสดงผลออกมาสวยงาม มีการตัดขอบสีทองแดงสวยงามขนาดใหญ่ที่จะคุ้นเคยกันในหลายๆรุ่นของ Zenbook อีกทั้ง บานพับอะไรนั้นดูแข็งแรงเช่นเดิม ส่วนช่องระบายในด้านหลังนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งระบายออกได้ดีเช่นกัน
การออกแบบส่วนขอบจะขอแอบติ ในส่วนขอบหน้าจอส่วนล่างถ้าหากเวลาพับใช้งานแบบ Tablet นั้นสอบมุมหน้าจอจะค่อนข้างคม บาดมือมากๆ ในการใช้งานจริงเวลาวาดแล้ววางมือจะวางมือแล้วจะทิ่มตรงใต้ทองแขนชัดเจนครับ เท่าที่ลองใช้ และวัสดุปัดลายสวยงามครับ ส่วนทางด้านคีย์บอร์ดนั้นเต็มสัดส่วนหน้าจอพอดีเป๊ะๆตัวเครื่องอะไรทำได้กระชับมากขึ้น แต่ทางด้านปุ่ม Power หรือ เปิด-ปิดเครื่องนั้นจะอยู่ตรงขอบเครื่องด้านขวาเป็นปกติครับเวลาใช้งานพับหน้าจอ ส่วนหน้าจอ 13.3 นิ้วนั้นมาพร้อมกับขอบหน้าจอที่บางมากขึ้น ในขอบซ้ายขวา และ ด้านบน แม้จะมีกล้องหน้าอยู่ก็ตามถือว่าทำให้สัดส่วนต่อตัวเครื่องนั้นบางมากขึ้น Screen-to-body ratio 80% เลยทีเดียวครับรุ่นนี้
ทางด้านฝาหลังนั้นเราจะเห็นว่ามีความเรียบร้อยพอสมควรครับ ไม่ได้มีการเล่นลวดลายอะไร พร้อมกับยางรองทั้ง 4 มุมและจะเห็นว่ามีช่องระบายความร้อนในส่วนของด้านหลังทั้ง 2 แถบเท่านั้นและยิงออกไปในด้านหลังขอบเครื่องส่วนล่างหน้าจอครับ แต่ด้านหน้านั้นไม่มีช่องระบายอะไรเข้ามา ส่วนทางด้านลำโพงนั้นจะอยู่ซ้าย ขวา ด้านหน้าครับ เป็นปกติของพวก Ultrabook หรือว่าตระกูล Flip ทั้งหลายเพราะว่าจะต้องรองรับการใข้งานแบบพับหน้าจอเพิ่มมา
ภาพข้างบนนั้นจะแสดงให้เห็นถึงการใช้งานหลักๆ 4 รูปแบบ คือการใช้งาน เป็นเหมือน Tablet ที่สามารถพับได้พกพาได้ง่าย วาดรูปเขียนแบบได้ง่ายๆ หรือจะเป็นแบบทั่วไป Laptop โหมด แบบปกติที่ใช้ๆงานกัน หรือจะเป็นคล้ายๆ Tent Mode สำหรับวางเพื่อที่จะนำเสนองานหรือ วางโชว์รูปภาพ พรีเซนต์ต่างๆครับ และ อีกแบบก็จะเป็นการเอาวางฐานหน้าจอ ใช้งานสำหรับดูหนัง หรือจะเป็นตั้งวางแต่มีความมั่นคงที่ดีขึ้นครับ และแน่นอนว่าใช้งานปากกาได้ทำให้มันใช้งานได้หลากหลายกว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ และสะดวกในการพกพาด้วยน้ำหนักแค่ 1.2KG
ปากกาในรุ่นนี้มาพร้อมกับงานออกแบบใหม่ทั้งหมด รองรับแรงกดได้ดีมาก รวมถึงปุ่มการใช้งานที่เนียนไปกับปากกาด้วยเช่นกัน แต่ในส่วนของด้านหลังนั้นไม่มีที่หนีบปกเสื้ออะไรมาแอบน่าเสียดายครับ การจับถืออะไรนั้นรองรับได้ดีเช่นเดิม รูปทรงสวยงามมากขึ้นและจะเห็นการปาดรูปทรงที่คล้ายกับดินสออะไรต่างๆจุดนี้ถือว่าดี ส่วนปุ่มในการควบคุมนั้นจะเป็นปุ่มที่รองรับได้กดทั้งบนและล่างแต่รวมอยู่ในปุ่มเดียวกัน ซึ่งในรุ่นก่อนจะเปลี่ยนปุ่ม
ทางด้านการเก็บปากกานั้น ในรุ่นนี้มาพร้อมกับการรองรับการเก็บปากกาได้ดีเพราะว่าไม่ต้องมีที่หนีบแยกต่างหากรวมถึงสามารถแตะไว้ขอบหน้าจอส่วนหลังได้จะมีแม่เหล็กติดไว้ในด้านบนครับ แต่ทางด้านแม่เหล็กแอบจะเบาไปและใช้งานจริงๆนั้นต้องบอกว่าติดไม่ค่อยแน่นเท่าไรครับ แต่ก็พัฒนาดีขึ้นเพราะในรุ่นก่อนๆนั้นต้องเก็บแยกครับ แต่ถ้ามองในการใช้งานจริงๆ การติดขอบหน้าจอตรงขอบข้างๆนั้นจะทำงานได้ดีกว่าทั้งการพับใช้งานหรือหยิบใช้งาน
SPEC
- Intel® Core™ i7-1165G7 Processor 1.2-2.8 GHz (12M Cache, up to 4.7 GHz)
- Intel® Iris Xe Graphics
- Display Touch screen, 13.3-inch, OLED, 4K UHD (3840 x 2160) 16:9,Glossy display, LED Backlit, 500nits, DCI-P3: 100%, Screen-to-body ratio: 80%, With stylus support
- Memory 16GB LPDDR4X on board
- Storage 1TB M.2 NVMe™ PCIe® 3.0 Performance SSD
- I/O Ports 1x USB 3.2 Gen 1 Type-A / 2x Thunderbolt™ 4 supports display / power delivery / 1x HDMI 1.4
- Keyboard & Touchpad Backlit Chiclet Keyboard 1.35mm Key-travel
- Support NumberPad
- Camera HD camera with IR function to support Windows Hello Without privacy shutter
- Audio SonicMaster Smart Amp Technology Built-in array microphone
- harman/kardon (Mainstream) with Cortana and Alexa voice-recognition support
- Battery 67WHrs, 4S1P, 4-cell Li-ion Power Supply
- TYPE-C, 65W AC Adapter, Output: 19V DC, 3.42A, 65W, Input: 100~240V AC 50/60Hz universal
- Weight 1.20 kg (2.65 lbs)
- Dimensions (W x D x H) 30.50 x 21.10 x 1.19 ~ 1.39 cm (12.01″ x 8.31″ x 0.47″ ~ 0.55″)
PERFORMANCE
ทางด้านประสิทธิภาพรุ่นนี้อัพเกรดมาใช้งาน INTEL GEN 11 ที่รองรับมาตรฐาน INTEL EVO มาพร้อมกับตัวIntel® Core™ i7-1165G7 Processor 1.2-2.8 GHz (12M Cache, up to 4.7 GHz) เทคโนโลยี 10nm ตัวล่าสุดครับ แบบ 4 คอร์ 8 เทรด ส่วนทางด้านการ์ดจอ นั้นมาพร้อมกับการ์ดจอในตัวคือ INTEL IRIS XE ที่ก็ใช้งานได้ระดับนึงเลย แรงไม่แพ้ MX และ ให้ RAM 16GB ไม่สามารถอัพเกรดได้ ส่วนเรื่องของความจุนั้นมาพร้อมกับ SSD 1TBM.2 NVMe™ PCIe® 3.0 Performance SSD ครบๆเลย สำหรับรุ่นนี้ ส่วนของคะแนนก็พอใช้งานได้พอสมควร มาพร้อม Pre-installed Microsoft office Home & Student พร้อมใช้งาน ไม่ต้องซื้อเพิ่ม ถือว่าครบจบในเครื่องเดียวเลย
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้