เบื้องลึกเบื้องหลังภาพยนตร์ "Pretty Baby" เรื่องของโสเภณีเด็ก ยอดหนังอื้อฉาวของ Brooke Shields


หนังเรื่องแรกที่ลุยส์ เมลล์ นักกำกับหนังชาวฝรั่งเศส เข้ามาถ่ายทำในอเมริกาก็คือ "พริตตี้ เบบี้" (Prett Baby) นั่นเอง จากการเขียนบทของ พอลลี่ แพล็ท ซึ่งเคยเป็นเมียของยอดผู้กำกับที่โด่งดังในฮอลลีวู้ดคอหนึ่ง คือ ปีเตอร์ บ็อกดาโนวิช เจ้าของเรื่อง "พระจันทร์กระดาษ" (Paper Moon) นั่นแหละ

เนื้อหาของหนังเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสตอรี่วิลล์ ในนิวออร์ลีนส์ ราวปี 1916 ซึ่งผู้แสดงมี คีธ คาราดีน รับบทเป็น อี.เจ.เบลล็อค ช่างภาพที่พานมาพบ ไวโอเล็ต (Violet) โสเภณีวัย 12 ซึ่งแสดงโดย บรู้ค ชีลด์ส (Brooke Shields) และจากหนังเรื่องนี้นี่เองส่งชื่อเสีบงให้แก่ บรู้ค ชีลด์ส  จนกลายเป็นดาวเซ็กส์วัยกระเตาะชื่อก้องไป


ตามท้องเรื่องใน "พริตตี้ เบบี้" เบลล็อคตากล้องหนุ่มได้มาพบกับไวโอเล็ต ซึ่งเป็นลูกสาววัย 12 ขวบ ของโสเภณีคนหนึ่งในซ่องและเธอก็เติบโตขึ้นมาในดงโสเภณีนี้เอง เขาต้องการจะช่วยให้เธอหลุดพ้นจากขุมนรกออกมาเลยตัดสินใจที่จะแต่งงานกับเธอ

ในช่วงเวลาที่เมลส์สร้างหนังเรื่องนี้อยู่นั้น เป็นระยะที่ทางสภาฯ ของอเมริกันและบรรดาผู้นำของอเมริกาต่อต้านเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเพศในหมู่เด็กวัยรุ่นอย่างหนักหน่วง ทางผู้กำกับเองซึ่งมี พาราเมาท์ (Paramount) หนุนหลังก็ตระหนักถึงข้อนี้เป็นอย่างดี และได้ตั้งป้อมต่อสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ อย่างเต็มที่


เมลล์กล่าวว่า "ถ้าไอ้เจ้าความคิดบ้า ๆ บอ ๆ นี้เกิดได้หลุดออกมาเป็นกฎหมายล่ะก็ หนังใหญ่ ๆ ทั้งหลายเห็นทีจะต้องถูกแบนป่นปี้ไปตาม ๆ กันอย่างแน่นอน รวมทั้งหนัง 3 เรื่องล่าสุดของผมก่อนที่จะถึงเรื่องนี้ก็เห็นทีจะต้องโดนหางเลขด้วย"

เขายิ้มนิดหนึ่งก่อนจะเผยต่อไปอีกว่า "ก็หนังพวกนี้มันเกี่ยวกับเด็กวัยรุ่นทั้งนั้นเลยนี่ครับ มันเป็นครั้งแรกของพวกเขาที่จะได้ก้าวเข้าเผชิญกับโลกของผู้ใหญ่ ระยะหัวเลี้ยวหัวต่อนี้เองที่กระตุ้รให้ผมเกิดความพยายามและอารมณ์สร้างสรรค์ขึ้นมา"

หนัง 3 เรื่องของเมลล์ก่อนจะมาถึงพริตตี้ เบบี้ นั้นก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับเซ็กส์ของเด็กวัยรุ่นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น

"เมอร์เมอร์ ออฟเดอะ ฮาร์ท" ซึ่งเป็นเรื่องของเด็กชายวัย 14 ที่มีความสัมพันธ์ทางเพศเป็นประเดิมชัย

"ลาคอมเบล, ลูซีน" ก็เกี่ยวกับเด็กผู้ชายเล่นเสียวกับนางเอกที่มีวัยแค่ 16 ยังไม่เต็มดีด้วยซ้ำ

"Black Moon" ก็มีเด็กสาววัย 15 เล่นเสียวกับงูเงี้ยวเขียวขอนเสียด้วย ซึ่งแสดงโดย Catherine Harison หลานของดาราตุ๊กตาทอง เร็กซ์ ฮาริสัน นั่นแหละ

"ผมอาจจะเป็นคนที่เคยชินและชอบเรื่องพรรค์อย่างว่านี้ก็ได้ เพราะนับแต่หนังของผมเรื่อง เธอะ เลิฟเวอร์ (The Lover) เข้ามาฉายในอเมริกา เมื่อปี 1959 นั้นก็เคยถูกพิจารณาจากศาลสูงสุดของสหรัฐฯ มาแล้ว และเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง ผมก็ได้พบกับนักแสดงคนหนึ่งในคลีฟแลนด์ ซึ่งเคยถูกจับ เพราะเหตุจากหนังเรื่องนี้มาแล้ว...คุณเคยดูหนังเรื่องนี้แล้วหรือยังล่ะ ถ้าคุณดูแล้วคุณคงจะเห็นได้ว่าไม่เห็นมันจะมีอะไรเสียหายเลย จริง ๆ ด้วย...พับผ่าเถอะเอ้า"

เมลล์ยังไม่หยุดจะโจมตีอีกฝ่ายต่อ ด้านหนังของเขา เขากล่าวต่ออีกว่า 

"พระเจ้าเป็นพยานทีเถอะ ไอ้เรื่องเซ็กส์ ๆ ที่มีเด็ก ๆ มาเกี่ยวข้องด้วยนั้น ความจริงมันเกิดควบคู่กับความศิวิไลซ์เนิ่นนานเต็มทนแล้ว ผมเสียใจที่จะต้องเปิดเผยความจริงในสังคมของนิวยอร์คหรือมินเนโซตา หรือที่อื่น ๆ คุณไปดูกับตาซี่...คุณจะเห็นโสเภณีรุ่นกระเตาะเต็มไปหมดเลยคุณเอ๋ย"

เขาชี้แจงแยกแยะต่อไปอีกว่า ตัวเขาเองเป็นคนทำหนัง ไม่ใช่คนทำงานเพื่อสังคม "ดังนั้นงานของผมจึงไม่จำเป็นที่จะต้องสร้างเพื่อแสดงสังคมอันดีงาม แต่ต้องการแสดงข้อเท็จจริงในสังคมมากกว่า...เด็ก ๆ น่ะมันจะเป็นผู้สร้างเสริมสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอมา คุณลองย้อนกลับไปดูในอดีตซี่ ไม่ว่าจะเป็นความเจริญของวัฒนธรรมจีนหรือกรีกก็ตาม ไม่ใช่เพราะบ่อเกิดจากพวกเด็ก ๆ หรอกหรือ..."


เมลล์ ได้ท้าวความถึงจุดเริ่มต้นของการสร้างหนังเรื่อง พริตตี้ เบบี้ จนกลายเป็นหนีงอื้อฉาวที่สุดในยุคนี้ว่า เขาเป็นคนรักเพลงแจ๊สมาก เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา เมลล์ต้องการทำชีวประวัติของ "เจลลี่ โรลล์ มอร์ตัน" นักเปียโนเพลงแจ๊สคนหนึ่ง และเขาก็ได้พบรูปของเบลล็อคซึ่งถูกพิมพ์โดย The Musuem Of Modern Art เขาเกิดความสนใจรูปนี้มาก

เจลลี่ โรลล์ มอร์ตัน

เขาบอกว่า เบลล็อคตายอย่างอับเฉาและไร้ชื่อเสียงที่สุด โดยมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้จักเขา แม้ว่าในหนัง พริตตี้ เบบี้ จะเขียนเรื่องของเบลล็อครักกับโสเภณีวัยกระเตาะนั้นจะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาเองก็ตาม แต่ตัวเบลล็อคมีจริง และตัวไวโอเล็ตก็มีจริงเช่นกัน

"ผมพบเรื่องราวของไวโอเล็ตในหนังสือเรื่องสตอรี่วิลล์ มันเป็นบทสัมภาษณ์ที่มีความยาวแค่สองสามหน้าเท่านั้นเอง เป็นเรื่องของหญิงชรา อายุอานามก็ตกรุ่นคุณย่าคุณยายแล้วนั่นแหละ ถ้าอยู่จนถึงเดี๋ยวนี้นะ เธอยู่ท่ามกลางเพื่อนบ้านของชนชั้นกลางชื่อว่าไวโอเล็ต เธอเป็นลูกสาวของโสเภณีในซ่องแห่งหนึ่ง เธอเล่าว่าเธอเริ่มทำงานเมื่ออายุแปดขวบและมาเสียความบริสุทธิ์ครั้งแรกเมื่ออายุได้แค่สิบสองขวบเท่านั้น"


เมลล์หยุดคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยายามทบทวนความทรงจำของเขาและบอกเล่าต่อไปอีก

"เธอได้อธิบายถึงบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ผมต้องบรรจุคำบอกเล่าของเธอให้เป็นภาพบนแผ่นฟิล์ม...เธอเรียกมันว่า "บทบัญญัติระหว่างแม่กับลูก" ซึ่งในหนัง บรู้ค ชีลด์ส และ ซูซาน ซาราดอน เป็นผู้แสดง แม้คุณอาจจะไม่เห็นอะไรต่ออะไรที่ผมอยากจะให้เห็นก็ตาม..."

(อ่านต่อคห.ด้านล่าง)

แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 17



ยังไม่ได้อ่านของจขกทอย่างละเอียด จะย้อนมาอ่านอีกครั้งช่วงเย็น
แต่เลื่อนลงมาอ่านความเห็น จึงขออธิบายหน่อย
เพราะเกิดในยุคที่Brooke Shieldsกำลังดังและคุณแม่ผมซึ่งเป็นสาวทำงานในยุคนั้นชอบเธอมาก
ผมก็ยังเด็กแต่ได้อ่านเรื่องของเธอตามหนังสือบันเทิงวัยรุ่นสมัยก่อน เช่นทีวีรีวิว หรือสตาร์พิคยุคโน้น
หนังสือบันเทิงต่างประเทศที่ทันสมัยส่วนใหญ่จะแบ่งครึ่งเล่ม คือครึ่งแรกเป็นเรื่องดาราญี่ปุ่น ครึ่งหลังเป็นดาราฝรั่ง

Brooke Shields กับ Jodie Fosterมีบางอย่างคล้าย แต่บนถนนบันเทิงในแบบระยะยาวต่างกัน
คือสองคนนี้อยู่ในยุคเปลี่ยนผ่านของสังคมโลก เพราะ ดารายุคก่อนจะเป็นดาราอย่างเดียวแสดงหนังไปอย่างเดียว
แต่Brooke Shieldsน่าจะเป็นดาราค่าตัวแพงมาก แพงที่สุดในตอนนั้น ที่กระโดดไปเป็นพรีเซนเตอร์และเป็นนางแบบที่ค่าตัวแพงได้ด้วย
ซึ่งJodie Foster ยังคงแสดงหนังอย่างเดียว และไม่ได้มาในสายแฟชั่นความงามเลย

Brooke Shieldsสินค้าเยอะมาก เพราะเธอได้ชื่อว่า "ผู้หญิงที่สวยที่สุดในโลก" อยู่หลายปี
ถึงขนาดมีผู้เชี่ยวชาญเอาไปวิเคราะห์แยกหน้าออกมาเป็นส่วนๆว่าสมบูรณ์แบบอย่างไร และบนใบหน้าของเธอหรือแม้กระทั่งตัวก็มีสินค้าทุกอย่าง
ผมจำได้เลยว่าเธอเคยมีโปสเตอร์ที่เป็นโฆษณา wellaหรืออะไรซักอย่าง ติดทั่วบ้านทั่วเมืองแม้ในห้องนอนวัยรุ่นยุคนั้น
และโฆษณาที่ดังมากๆคือกางเกงยีนส์ calvin klein
และเธอยังถูกจัดอันดับเป็นดาราที่รวยมาก เพราะหนังที่แสดงถึงไม่ใช่ฝีมือและเธอรับหนังน้อยมาก
แต่เมื่อเทียบกับความดังขนาดนั้นในโลก ทำให้เธอทำเงินมหาศาลในด้านอื่นๆ

สิ่งหนึ่งที่Brooke Shields กับ Jodie Fosterคล้ายกันมากที่สุด คือเริ่มแสดงหนังมาตั้งแต่เด็ก และถูกจับแต่งเป็นผู้ใหญ่ตามคาแรคเตอร์หนัง
ซึ่งเด็กหรือจารีตในยุคนั้นไม่มีใครทำ แบบที่เรียกว่าเกินเด็ก ในสังคมอเมริกันหรือแม้แต่สังคมโลก
มันเลยกลายเป็นเรื่องอื้อฉาวและถูกพูดถึงในยุคที่สังคมยังคอนเซอเวทิฟ แต่สองคนนี้ก็ไม่สนใจ แบบฉันไม่สน
ซึ่งแต่ก่อนถึงจะยังคอนเซอเวทิฟ แต่กฎหมายยังไม่บังคับ จึงสามารถทำได้ แต่ปัจจุบันหนังแบบนี้ไม่ได้แล้ว ผิดกฎหมาย
Jodie Foster เริ่มมาจากเป็นนางเอกหนังเด็กแสดงแบบparodyหนังผู้ใหญ่ เรื่อง Bugsy Malone ซึ่งเป็นแกงค์มาเฟียในอดีต
เนื้อเรื่องเป็นหนังแกงค์มาเฟียของผู้ใหญ่ แต่ปืนที่ยิงในหนังยิงออกมาเป็นขนมเค๊ก ที่ถูกพูดถึงเพราะชุดและการแสดงที่มีแบบวาบหวาม
พอมาฉายในไทยตอนนั้น ตั้งขื่อหนังว่าBugsy Malone แก๊งค์ขนมเค๊ก
และหลังจากเรื่องแรกเธอก็หายไป แทบจะไม่โด่งดังหรือมีข่าวคราว ไม่ได้เป็นไอดอลอะไรทั้งสิ้น กลับมาอีกทีเมื่อเธอเป็นผู้ใหญ่แล้ว
แต่Brooke Shields คือต่อเนื่องมาจนโต เป็นไอดอลของวัยรุ่นและคนทำงาน และก็ค่อยๆซาไปในปลาย80 เธอจึงไปแสดงทีวี.....
ข่าวของBrooke Shieldsที่แย่มากที่สุดในครั้งนั้น คือ แม่ของเธอคอนโทรลและจุ้นจ้านในทุกเรื่องโดยเฉพาะค่าตัวที่เรียกแบบแพงหูดับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ฝรั่งคอมเมนท์ในคลิปตลกดี.........
nasser samano
4 years ago
probably get arrested for having this on your computer nowadays.
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2


หนังเรื่อง "พริตตี้ เบบี้" เต็มไปด้วยฉากโป๊เปลือยรวมทั้งเรื่องเซ็กส์ในหมู่โสเภณีทั้งหลายแหล่ โดยมี มาดามเนลล์ (แสดงโดย Frances Faye) เป็นแม่เล้าคุมซ่องที่เต็มไปด้วยเสียงสรวลเสเฮฮา คำสบถลามกอนาจารและเสียงเพลงของ เจลี่ โรลล์ ซึ่งก็มีเนื้อหาไม่พ้นเรื่องลามกอีกนั่นแหละ



ในหนัง ผู้ที่เป็นดาราดวงเด่นในซ่องก็ได้แก่ แม่ของไวโอเล็ต ซึ่งซูซาน ซารานดอน เป็นผู้รับบท เธอเป็นดาราที่มีบทบาทฉมังพอสมควร จนสามารถยืนหยัดอยู่ในฮอลลีวู้ดได้อย่างไม่อายใคร

ซูซานเริ่มการแสดงครั้งแรกจากบทลูกสาวในเรื่อง "โจอี้" และเป็นเมียของชายชั่วเหลวแหลกใน "ไฟรักไฟพยาบาท" (The other side of midnight) จากบทประพันธ์ของ ซิดนีย์ เชลตัน เธอได้รับการยกย่องให้เป็น "สัญลักษณ์ทางเพศ" รุ่นกลางโดยไม่มีคู่แข่งเลย ซึ่งเธอได้กล่างถึง บรู้ค ชีลด์ส ว่า

"บรู้คก้าวเข้ามาสู่วงการนี้เร็วกว่าฉันเสียอีก และเธอก็รู้ด้วยว่าเธอกำลังจะเป็นดารา เธอสามารถเข้าถึงประชาชนและปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้อย่างชาญฉลาดมากกว่าแม่ของเธอเสียอีก บรู้คมีความสามารถอย่างไม่น่าเชื่อ คุณบางคนอาจจะสงสัยว่าอีกสามสิบปีข้างหน้าเธอจะเป็นอย่างไรใช่ไหม...ฉันก็สงสัยเหมือนกันแหละ"



สำหรับบทของซูซาน ซาราดอน ที่เป็นเหมือนแม่ของ บรู้ค ชีลด์ส ในหนังเรื่องนี้ เมลล์บอกว่า

"ไม่เห็นจะสำคัญอะไรเลยนี่หากแม่กับลูกจะมีหน้าตาไม่เหมือนกันสักนิด แต่ครั้งแรกผมคิดว่าบรู้คมีความสามารถที่วิเศษเกินไป แต่มันก็ไม่เป็นปัญหาอะไรมากนัก สำหรับซูซาน...บรู้คมีใบหน้าสาวสะพรั่ง แต่ร่างกายยังเป็นแค่เด็กสาวตัวกะเปี๊ยก แต่ซูซานได้รับบทที่ยากพอดูเชียวนะ เธอเหมือนกันสัตว์ประหลาดและไม่เคยเหลียวแลลูกเลย เธอเป็นแบบอย่างของคนที่เห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจมาก เธอเองก็ถูกเลี้ยงดูและเติบโตในซ่องมาก่อน และมีความคิดแต่จะหนีไปเสียให้พ้น"



ซูซาน ซาราดอน เคยเป็นภรรยาของ คริส ซาราดอน และแยกทางกันไปแลีว คริสนั้นเคยรับบทเป็นคนข่มชืน มาร์โก เฮมมิงเวย์ ในเรื่อง "ลิปสติค" และเคยรับบทเป็นเมียเกย์ของ อัล ปาชิโน ใน "ปล้นกลางแดด" (Dog day afternoon)

การถ่ายทำหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วยอุปสรรคนานาประการ รวมทั้งตัวผู้กำกับที่มีข่าวแตกร้าวกับ สเวน คีควิสท์ ยอดตากล้องประจำของ อิงมาร์ เบอร์แมน แต่เรื่องทั้งหมดทั้งมวลก็ผ่านไปด้วยดี จนสามารถปิดกล้องได้และออกฉายไปแล้ว ซึ่งปรากฎว่าหนังเรื่องนี้โกยเงินให้กับพาราเมาท์อย่างมหาศาลเรื่องหนึ่ง

ขอขอบพระคุณบทความจากหนังสือหนังต้องห้าม

สวัสดี.

ความคิดเห็นที่ 1


กว่าหนังเรื่องนี้จะปิดกล้องลงได้ เมลล์ก็ต้องเดินทางไปมาระหว่างห้องแล็ปในแมนฮัตตันกับบ้านชนบทของเขาในเวสท์เชสเตอร์เป็นว่าเล่น และเขาก็ยังถูกสื่อมวลชนรุมโจมตีกันอย่างขนาดใหญ่ ประเดิมเป็นปฐมฤกษ์ด้วย "นิวยอร์คแม็กกาซีน" ซึ่งเขียนโดย โจอัน กู้ดแมน นักข่าวอิสระของนิวยอร์ค

โจอัน กู้ดแมน ได้เขียนเกี่ยวกับเรื่องของ บรู้ค ชีลด์ส ที่รับบทเป็น "นางฟ้าเริงเมืองวัยไร้เดียงสา" จากหนังเรื่องนี้ โดยร่ายว่าชีลด์ส ถูกค้นพบให้มากลายเป็นดาวเซ็กส์วัยกระเตาะ โดยช่างภาพ ฟรานเซสโค ชูวาโล กู้ดแมนบอกว่า ชีลด์สมีรูปหน้าที่คล้ายคลึงกับ เอวา การ์ดเนอร์ แม้เธอจะเพิ่งอยู่ในวัยชั้นประถมก็ตามที



กู้ดแมนยังได้วิพากษ์วิจารณ์ต่อไปอีกว่า บรู้ค ชีลด์ส นับเป็นดาราใหม่ดวงล่าสุดที่เจิดจ้ามากที่สุดของฮอลลีวู้ด นับเป็นคู่แข่งตัวสำคัญของ โจดี้ ฟอสเตอร์ และตาตั้ม โอนีล ทีเดียว

กู้ดแมนบอกว่า บรู้ค ชีลด์ส เคยถ่ายภาพเปลือยลงในหนังสือ "เพนท์เฮ้าส์" มาก่อน และอยู่ภายใต้ความควบคุมของ เทอรี่ ชีลด์ส แม่ผู้เป็นหม้ายซึ่งเป็นผู้จัดการไปในตัว

ในเรื่องที่ว่าสาวน้อยชีลด์สเคยถ่ายภาพเปลือยลงใน "เพนท์เฮ้าส์" มาก่อนนั้น เมลล์ยืนยันหัวชนฝาว่าเป็นการใส่ทั้งฟืนทั้งไฟแถมเอาน้ำมันมาดับซะอีก

เกี่ยวกับเรื่องของ บรู้ค ชีลด์ส นี้ สาธารณชนได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างทันควันหลังจากข้อเขียนของกู้ดแมนได้ตีพิมพ์ออกไปแล้ว เริ่มจากกลุ่มสวัสดิภาพเด็กกลุ่มหนึ่งถึงกับแสดงความจำนงว่าจะพยายามดึง บรู้ค ชีลด์ส ให้รอดพ้นออกมาจากการอยู่ภายใต้การปกครองของผู้เป็นแม่ของเธอให้ได้ 



ยังไงก็ตามทาง บรู้ค ชีลด์ส และแม่ของเธอต่างก็ช่วยกันแก้ไขข่าวดังกล่าวโดยชี้แจงออกรายการทางโทรทัศน์รายการหนึ่งว่า ข้อกล่าวหานี้เป็นการใส่ร้ายอย่างแท้จริง โดยเฉพาะข้อเขียนของกู้ดแมนใน "นิวยอร์คแม็กกาซีน" ที่ว่าแม่ของเธอเคยเล่าให้เธอฟังถึงเรื่องการมีประจำเดือนครั้งแรกของลูกสาวขณะกำลังถ่ายทำหนัง

"ฉันยังไม่รู้จักเลยว่า ไอ้การมีประจำเดือนมันเป็นยังไง...ให้ตายเถอะ" บรู้คกล่าวแก้อย่างฉาดฉาน

ฝ่ายผู้กำกับ ลุยส์ เมลล์ นั้นก็ตอบโต้กลับอย่างรุนแรงว่า "สำหรับผม มันเป็นข้อเขียนที่ไม่มีค่าอะไรเลยสำหรับหนังสือสวะ ๆ เช่นนั้น โกหกพกลมก็ปานนั้น และผมก็ได้เขียนจดหมายไปด่าไอ้เจ้ากู้ดแมนที่ไม่ถูกกู้ดแมนสมนามสกุลของมันไปแล้ว เพื่อให้เขาได้รู้ซึ้งถึงความคิดของผม...โสโครกสิ้นดี ผมอยากจะปกป้องบรู้คและพูดความจริงทั้งหมด"



บรู้ค ชีลด์ส ได้เรียนรู้อะไรต่อมิอะไรหลาย ๆ อย่างจากแม่ของเธอ จากเด็กที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านการแสดงมาก่อนเลย และไต่เต้าขึ้นมาจนกลายเป็นดาราที่โด่งดังอยู่ในทุกวันนี้ เธอสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว เธอไม่เหมือนกับดาราเด็ก ๆ คนอื่น ๆ ที่รอรับคำบัญชาเสมือนกับหุ่นยนต์

ในพริตตี้ เบบี้ ดาราฝ่ายชายตัวเอกคือ คีธ คาราดีน นั้นก่อนหน้านี้เขาเกือบจะไม่ได้รับบทนี้อยู่แล้ว เมื่อทางพาราเมาท์เล็ง แจ็ค นิโคลสัน เอาไว้ แต่ทางเมลล์กล่าวว่า

"ผมคิดว่าถ้าใช้แจ็คแสดงมันอาจจะทำให้เรื่องนี้ประสบความล้มเหลสอย่างสิ้นเชิงก็ได้ แม้ว่าแจ็คจะเป็นดาราที่แสดงได้อย่างถึงบทถึงบาทเท่าไหร่ก็ตามเถอะ แต่เขาเคร่งขรึมและเป็นแบบฉบับของคนสมัยนี้มากเกินไป ตอนแรก ๆ นั้น ผมสนใจ โรเบิร์ต เดอ นีโร มากกว่า เพราะเขามีบางสิ่งบางอย่างพอจะเป็นเบลล็อคได้ สำหรับผมแล้ว เขาเป็นนักแสดงอเมริกันที่ยอดเยี่ยมที่สุดในทุกวันนี้ แต่เขาไม่ค่อยมีเวลาให้ผมเท่าไหร่นัก ผมก็เลยเลือกเอาคีธมารับบทนี้และคิดว่าเขาคงจะสวมบทบาทนี้ได้เหมาะสมที่สุด"

ยอดผู้กำกับเผยว่า ทุกคนคัดค้านเขาที่เอาคีธมาแสดง เพราะเหตุว่าคีธ หนุ่มและมีบุคลิกที่ดีเกินไป

"แต่เรารู้ว่าเบลล็อคต้องเป็นคนโรแมนติค และคีธก็มีความสุภาพอ่อนโยนและนุ่มนวลรวมอยู่ทั้งหมดแล้ว" เมลล์ว่า



ส่วนตัว คีธ คาราดีน เองได้เผยใจในการแสดงคู่กับ บรู้ค ชีลด์ส นางฟ้าวัย 12 ว่า 

"หนังเรื่องนี้ถ่ายทำกันอย่างละเอียดลออจริง ๆ หลังจากที่ผมได้ดูหนังของเมลล์เรื่อง เมอร์เมอร์ ออฟ เธอะ ฮาร์ท แล้ว ผมก็เกิดความรู้สึกเคารพนับถือในฝีมือของเขามาก เมื่อผมได้มาร่วมงานกับเขาจึงพยายามเต็มที่ที่จะแสดงให้ดีที่สุด แต่มันก็เป็นเรื่องยากอีกนั่นแหละ...บรู้คเธอเป็นเด็กอายุก็แค่สิบสองเท่านั้น การแสดงของเราจะง่ายขึ้น ถ้าเธอแก่แดดแก่ลมมากกว่านี้อีกสักหน่อย กว่าจะแสดงจนจบได้ต้องใช้ความอดทนอย่างล้นเหลือทีเดียวเชียวละ"



ตามความเห็นของแม่บรู้ค ชีลด์ส เธอบอกว่าลูกของเธอฝืนใจอย่างยิ่งในฉากที่มีจูบกับคีธ คาราดีน

"รู้สึกว่าบรู้คจะไม่พอใจมาก เธอเคยพูดว่าถ้าหากเธออายุสักยี่สิบห้าแล้วหวนคิดถึงอดีต เธอก็อยากจะลิ้มรสรอยจูบครั้งแรกกับเด็กชายวัยไล่เลี่ยกับเธอ ไม่ใช่ผู้ชายที่มีอายุมากกว่าเธอขนาดนี้ ฉันก็ต้องปลอบว่า นี่เป็นเพียงการแสดงเท่านั้นนี่ ไม่เห็นจะต้องเอาไปคิดอะไรให้มากมายเลย"

ความคิดเห็นจาก Expert Account
ความคิดเห็นที่ 3
ฝากกดบวก กดถูกใจกระทู้ด้วยนะคะ สมาชิกจากห้องอื่นที่ไม่ได้อยู่ในแท็กจะได้มีโอกาสเห็นกระทู้นี้ด้วย

ขอบพระคุณทุกท่านมากค่ะ ดอกไม้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่