Vivo เปิดตัว Y20S รุ่นอัพเกรดออกมาที่เปลี่ยนแปลงสเปคเล็กน้อยถ้ามองเทียบกับ Y20 ก่อนหน้านี้แน่นอนว่าเด่นๆมาพร้อมกับ RAM 8 GB STORAGE 128GB ที่เป็นการอัพเกรดเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนครับแต่ทางด้านสเปคอื่นๆนั้นอาจจะไม่ได้หนีกันมากเท่าไรนักเป็นรุ่นที่อัพสเปคขึ้นมาตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายมากขึ้น มาพร้อมกับแบต 5,000mAh จัดเต็มเช่นเดิม และใช้งาน Snapdragon460 ส่วนงานออกแบบนั้นถือว่าสวยงามและดูเด่นฝาหลังไล่สีสวยสะท้อนแสงดี พร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัววางเรียงกัน ฝาหลังสีดำเหลือบสีม่วงๆลงตัวครับเรียกได้ว่าดีไซน์คล้ายกับรุ่นพี่พอสมควรเลยแหละ ส่วนทางด้านหน้าตาระบบนั้นยังคงมีความเรียบง่ายและลื่นไหลเช่นเดิมสำหรับ Vivo
สเปคของทาง VIVO Y20S นั้นถือว่ามีสเปคอะไรที่ใช้งานได้ดีเลยทีเดียวครับ อัพเกรดขึ้นในเรื่อง RAM 8GB STORAGE 128GB ที่แตกต่างกับรุ่นก่อน และ มาพร้อมกับหน้าจอ Halo FullView™ Display ขนาด 6.51 นิ้ว หน้าจอ IPS ความละเอียด HD+ และ กล้องหน้า 8 MP ทางด้านกล้องหลังนั้นให้มา 3 ตัว เป็นเลนส์หลัก 13 ล้านพิกเซล กล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Bokeh 2 ล้านพิกเซล และ สแกนนิ้วด้านข้างใช้เวลาแค่ 0.33 วินาที + ยังมีเทคโนโลยี Face Wake สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกได้อีกด้วย ทางด้านสเปคนั้นมาพร้อมกับ Qualcomm Snapdragon 460 พร้อมด้วย RAM 8GB และ ROM 128GB ยังมาพร้อมช่องใส่ซิมแบบ Triple card slot ซึ่งสามารถรองรับ SD การ์ด ได้สูงถึง 256GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh พร้อมด้วยเทคโนโลยี AI ประหยัดพลังงาน + Reverse charging อีกด้วย แต่ยังคงใช้งาน Micro-USB นะครับ รวมถึงกล้องหลังนั้นน่าเสียดายไม่มีเลนส์มุมกว้างหรือโหมดกลางคืนมาให้นะ แต่โหมดต่างๆ ฟังก์ชั่นการถ่ายรูป ทั้ง Face Beauty หรือ Portrait Light Effects โฟกัสแบบ PDAF นั้นยังคงมีมาให้อยู่ครับ ถือว่าค่อนข้างครบเลยทีเดียว
VIVO Y20S RAM 8GB STORAGE 128GB วางจำหน่ายในราคา 6,599 บาท
พร้อมกับ สี Obsidian Black และ Purist Blue
UNBOX
- ตัวเครื่อง VivoY20S
- ที่ชาร์จ 18W
- สายชาร์จ MICRO-USB
- เคสใส TPU
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
เคสที่เเถมมาของ Vivo Y20S ถือว่ามีความหนาอยู่พอประมาณ วัสดุงานเหมือนกับเคสที่เเถมมากับรุ่นก่อนๆ กันกระเเทกได้ดีในระดับนึง ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอและมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบาย ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดครับรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดีมีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไป ส่วนตรงพอร์ตชาร์จอะไรต่างๆนั้นมีจุกปิดมาให้เหมือนเดิมตามเเบบฉบับของ Vivo ที่เเถมมาเหมือนกับในรุ่นก่อน
ด้วยตัวเคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์และหน้าจอขึ้นมาอีกครับ และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำ แต่ในแง่ของความสูงหรือหนาอาจจะไม่ได้สูงมากนักครับในรุ่นนี้ ตัวเคสภาพรวมปกป้องได้ดีแต่อาจจะไม่ได้หนามากนัก เวลาตกก็สามารถกระแทกได้ในระดับนึง แบบไม่หนักมากนะครับ
DESIGN
งานออกแบบในสี้นี้นั้นทาง VIVO ยังใช้งานออกแบบตัวเครื่องให้มีความโค้ง 2.5D เพื่อให้พอดีกับมือมอบความรู้สึกสัมผัสตัวเครื่องที่บาง และเบา พร้อมด้วยสีเรียบสีดำแต่เล่นแสงเงาสวยสะดุดตา สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ ก็ถ้ามองกันตรงๆฝาหลังการที่ย้ายสแกนนิ้วไปด้านข้างนั้นถือว่าทำให้ฝาหลังดูเรียบเนียนตาสวยและดูแพงเหมือนมือถือราคาแพงได้ดีเลย และการใช้โทนสีฝาหลังนั้นดูแพงดูดีกว่าตระกูล V พี่น้องมันด้วยนะในบางมุม อีกทั้งแม้จะเป็นแบต 5,000 mAh ก็ตามแต่ตัวเครื่องกลับทำได้บางและเบากว่าที่คิดไว้เยอะพอสมควรเลยแหละ
ทางด้านหน้าจอในรุ่นนี้ยังคงการออกแบบอิงแบบเดิมที่ใช้งาน หน้าจอ Halo FullView™ Display IPS LCD ขนาด 6.51 นิ้ว ความละเอียด HD+ แบบติ่งหยดน้ำแต่ที่ชอบคือมีการสู้แสงที่ทำได้ดีเลยทีเดียว และมุมมองการใช้งานถือว่าโอเคอย่างมากเมื่อเทียบกับราคาของรุ่นนี้
หน้าจอขอบบนนั้นเราจะเห็นว่ามีกล้องหน้า 8MP พร้อมกับการแทรกเซนเซอร์อะไรต่างๆไว้ข้างบนรวมถึงลำโพงเวลาคุยโทรศัพท์ ส่วนขอบอะไรนั้นก็มีความหนาใกล้ๆกันทั้งหมด ตามในเรทราคาของมันถือว่าพอรับได้ในจุดนี้
แต่ขอบหน้าจอด้านล่างนั้นจะค่อนข้างหนาพอสมควร ถ้ามองในแง่เรทราคาประมาณนี้ก็จะได้ประมาณนี้ในหลายๆตัวส่วนการควบคุมนั้นต้องบอกว่ารองรับการเปลี่ยนแปลงได้เยอะ สลับปุ่ม หรือใช้งานแบบท่าทางได้ด้วยเช่นกัน
ขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเป็นงานออกแบบที่คุ้นๆกับ Y ก่อนหน้าครับเน้นความเรียบๆฝาหลังตัดเรียบปกติ และ เป็นวัสดุพลาสติกตามเรทราคาทั้งหมด รวมถึงไม่มีไมค์ตัดเสียงอะไรใส่เข้ามาให้
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นเราจะเห็น รู 3.5มม. พร้อมกับ รูไมค์ รวมถึง Micro-USB ครับยังคงใส่เข้ามาให้ในมือถือเรทราคาถูก แต่ปีหน้านั้นน่าจะไม่เห็นพอร์ตแบบนี้แล้ว ส่วนลำโพงหลักอะไรใส่มาให้ในส่วนล่างเป็นมาตรฐานครับ
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นที่อยู่ของถาดซิม ซึ่งเป็นถาดซิมแบบ Triple Slot รองรับการใช้งานอิสระ 2 ซิม และ 1 Micro-SD พร้อมใช้งานครับก็เป็นมาตรฐานสำหรับ มือถือในเรทราคาประมาณนี้
ขอบเครื่องด้านขวาเราจะเห็น การใช้งานสแกนนิ้วด้านข้าง เป็นไม่กี่รุ่นในเรทราคา หรือรุ่นเริ่มต้นของค่ายจะใส่เข้ามาให้ในด้านข้าง ทำให้ด้านหลังเรียบดูดีขึ้นเยอะมาก และเป็นปุ่ม Power ในตัว รวมถึงปุ่ม เพิ่ม ลดเสียง ให้มาฝั่งนี้
ในส่วนของฝาหลังนั้นเราจะเห็นว่าการที่ย้ายสแกนนิ้วมาด้านข้างเราจะได้ฝาหลังแบบเรียบๆนั้นทำให้ดูพรีเมี่ยมและสวยอย่างมากครับ ส่วนการไล่เฉดสีต่างๆนั้นถือว่าดูดีและรองรับการเล่นกับแสงได้ดีมากๆแต่วัสดุนั้นจะยังคงไม่ได้ใช้งานวัสดุกระจกนะครับ แต่การใช้งานโทนสีอะไรถือว่ามีความพรีเมี่ยมกว่ารุ่นพี่ซะอีกจุดนี้เครื่องจริงถือว่าสวยเอาเรี่อง และการวางกล้องนั้นเราจะเห็นว่าในมุมซ้ายด้านบนเหมือนเดิมแต่มีการขยายให้คล้ายๆกับรุ่นพี่อยู่และการจัดวางต่างๆแต่ยังคงเรียงกัน 3 กล้องเรียงลงมาเหมือนเดิมเลย พร้อมกับโลโก้ที่เขียนในแนวนอนมุมซ้ายล่างของตัวเครื่องนั้นเอง
กล้องหลังนั้นยังคงให้มา 3 ตัวเช่นเดิมครับมาพร้อมกับเลนส์หลัก 13MP F2.2 ที่รองรับโฟกัสแบบ PDAF และมาพร้อมกับ เลนส์มาโคร ระยะ 4 เซนติเมตร 2MP F2.4 และเลนส์สำหรับการทำละลายหลังจับระยะต่างๆที่ 2MP F2.4 เช่นกัน ส่วนทางด้านงานออกแบบเปลี่ยนดีไซน์จากรุ่น Y19 เล็กน้อยตามสมัยมากขึ้นและไม่นูนเท่าไรด้วยครับ
SPEC
- หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.51 นิ้ว (720 x 1600 พิกเซล) HD+, 270 ppi
- ชิปประมวลผล Snapdragon 460 (11 nm)
- การ์ดจอ Adreno 610
- RAM 8GB + ความจำ 128GB สามารถใส่เมมโมรี่การ์ดเพิ่มได้
- ซิมคู่
- Android 10 ที่ครอบด้วย Funtouch 11
- กล้องมุมกว้าง 13MP (f/2.2), รองรับ HDR + กล้องมาโคร 2MP (f/2.4) + กล้องจับความลึก 2 MP (f/2.4)
- กล้องหน้ามุมกว้าง 8MP (f/1.8)
- เซนเซอร์สแกนนิ้วด้านข้าง
- พอร์ต micro USB 2.0 รูแจ็คหูฟัง 3.5mm
- ขนาดตัวเครื่อง: 164.4 x 76.3 x 8.4 mm ; น้ำหนัก: 192.3 กรัม
- รองรับเครือข่าย 4G
- แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 18W
- ตัวเครื่อง สีน้ำเงิน Purist Blue, สีดำ Obsidian Black, สีน้ำเงิน Nebula Blue
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพในรุ่นนี้ใช้งาน Snapdragon 460 พร้อมกับ Storage 128GB RAM 8GB ส่วนทางด้านคะแนน UFS นั้นอ่านไปได้ที่ 485MB/s – เขียนไปได้ที่ 217 MB/s ส่วน DRL L1 ในแอป Netflix รองรับ HD นะครับ ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 154535 คะแนนถือว่าตามระดับของ CPU และ Geekbench นั้นทำไปได้ 254/1150 คะแนน
SYSTEM UI
ทางด้านหน้าตาระบบอะไรนั้นใช้ Funtouch OS 11 บนตัว Android 10 แล้วบอกเลยว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างครับทั้งหน้าตาการตั้งค่า Quick Setting มันไปอยู่ตำแหน่งที่ควรจะเป็นแล้วในด้านบนแน่นอนว่าหากเทียบกับ OS 10 ก่อนหน้าถือว่ามีหลายๆจุดต่างที่หน้าตั้งค่าตามที่แจ้งไปและฟีเจอร์ตามระบบ 10 นั้นเอง
การดูการแจ้งเตือนนั้นสามารถลากลงมาได้เหมือนรุ่นอื่นๆ ส่วนการตั้งค่าหลังจากรุ่นก่อนๆค่ายนี้จะเป็นการปัดขึ้นมาจากด้านล่าง แต่ครั้งนี้เลื่อนลงมาจากด้านบนแบบรุ่นอื่นๆแล้วเหมือนคนอื่นซะทีครับถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนหลักๆ ส่วนการแบ่งหน้าจออะไรสามารถทำได้สบายๆ และหน้าตามีการเปลี่ยนแปลงจากตอน OS10 อยู่พอสมควรเลยแหละครับ
Storage 128GB จะว่างให้ใช้งาน 110 โดยประมาณครับ และในส่วนของ RAM 8 GB นั้นใช้งานไป 3 GB กว่าเท่านั้นเองถือว่าน้อยพอสมควรเลยตัวระบบของมัน และทางด้านคีย์บอร์ดนั้นใช้งาน Google G Board นั้นเอง
อีกส่วนที่น่าสนใจของแบรนด์นี้ถือว่าเป็นการปรับแต่งที่หลากหลายมากๆในการใช้งานครับทั้งตัว Animationเปลี่ยนได้หลากหลายมากๆครับทั้ง หน้าตาตอนชาร์จ เป็นการปรับแต่งที่หลากหลายมากๆทำให้นึกถึงใน Android ยุคก่อนๆที่รูทและปรับเปลี่ยนหน้าตา Effect อะไรกันได้หรือจะเป็นการปรับแต่งอื่นๆถือว่าเป็นค่ายที่ปรับได้เยอะที่สุดเลยแหละ
Gesture แน่นอนว่ารองรับเหมือนกันทั้งแคปหน้าจอรวมถึงการเตือนเวลายกหรือจะเป็น Smart Feature ทั้งหมดและปุ่มการนำทางนั้นสามารถเปลี่ยนได้ด้วยทั้งรูปแบบ และ การจัดวางหรือเต็มจอครับ รวมถึงการแจ้งเตือนต่างๆนั้นก็ดูแล้วปรับได้ว่าแจ้งอะไรอย่างไร หน้าจอล็อกแจ้งแบบไหนบ้าง เป็นแบบเดียวกับ Android 10 หลายๆตัวนั้นเอง
[SR] รีวิว VIVO Y20S จัดเต็ม 5,000 mAh ชาร์จไว 18W พร้อม Snapdragon 460 !
Vivo เปิดตัว Y20S รุ่นอัพเกรดออกมาที่เปลี่ยนแปลงสเปคเล็กน้อยถ้ามองเทียบกับ Y20 ก่อนหน้านี้แน่นอนว่าเด่นๆมาพร้อมกับ RAM 8 GB STORAGE 128GB ที่เป็นการอัพเกรดเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อนครับแต่ทางด้านสเปคอื่นๆนั้นอาจจะไม่ได้หนีกันมากเท่าไรนักเป็นรุ่นที่อัพสเปคขึ้นมาตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายมากขึ้น มาพร้อมกับแบต 5,000mAh จัดเต็มเช่นเดิม และใช้งาน Snapdragon460 ส่วนงานออกแบบนั้นถือว่าสวยงามและดูเด่นฝาหลังไล่สีสวยสะท้อนแสงดี พร้อมกับกล้องหลัง 3 ตัววางเรียงกัน ฝาหลังสีดำเหลือบสีม่วงๆลงตัวครับเรียกได้ว่าดีไซน์คล้ายกับรุ่นพี่พอสมควรเลยแหละ ส่วนทางด้านหน้าตาระบบนั้นยังคงมีความเรียบง่ายและลื่นไหลเช่นเดิมสำหรับ Vivo
สเปคของทาง VIVO Y20S นั้นถือว่ามีสเปคอะไรที่ใช้งานได้ดีเลยทีเดียวครับ อัพเกรดขึ้นในเรื่อง RAM 8GB STORAGE 128GB ที่แตกต่างกับรุ่นก่อน และ มาพร้อมกับหน้าจอ Halo FullView™ Display ขนาด 6.51 นิ้ว หน้าจอ IPS ความละเอียด HD+ และ กล้องหน้า 8 MP ทางด้านกล้องหลังนั้นให้มา 3 ตัว เป็นเลนส์หลัก 13 ล้านพิกเซล กล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล และกล้อง Bokeh 2 ล้านพิกเซล และ สแกนนิ้วด้านข้างใช้เวลาแค่ 0.33 วินาที + ยังมีเทคโนโลยี Face Wake สแกนใบหน้าเพื่อปลดล็อกได้อีกด้วย ทางด้านสเปคนั้นมาพร้อมกับ Qualcomm Snapdragon 460 พร้อมด้วย RAM 8GB และ ROM 128GB ยังมาพร้อมช่องใส่ซิมแบบ Triple card slot ซึ่งสามารถรองรับ SD การ์ด ได้สูงถึง 256GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 5000mAh พร้อมด้วยเทคโนโลยี AI ประหยัดพลังงาน + Reverse charging อีกด้วย แต่ยังคงใช้งาน Micro-USB นะครับ รวมถึงกล้องหลังนั้นน่าเสียดายไม่มีเลนส์มุมกว้างหรือโหมดกลางคืนมาให้นะ แต่โหมดต่างๆ ฟังก์ชั่นการถ่ายรูป ทั้ง Face Beauty หรือ Portrait Light Effects โฟกัสแบบ PDAF นั้นยังคงมีมาให้อยู่ครับ ถือว่าค่อนข้างครบเลยทีเดียว
VIVO Y20S RAM 8GB STORAGE 128GB วางจำหน่ายในราคา 6,599 บาท
พร้อมกับ สี Obsidian Black และ Purist Blue
UNBOX
- ตัวเครื่อง VivoY20S
- ที่ชาร์จ 18W
- สายชาร์จ MICRO-USB
- เคสใส TPU
- คู่มือ และ ที่จิ้มซิม
เคสที่เเถมมาของ Vivo Y20S ถือว่ามีความหนาอยู่พอประมาณ วัสดุงานเหมือนกับเคสที่เเถมมากับรุ่นก่อนๆ กันกระเเทกได้ดีในระดับนึง ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอและมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบาย ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดครับรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดีมีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไป ส่วนตรงพอร์ตชาร์จอะไรต่างๆนั้นมีจุกปิดมาให้เหมือนเดิมตามเเบบฉบับของ Vivo ที่เเถมมาเหมือนกับในรุ่นก่อน
ด้วยตัวเคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์และหน้าจอขึ้นมาอีกครับ และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำ แต่ในแง่ของความสูงหรือหนาอาจจะไม่ได้สูงมากนักครับในรุ่นนี้ ตัวเคสภาพรวมปกป้องได้ดีแต่อาจจะไม่ได้หนามากนัก เวลาตกก็สามารถกระแทกได้ในระดับนึง แบบไม่หนักมากนะครับ
DESIGN
งานออกแบบในสี้นี้นั้นทาง VIVO ยังใช้งานออกแบบตัวเครื่องให้มีความโค้ง 2.5D เพื่อให้พอดีกับมือมอบความรู้สึกสัมผัสตัวเครื่องที่บาง และเบา พร้อมด้วยสีเรียบสีดำแต่เล่นแสงเงาสวยสะดุดตา สไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ ก็ถ้ามองกันตรงๆฝาหลังการที่ย้ายสแกนนิ้วไปด้านข้างนั้นถือว่าทำให้ฝาหลังดูเรียบเนียนตาสวยและดูแพงเหมือนมือถือราคาแพงได้ดีเลย และการใช้โทนสีฝาหลังนั้นดูแพงดูดีกว่าตระกูล V พี่น้องมันด้วยนะในบางมุม อีกทั้งแม้จะเป็นแบต 5,000 mAh ก็ตามแต่ตัวเครื่องกลับทำได้บางและเบากว่าที่คิดไว้เยอะพอสมควรเลยแหละ
ทางด้านหน้าจอในรุ่นนี้ยังคงการออกแบบอิงแบบเดิมที่ใช้งาน หน้าจอ Halo FullView™ Display IPS LCD ขนาด 6.51 นิ้ว ความละเอียด HD+ แบบติ่งหยดน้ำแต่ที่ชอบคือมีการสู้แสงที่ทำได้ดีเลยทีเดียว และมุมมองการใช้งานถือว่าโอเคอย่างมากเมื่อเทียบกับราคาของรุ่นนี้
หน้าจอขอบบนนั้นเราจะเห็นว่ามีกล้องหน้า 8MP พร้อมกับการแทรกเซนเซอร์อะไรต่างๆไว้ข้างบนรวมถึงลำโพงเวลาคุยโทรศัพท์ ส่วนขอบอะไรนั้นก็มีความหนาใกล้ๆกันทั้งหมด ตามในเรทราคาของมันถือว่าพอรับได้ในจุดนี้
แต่ขอบหน้าจอด้านล่างนั้นจะค่อนข้างหนาพอสมควร ถ้ามองในแง่เรทราคาประมาณนี้ก็จะได้ประมาณนี้ในหลายๆตัวส่วนการควบคุมนั้นต้องบอกว่ารองรับการเปลี่ยนแปลงได้เยอะ สลับปุ่ม หรือใช้งานแบบท่าทางได้ด้วยเช่นกัน
ขอบเครื่องด้านบนนั้นจะเป็นงานออกแบบที่คุ้นๆกับ Y ก่อนหน้าครับเน้นความเรียบๆฝาหลังตัดเรียบปกติ และ เป็นวัสดุพลาสติกตามเรทราคาทั้งหมด รวมถึงไม่มีไมค์ตัดเสียงอะไรใส่เข้ามาให้
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นเราจะเห็น รู 3.5มม. พร้อมกับ รูไมค์ รวมถึง Micro-USB ครับยังคงใส่เข้ามาให้ในมือถือเรทราคาถูก แต่ปีหน้านั้นน่าจะไม่เห็นพอร์ตแบบนี้แล้ว ส่วนลำโพงหลักอะไรใส่มาให้ในส่วนล่างเป็นมาตรฐานครับ
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นจะเป็นที่อยู่ของถาดซิม ซึ่งเป็นถาดซิมแบบ Triple Slot รองรับการใช้งานอิสระ 2 ซิม และ 1 Micro-SD พร้อมใช้งานครับก็เป็นมาตรฐานสำหรับ มือถือในเรทราคาประมาณนี้
ขอบเครื่องด้านขวาเราจะเห็น การใช้งานสแกนนิ้วด้านข้าง เป็นไม่กี่รุ่นในเรทราคา หรือรุ่นเริ่มต้นของค่ายจะใส่เข้ามาให้ในด้านข้าง ทำให้ด้านหลังเรียบดูดีขึ้นเยอะมาก และเป็นปุ่ม Power ในตัว รวมถึงปุ่ม เพิ่ม ลดเสียง ให้มาฝั่งนี้
ในส่วนของฝาหลังนั้นเราจะเห็นว่าการที่ย้ายสแกนนิ้วมาด้านข้างเราจะได้ฝาหลังแบบเรียบๆนั้นทำให้ดูพรีเมี่ยมและสวยอย่างมากครับ ส่วนการไล่เฉดสีต่างๆนั้นถือว่าดูดีและรองรับการเล่นกับแสงได้ดีมากๆแต่วัสดุนั้นจะยังคงไม่ได้ใช้งานวัสดุกระจกนะครับ แต่การใช้งานโทนสีอะไรถือว่ามีความพรีเมี่ยมกว่ารุ่นพี่ซะอีกจุดนี้เครื่องจริงถือว่าสวยเอาเรี่อง และการวางกล้องนั้นเราจะเห็นว่าในมุมซ้ายด้านบนเหมือนเดิมแต่มีการขยายให้คล้ายๆกับรุ่นพี่อยู่และการจัดวางต่างๆแต่ยังคงเรียงกัน 3 กล้องเรียงลงมาเหมือนเดิมเลย พร้อมกับโลโก้ที่เขียนในแนวนอนมุมซ้ายล่างของตัวเครื่องนั้นเอง
กล้องหลังนั้นยังคงให้มา 3 ตัวเช่นเดิมครับมาพร้อมกับเลนส์หลัก 13MP F2.2 ที่รองรับโฟกัสแบบ PDAF และมาพร้อมกับ เลนส์มาโคร ระยะ 4 เซนติเมตร 2MP F2.4 และเลนส์สำหรับการทำละลายหลังจับระยะต่างๆที่ 2MP F2.4 เช่นกัน ส่วนทางด้านงานออกแบบเปลี่ยนดีไซน์จากรุ่น Y19 เล็กน้อยตามสมัยมากขึ้นและไม่นูนเท่าไรด้วยครับ
SPEC
- หน้าจอ IPS LCD ขนาด 6.51 นิ้ว (720 x 1600 พิกเซล) HD+, 270 ppi
- ชิปประมวลผล Snapdragon 460 (11 nm)
- การ์ดจอ Adreno 610
- RAM 8GB + ความจำ 128GB สามารถใส่เมมโมรี่การ์ดเพิ่มได้
- ซิมคู่
- Android 10 ที่ครอบด้วย Funtouch 11
- กล้องมุมกว้าง 13MP (f/2.2), รองรับ HDR + กล้องมาโคร 2MP (f/2.4) + กล้องจับความลึก 2 MP (f/2.4)
- กล้องหน้ามุมกว้าง 8MP (f/1.8)
- เซนเซอร์สแกนนิ้วด้านข้าง
- พอร์ต micro USB 2.0 รูแจ็คหูฟัง 3.5mm
- ขนาดตัวเครื่อง: 164.4 x 76.3 x 8.4 mm ; น้ำหนัก: 192.3 กรัม
- รองรับเครือข่าย 4G
- แบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh
- รองรับชาร์จเร็ว 18W
- ตัวเครื่อง สีน้ำเงิน Purist Blue, สีดำ Obsidian Black, สีน้ำเงิน Nebula Blue
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพในรุ่นนี้ใช้งาน Snapdragon 460 พร้อมกับ Storage 128GB RAM 8GB ส่วนทางด้านคะแนน UFS นั้นอ่านไปได้ที่ 485MB/s – เขียนไปได้ที่ 217 MB/s ส่วน DRL L1 ในแอป Netflix รองรับ HD นะครับ ส่วนคะแนน Antutu ทำไปได้ 154535 คะแนนถือว่าตามระดับของ CPU และ Geekbench นั้นทำไปได้ 254/1150 คะแนน
SYSTEM UI
ทางด้านหน้าตาระบบอะไรนั้นใช้ Funtouch OS 11 บนตัว Android 10 แล้วบอกเลยว่ามีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างครับทั้งหน้าตาการตั้งค่า Quick Setting มันไปอยู่ตำแหน่งที่ควรจะเป็นแล้วในด้านบนแน่นอนว่าหากเทียบกับ OS 10 ก่อนหน้าถือว่ามีหลายๆจุดต่างที่หน้าตั้งค่าตามที่แจ้งไปและฟีเจอร์ตามระบบ 10 นั้นเอง
การดูการแจ้งเตือนนั้นสามารถลากลงมาได้เหมือนรุ่นอื่นๆ ส่วนการตั้งค่าหลังจากรุ่นก่อนๆค่ายนี้จะเป็นการปัดขึ้นมาจากด้านล่าง แต่ครั้งนี้เลื่อนลงมาจากด้านบนแบบรุ่นอื่นๆแล้วเหมือนคนอื่นซะทีครับถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนหลักๆ ส่วนการแบ่งหน้าจออะไรสามารถทำได้สบายๆ และหน้าตามีการเปลี่ยนแปลงจากตอน OS10 อยู่พอสมควรเลยแหละครับ
Storage 128GB จะว่างให้ใช้งาน 110 โดยประมาณครับ และในส่วนของ RAM 8 GB นั้นใช้งานไป 3 GB กว่าเท่านั้นเองถือว่าน้อยพอสมควรเลยตัวระบบของมัน และทางด้านคีย์บอร์ดนั้นใช้งาน Google G Board นั้นเอง
อีกส่วนที่น่าสนใจของแบรนด์นี้ถือว่าเป็นการปรับแต่งที่หลากหลายมากๆในการใช้งานครับทั้งตัว Animationเปลี่ยนได้หลากหลายมากๆครับทั้ง หน้าตาตอนชาร์จ เป็นการปรับแต่งที่หลากหลายมากๆทำให้นึกถึงใน Android ยุคก่อนๆที่รูทและปรับเปลี่ยนหน้าตา Effect อะไรกันได้หรือจะเป็นการปรับแต่งอื่นๆถือว่าเป็นค่ายที่ปรับได้เยอะที่สุดเลยแหละ
Gesture แน่นอนว่ารองรับเหมือนกันทั้งแคปหน้าจอรวมถึงการเตือนเวลายกหรือจะเป็น Smart Feature ทั้งหมดและปุ่มการนำทางนั้นสามารถเปลี่ยนได้ด้วยทั้งรูปแบบ และ การจัดวางหรือเต็มจอครับ รวมถึงการแจ้งเตือนต่างๆนั้นก็ดูแล้วปรับได้ว่าแจ้งอะไรอย่างไร หน้าจอล็อกแจ้งแบบไหนบ้าง เป็นแบบเดียวกับ Android 10 หลายๆตัวนั้นเอง
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้