คนที่มีพร้อมVsคนไม่มี ฝ่ายไหนขี้เหยียดกว่ากัน

พอดีช่วงนี้เห็นกระแสชุดนักเรียนกำลังแรงแล้วมีการพูดถึงการเหยียดเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและอื่นๆ โดยที่โฟกัสว่ากลุ่มที่มีมากกว่าเป็นผู้ที่เหยียดคนอื่น

แต่โดยประสบการณ์แล้วผมกลับเห็นตรงกันข้ามเลยเลยอยากมาชวนคุยพร้อมแชร์ประสบการณ์โดนเหยียด

จากประสบการณ์ชีวิตสามสิบกว่าปี คนที่พอมีฐานะไม่เดือดร้อน หน้าตาดี การแต่งตัวดี การศึกษาดี มีพรสวรรค์ มีทักษะสูง โดนเหยียดจากคนรอบข้างมากกว่า

ตัวผมเองแต่ก่อน แต่งตัวก็ใส่ของแบรนด์บ้างใส่ของตลาดนัดบ้าง ใส่เสื้อตราห่านบ้างให้มันเหมาะกับชุดและดีไซน์ตอนนั้นๆ แต่หลายครั้งที่เราใส่เสื้อผ้าแบรนด์ ไปทำกิจกรรมร่วมกับกลุ่มใหญ่ๆ ยกตัวอย่างรองเท้าจะโดนถามเรื่องราคาเสนอว่าราคาเท่าไหร่ แล้วก็จะโดนเหน็บแนมตลอดว่าซื้อมาแพงๆทำไม พร้อมกับที่คนกลุ่มนั้นชี้ไปที่รองเท้าก๊อปแบรนด์เดียวกัน แล้วบอกว่าเนี่ยไม่กี่ร้อยใส่ได้เหมือนกัน

ตอนนั้นก็ได้แต่คิดในใจว่าก็เราชอบดีไซน์ชอบสีแบบที่เราใส่อยู่ตอนนี้เราก็ซื้อใส่เพราะเราชอบมัน ไม่ได้เหมือนเองที่ขอแค่ดีไซน์หรือสีแบบไหนก็ได้แต่ขอแค่ให้มีแบรนด์ดังติดอยู่ก็พอ

ตอนเรียนเราเป็นเด็กเรียนที่ค่อนข้างจะกล้าแสดงออกไม่ได้นั่งเรียนอย่างเดียว จะโดนจับทำกิจกรรม จับแข่งขันวิชาการ โดนจับออกงานอยู่บ่อยๆ เป็นหัวโจกกลุ่มเพื่อนๆในห้องมาตลอด เวลาเราจะทำอะไรเพื่อนๆก็พร้อมที่จะทำด้วย หรือกิจกรรมนอกเวลาเรียนถ้าเราเข้าร่วมเพื่อนๆก็พร้อมจะเข้าร่วมด้วยเสมอ แต่ก็จะโดนคนกลุ่มนึงแขวะอยู่เสมอว่าเราเป็นเด็กเส้นบ้างหล่ะ ได้อภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่นบ้างหล่ะ แล้วตามบูลลี่เราเรื่องๆ

จากตัวอย่างข้างบนมันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรามีสาวๆห้อมล้อมตลอดตั้งแต่สมัยเรียน ทั้งดามโรงเรียน ทั้งหลีด นางนพมาศ ดาวโรงเรียน ดาวห้องดาวคณะ ทั้งเราและสาวๆก็โดนเหยียดอีก ก็แค่บ้านมีเงินแหละว่ะ ก็แค่เด็กเส้นแหล่ะว่ะ เหยียดไปถึงผู้หญิงที่อยู่ห้อมล้อมเราซึ่งเราเองก็ไม่โอเคเอามากๆ เหยียดเรายังไม่เท่าไหร่แต่เหยียดความสัมพันธ์ของคนอื่นเนี่ยรับไม่ได้จริงๆ

พอเริ่มทำงานก็ด้วยความสามารถและพรสวรรค์ + ผลงานเป็นที่ประจักษ์ผู้ใหญ่ ฝรั่ง-ญี่ปุ่นและเพื่อนร่วมงานก็เลยค่อนข้างจะง่ายกับทุกอย่างที่เราทำ แต่ก็ยังไม่พ้นมนุษย์ป้าบางกลุ่มเข้ามาเหยียด ซึ่งเราก็มองว่าการที่เพื่อนร่วมงานง่ายกับเราแต่ยากกับมนุษย์ป้าเป็นเพราะทัศนคติของมนุษย์ป้าเค้าเอง ทั้งการวางตัวการใช้คำพูด ในขณะที่เราติดต่องานเราจะใช้คำพูดแบบว่าเอ้อเรามีปัญหาแบบนี้ อยากให้ช่วยแบบนี้ๆๆน่ะ ผมทำแบบนี้ไปบ้างแล้วและอื่นๆเพื่อความสะดวกของทั้งเราและคนที่เราติดต่องานด้วย ทุกคนเลยง่ายกับเราตลอด แต่มนุษย์ป้าจะใช้วิธีพูดและน้ำเสียงเหมือนพยายามข่มพยามยามวางตัวสูงกว่าคนอื่นตลอดเวลา บางครั้งป้าติดต่อขอข้อมูลงานครึ่งวันไม่ได้เรื่อง พอเราเดินเข้าไปคุยเล่นเฮฮา เหมือนนั่งคุยเฉยๆไม่เกิน 5นาทีเค้าส่ง Mail ที่ต้องการมาให้แล้ว

มนุษย์ป้าคนเดิมกับเพื่อนร่วมงานหญิง ซึ่งคุยงานกันอยู่ในห้องมิตติ้ง ป้าแกพูดลอยๆขึ้นมาก็แค่หน้าตาดีคนถึงตามใจ คนที่ป้าแกพูดถึงก็สวยนั้นแหละ ถ้าจัดอันดับในบริษัทก็คงติด Top 3 แต่ก่อนเป็นดาวมหาลัยพร้อมมีงานถ่ายแบบอยู่เรื่อยๆ แต่โดยส่วนตัวแล้วที่ชีวิตน้องเค้าสบายเนี่ยมันไม่เกี่ยวกับที่เค้าสวยเลย  ถ้ายังทำงานดีทัศนคติดีต่อให้อ้วนดำการทำงานของเค้าดูไม่เป็นปัญหา แต่กลับกันต่อให้มนุษย์ป้าเค้ายังเป็นสาว+สวยแต่ทัศนคติแบบป้าแกทำงานที่ไหนก็คงมีปัญหากับเพื่อนร่วมงานไปทั่ว

เรื่องแฟน (ไม่ใช่เพื่อนร่วมงานที่ยกตัวอย่างข้างบน) แฟนสมัยที่เรียนก็เป็นดาวมหาลัย มีงานถ่ายแบบ พริตตี้งานมอเตอร์โชว์งานมือถือบ้าง ก็โดนบูลลี่โดนสร้างข่าวลือ ว่าเป็นเด็กเสี่ยเลี้ยงบ้างรับงานบ้าง โดนสร้างข่าวลือทำร้ายจนโดนผู้ชายเข้ามาคุกคามทางเพศถึงเนื้อถึงตัวเพราะนึกว่าเป็นเหมือนในข่าวลือ สุดท้ายต้องดรอปเรียนแล้วย้ายไปที่อื่นพร้อมเลิกทำงาน กลายเป็นซึมเศร้าหวาดกลัวแพนิคคน กลัวการเข้าสังคม พอมาคบกับเราเป็นแฟนก็โดนป้าข้างบ้านบูลลี่อีก เพื่อนก็ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว จะอยู่บ้านยังโดนคนข้างบ้านมาวุ่นวายแถมเอาไปคุยกับคนอื่นให้เค้าเสียหายอีก เรากับแฟนอายุต่างกัน 12 ปีแต่เราดูแลตัวเองมิงภายนอกจะเหมือนคน 20 กว่าๆ

เท่าที่ใช้ชีวิตมาสามสิบกว่าปี แทบจะไม่เคยเจอคนที่มีพร้อมเหยียดคนที่ไม่มีเลยน่ะ แต่ในกลุ่มเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันแล้วบ้านรวยนิสัยเสียมันก็มี แต่มันก็แค่ส่วนน้อยในระดับที่เรียกว่าน้อยมากๆ ใช้ชีวิตมาสามสิบกว่าปี คนที่อยู่ในระดับมาตรฐาน ทั้งทัศนคติความสามารถหน้าตาฐานะทางสังคมไม่เคยมีใครมีปัญหากับเราเลย แต่กลุ่มที่มีปัญหากับเราเป็นกลุ่มที่มีปัญหากับคนอื่นไปทั่วพยายามยกตัวเองให้สูงเพื่อข่มคนอื่น ทั้งๆที่ไม่มีใครไปข่มหรือดูถูกอะไรเค้าเลย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่