สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
เท่าที่อ่านคิดว่าคุณคงทำงานเป็นล่ามอยู่ ไม่รู้ล่ามภาษาอะไร แต่ขออนุญาตตอบในฐานะอดีตล่ามนะคะ
พี่จบด้านภาษาจากม.รัฐชื่อดังแห่งหนึ่งด้วยเกียรตินิยมเช่นเดียวกันค่ะ และได้เข้าไปเป็นล่ามในโรงงานและแปลยันaudit iso บัญชี ประชุมผู้บริหาร
ครั้งแรกที่พี่ล่ามคือการประชุมผู้บริหาร พี่แปลไม่ได้เลย พอประชุมเสร็จ สิ่งที่ทำคือเข้าไปนั่งร้องไห้ในห้องน้ำจนเจ้านายต้องโทรมาตาม บอกให้ออกมาจากส้วมได้แล้ว
อีโก้ที่เคยมีพังค่ะ อย่างที่น้องว่า เกียรตินิยมมันไม่ได้การันตีว่าเราฉลาดล้ำโลก เพราะบางทีขยันมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การได้เกียรตินิยมไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป กรณีพี่ พี่ขี้เกียจและหัวช้าค่ะ แต่พี่เป็นคนทำข้อสอบเยอะและเดาทางเก่ง ก็รอดมาได้
การถูกเยาะเย้ยถากถางเป็นเรื่องปกติมาก สาเหตุหนึ่งเพราะคนอื่นมักจะมองว่าล่ามงานสบายแต่เงินเดือนสูงค่ะ เพราะฉะนั้นขอให้น้องทำใจไว้คำพูดร้ายกาจพวกนี้เป็นแค่บทเริ่มต้น
ส่วนเรื่องที่ทำอย่างไรถึงจะแปลได้คล่อง คำตอบคือต้องแปลเท่านั้นค่ะ ใครให้แปลอะไรก็แปลไป รู้เรื่องไม่รู้เรื่องก็ทำให้ดีที่สุด สะสมคลังคำศัพท์ไว้ มันจะค่อยๆชิน เพราะส่วนใหญ่เนื้อหามันก็ซ้ำๆ
และเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นประเด็นสำหรับน้องคือเรื่องความรู้สึกด้อยค่า พี่คงไม่บอกให้น้องเลิกด้อยค่าตัวเองเพราะทุกวันนี้พี่ก็เป็น แต่สิ่งหนึ่งที่น้องไม่ควรลืมคือ เนื้อหาที่น้องแปลบางทีคนไทยฟังเป็นภาษาไทยยังไม่เก็ทเลย พี่อธิบายง่ายๆ ให้ฝ่ายบัญชีมาฟังเรื่องเทคนิกการผลิต และให้ฝ่ายผลิตมาฟังเรื่องบัญชี ขนาดคนไทยด้วยกันยังเกาหัว มันเป็นเรื่องปกติที่เราจะไม่เข้าใจและไม่รู้ไปทุกเรื่องค่ะ
สุดท้าย พี่ขอให้น้องมีภูมิต้านทานมากขึ้น และไม่ต้องไปเอนเอียงตามคำพูดของคนให้มากนัก คนพวกนั้นพูดได้ค่ะ เพราะเขามีปาก ขอให้วางอุเบกขาให้มากและเพิ่มความกล้าให้ตัวเองค่ะ
พี่จบด้านภาษาจากม.รัฐชื่อดังแห่งหนึ่งด้วยเกียรตินิยมเช่นเดียวกันค่ะ และได้เข้าไปเป็นล่ามในโรงงานและแปลยันaudit iso บัญชี ประชุมผู้บริหาร
ครั้งแรกที่พี่ล่ามคือการประชุมผู้บริหาร พี่แปลไม่ได้เลย พอประชุมเสร็จ สิ่งที่ทำคือเข้าไปนั่งร้องไห้ในห้องน้ำจนเจ้านายต้องโทรมาตาม บอกให้ออกมาจากส้วมได้แล้ว
อีโก้ที่เคยมีพังค่ะ อย่างที่น้องว่า เกียรตินิยมมันไม่ได้การันตีว่าเราฉลาดล้ำโลก เพราะบางทีขยันมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การได้เกียรตินิยมไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป กรณีพี่ พี่ขี้เกียจและหัวช้าค่ะ แต่พี่เป็นคนทำข้อสอบเยอะและเดาทางเก่ง ก็รอดมาได้
การถูกเยาะเย้ยถากถางเป็นเรื่องปกติมาก สาเหตุหนึ่งเพราะคนอื่นมักจะมองว่าล่ามงานสบายแต่เงินเดือนสูงค่ะ เพราะฉะนั้นขอให้น้องทำใจไว้คำพูดร้ายกาจพวกนี้เป็นแค่บทเริ่มต้น
ส่วนเรื่องที่ทำอย่างไรถึงจะแปลได้คล่อง คำตอบคือต้องแปลเท่านั้นค่ะ ใครให้แปลอะไรก็แปลไป รู้เรื่องไม่รู้เรื่องก็ทำให้ดีที่สุด สะสมคลังคำศัพท์ไว้ มันจะค่อยๆชิน เพราะส่วนใหญ่เนื้อหามันก็ซ้ำๆ
และเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นประเด็นสำหรับน้องคือเรื่องความรู้สึกด้อยค่า พี่คงไม่บอกให้น้องเลิกด้อยค่าตัวเองเพราะทุกวันนี้พี่ก็เป็น แต่สิ่งหนึ่งที่น้องไม่ควรลืมคือ เนื้อหาที่น้องแปลบางทีคนไทยฟังเป็นภาษาไทยยังไม่เก็ทเลย พี่อธิบายง่ายๆ ให้ฝ่ายบัญชีมาฟังเรื่องเทคนิกการผลิต และให้ฝ่ายผลิตมาฟังเรื่องบัญชี ขนาดคนไทยด้วยกันยังเกาหัว มันเป็นเรื่องปกติที่เราจะไม่เข้าใจและไม่รู้ไปทุกเรื่องค่ะ
สุดท้าย พี่ขอให้น้องมีภูมิต้านทานมากขึ้น และไม่ต้องไปเอนเอียงตามคำพูดของคนให้มากนัก คนพวกนั้นพูดได้ค่ะ เพราะเขามีปาก ขอให้วางอุเบกขาให้มากและเพิ่มความกล้าให้ตัวเองค่ะ
ความคิดเห็นที่ 5
ใจเย็น ๆ พักผ่อนก่อนนอนให้เต็มอิ่ม อารมณ์ดี ๆ แล้วค่อยมาอ่านบรรทัดถัดไปครับ
โลกแห่งการศึกษาที่สวยงามกับโลกแห่งความเป็นจริงมันแตกต่างกันมากครับ
คุณจขกท. ลองนึกถึงคนที่ไม่ชอบดูสิครับ เราจะเห็นว่าเขาไม่ถูกใจเรา แต่เราก็ไม่ได้มองว่าเขาก็อาจจะชอบหรือไม่ชอบ ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ได้ครับ
คนอื่นที่เราติดต่อก็เช่นเดียวกัน แม้เราคิดว่าเราตั้งใจแล้ว คนอื่นอาจจะเห็นหรืออาจจะไม่เห็นก็ได้ครับ ตอนนี้คุณจขกท.อาจจะคิดว่าเขาทำร้ายจิตใจ
เรา ซึ่งเป็นไปได้ครับว่าจริง หรือเราอาจจะคิดไปเองก็ได้นะครับ
เห็นไหมว่าโลกของแต่ละคนมันแตกต่างกัน ความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้ และเหตุผลในการมองและตัดสินใจก็แตกต่างครับ
แม้เราเห็นว่ายุติธรรม แต่คนอื่นอาจจะเห็นด้วยหรือไม่กับเราก็ได้ ขณะเดียวกันคนอื่นเห็นว่าเราไม่ยุติธรรมเราก็อาจจะมองว่ายุติธรรมก็ได้
ซึ่งแบบนี้คุณจขกท.บอกว่าทำร้ายจิตใจ แต่แวดวงอื่น ๆ หลาย ๆ ครั้งเขาก็หยอกกันเป็นปกติก็มีครับ
ส่วนถ้าวันใดคุณจขกท. ทำสิ่งที่คิดว่าดี เช่นไม่พูดทำร้ายจิตใจคนอื่น ให้กำลังใจ ลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาอาจจะมองเห็น หรืออาจจะมองว่าสตอ
ก็ได้นะครับ
โลกแห่งความเป็นจริงนั้นมันหมุนไปด้วยความรู้สึกก่อนเหตุผลเสมอครับ
ชอบคือใช่ ไม่ใช่คือไม่ชอบครับ แล้วเหตุผลก็ตามมา ซึ่งต่างฝ่ายก็มีรสนิยมเป็นของตัวเองและเหตุผลเป็นของตัวเองครับ
เอาล่ะพอปัญหาเกิด ผมขอเดาว่าปัญหามันเกิดจากคำพูดมากกว่าเนื้องาน สมมติคุณจขกท. ทำงานได้แบบนี้ แล้วคนอื่นไม่พูดกระทู้นี้คงไม่เกิด
ใช่ไหมครับ หากผิดขออภัย หากถูกก็ขอให้รับรู้ไว้ว่าคนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อครับ แต่ถ้าคุณจขกท. ทำงานได้ดีแล้วยังพูดทำนองนี้อีก
หล่ะก็น่าจะมีปัญหาทำนองนี้ครับ บางครั้งเราทำได้ 100 คิดว่าดีแล้ว แต่คนอื่นว่าด้อยเพราะเขาทำได้ 200 แต่เรามองไม่เห็นก็มี หรือเขาทำได้
50 อิจฉาและทำร้ายความรู้สึกเราก็มี หลาย ๆ ครั้งเขาทำได้ 100 แต่เราทำได้ 200 เราเผลอทำร้ายความรู้สึกของเขาก็มีจริงไหมครับ
ปัญหามันอยู่ตรงเนื้องานกับการเมืองการสื่อสารภายในองค์กรครับ
ทางแก้คือทำเนื้องานให้มันดี ตรงนี้เป็นวิชาเบื้องต้นติดตัวก่อนครับ หากดีแล้วเรามีสิทธิ์เลือกไปที่ใหม่ได้ หากได้ไม่ดีเราไม่มีสิทธิ์ครับ
ได้วิชาแล้ว ก็ต้องมาดีลกับคนอื่นซึ่งเราคิดว่าเราโอเคแต่เขาไม่โอเคก็มี เขาคิดว่าเขาโอเคแต่เราไม่โอเคสำหรับเขาก็มี ดังนั้นตรงนี้แล้วแต่เรา
ว่าเราเลือกได้ไหม เปลี่ยนได้ไหม เปลี่ยนได้เปลี่ยนจะเปลี่ยนงานเปลี่ยนวิธีการก็อีกเรื่อง หากเปลี่ยนไม่ได้ทนยอม หรือยอมทนก็อีกเรื่องครับ
อย่าเอาชีวิตไปซื้องานครับ แต่จงเอางานมาซื้อชีวิต
หากได้ไปต่อไม่มีใครมีปัญหา แต่ปัญหามันคือไม่ได้ไปต่อจริงไหมครับ
แม้เราจะทำดีก็เตรียมตัวว่าเขามองว่าไม่ดีไว้ก่อนไม่ได้ไปต่อ เช่นเดียวกัน
แม้เขาจะทำดีหากเรามีอำนาจเราก็อาจจะมองว่าเขายังดีไม่พอได้เช่นกัน
อีกอย่างแม้เราจะดีกับเขาเขาอาจจะดีหรือแทงข้างหลังเราก็ได้เช่นกันครับ
ส่วนเราจะทำแบบเขาหรือไม่ก็เป็นศีลธรรมของเรา
มันเป็นสัจธรรมครับ ให้ยอมรับความจริง และปรับตัวอยู่กับมัน ความสงบจะเกิดปัญญาจะตามมา ตอนนั้นเราจะมีคำตอบเองครับว่าเราจะเอาไงต่อดี
มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ครับ อย่าไปยึดติดให้ยอมรับความเป็นจริงอีกครั้งและพร้อมเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง พัฒนาตนเองอยู่เสมอครับ
โลกแห่งการศึกษาที่สวยงามกับโลกแห่งความเป็นจริงมันแตกต่างกันมากครับ
คุณจขกท. ลองนึกถึงคนที่ไม่ชอบดูสิครับ เราจะเห็นว่าเขาไม่ถูกใจเรา แต่เราก็ไม่ได้มองว่าเขาก็อาจจะชอบหรือไม่ชอบ ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ได้ครับ
คนอื่นที่เราติดต่อก็เช่นเดียวกัน แม้เราคิดว่าเราตั้งใจแล้ว คนอื่นอาจจะเห็นหรืออาจจะไม่เห็นก็ได้ครับ ตอนนี้คุณจขกท.อาจจะคิดว่าเขาทำร้ายจิตใจ
เรา ซึ่งเป็นไปได้ครับว่าจริง หรือเราอาจจะคิดไปเองก็ได้นะครับ
เห็นไหมว่าโลกของแต่ละคนมันแตกต่างกัน ความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้ และเหตุผลในการมองและตัดสินใจก็แตกต่างครับ
แม้เราเห็นว่ายุติธรรม แต่คนอื่นอาจจะเห็นด้วยหรือไม่กับเราก็ได้ ขณะเดียวกันคนอื่นเห็นว่าเราไม่ยุติธรรมเราก็อาจจะมองว่ายุติธรรมก็ได้
ซึ่งแบบนี้คุณจขกท.บอกว่าทำร้ายจิตใจ แต่แวดวงอื่น ๆ หลาย ๆ ครั้งเขาก็หยอกกันเป็นปกติก็มีครับ
ส่วนถ้าวันใดคุณจขกท. ทำสิ่งที่คิดว่าดี เช่นไม่พูดทำร้ายจิตใจคนอื่น ให้กำลังใจ ลูกน้องผู้ใต้บังคับบัญชาอาจจะมองเห็น หรืออาจจะมองว่าสตอ
ก็ได้นะครับ
โลกแห่งความเป็นจริงนั้นมันหมุนไปด้วยความรู้สึกก่อนเหตุผลเสมอครับ
ชอบคือใช่ ไม่ใช่คือไม่ชอบครับ แล้วเหตุผลก็ตามมา ซึ่งต่างฝ่ายก็มีรสนิยมเป็นของตัวเองและเหตุผลเป็นของตัวเองครับ
เอาล่ะพอปัญหาเกิด ผมขอเดาว่าปัญหามันเกิดจากคำพูดมากกว่าเนื้องาน สมมติคุณจขกท. ทำงานได้แบบนี้ แล้วคนอื่นไม่พูดกระทู้นี้คงไม่เกิด
ใช่ไหมครับ หากผิดขออภัย หากถูกก็ขอให้รับรู้ไว้ว่าคนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อครับ แต่ถ้าคุณจขกท. ทำงานได้ดีแล้วยังพูดทำนองนี้อีก
หล่ะก็น่าจะมีปัญหาทำนองนี้ครับ บางครั้งเราทำได้ 100 คิดว่าดีแล้ว แต่คนอื่นว่าด้อยเพราะเขาทำได้ 200 แต่เรามองไม่เห็นก็มี หรือเขาทำได้
50 อิจฉาและทำร้ายความรู้สึกเราก็มี หลาย ๆ ครั้งเขาทำได้ 100 แต่เราทำได้ 200 เราเผลอทำร้ายความรู้สึกของเขาก็มีจริงไหมครับ
ปัญหามันอยู่ตรงเนื้องานกับการเมืองการสื่อสารภายในองค์กรครับ
ทางแก้คือทำเนื้องานให้มันดี ตรงนี้เป็นวิชาเบื้องต้นติดตัวก่อนครับ หากดีแล้วเรามีสิทธิ์เลือกไปที่ใหม่ได้ หากได้ไม่ดีเราไม่มีสิทธิ์ครับ
ได้วิชาแล้ว ก็ต้องมาดีลกับคนอื่นซึ่งเราคิดว่าเราโอเคแต่เขาไม่โอเคก็มี เขาคิดว่าเขาโอเคแต่เราไม่โอเคสำหรับเขาก็มี ดังนั้นตรงนี้แล้วแต่เรา
ว่าเราเลือกได้ไหม เปลี่ยนได้ไหม เปลี่ยนได้เปลี่ยนจะเปลี่ยนงานเปลี่ยนวิธีการก็อีกเรื่อง หากเปลี่ยนไม่ได้ทนยอม หรือยอมทนก็อีกเรื่องครับ
อย่าเอาชีวิตไปซื้องานครับ แต่จงเอางานมาซื้อชีวิต
หากได้ไปต่อไม่มีใครมีปัญหา แต่ปัญหามันคือไม่ได้ไปต่อจริงไหมครับ
แม้เราจะทำดีก็เตรียมตัวว่าเขามองว่าไม่ดีไว้ก่อนไม่ได้ไปต่อ เช่นเดียวกัน
แม้เขาจะทำดีหากเรามีอำนาจเราก็อาจจะมองว่าเขายังดีไม่พอได้เช่นกัน
อีกอย่างแม้เราจะดีกับเขาเขาอาจจะดีหรือแทงข้างหลังเราก็ได้เช่นกันครับ
ส่วนเราจะทำแบบเขาหรือไม่ก็เป็นศีลธรรมของเรา
มันเป็นสัจธรรมครับ ให้ยอมรับความจริง และปรับตัวอยู่กับมัน ความสงบจะเกิดปัญญาจะตามมา ตอนนั้นเราจะมีคำตอบเองครับว่าเราจะเอาไงต่อดี
มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ครับ อย่าไปยึดติดให้ยอมรับความเป็นจริงอีกครั้งและพร้อมเปลี่ยนแปลง ปรับปรุง พัฒนาตนเองอยู่เสมอครับ
แสดงความคิดเห็น
ความรู้สึกแย่ๆรู้สึกว่าตัวเองด้อยค่า ไม่เก่ง ควรจัดการอย่างไรดี
เรารู้ว่าเราไม่เก่งในด้านการทำงานเลย แต่เราก็พยายามทำตัวให้น่ารักที่สุด ช่วยเหลือคนในที่ทำงานเมื่อเราว่าง เราช่วยหมด ไม่ว่าใครจะสั่งอะไรหรือเดินไปเอาของ เดินขี้น-ลงไปเอาของ อย่างน้อยเราก็อยากมีค่าบ้าง มีประโยชน์บ้าง อยากให้คนในที่ทำงานเห็นในด้านดีเราบ้าง ว่าถึงแม้งานเราจะแย่ แต่เราก็มีด้านดีนะ
วันนี้มีคนๆนึงบอกว่าเราเรียนจบเกียรตินิยมจริงไหม ทำไมแค่นี้ถึงทำไม่ได้ วันหลังอย่ารับม.นี้ เข้ามาทำงานอีกนะ ถึงแม้จะเป็นการพูดเล่น แต่เป็นการพูดเล่นที่ทำร้ายจิตใจมาก เรายอมโดนด่าด้วยคำหยาบยังดีซะกว่า เราท้อและเราก็เสียใจมาก เราเก็บอาการเสมอเก็บไว้ในใจ ไม่เคยแสดงออกในที่ทำงาน
ในบางครั้งที่เราเสียใจและเราไม่รู้จะระบายกับใคร ไม่อยากบอกพ่อแม่กลัวเขากังวล แฟนก็ไม่มี การระบายของเราคือการร้องไห้และการฟังเพลง พยายามคิดว่าเราต้องสู้ เราต้องเก่งขึ้นได้ จริงๆเราไม่ใช่คนเก่งเลย เราจบเกียรตินิยมก็จริงแต่เราใช้ความพยายามในการอ่านหนังสือ ตอนฝึกงานได้เกรดดีเพราะตั้งใจทำงาน ไม่เคยมาสาย
เราไม่รู้เลยว่าการโตมาเป็นผู้ใหญ่ ในวัยทำงานจะต้องมารู้สึกในเรื่องแบบนี้ด้วย ตอนเด็กๆ เคยคิดว่าอยากเป็นผู้ใหญ่ อยากมีเงินใช้ มีเงินเก็บ เอาจริงๆมันก็มีเรื่องมากมายเข้ามาในชีวิต แต่ก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองเราต้องสู้นะ เราต้องผ่านไปได้
เราสัญญากับตัวเองว่าถ้าวันนึงเราเป็นรุ่นพี่ หรือถ้าเรามีโอกาสได้เป็นหัวหน้าคน นายคน ในสิ่งที่เรารู้สึกแย่ในวันนี้ การกระทำคำพูดที่เราเคยได้รับมา แล้วเราเสียใจกับสิ่งพวกนี้ เราจะไม่เอามันมาทำกับคนอื่น
**************สุดท้ายนี้อยากทราบว่าเพื่อนๆชาวพันทิป มีวิธีจัดการกับความรู้สึกแย่ๆยังไง ขอบคุณทุกๆคอมเม้นท์********************