ถุงมือเรื่องสั้น ประจำสัปดาห์ที่ 23 สมัยที่ 6 สุดท้าย ส่งท้ายปี 2020 ยกที่ 2 เรื่องที่ 7 สุดท้ายสำหรับวีคนี้ครับ (ทำสถิติมากที่สุดแล้วเท่าที่เคยมีมา)....
เรื่องนี้ เกี่ยวกับ "นักรบเลือดบูชิโด" แห่งแดนอาทิตย์อุทัย..."ซามูไร" ในยุคโบราณ...
ในยามยุคที่ไร้ศึกสงคราม แต่โลกเหมือนไร้ขื่อแป ซามูไรที่ตกอับ เปลี่ยนตนเองเป็น โรนินพเนจร ไร้สังกัด เที่ยวตระเวนไปทั่วดินแดน เข้ายึดปกครองพื้นที่ต่างๆ รีดไถข้าวจากชาวนาที่ยากจน บ้างก็รับจ้างอิสระทั่วไป บ้างก็รับงานคุ้มกันขนส่งสินค้าข้ามเขตแดนที่เสี่ยงภัยอันตรายมีโจรผู้ร้ายชุกชุมหรือดินแดนทะเลทรายที่แห้งแล้งกันดารเปล่าเปลี่ยว บ้างก็กลายเป็นโจร เป็นต้น...
พบกับเรื่องราวของพวกเขาต่อไปได้ ณ บัดนี้.......
ในยามยุคที่ไร้ศึกสงคราม แต่โลกเหมือนไร้ขื่อแป ซามูไรที่ตกอับ เปลี่ยนตนเองเป็น โรนินพเนจรไร้สังกัด เที่ยวตระเวนไปทั่วดินแดน เข้ายึดปกครองพื้นที่ต่างๆ รีดไถข้าวจากชาวนาที่ยากจน บ้างก็รับจ้างอิสระทั่วไป บ้างก็รับงานคุ้มกันขนส่งสินค้าข้ามเขตแดนที่เสี่ยงภัยอันตรายมีโจรผู้ร้ายชุกชุมหรือดินแดนทะเลทรายที่แห้งแล้งกันดารเปล่าเปลี่ยว บ้างก็กลายเป็นโจร เป็นต้น
ณ.ทะเลทราย ทตโตริ ซากิว ซึ่งเป็นเนินทรายขนาดใหญ่ที่สุดและมีเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นทอดตัวขนานไปกับชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น อยู่ในบริเวณที่เป็นปัจจุบันคือภูมิภาคชูโงะกุ (ภูมิภาคนี้ตั้งอยู่ในทางตะวันตกของเกาะฮอนชู) ยังมีหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตบนวิถีแห่งซามูไร เขาไม่เคยผ่านศึกสงครามอะไร แต่พยายามที่จะให้เหล่าซามูไรตัวจริงยอมรับตนเป็นซามูไรให้ได้ พบว่าตัวเองหลงทางอยู่กลางถนนบนทะเลทราย จากการเป็นลูกจ้างในทีมคุ้มกันขนส่งสินค้าข้ามเขตแดนทะเลทรายที่แห้งแล้งกันดารแห่งนี้ เพราะเกวียนสินค้าที่เขาเฝ้าอยู่เกิดกระแทก ทำให้เขาตกหล่นลงมาจากตัวเกวียนโดยที่เขาก็ไม่รู้สึกตัว เนื่องจากเขาหลับลึกและอ่อนเพลียเพราะอดอาหารมาแล้วหลายมื้อ อีกทั้งไม่มีใครสนใจในการตกจากเกวียนของเขาเลย เกวียนของคณะคาราวานสินค้าและทีมคุ้มกันยังคงเดินทางห่างไกลออกไปเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดชึ้น
เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า ตนถูกทิ้งไว้เพียงลำพังกลางทะเลทราย เขาจึงเริ่มออกเดินโซเซไปตามถนน สักพักเขาก็ต้องพบกับความสยองบนถนน โดยพบกับซากศพ 2 ศพถูกฆ่าตายของโรนินที่ร่วมขบวนคุ้มกันมาพร้อมกับเขาซึ่งกำลังจะเดินทางไปเมืองเกียวโต ชื่อ
มัตซึโอะ ไทโยะ กับ
ซึบากิยาม่า คิโยมิ และเมื่อเดินทางต่อไปอีกเขาก็ได้พบกับเพื่อนสนิทวัยเดียวกันที่มาจากหมู่บ้านเดียวกันชื่อ
ดาเตะ โอมิโตะ ซึ่งกำลังทำตามความใฝ่ฝันของตัวเองด้วยการออกตามหา
"จิตวิญญาณแห่งตะวันออก" (หรือ
ปรมาจารย์ซามูไรเอดะจิม่า เฮฮาจิ สุดยอดฝีมือแห่งยุค) เพื่อขอฝากตัวเป็นศิษย์ร่ำเรียนวิชาด้วย เมื่อทั้งคู่ได้พบกันโดยบังเอิญจึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ต่างทักทายพูดคุยเล่าเรื่องการผจญภัยของตนให้กันและกันฟังอย่างสนุก แล้วสุดท้ายจึงร่ำลาแยกกันไปตามทางของตน
ขณะที่หนุ่มน้อยเดินทางต่อไปในทะเลทรายด้วยความหิวกระหายเพียงลำพัง เขาพยายามหลีกเลี่ยงการถูกกลุ่มโจรแห่งทะเลทรายจับตัวทรมานแล้วฆ่า ก่อนที่จะเจอกับ
คิราระ สาวน้อยผู้มีความคิดที่จะพยายามตามหาซามูไรเพื่อมาช่วยบ้านเมืองของตน เธอพาเขาไปที่สุดดินแดนตะวันตกเก่าหรือเมืองดินแตก ที่มีชาวบ้านชาวนาอยู่อย่างแห้งแล้ง เมืองที่โรนินมัตซึโอะ ไทโยะเคยบอกว่าในทุกวันพุธถึงจะมีการแจกน้ำอยู่เป็นประจำ
หนุ่มน้อยเดินเข้าไปขอน้ำกินในโรงเตี๊ยม เขาเรียกตัวเองเป็นซามูไรว่า
ข้าคือ ซึรุงิ โมโมทาโร่ อีกทั้งยังพูดจาโอ้อวดว่าสามารถจัดการวายร้าย ด้วยมีดสั้นเพียงเล่มเดียว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาก็แค่ฝึกฝนเรียนรู้วิถีแห่งซามูไรและการใช้ดาบมาแบบงูๆปลาๆเท่านั้น ด้วยคำโม้ของเขาจึงทำให้ถูกท้าดวลโดย
โรนินวายร้าย เอ็งโซกิ ที่หน้าโรงเตี๊ยม ฝ่ายโมโมทาโร่รู้สึกแย่เมื่อปากพาซวย แต่แล้วเขาก็โชคดีเมื่อ
ไดโกอิง จากิ ซามูไรนอกแถวนักล่าเจ้าถิ่น ปรากฎตัวมาด้านหลังของโมโมทาโร่ ทุกคนต่างหนีเข้าข้างในโรงเตี๊ยม รวมถึงโรนินวายร้ายอย่างเอ็งโซกิด้วย โมโมทาโร่รู้ตัวคนสุดท้ายจึงถูกไล่ล่าอยู่เพียงคนเดียว
เขาวิ่งหนีไปรอบหมู่บ้านจนมาจนมุมที่โรงเก็บน้ำร้าง เขาเลยขว้างมีดสั้นที่มีอยู่เล่มเดียวของเขา บังเอิญไปโดนสลิงที่ยึดถังน้ำเอาไว้ ทำให้ถังน้ำขนาดใหญ่หล่นลงมาทับไดโกอิง จากิ ตายคาที่ โมโมทาโร่เลยกลายเป็นวีรบุรุษที่ฆ่าซามูไรนอกแถวนักล่าด้วยมีดสั้นเล่มเดียวอย่างที่เขาเคยบอก จึงทำให้ เจ้าเมืองโทโด เฮียวเอ เฒ่าผู้สูงอายุ แต่งตั้งให้โมโมทาโร่ เป็นหัวหน้าสำนักมือปราบคนใหม่ ในขณะเดียวกันชาวเมืองต่างกังวลว่า หากไดโกอิง จากิ ตายแล้ว โรนินนักฆ่า(ซามูไรหลังสงครามผันตัวมารับจ้างฆ่าคน)อาคาชิ โคจิ ผู้ซึ่งกลัวไดโกอิง จากิ จะกลับมา
โมโมทาโร่พบกับความจริงว่า ธนาคารที่เก็บน้ำของเมืองตอนนี้ ใกล้จะว่างเปล่าแล้ว สาวน้อยคิราระจึงเรียกร้องให้โมโมทาโร่ หัวหน้าสำนักมือปราบคนใหม่แก้ปัญหานี้ โดยการสืบสอบสวนว่าน้ำหายไปไหน คืนนั้นโมโมทาโร่ช่วยโจรชื่อ
กลุ่มสามเกลอโรนินเลว (โทงาชิ เก็นจิ ,โทรามารุ ริวจิ ,ฮิเอ็ง) ทำการปล้นธนาคารเก็บน้ำของเมืองเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นลูกค้า เช้าวันถัดมาชาวบ้านพบว่าน้ำของพวกเขาถูกขโมยไป ดังนั้นหัวหน้ามือปราบโมโมทาโร่จึงต้องออกตามล่าหาตัวคนร้าย (แต่ความจริงเขากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดโดยไม่รู้ตัว) และเขาก็ได้จัดตั้งกองกำลังอาสาขึ้นมาจำนวนหนึ่ง
ในระหว่างการค้นหาหลักฐาน พวกเขาพบ
นายธนาคารเก็บน้ำคุมาดะ คินโซ เสียชีวิตอยู่กลางทะเลทราย แต่สาเหตุการตายของเขานั้นแปลกมากคือจมน้ำตาย ทีมกองกำลังของโมโมทาโร่สืบได้เบาะแสและติดตามไปจนถึงแหล่งที่ซ่อนของพวกโจร พวกเขาใช้กองกำลังกลุ่มคนที่มากกว่าเข้าล้อมต่อสู้และจับกุมตัวกลุ่มโจรสามเกลอโรนินเลวไว้ได้ โมโมทาโร่เมื่อจับโจรได้เขาจึงเข้าตรวจค้นทั้งหมดก่อนจะพบว่า ขวดใส่น้ำนั้นว่างเปล่า
กลุ่มโจรสามเกลอโรนินเลวอ้างว่าพวกมันเจอขวดน้ำเหล่านั้นว่างเปล่าอยู่ก่อนหน้าแล้ว แต่ก็ไม่มีใครยอมเชื่อ จึงต้องนำตัวทั้งหมดทุกคนไปเข้าคุก ตามคำเรียกร้องของชาวบ้านที่ต้องการจะลงโทษพวกเขา
ต่อมาโมโมทาโร่ไปพบกับความจริงเข้าโดยบังเอิญว่า รอบๆเขตนี้กำลังมีการพัฒนาที่ดินเพื่อสร้างสิ่งปลูกสร้างสมัยใหม่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเจ้าเมืองที่อยู่เมืองนี้มานานที่สุดย่อมต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน เขาจึงไปถามแบบเผชิญหน้ากันโดยตรงกับ
เจ้าเมืองโทโด เฮียวเอ เรื่องการซื้อขายที่ดิน แต่เจ้าเมืองก็ได้ปฎิเสธการกระทำใดๆที่ผิดกฎหมายทั้งหมดว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นใดๆทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามโมโมทาโร่ก็ได้แสดงหลักฐานให้เห็นว่า เจ้าเมืองต้องการจะผลักดันให้ชาวบ้านย้ายออกนอกเมือง เพื่อที่จะซื้อที่ดินได้ในราคาถูก โดยการตัดการส่งน้ำพวกชาวบ้าน
หลังจากโมโมทาโร่กลับไป เจ้าเมืองกลัวว่าความผิดของตนจะรู้ไปถึงหูของชาวเมือง จึงทำการว่าจ้างโรนินนักฆ่า
อาคาชิ โคจิ ให้มาจัดการท้าดวลตัวต่อตัวกับโมโมทาโร่ ซึ่งผลคือโมโมทาโร่ไม่มีทางต่อสู้ด้วยได้เลย พ่ายแพ้แบบยับเยิน เจ้าเมืองจึงได้บังคับให้โมโมทาโร่ยอมรับว่า เขาโกหกต่อชาวเมืองถึงเรื่องที่เขาเคยพูดคุยโม้โอ้อวดถึงความเก่งกล้าของเขาให้ชาวบ้านฟัง และขับไล่โมโมทาโร่ออกนอกเมือง ทำให้โมโมทาโร่หมดความหวังและท้อถอย กลับมายืนที่จุดเดิมที่เขาเคยตกจากเกวียนลงถนนกลางทะเลทรายครั้งแรก
และที่นั้นเอง แต่ในคราวนี้เขาได้พบกับ
"จิตวิญญาณแห่งตะวันออก" (หรือ ปรมาจารย์ซามูไรเอดะจิม่า เฮฮาจิ) ปรากฎตัวในสภาพที่เป็นนักบวชสูงอายุชายนิรนามกับลูกศิษย์ใหม่ของท่านซึ่งก็คือ
ดาเตะ โอมิโตะ เพื่อนเก่าของเขานั่นเอง กำลังเดินทางผ่านมา หลังจากโมโมทาโร่ได้พูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับชาวเมืองดินแตกให้นักบวชผู้เฒ่าฟัง "จิตวิญญาณแห่งตะวันออก" (หรือ ปรมาจารย์ซามูไรเอดะจิม่า เฮฮาจิ) ก็กล่าวกับโมโมทาโร่ว่า
"ไม่มีใครสามารถหนีออกไปจากเรื่องของตัวเองได้" เขาจะต้องกลับไปแก้ไขและทำในสิ่งที่ถูกต้อง พร้อมกับได้สอนกระบวนท่าและเคล็ดวิชา
เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย ให้กับโมโมทาโร่อีกด้วยเพราะเห็นว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีจิตใจที่ดีงามและกล้าหาญ ทั้งยังสั่งให้ดาเตะ โอมิโตะ ร่วมเดินทางไปกับโมโมทาโร่เพื่อคอยเป็นเพื่อนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
โมโมทาโร่รู้ว่าท่อส่งน้ำประปาเข้าเมืองดินแตกถูกปิด โดยวาล์วปิดฉุกเฉินนี้อยู่ภายในบริเวณเขตจวนของเจ้าเมือง ซึ่งต้องเป็นฝีมือของท่านเจ้าเมืองโทโด เฮียวเอ แน่นอน เพื่อทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำจนชาวบ้านต้องยอมย้ายออกและขายที่ดินให้ในราคาถูก โมโมทาโร่กลับสู่เมืองดินแตกพร้อมด้วยเพื่อนเก่าของเขาดาเตะ โอมิโตะ บุกไปช่วยกลุ่มโจรสามเกลอโรนินเลว (โทงาชิ เก็นจิ ,โทรามารุ ริวจิ ,ฮิเอ็ง) ที่ถูกป้ายความผิดกลายเป็นแพะรับบาป ออกมาจากคุก กลุ่มโจรสามเกลอโรนินเลวได้บอกความลับกับโมโมทาโร่และดาเตะว่า นายธนาคารคุมาดะ คินโซที่ตายและกลุ่มโจรแห่งทะเลทราย เป็นฝีมือของลูกน้องท่านเจ้าเมืองที่ปลอมตัวเป็นนินจาลงมือ
ตอนนี้กลุ่มโมโมทาโร่มีโรนินทั้งหมดห้าคน เมื่อรวมกับโรนินพเนจรหนุ่มชื่อ
กกโกจิ ฮิเดมาโระ ที่เคยอยู่ในกองกำลังอาสาที่เขาจัดตั้งขึ้น เข้ามาร่วมสมทบอีกหนึ่งคน จึงกลายเป็นหกคน ทุกคนคล้อยตามโมโมทาโร่และร่วมกันวางแผนที่จะลุยบุกจวนของท่านเจ้าเมืองเพื่อจะเปิดวาล์วส่งน้ำให้ได้ ร่วมกันต่อสู้เพื่อความถูกต้องและเพื่อชาวเมือง รวมทั้งกอบกู้เกียรติและศักดิ์ศรีของตนเพื่อความเป็นซามูไรที่แท้จริงด้วย แม้จะต้องยอมเสี่ยงภัยถึงขั้นแลกด้วยชีวิตก็ตาม (ภายในจวนของเจ้าเมืองมีลูกน้องบริวารอยู่เกือบเป็นร้อยคน)
เมื่อเข้ามาในเมือง โมโมทาโร่ก็ได้ไปท้าทายโรนินนักฆ่าอาคาชิ โคจิ ให้มาต่อสู้ดวลเพลงดาบกันแก้มืออีกครั้ง แต่ความจริงเป็นแผนเบี่ยงเบนความสนใจของท่านเจ้าเมือง (ซึ่งอยากตามมาดูแต่คราวนี้สั่งให้อาคาชิ ลงมือฆ่าโมโมทาโร่ให้ตายไปเลยไม่ต้องไว้ชีวิตเหมือนครั้งที่แล้ว) ทำให้ผองเพื่อนของเขาบุกเข้าไปในจวนของเจ้าเมืองได้ง่ายขึ้น เพราะบริวารของเจ้าเมืองบางส่วนต้องมาคอยคุ้มกันเจ้าเมืองอยู่ที่นี่ พอจะเริ่มดวลกันโมโมทาโร่ก็แกล้งพูดโยกโย้เรื่องนั่นเรื่องนี่เพื่อถ่วงเวลาไว้ จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ลูกน้องของเจ้าเมืองก็วิ่งมารายงานว่า ที่จวนมีผู้บุกรุกกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ฟังเท่านั้นเจ้าเมืองก็รู้ว่าหลงกลซะแล้ว จึงสั่งให้ทุกคนรีบตามกลับไปจวนทันที และสั่งให้ลูกน้องสามคนไปจับกุมตัวสาวน้อยคิราระแล้วพาไปที่จวนด้วย
ส่วนโมโมทาโร่กับอาคาชิ โคจิ เมื่อเหลืออยู่เพียงหนึ่งต่อหนึ่งตามลำพัง จึงเริ่มลงมือต่อสู้กันอย่างจริงจัง และในที่สุดก็เป็นฝ่ายอาคาชิ โคจิ ที่พ่ายแพ้ให้กับโมโมทาโร่ ด้วยเพลงดาบแม่น้ำร้อยสายที่เขาได้รับการถ่ายทอดมาจากปรมาจารย์ซามูไรเอดะจิม่า เฮฮาจิ แต่เขาตัดสินใจไม่สังหารอาคาชิ และยังเล่าให้ฟังถึงแผนการอันชั่วร้ายของเจ้าเมืองโทโด เฮียวเอ พร้อมทั้งชักชวนให้อาคาชิ โคจิ กลับตัวกลับใจเพื่อมาร่วมต่อสู้กอบกู้เกียรติและศักดิ์ศรีของซามูไรที่แท้จริงร่วมกับพวกเขา
อาคาชิเห็นว่าโมโมทาโร่ไว้ชีวิตตนและมีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและเพื่อกอบกู้เกียรติศักดิ์ศรีของซามูไรที่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็น จึงตอบตกลงในที่สุด
(มีต่อครับ)
🏹⚔️🛡️ THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#101 Week#23, 30/11 - 4/12 "7 ซามูไร" - ถุงมือ ขุนพลประจันบาน 🛡️⚔️🏹
เรื่องนี้ เกี่ยวกับ "นักรบเลือดบูชิโด" แห่งแดนอาทิตย์อุทัย..."ซามูไร" ในยุคโบราณ...
ในยามยุคที่ไร้ศึกสงคราม แต่โลกเหมือนไร้ขื่อแป ซามูไรที่ตกอับ เปลี่ยนตนเองเป็น โรนินพเนจร ไร้สังกัด เที่ยวตระเวนไปทั่วดินแดน เข้ายึดปกครองพื้นที่ต่างๆ รีดไถข้าวจากชาวนาที่ยากจน บ้างก็รับจ้างอิสระทั่วไป บ้างก็รับงานคุ้มกันขนส่งสินค้าข้ามเขตแดนที่เสี่ยงภัยอันตรายมีโจรผู้ร้ายชุกชุมหรือดินแดนทะเลทรายที่แห้งแล้งกันดารเปล่าเปลี่ยว บ้างก็กลายเป็นโจร เป็นต้น...
พบกับเรื่องราวของพวกเขาต่อไปได้ ณ บัดนี้.......
ในยามยุคที่ไร้ศึกสงคราม แต่โลกเหมือนไร้ขื่อแป ซามูไรที่ตกอับ เปลี่ยนตนเองเป็น โรนินพเนจรไร้สังกัด เที่ยวตระเวนไปทั่วดินแดน เข้ายึดปกครองพื้นที่ต่างๆ รีดไถข้าวจากชาวนาที่ยากจน บ้างก็รับจ้างอิสระทั่วไป บ้างก็รับงานคุ้มกันขนส่งสินค้าข้ามเขตแดนที่เสี่ยงภัยอันตรายมีโจรผู้ร้ายชุกชุมหรือดินแดนทะเลทรายที่แห้งแล้งกันดารเปล่าเปลี่ยว บ้างก็กลายเป็นโจร เป็นต้น
ณ.ทะเลทราย ทตโตริ ซากิว ซึ่งเป็นเนินทรายขนาดใหญ่ที่สุดและมีเพียงแห่งเดียวในญี่ปุ่นทอดตัวขนานไปกับชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น อยู่ในบริเวณที่เป็นปัจจุบันคือภูมิภาคชูโงะกุ (ภูมิภาคนี้ตั้งอยู่ในทางตะวันตกของเกาะฮอนชู) ยังมีหนุ่มน้อยคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตบนวิถีแห่งซามูไร เขาไม่เคยผ่านศึกสงครามอะไร แต่พยายามที่จะให้เหล่าซามูไรตัวจริงยอมรับตนเป็นซามูไรให้ได้ พบว่าตัวเองหลงทางอยู่กลางถนนบนทะเลทราย จากการเป็นลูกจ้างในทีมคุ้มกันขนส่งสินค้าข้ามเขตแดนทะเลทรายที่แห้งแล้งกันดารแห่งนี้ เพราะเกวียนสินค้าที่เขาเฝ้าอยู่เกิดกระแทก ทำให้เขาตกหล่นลงมาจากตัวเกวียนโดยที่เขาก็ไม่รู้สึกตัว เนื่องจากเขาหลับลึกและอ่อนเพลียเพราะอดอาหารมาแล้วหลายมื้อ อีกทั้งไม่มีใครสนใจในการตกจากเกวียนของเขาเลย เกวียนของคณะคาราวานสินค้าและทีมคุ้มกันยังคงเดินทางห่างไกลออกไปเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดชึ้น
เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่า ตนถูกทิ้งไว้เพียงลำพังกลางทะเลทราย เขาจึงเริ่มออกเดินโซเซไปตามถนน สักพักเขาก็ต้องพบกับความสยองบนถนน โดยพบกับซากศพ 2 ศพถูกฆ่าตายของโรนินที่ร่วมขบวนคุ้มกันมาพร้อมกับเขาซึ่งกำลังจะเดินทางไปเมืองเกียวโต ชื่อ มัตซึโอะ ไทโยะ กับ ซึบากิยาม่า คิโยมิ และเมื่อเดินทางต่อไปอีกเขาก็ได้พบกับเพื่อนสนิทวัยเดียวกันที่มาจากหมู่บ้านเดียวกันชื่อ ดาเตะ โอมิโตะ ซึ่งกำลังทำตามความใฝ่ฝันของตัวเองด้วยการออกตามหา "จิตวิญญาณแห่งตะวันออก" (หรือ ปรมาจารย์ซามูไรเอดะจิม่า เฮฮาจิ สุดยอดฝีมือแห่งยุค) เพื่อขอฝากตัวเป็นศิษย์ร่ำเรียนวิชาด้วย เมื่อทั้งคู่ได้พบกันโดยบังเอิญจึงรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง ต่างทักทายพูดคุยเล่าเรื่องการผจญภัยของตนให้กันและกันฟังอย่างสนุก แล้วสุดท้ายจึงร่ำลาแยกกันไปตามทางของตน
ขณะที่หนุ่มน้อยเดินทางต่อไปในทะเลทรายด้วยความหิวกระหายเพียงลำพัง เขาพยายามหลีกเลี่ยงการถูกกลุ่มโจรแห่งทะเลทรายจับตัวทรมานแล้วฆ่า ก่อนที่จะเจอกับ คิราระ สาวน้อยผู้มีความคิดที่จะพยายามตามหาซามูไรเพื่อมาช่วยบ้านเมืองของตน เธอพาเขาไปที่สุดดินแดนตะวันตกเก่าหรือเมืองดินแตก ที่มีชาวบ้านชาวนาอยู่อย่างแห้งแล้ง เมืองที่โรนินมัตซึโอะ ไทโยะเคยบอกว่าในทุกวันพุธถึงจะมีการแจกน้ำอยู่เป็นประจำ
หนุ่มน้อยเดินเข้าไปขอน้ำกินในโรงเตี๊ยม เขาเรียกตัวเองเป็นซามูไรว่า ข้าคือ ซึรุงิ โมโมทาโร่ อีกทั้งยังพูดจาโอ้อวดว่าสามารถจัดการวายร้าย ด้วยมีดสั้นเพียงเล่มเดียว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่นานเขาก็แค่ฝึกฝนเรียนรู้วิถีแห่งซามูไรและการใช้ดาบมาแบบงูๆปลาๆเท่านั้น ด้วยคำโม้ของเขาจึงทำให้ถูกท้าดวลโดย โรนินวายร้าย เอ็งโซกิ ที่หน้าโรงเตี๊ยม ฝ่ายโมโมทาโร่รู้สึกแย่เมื่อปากพาซวย แต่แล้วเขาก็โชคดีเมื่อ ไดโกอิง จากิ ซามูไรนอกแถวนักล่าเจ้าถิ่น ปรากฎตัวมาด้านหลังของโมโมทาโร่ ทุกคนต่างหนีเข้าข้างในโรงเตี๊ยม รวมถึงโรนินวายร้ายอย่างเอ็งโซกิด้วย โมโมทาโร่รู้ตัวคนสุดท้ายจึงถูกไล่ล่าอยู่เพียงคนเดียว
เขาวิ่งหนีไปรอบหมู่บ้านจนมาจนมุมที่โรงเก็บน้ำร้าง เขาเลยขว้างมีดสั้นที่มีอยู่เล่มเดียวของเขา บังเอิญไปโดนสลิงที่ยึดถังน้ำเอาไว้ ทำให้ถังน้ำขนาดใหญ่หล่นลงมาทับไดโกอิง จากิ ตายคาที่ โมโมทาโร่เลยกลายเป็นวีรบุรุษที่ฆ่าซามูไรนอกแถวนักล่าด้วยมีดสั้นเล่มเดียวอย่างที่เขาเคยบอก จึงทำให้ เจ้าเมืองโทโด เฮียวเอ เฒ่าผู้สูงอายุ แต่งตั้งให้โมโมทาโร่ เป็นหัวหน้าสำนักมือปราบคนใหม่ ในขณะเดียวกันชาวเมืองต่างกังวลว่า หากไดโกอิง จากิ ตายแล้ว โรนินนักฆ่า(ซามูไรหลังสงครามผันตัวมารับจ้างฆ่าคน)อาคาชิ โคจิ ผู้ซึ่งกลัวไดโกอิง จากิ จะกลับมา
โมโมทาโร่พบกับความจริงว่า ธนาคารที่เก็บน้ำของเมืองตอนนี้ ใกล้จะว่างเปล่าแล้ว สาวน้อยคิราระจึงเรียกร้องให้โมโมทาโร่ หัวหน้าสำนักมือปราบคนใหม่แก้ปัญหานี้ โดยการสืบสอบสวนว่าน้ำหายไปไหน คืนนั้นโมโมทาโร่ช่วยโจรชื่อ กลุ่มสามเกลอโรนินเลว (โทงาชิ เก็นจิ ,โทรามารุ ริวจิ ,ฮิเอ็ง) ทำการปล้นธนาคารเก็บน้ำของเมืองเพราะเข้าใจผิดว่าเป็นลูกค้า เช้าวันถัดมาชาวบ้านพบว่าน้ำของพวกเขาถูกขโมยไป ดังนั้นหัวหน้ามือปราบโมโมทาโร่จึงต้องออกตามล่าหาตัวคนร้าย (แต่ความจริงเขากลายเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดโดยไม่รู้ตัว) และเขาก็ได้จัดตั้งกองกำลังอาสาขึ้นมาจำนวนหนึ่ง
ในระหว่างการค้นหาหลักฐาน พวกเขาพบ นายธนาคารเก็บน้ำคุมาดะ คินโซ เสียชีวิตอยู่กลางทะเลทราย แต่สาเหตุการตายของเขานั้นแปลกมากคือจมน้ำตาย ทีมกองกำลังของโมโมทาโร่สืบได้เบาะแสและติดตามไปจนถึงแหล่งที่ซ่อนของพวกโจร พวกเขาใช้กองกำลังกลุ่มคนที่มากกว่าเข้าล้อมต่อสู้และจับกุมตัวกลุ่มโจรสามเกลอโรนินเลวไว้ได้ โมโมทาโร่เมื่อจับโจรได้เขาจึงเข้าตรวจค้นทั้งหมดก่อนจะพบว่า ขวดใส่น้ำนั้นว่างเปล่า
กลุ่มโจรสามเกลอโรนินเลวอ้างว่าพวกมันเจอขวดน้ำเหล่านั้นว่างเปล่าอยู่ก่อนหน้าแล้ว แต่ก็ไม่มีใครยอมเชื่อ จึงต้องนำตัวทั้งหมดทุกคนไปเข้าคุก ตามคำเรียกร้องของชาวบ้านที่ต้องการจะลงโทษพวกเขา
ต่อมาโมโมทาโร่ไปพบกับความจริงเข้าโดยบังเอิญว่า รอบๆเขตนี้กำลังมีการพัฒนาที่ดินเพื่อสร้างสิ่งปลูกสร้างสมัยใหม่เป็นจำนวนมาก ซึ่งเจ้าเมืองที่อยู่เมืองนี้มานานที่สุดย่อมต้องรู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน เขาจึงไปถามแบบเผชิญหน้ากันโดยตรงกับ เจ้าเมืองโทโด เฮียวเอ เรื่องการซื้อขายที่ดิน แต่เจ้าเมืองก็ได้ปฎิเสธการกระทำใดๆที่ผิดกฎหมายทั้งหมดว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นใดๆทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามโมโมทาโร่ก็ได้แสดงหลักฐานให้เห็นว่า เจ้าเมืองต้องการจะผลักดันให้ชาวบ้านย้ายออกนอกเมือง เพื่อที่จะซื้อที่ดินได้ในราคาถูก โดยการตัดการส่งน้ำพวกชาวบ้าน
หลังจากโมโมทาโร่กลับไป เจ้าเมืองกลัวว่าความผิดของตนจะรู้ไปถึงหูของชาวเมือง จึงทำการว่าจ้างโรนินนักฆ่า อาคาชิ โคจิ ให้มาจัดการท้าดวลตัวต่อตัวกับโมโมทาโร่ ซึ่งผลคือโมโมทาโร่ไม่มีทางต่อสู้ด้วยได้เลย พ่ายแพ้แบบยับเยิน เจ้าเมืองจึงได้บังคับให้โมโมทาโร่ยอมรับว่า เขาโกหกต่อชาวเมืองถึงเรื่องที่เขาเคยพูดคุยโม้โอ้อวดถึงความเก่งกล้าของเขาให้ชาวบ้านฟัง และขับไล่โมโมทาโร่ออกนอกเมือง ทำให้โมโมทาโร่หมดความหวังและท้อถอย กลับมายืนที่จุดเดิมที่เขาเคยตกจากเกวียนลงถนนกลางทะเลทรายครั้งแรก
และที่นั้นเอง แต่ในคราวนี้เขาได้พบกับ "จิตวิญญาณแห่งตะวันออก" (หรือ ปรมาจารย์ซามูไรเอดะจิม่า เฮฮาจิ) ปรากฎตัวในสภาพที่เป็นนักบวชสูงอายุชายนิรนามกับลูกศิษย์ใหม่ของท่านซึ่งก็คือ ดาเตะ โอมิโตะ เพื่อนเก่าของเขานั่นเอง กำลังเดินทางผ่านมา หลังจากโมโมทาโร่ได้พูดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับชาวเมืองดินแตกให้นักบวชผู้เฒ่าฟัง "จิตวิญญาณแห่งตะวันออก" (หรือ ปรมาจารย์ซามูไรเอดะจิม่า เฮฮาจิ) ก็กล่าวกับโมโมทาโร่ว่า "ไม่มีใครสามารถหนีออกไปจากเรื่องของตัวเองได้" เขาจะต้องกลับไปแก้ไขและทำในสิ่งที่ถูกต้อง พร้อมกับได้สอนกระบวนท่าและเคล็ดวิชา เพลงดาบแม่น้ำร้อยสาย ให้กับโมโมทาโร่อีกด้วยเพราะเห็นว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีจิตใจที่ดีงามและกล้าหาญ ทั้งยังสั่งให้ดาเตะ โอมิโตะ ร่วมเดินทางไปกับโมโมทาโร่เพื่อคอยเป็นเพื่อนช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
โมโมทาโร่รู้ว่าท่อส่งน้ำประปาเข้าเมืองดินแตกถูกปิด โดยวาล์วปิดฉุกเฉินนี้อยู่ภายในบริเวณเขตจวนของเจ้าเมือง ซึ่งต้องเป็นฝีมือของท่านเจ้าเมืองโทโด เฮียวเอ แน่นอน เพื่อทำให้เกิดการขาดแคลนน้ำจนชาวบ้านต้องยอมย้ายออกและขายที่ดินให้ในราคาถูก โมโมทาโร่กลับสู่เมืองดินแตกพร้อมด้วยเพื่อนเก่าของเขาดาเตะ โอมิโตะ บุกไปช่วยกลุ่มโจรสามเกลอโรนินเลว (โทงาชิ เก็นจิ ,โทรามารุ ริวจิ ,ฮิเอ็ง) ที่ถูกป้ายความผิดกลายเป็นแพะรับบาป ออกมาจากคุก กลุ่มโจรสามเกลอโรนินเลวได้บอกความลับกับโมโมทาโร่และดาเตะว่า นายธนาคารคุมาดะ คินโซที่ตายและกลุ่มโจรแห่งทะเลทราย เป็นฝีมือของลูกน้องท่านเจ้าเมืองที่ปลอมตัวเป็นนินจาลงมือ
ตอนนี้กลุ่มโมโมทาโร่มีโรนินทั้งหมดห้าคน เมื่อรวมกับโรนินพเนจรหนุ่มชื่อ กกโกจิ ฮิเดมาโระ ที่เคยอยู่ในกองกำลังอาสาที่เขาจัดตั้งขึ้น เข้ามาร่วมสมทบอีกหนึ่งคน จึงกลายเป็นหกคน ทุกคนคล้อยตามโมโมทาโร่และร่วมกันวางแผนที่จะลุยบุกจวนของท่านเจ้าเมืองเพื่อจะเปิดวาล์วส่งน้ำให้ได้ ร่วมกันต่อสู้เพื่อความถูกต้องและเพื่อชาวเมือง รวมทั้งกอบกู้เกียรติและศักดิ์ศรีของตนเพื่อความเป็นซามูไรที่แท้จริงด้วย แม้จะต้องยอมเสี่ยงภัยถึงขั้นแลกด้วยชีวิตก็ตาม (ภายในจวนของเจ้าเมืองมีลูกน้องบริวารอยู่เกือบเป็นร้อยคน)
เมื่อเข้ามาในเมือง โมโมทาโร่ก็ได้ไปท้าทายโรนินนักฆ่าอาคาชิ โคจิ ให้มาต่อสู้ดวลเพลงดาบกันแก้มืออีกครั้ง แต่ความจริงเป็นแผนเบี่ยงเบนความสนใจของท่านเจ้าเมือง (ซึ่งอยากตามมาดูแต่คราวนี้สั่งให้อาคาชิ ลงมือฆ่าโมโมทาโร่ให้ตายไปเลยไม่ต้องไว้ชีวิตเหมือนครั้งที่แล้ว) ทำให้ผองเพื่อนของเขาบุกเข้าไปในจวนของเจ้าเมืองได้ง่ายขึ้น เพราะบริวารของเจ้าเมืองบางส่วนต้องมาคอยคุ้มกันเจ้าเมืองอยู่ที่นี่ พอจะเริ่มดวลกันโมโมทาโร่ก็แกล้งพูดโยกโย้เรื่องนั่นเรื่องนี่เพื่อถ่วงเวลาไว้ จนเวลาผ่านไปครู่ใหญ่ลูกน้องของเจ้าเมืองก็วิ่งมารายงานว่า ที่จวนมีผู้บุกรุกกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ฟังเท่านั้นเจ้าเมืองก็รู้ว่าหลงกลซะแล้ว จึงสั่งให้ทุกคนรีบตามกลับไปจวนทันที และสั่งให้ลูกน้องสามคนไปจับกุมตัวสาวน้อยคิราระแล้วพาไปที่จวนด้วย
ส่วนโมโมทาโร่กับอาคาชิ โคจิ เมื่อเหลืออยู่เพียงหนึ่งต่อหนึ่งตามลำพัง จึงเริ่มลงมือต่อสู้กันอย่างจริงจัง และในที่สุดก็เป็นฝ่ายอาคาชิ โคจิ ที่พ่ายแพ้ให้กับโมโมทาโร่ ด้วยเพลงดาบแม่น้ำร้อยสายที่เขาได้รับการถ่ายทอดมาจากปรมาจารย์ซามูไรเอดะจิม่า เฮฮาจิ แต่เขาตัดสินใจไม่สังหารอาคาชิ และยังเล่าให้ฟังถึงแผนการอันชั่วร้ายของเจ้าเมืองโทโด เฮียวเอ พร้อมทั้งชักชวนให้อาคาชิ โคจิ กลับตัวกลับใจเพื่อมาร่วมต่อสู้กอบกู้เกียรติและศักดิ์ศรีของซามูไรที่แท้จริงร่วมกับพวกเขา อาคาชิเห็นว่าโมโมทาโร่ไว้ชีวิตตนและมีความมุ่งมั่นที่จะต่อสู้เพื่อความถูกต้องและเพื่อกอบกู้เกียรติศักดิ์ศรีของซามูไรที่ครั้งหนึ่งเขาก็เคยเป็น จึงตอบตกลงในที่สุด
(มีต่อครับ)