“…ผมไปร้านเดียวกับเคสที่เชียงใหม่จะติดไหม…”
“…หนูไปด้านห้างเดียวกันกับเคส เครียดมาก ทำไงดี”…

2-3 วันนี้มีข่าวเคสโควิดที่เชียงใหม่เป็นหญิง 29 ปี หลบหนีเข้าเมืองแล้วไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ

โดยเฉพาะห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร รถโดยสาร ร้าน karaoke ในช่วง 24-25 พฤศจิกายน 2563

เมื่อข่าวแพร่ออกไป ผู้คนที่อยู่เชียงใหม่ เครียด วิตกกังวล จะติดไหมๆ…

ยิ่งคนที่ไปเดินห้างสรรพสินค้า ยิ่งเครียดยิ่งกังวลมาก

อินบ็อกมาหาแอด เยอะมากๆ

มาดู Fact

องค์ความรู้ผ่านมา 11 เดือน ชัดเจน

1)โควิด-19 เป็นไวรัส ติดต่อได้ทางละอองฝอย ได้รับสารคัดหลั่งจากผู้ที่มีเชื้อ เช่น ไอ จาม รดกัน

กรณีตัวอย่าง คนในบ้านครอบครัวเดียวกัน สูบบุหรี่มวนเดียวกัน กินน้ำแก้วเดียวกัน ในสนามมวย ผับบาร์ ที่คนชุมนุมมาก และไม่มีการป้องกัน

ดังนั้น
ผู้เสี่ยงสูงคือ คนที่ใกล้ชิดกับคนป่วย
น้อยกว่า 1 เมตร อยู่กันนานเกิน 5-15 นาที
และไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย หรือใช้ของร่วมกัน เช่น ดื่มน้ำ ช้อน เดียวกัน บุหรี่มวนเดียวกัน

และต้องอยู่ในช่วงวันเวลาเดียวกัน
กรณีที่เชียงใหม่คือ 24-25 พฤศจิกายน

แต่ถ้าคนล่ะช่วงวันเวลา โอกาสเสี่ยงต่ำ เพราะเชื้อไม่ได้ล่องลอยในอากาศนาน และพื้นผิวนาน เพราะไวรัสต้องการเซลล์เป็นที่อยู่

2)กรณีเชียงใหม่ กรมควบคุมโรค จึงกวาดต้อนผู้เสี่ยงสูง เสี่ย
ต่ำมาตรวจเบื้องต้น 326 คนแล้ว

3)ผู้สัมผัสมี 3 วง

วง 1 คือ คนใกล้ชิดหญิง 29 ปี ได้แก่ เพื่อน พนักงาน Grab คนโดยสารในรถ วงนี้เสี่ยงสูงสุด

วง 2 คือ ผู้สัมผัสคนวงที่ 1 เสี่ยงปานกลาง จะเสี่ยงสูงเมื่อวง 1 มีอาการหรือได้รับวินิจฉัย

วง 3 คือ วงที่สัมผัส วง2 หรือ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวง 1 และ 2 เช่น เพื่อน ที่ทำงาน คนเดินในห้าง ที่ไม่เคยสัมผัสเคส เช่น ไปคนละช่วงวันและเวลา เสี่ยงต่ำสุดๆ

4)เมื่อมีเคสระบาดทุกครั้ง เราสามารถประเมินตัวเราเองได้ โดยดู timeline วันและเวลาเคสที่กรมควบคุมโรคประกาศ

5)การป้องกันดีสุด
_สวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ไปที่สาธารณะ
_ล้างมือ
_รักษาระยะห่าง โดยเฉพาะคนป่วย
_สำคัญมาก เข้าออกสถานที่สาธารณะต้อง สแกน ไทยชนะ เพื่อง่ายต่อการติดตาม

Cr infectious ง่ายนิดเดียว

ไปเถอะค่ะ ป้องกันตัวเองด้วยการใส่ที่ปิดจมูกตลอดเวลาที่ออกข้างนอกด้วยนะคะ ล้างมือ หยิบจับอะไรก็อย่าเพิ่งทาน
ไม่สบายใจกลับมาก็กักตัวสักหน่อย
เราสงสารพ่อค้าแม่ค้ามาก เศรษฐกิจเพิ่งจะฟื้นตัว เพราะคนไม่กี่คนทำคนเดือดร้อนทั้งจังหวัดไม่แฟร์เลย

ถ้าจองจ่ายเงินไปหมดแล้วก็ไปเถอะค่ะเสียดายเงินโรคมันไม่ได้ติดกันง่าย ๆ ขนาดแค่เดินผ่านแล้วเชื้อจะกระโดดใส่หรอก แค่เราระวังตัวใส่แมสก์ ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งที่หยิบจับอะไรก็น่าจะเพียงพอ

เราเคยไปทริปกระบี่ช่วงกลางเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ตอนนั้นโควิดกำลังเริ่มระบาดเข้าไทยเลยออกข่าวครึกโครมมาก แต่ที่ทำงานและรัฐบาลยังไม่ได้สั่งห้ามเดินทางข้ามจังหวัด เราก็ไปทั้งพ่อแม่ลูกเพราะจ่ายเงินไปหมดแล้ว ถึงขนาดรถเช่าไทยเร้นท์อะคาร์ออกโปรจองรถเช่าปาเจโร่ได้ในราคาแค่วันละไม่ถึงพันบาท เรายังไม่ทิ้งตั๋วเลยเสียดายเงินไม่ได้หามาง่าย ๆ แค่ระวังตัวใส่แมสก์ พกเจลล้างมือไปด้วย กลับมาจากทริปตอนนั้นฝรั่งยังเดินกันเต็มเกาะลันตาอยู่เลย แต่คนไทยและจีนหายหมดแล้ว หลังจากนั้น 1 สัปดาห์รัฐบาลก็ประกาศล็อคดาวน์ห้ามเดินทางทันที นึกถึงช่วงนั้นว่าถ้าทิ้งตั๋วเครื่องบิน และโรงแรมเราคงเสียดายเงินแย่ ถ้ารัฐไม่ได้ประกาศให้ห้ามเดินทาง ก็เดินทางไปเถอะค่ะ เงินเราจะทิ้งไปฟรี ๆ หรือ