5 แข้งที่ยกให้เป็น “นิว มาราโดน่า”
.
.
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดข่าวเศร้าของวงการฟุตบอลเมื่อ ดีเอโก้ มาราโดน่า ตำนานนักเตะทีมชาติอาร์เจนติน่า ได้เสียชีวิตลงด้วยวัย 60 ปี จากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
.
.
แม้ว่า มาราโดน่า จะจากโลกใบนี้ไป แต่สิ่งที่เคยสร้างเอาไว้จะเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานไปตลอดกาล..
.
.
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีนักเตะชาวอาร์เจนไตน์รุ่นหลังหลายต่อหลายคน ถูกนำมาเปรียบเทียบหรือถูกคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นไปเป็น มาราโดน่า คนต่อไป..
.
.
วันนี้เราหยิบมา 5 คนที่เคยถูกเรียกว่า “นิว มาราโดน่า” จะมีใครบ้างและเส้นทางของพวกเขาเหล่านี้เป็นอย่างไรไปดูกันได้เลย
.
.
ดีเอโก้ ลาตอร์เร่
.
สำหรับ ดิเอโก้ ลาตอร์เร่ คือนักเตะคนแรกที่ถูกแฟนบอลอาร์เจนติน่าขนานนามว่าเป็น “นิว มาราโดน่า”
.
.
ลาตอร์เร่ นั้นเป็นแข้งรุ่นน้องที่มีอายุห่างกัน 9 ปี ด้วยเส้นทางการเล่นฟุตบอลอาชีพที่คล้ายกัน คือเล่นให้กับโบคา จูเนียร์ และสวมเสื้อหมายเลข 10 เหมือนกัน
.
.
ลาตอร์เร่ เริ่มต้นกับทีมชาติอย่างสวยหรูด้วยการพาทัพฟ้าขาวคว้าแชมป์โคปา อเมริกา ในปี 1991 ฟอร์มการเล่นอันโดดเด่น ทำให้ปีต่อมาได้ย้ายไปค้าแข้งในยุโรปกับ “ม่วงมหากาฬ” ฟิออเรนติน่า พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมโบคา อย่าง กาเบรี่ยล บาติสตูต้า
.
.
แต่ทว่ากลับไม่ประสบความสำเร็จในแผ่นดินยุโรป อยู่กับ ฟิออเรนติน่า ได้ลงเล่นไป 2 เกมเท่านั้น ตรงกันข้าม บาติสตูต้า คู่หูในแดนหน้าที่ย้ายไปในเวลาเดียวกัน
.
.
หลังจากนั้น ลาตอร์เร่ ย้ายไปเล่นในสเปนกับ เตเนริเฟ่ แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร จนชื่อของเขาค่อน ๆ เลือนหายไปจากสารบบ โดยพเนจรเล่นกับหลายสโมสรและแขวนสตั๊ดไปเมื่อปี 2006
.
.
อาเรี่ยล ออร์เตก้า
.
เมื่อคนแรกผิดหวังก็ต้องมีคนต่อมา อาเรี่ยล ออร์เตต้า คือนักเตะอาร์เจนติน่าคนที่สองต่อจาก ดีเอโก้ ลาตอร์เร่ ที่ถูกเรียกว่า “นิว มาราโดน่า” โดยมีความคล้ายคลึงกันในตำแหน่งการเล่นรวมไปถึงรูปร่างบุคลิกที่ใกล้เคียงกัน
.
.
ออร์เตต้า แจ้งเกิดกับ ริเวอร์เพลท คู่ปรับตลอดกาลของ โบคา จูเนียร์ส โดยเขาติดทีมชาติอาร์เจนติน่าลุยฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา รวมไปถึงชุดรองแชมป์โอลิมปิกในปี 1996 ที่แอตแลนต้า
.
.
ก้าวแรกในยุโรปคือการย้ายไปอยู่กับ “ค้างคาว” บาเลนเซีย เมื่อปี 1997 แต่อยู่กับทีมในยุคของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะมีปัญหาด้านทัศนคติ ทำให้หลังจบศึกฟุตบอลโลก 1998 เขาย้ายไปค้าแข้งอิตาลีกับ ซามพ์โดเรีย ตามด้วยปาร์ม่า ก่อนจะกลับไปค้าแข้งในบ้านเกิดกับ ริเวอร์เพลท
.
.
เหตุผลที่ทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จในเส้นทางการค้าแข้งของเวทียุโรป เพราะปัญหาพฤติกรรมส่วนตัวที่เป็นคนเจ้าสำราญเกินไปหน่อย และยังติดสุราเรื้อรังด้วย
.
.
ออร์เตก้า มักถูกแฟนบอลจดจำในยามที่เขาสวมเสื้อทีมชาติอาร์เจนติน่า โดยเฉพาะในศึกฟุตบอลโลก ฟร้องซ์ 98 รอบก่อนรองชนะเลิศ ภาพจำของเขาคือการเอาหัวไปโขกใส่ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ นายทวารของ “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ จนถูกไล่ออกจากสนาม
.
.
ฮวน โรมัน ริเกลเม่
.
ยอดเพลย์เมกเกอร์สายคลาสสิกของวงการลูกหนัง ริเกลเม่ มีเส้นทางการเล่นฟุตบอลอาชีพที่เหมือนกับ ดิเอโก้ มาราโดน่า คืออยู่กับ โบคา จูเนียร์ส ก่อนจะย้ายไปเล่นในยุโรปกับ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า
.
.
แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของสรีระร่างกาย และลีลาการเล่นนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง..
.
.
การย้ายมาค้าแข้งในคัมป์ นู ของ ริเกลเม่ ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะตำแหน่งไปทับกับ โรนัลดินโญ่ บวกกับไม่เป็นที่พิศวาสของ หลุยส์ ฟาน ฮาล กุนซือบาร์ซ่าในตอนนั้น
.
.
ส่งผลให้เขาต้องเก็บข้าวของย้ายออกมาอยู่กับ “เรือดำน้ำสีเหลือง” บียาร์เรอัล ด้วยสัญญายืมตัว และสโมสรแห่งนี้ทำให้เขาเฉิดฉายแบบเต็มตัว จนถูกซื้อตัวไปร่วมทีมแบบถาวร พาทีมทะลุเข้ารอบตัดเชือกถ้วยใหญ่ของยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
.
.
ริเกลเม่ อยู่กับทีมได้ 4 ปี เขาเลือกย้ายกลับไปค้าแข้งกับสโมสรแรกคือ โบคา จูเนียร์ อีกครั้งและแขวนสตั๊ดไปเมื่อปี 2014
.
.
ส่วนในเวทีระดับชาติเขาเป็นจอมทัพทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2006 ในยุคที่มี โฆเซ่ เปเกอร์มัน เป็นกุนซือ จอดป้ายในรอบ 8 ทีมสุดท้ายหลังจากดวลจุดโทษพ่ายให้กับเจ้าภาพเยอรมัน
.
.
สำหรับ ฮวน โรมัน ริเกลเม่ อาจจะไม่ประสบความสำเร็จด้วยการคว้ารางวัลมากมาย แต่เขาเป็นทีมจดจำของแฟนบอลด้วยการวาดลวดลายอันสวยงามในสนาม และยังเป็นนักเตะคนที่สองจากต่อ ดีเอโก้ มาราโดน่า ที่โบค่า จูเนียร์ส สร้างรูปปั้นให้
.
.
ฮาเวียร์ ซาบิโอล่า
.
อีกหนึ่งนักเตะที่ถูกเรียกว่า “นิว มาราโดน่า” ด้วยรูปร่างที่ใกล้เคียงกัน แต่ ฮาเวียร์ ซาบิโอล่า นั้นเล่นในตำแหน่งศูนย์หน้า เริ่มต้นค้าแข้งกับ ริเวอร์เพลท ระเบิดฟอร์มโหดคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปอเมริกาใต้ด้วยวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น
.
.
ในปี 2001 ซาบิโอล่า ย้ายมาค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า ซึ่งเป็นสโมสรเดียวกับ มาราโดน่า ในช่วงเริ่มต้นบนเวทียุโรป แฟนบอลในบ้านเราจดจำเขาในฉายา “เจ้ากระต่ายน้อย” หรือเรียกสั้นๆ “ไอ้ต่าย”
.
.
เส้นทางของเขากับ บาร์เซโลน่า เหมือนจะเป็นไปได้สวย แต่ในปี 2004 เขากลายเป็นส่วนเกินเมื่อทีมไปคว้า ซามูเอล เอโต้ เข้ามา ทำให้เกินโควตาแข้งนอกยุโรป ถูกตัดชื่อจนต้องย้ายไปอยู่กับ โมนาโก และเซบีย่า แบบยืมตัว
.
.
หลังจากนั้นในปี 2007 เขาย้ายข้ามฟากไปอยู่กับทีมคู่ปรับอย่าง เรอัล มาดริด แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ต้องพเนจรไปอยู่กับหลายทีม และสุดท้ายย้ายกลับไปตายรังที่ ริเวอร์เพลท
.
.
ลีโอเนล เมสซี่
.
ว่ากันว่านี่คือคนที่ใกล้เคียงกับคำว่า “นิว มาราโดน่า” มากที่สุด ด้วยรูปร่างสไตล์การเล่นคล้ายกัน และยังมีช็อตมหัศจรรย์ในการเล่นให้จดจำเหมือนกันอีก
.
.
แต่ ลีโอเนล เมสซี่ ไม่เคยค้าแข้งในบ้านเกิดมาก่อน เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพกับ บาร์เซโลน่า จนถึงปัจจุบัน
.
.
ประสบความสำเร็จมากมายด้วยการพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ทุกรายการบนโลก รวมไปถึงรางวัลส่วนตัวบัลลงดอร์อีก 6 สมัย สรรพคุณผลงานของเขาไม่ต้องหาคำไหนมาบรรยาย เพราะผ่านสายตาของทุกท่านอยู่แล้ว
.
.
เหลือเพียงอย่างเดียวที่เขายังไม่สามารถทำได้เหมือนตำนานผู้ล่วงลับ ก็คือการพาทีมแชมป์ฟุตบอลโลก ที่ใกล้เคียงที่สุดคือการพาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 2014 แต่ถูกดับฝันด้วยมือของ “อินทรีเหล็ก” เยอรมัน ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
.
#goalstorm #บอลนอก #มาราโดน่า #ออร์เตก้า #ซาบิโอล่า #ริเกลเม่ #ลาตอร์เร่
ที่มา
https://www.facebook.com/goalstorm
https://bit.ly/3qdjL8L
5 แข้งที่ยกให้เป็น “นิว มาราโดน่า”🇦🇷🇦🇷🇦🇷
.
.
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดข่าวเศร้าของวงการฟุตบอลเมื่อ ดีเอโก้ มาราโดน่า ตำนานนักเตะทีมชาติอาร์เจนติน่า ได้เสียชีวิตลงด้วยวัย 60 ปี จากภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน
.
.
แม้ว่า มาราโดน่า จะจากโลกใบนี้ไป แต่สิ่งที่เคยสร้างเอาไว้จะเป็นตำนานที่ถูกเล่าขานไปตลอดกาล..
.
.
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีนักเตะชาวอาร์เจนไตน์รุ่นหลังหลายต่อหลายคน ถูกนำมาเปรียบเทียบหรือถูกคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นไปเป็น มาราโดน่า คนต่อไป..
.
.
วันนี้เราหยิบมา 5 คนที่เคยถูกเรียกว่า “นิว มาราโดน่า” จะมีใครบ้างและเส้นทางของพวกเขาเหล่านี้เป็นอย่างไรไปดูกันได้เลย
.
.
ดีเอโก้ ลาตอร์เร่
.
สำหรับ ดิเอโก้ ลาตอร์เร่ คือนักเตะคนแรกที่ถูกแฟนบอลอาร์เจนติน่าขนานนามว่าเป็น “นิว มาราโดน่า”
.
.
ลาตอร์เร่ นั้นเป็นแข้งรุ่นน้องที่มีอายุห่างกัน 9 ปี ด้วยเส้นทางการเล่นฟุตบอลอาชีพที่คล้ายกัน คือเล่นให้กับโบคา จูเนียร์ และสวมเสื้อหมายเลข 10 เหมือนกัน
.
.
ลาตอร์เร่ เริ่มต้นกับทีมชาติอย่างสวยหรูด้วยการพาทัพฟ้าขาวคว้าแชมป์โคปา อเมริกา ในปี 1991 ฟอร์มการเล่นอันโดดเด่น ทำให้ปีต่อมาได้ย้ายไปค้าแข้งในยุโรปกับ “ม่วงมหากาฬ” ฟิออเรนติน่า พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมโบคา อย่าง กาเบรี่ยล บาติสตูต้า
.
.
แต่ทว่ากลับไม่ประสบความสำเร็จในแผ่นดินยุโรป อยู่กับ ฟิออเรนติน่า ได้ลงเล่นไป 2 เกมเท่านั้น ตรงกันข้าม บาติสตูต้า คู่หูในแดนหน้าที่ย้ายไปในเวลาเดียวกัน
.
.
หลังจากนั้น ลาตอร์เร่ ย้ายไปเล่นในสเปนกับ เตเนริเฟ่ แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร จนชื่อของเขาค่อน ๆ เลือนหายไปจากสารบบ โดยพเนจรเล่นกับหลายสโมสรและแขวนสตั๊ดไปเมื่อปี 2006
.
.
อาเรี่ยล ออร์เตก้า
.
เมื่อคนแรกผิดหวังก็ต้องมีคนต่อมา อาเรี่ยล ออร์เตต้า คือนักเตะอาร์เจนติน่าคนที่สองต่อจาก ดีเอโก้ ลาตอร์เร่ ที่ถูกเรียกว่า “นิว มาราโดน่า” โดยมีความคล้ายคลึงกันในตำแหน่งการเล่นรวมไปถึงรูปร่างบุคลิกที่ใกล้เคียงกัน
.
.
ออร์เตต้า แจ้งเกิดกับ ริเวอร์เพลท คู่ปรับตลอดกาลของ โบคา จูเนียร์ส โดยเขาติดทีมชาติอาร์เจนติน่าลุยฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกา รวมไปถึงชุดรองแชมป์โอลิมปิกในปี 1996 ที่แอตแลนต้า
.
.
ก้าวแรกในยุโรปคือการย้ายไปอยู่กับ “ค้างคาว” บาเลนเซีย เมื่อปี 1997 แต่อยู่กับทีมในยุคของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น เพราะมีปัญหาด้านทัศนคติ ทำให้หลังจบศึกฟุตบอลโลก 1998 เขาย้ายไปค้าแข้งอิตาลีกับ ซามพ์โดเรีย ตามด้วยปาร์ม่า ก่อนจะกลับไปค้าแข้งในบ้านเกิดกับ ริเวอร์เพลท
.
.
เหตุผลที่ทำให้เขาไม่ประสบความสำเร็จในเส้นทางการค้าแข้งของเวทียุโรป เพราะปัญหาพฤติกรรมส่วนตัวที่เป็นคนเจ้าสำราญเกินไปหน่อย และยังติดสุราเรื้อรังด้วย
.
.
ออร์เตก้า มักถูกแฟนบอลจดจำในยามที่เขาสวมเสื้อทีมชาติอาร์เจนติน่า โดยเฉพาะในศึกฟุตบอลโลก ฟร้องซ์ 98 รอบก่อนรองชนะเลิศ ภาพจำของเขาคือการเอาหัวไปโขกใส่ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ นายทวารของ “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ จนถูกไล่ออกจากสนาม
.
.
ฮวน โรมัน ริเกลเม่
.
ยอดเพลย์เมกเกอร์สายคลาสสิกของวงการลูกหนัง ริเกลเม่ มีเส้นทางการเล่นฟุตบอลอาชีพที่เหมือนกับ ดิเอโก้ มาราโดน่า คืออยู่กับ โบคา จูเนียร์ส ก่อนจะย้ายไปเล่นในยุโรปกับ “เจ้าบุญทุ่ม” บาร์เซโลน่า
.
.
แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของสรีระร่างกาย และลีลาการเล่นนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง..
.
.
การย้ายมาค้าแข้งในคัมป์ นู ของ ริเกลเม่ ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เพราะตำแหน่งไปทับกับ โรนัลดินโญ่ บวกกับไม่เป็นที่พิศวาสของ หลุยส์ ฟาน ฮาล กุนซือบาร์ซ่าในตอนนั้น
.
.
ส่งผลให้เขาต้องเก็บข้าวของย้ายออกมาอยู่กับ “เรือดำน้ำสีเหลือง” บียาร์เรอัล ด้วยสัญญายืมตัว และสโมสรแห่งนี้ทำให้เขาเฉิดฉายแบบเต็มตัว จนถูกซื้อตัวไปร่วมทีมแบบถาวร พาทีมทะลุเข้ารอบตัดเชือกถ้วยใหญ่ของยุโรปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
.
.
ริเกลเม่ อยู่กับทีมได้ 4 ปี เขาเลือกย้ายกลับไปค้าแข้งกับสโมสรแรกคือ โบคา จูเนียร์ อีกครั้งและแขวนสตั๊ดไปเมื่อปี 2014
.
.
ส่วนในเวทีระดับชาติเขาเป็นจอมทัพทีมชาติอาร์เจนติน่าชุดลุยศึกฟุตบอลโลก 2006 ในยุคที่มี โฆเซ่ เปเกอร์มัน เป็นกุนซือ จอดป้ายในรอบ 8 ทีมสุดท้ายหลังจากดวลจุดโทษพ่ายให้กับเจ้าภาพเยอรมัน
.
.
สำหรับ ฮวน โรมัน ริเกลเม่ อาจจะไม่ประสบความสำเร็จด้วยการคว้ารางวัลมากมาย แต่เขาเป็นทีมจดจำของแฟนบอลด้วยการวาดลวดลายอันสวยงามในสนาม และยังเป็นนักเตะคนที่สองจากต่อ ดีเอโก้ มาราโดน่า ที่โบค่า จูเนียร์ส สร้างรูปปั้นให้
.
.
ฮาเวียร์ ซาบิโอล่า
.
อีกหนึ่งนักเตะที่ถูกเรียกว่า “นิว มาราโดน่า” ด้วยรูปร่างที่ใกล้เคียงกัน แต่ ฮาเวียร์ ซาบิโอล่า นั้นเล่นในตำแหน่งศูนย์หน้า เริ่มต้นค้าแข้งกับ ริเวอร์เพลท ระเบิดฟอร์มโหดคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของทวีปอเมริกาใต้ด้วยวัยเพียง 18 ปีเท่านั้น
.
.
ในปี 2001 ซาบิโอล่า ย้ายมาค้าแข้งกับ บาร์เซโลน่า ซึ่งเป็นสโมสรเดียวกับ มาราโดน่า ในช่วงเริ่มต้นบนเวทียุโรป แฟนบอลในบ้านเราจดจำเขาในฉายา “เจ้ากระต่ายน้อย” หรือเรียกสั้นๆ “ไอ้ต่าย”
.
.
เส้นทางของเขากับ บาร์เซโลน่า เหมือนจะเป็นไปได้สวย แต่ในปี 2004 เขากลายเป็นส่วนเกินเมื่อทีมไปคว้า ซามูเอล เอโต้ เข้ามา ทำให้เกินโควตาแข้งนอกยุโรป ถูกตัดชื่อจนต้องย้ายไปอยู่กับ โมนาโก และเซบีย่า แบบยืมตัว
.
.
หลังจากนั้นในปี 2007 เขาย้ายข้ามฟากไปอยู่กับทีมคู่ปรับอย่าง เรอัล มาดริด แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ต้องพเนจรไปอยู่กับหลายทีม และสุดท้ายย้ายกลับไปตายรังที่ ริเวอร์เพลท
.
.
ลีโอเนล เมสซี่
.
ว่ากันว่านี่คือคนที่ใกล้เคียงกับคำว่า “นิว มาราโดน่า” มากที่สุด ด้วยรูปร่างสไตล์การเล่นคล้ายกัน และยังมีช็อตมหัศจรรย์ในการเล่นให้จดจำเหมือนกันอีก
.
.
แต่ ลีโอเนล เมสซี่ ไม่เคยค้าแข้งในบ้านเกิดมาก่อน เขาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอาชีพกับ บาร์เซโลน่า จนถึงปัจจุบัน
.
.
ประสบความสำเร็จมากมายด้วยการพาต้นสังกัดคว้าแชมป์ทุกรายการบนโลก รวมไปถึงรางวัลส่วนตัวบัลลงดอร์อีก 6 สมัย สรรพคุณผลงานของเขาไม่ต้องหาคำไหนมาบรรยาย เพราะผ่านสายตาของทุกท่านอยู่แล้ว
.
.
เหลือเพียงอย่างเดียวที่เขายังไม่สามารถทำได้เหมือนตำนานผู้ล่วงลับ ก็คือการพาทีมแชมป์ฟุตบอลโลก ที่ใกล้เคียงที่สุดคือการพาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศเมื่อปี 2014 แต่ถูกดับฝันด้วยมือของ “อินทรีเหล็ก” เยอรมัน ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
.
#goalstorm #บอลนอก #มาราโดน่า #ออร์เตก้า #ซาบิโอล่า #ริเกลเม่ #ลาตอร์เร่
ที่มา
https://www.facebook.com/goalstorm
https://bit.ly/3qdjL8L