ท้องฟ้าจำลองที่ใช้งานได้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่นของบ้านสองชั้นหลังเล็กในเมือง Franeker ประเทศเนเธอร์แลนด์ บ้านหลังนี้เป็นของช่างทำขนสัตว์ในศตวรรษที่ 18 ชื่อ Eise Eisinga ซึ่งเป็นผู้สร้างแบบจำลองเชิงกลที่น่าทึ่งของระบบสุริยะ (เรียกอีกอย่างว่า orrery) เพื่อแสดงให้ชาวเมืองของเขาเห็นว่าท้องฟ้าทำงานอย่างไร
ท้องฟ้าจำลองของ Eisinga ถูกสร้างขึ้นในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังตื่นตระหนกและหวาดผวา มันเริ่มต้นด้วยหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่ตีพิมพ์ในปี 1774 โดย
นักเทศน์ชาวดัตช์ชื่อ Eelco Alta จากหมู่บ้าน Frisian ใน Bozum โดยเขาได้ทำนายจากภาษาโบราณถึงจุดจบของโลก ซึ่งเป็นคำทำนายที่น่ากลัว
ก่อนหน้านี้ นักดาราศาสตร์ได้ประกาศว่า การรวมกันที่ผิดปกติของดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ทั้งหลายคือ ดาวพุธ, ดาวศุกร์, ดาวอังคาร และดาวพฤหัสบดี จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 พฤษภาคม 1774 ซึ่ง Alta บอกว่าในวันนี้ เมื่อดาวเคราะห์ทั้งสี่ดวงและดวงจันทร์เรียงตัวกัน แรงโน้มถ่วงโดยรวมของพวกมันจะมีผลให้โลกถูกขับออกจากวงโคจรและถูกเผาโดยดวงอาทิตย์
Eise Eisinga ซึ่งเชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ นอกเหนือจากการเป็นพนักงานในโรงงานปั่นด้ายจากขนสัตว์ เขาต้องการแสดงให้เห็นว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องตื่นตกใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวดัตช์และพิสูจน์ว่า Alta นั้นคิดผิด Eisinga จึงตัดสินใจสร้างท้องฟ้าจำลองขึ้นในห้องนั่งเล่นของเขา
ท้องฟ้าจำลองของ Eisinga สร้างขึ้นจากไม้โอ๊คและตะปูปลอมด้วยมือกว่า 10,000 ชิ้นอยู่ติดกับเพดาน มีลูกกลมสีทองขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าลูกเบสบอล "แขวน" ลงมาจากเพดาน ซึ่งหมายถึงดวงอาทิตย์ที่ลอยลงมาจากกลางเพดาน พร้อมด้วยลูกกลมขนาดเล็กอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นตัวแทนของดาวเคราะห์วางอยู่ในร่องศูนย์กลางรอบ ๆ ดวงอาทิตย์
Eise Eisinga
มีนาฬิกาลูกตุ้มและชุดเฟืองกลไกที่ซับซ้อนซึ่ง Eisinga สร้างขึ้นด้วยมือของเขาเองคอยขับเคลื่อนดาวเคราะห์ต่างๆเหล่านี้ ด้วยอัตราที่แม่นยำแบบเดียวกับในระบบสุริยะของเรา นั่นหมายความว่าโลกจะใช้เวลา 365 วันในการหมุนรอบหนึ่งครั้ง ดาวพุธจะใช้เวลา 88 วัน ดาวศุกร์ 224 วัน ดาวอังคาร 687 วันและดาวเสาร์ที่มากกว่า 29 ปี เฟืองเหล่านี้ตั้งอยู่ในห้องใต้หลังคาเหนือเพดานและถูกซ่อนจากการมองเห็น
เพื่อให้พอดีกับเพดานห้องนั่งเล่นของ Eisinga ท้องฟ้าจำลองจึงถูกสร้างขึ้นที่ขนาด 1 มิลลิเมตร : 1 ล้านกม. แต่กลุ่มดาวเคราะห์ไม่ต้องถูกปรับขนาดเนื่องจากจะทำให้มีขนาดเล็กเกินกว่าที่จะมองเห็นได้ นอกจาก Orrery ที่แสดงถึงพื้นฐานต่างๆแล้ว แบบจำลองยังให้ข้อมูลด้านอื่นด้วย เช่น เวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตก, ระยะของดวงจันทร์ และปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์อื่นๆ
Eisinga คาดว่าจะสร้างท้องฟ้าจำลองให้เสร็จภายในหกเดือนแต่กลายเป็นเวลานานถึงเจ็ดปี ในที่สุดเขาก็สร้างเสร็จในปี 1781 ท้องฟ้าจำลอง Eisinga
มีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมากเมื่อตอนเปิด แม้ว่า Orrery ของ Eisinga จะไม่เสร็จสิ้นในเวลาที่ตั้งใจเพื่อหักล้างคำทำนาย แต่เมื่อกษัตริย์วิลเลียมที่ 1 ไปเยี่ยมท้องฟ้าจำลองของเขาในปี 1818 จนประทับใจมากและซื้อมาไว้ที่รัฐ Dutch state ในเวลาต่อมา
นอกเหนือจากการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยบางอย่างที่ต้องทำทุก ๆ สี่ปีแล้ว แบบจำลองนี้ยังมีความแม่นยำในการแสดงตำแหน่งปัจจุบันของดาวเคราะห์ รวมถึงการตั้งค่าใหม่ด้วยตนเองเพื่อชดเชยวันอธิกสุรทิน (29 กุมภาพันธ์) มาจนถึงทุกวันนี้ แต่น่าเสียดาย ที่ไม่มีพื้นที่เหลือบนเพดานของ Eisinga เพื่อรองรับการค้นพบดาวยูเรนัสในปี 1781 โดย William และ Caroline Herschel รวมทั้งดาวเนปจูนและดาวพลูโตก็ไม่มีเนื่องจากถูกค้นพบในปี 1846 และ 1930 ตามลำดับ
Eisinga เสียชีวิตในปี1828 หลังจากนั้นลูกชายของเขาก็เข้ามาทำงานที่ท้องฟ้าจำลองแทน ซึ่งครอบครัวของ Eisinga ยังคงดำเนินกิจการท้องฟ้าจำลองจนถึงปี 1922 ต่อมา ภัณฑารักษ์ที่ได้รับการแต่งตั้งจากเมือง Franeker ก็เข้ามาดำเนินการจากนั้นเป็นต้นมา
Eisinga ได้รับรางวัลจากการเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ของ Franeker ถนนที่เป็นที่ตั้งท้องฟ้าจำลองของเขาถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "Eise Eisingastraat"
ต่อมาในวันที่ 5 พฤษภาคม 1994 ได้มีการออกแสตมป์ 80 เซ็นต์เพื่อฉลองวันเกิดปีที่ 250 ของเขา
และในปี 2006 ท้องฟ้าจำลองได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อ "royal" นอกจากนี้ ในปีเดียวกัน ประวัติของ Royal Eise Eisinga ยังรวมอยู่ในวิชาประวัติศาสตร์
Canon of Dutch History ซึ่งถูกสอนในโรงเรียนในเนเธอร์แลนด์
และเมื่อปี 2018 รัฐมนตรีว่าการกระทรวง Ingrid van Engelshoven ได้ตัดสินใจเสนอชื่อ Royal Eise Eisinga Planetarium ในเมือง Franeker ให้ UNESCO เพื่อให้เป็นมรดกโลก ซึ่งท้องฟ้าจำลองจะมีเวลาสามปีในการส่งไฟล์สุดท้ายที่สมบูรณ์ไปยัง UNESCO และจะเป็นมรดกโลกแห่งที่สาม
รองจาก Woudagemaal ของเมือง Fryslân (ทางตอนเหนือของประเทศเนเธอร์แลนด์) และพื้นที่ Wadden Sea ซึ่งมีลักษณะเฉพาะในพื้นที่ที่ค่อนข้างเล็ก
โดยการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับสถานะมรดกโลกสำหรับท้องฟ้าจำลอง เป็นไปได้ว่าจะอยู่ในการประชุมประจำปีของ Icomos ซึ่งเป็นองค์กรมรดกโลกในปี 2565
ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ (Bangkok Planetarium) ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ส่วนหนึ่งของศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา (Science Center for Education) จัดสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2505 เสร็จสิ้นและเปิดใช้งานปี พ.ศ. 2507 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้จากการจำลองเหมือนของจริงทางด้านดาราศาสตร์ เช่น การดูดาว ตำแหน่งของดวงดาว กลุ่มดาว ดาวฤกษ์ ดาวเคราะห์ต่าง ๆ และที่น่าสนใจคือ เราสามารถชมดวงดาวตามตำแหน่งดาวในท้องฟ้าในวันนั้น ๆ ที่เข้าชมได้จากที่นี่
ที่มา
Wikipedia / www.entoen.nu / Mokeham
Cr.
https://www.amusingplanet.com/2015/10/eisinga-planetarium-worlds-oldest.html / KAUSHIK PATOWARY
Cr.
https://monochrome-watches.com/christiaan-van-der-klaauw-planetarium-eise-eisinga-limited-edition-price/
Cr.
https://en.wikipedia.org/wiki/Eise_Eisinga
Cr.
https://www.canonvannederland.nl/en/eiseeisinga
Cr.
https://www.omropfryslan.nl/nieuws/855475-eise-eisinga-planetarium-voorgedragen-voor-werelderfgoedstatus-unesco
Cr.
https://www.scimath.org/other-article/item/7427-2017-08-08-08-14-37
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
ท้องฟ้าจำลองที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังใช้งานได้
ท้องฟ้าจำลองของ Eisinga ถูกสร้างขึ้นในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังตื่นตระหนกและหวาดผวา มันเริ่มต้นด้วยหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่ตีพิมพ์ในปี 1774 โดย
นักเทศน์ชาวดัตช์ชื่อ Eelco Alta จากหมู่บ้าน Frisian ใน Bozum โดยเขาได้ทำนายจากภาษาโบราณถึงจุดจบของโลก ซึ่งเป็นคำทำนายที่น่ากลัว
ก่อนหน้านี้ นักดาราศาสตร์ได้ประกาศว่า การรวมกันที่ผิดปกติของดวงจันทร์ และดาวเคราะห์ทั้งหลายคือ ดาวพุธ, ดาวศุกร์, ดาวอังคาร และดาวพฤหัสบดี จะเกิดขึ้นในวันที่ 8 พฤษภาคม 1774 ซึ่ง Alta บอกว่าในวันนี้ เมื่อดาวเคราะห์ทั้งสี่ดวงและดวงจันทร์เรียงตัวกัน แรงโน้มถ่วงโดยรวมของพวกมันจะมีผลให้โลกถูกขับออกจากวงโคจรและถูกเผาโดยดวงอาทิตย์
Eise Eisinga ซึ่งเชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์และดาราศาสตร์ นอกเหนือจากการเป็นพนักงานในโรงงานปั่นด้ายจากขนสัตว์ เขาต้องการแสดงให้เห็นว่าไม่มีเหตุผลที่จะต้องตื่นตกใจกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวดัตช์และพิสูจน์ว่า Alta นั้นคิดผิด Eisinga จึงตัดสินใจสร้างท้องฟ้าจำลองขึ้นในห้องนั่งเล่นของเขา
ท้องฟ้าจำลองของ Eisinga สร้างขึ้นจากไม้โอ๊คและตะปูปลอมด้วยมือกว่า 10,000 ชิ้นอยู่ติดกับเพดาน มีลูกกลมสีทองขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าลูกเบสบอล "แขวน" ลงมาจากเพดาน ซึ่งหมายถึงดวงอาทิตย์ที่ลอยลงมาจากกลางเพดาน พร้อมด้วยลูกกลมขนาดเล็กอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นตัวแทนของดาวเคราะห์วางอยู่ในร่องศูนย์กลางรอบ ๆ ดวงอาทิตย์
เพื่อให้พอดีกับเพดานห้องนั่งเล่นของ Eisinga ท้องฟ้าจำลองจึงถูกสร้างขึ้นที่ขนาด 1 มิลลิเมตร : 1 ล้านกม. แต่กลุ่มดาวเคราะห์ไม่ต้องถูกปรับขนาดเนื่องจากจะทำให้มีขนาดเล็กเกินกว่าที่จะมองเห็นได้ นอกจาก Orrery ที่แสดงถึงพื้นฐานต่างๆแล้ว แบบจำลองยังให้ข้อมูลด้านอื่นด้วย เช่น เวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตก, ระยะของดวงจันทร์ และปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์อื่นๆ
Eisinga คาดว่าจะสร้างท้องฟ้าจำลองให้เสร็จภายในหกเดือนแต่กลายเป็นเวลานานถึงเจ็ดปี ในที่สุดเขาก็สร้างเสร็จในปี 1781 ท้องฟ้าจำลอง Eisinga
มีผู้เข้าชมเป็นจำนวนมากเมื่อตอนเปิด แม้ว่า Orrery ของ Eisinga จะไม่เสร็จสิ้นในเวลาที่ตั้งใจเพื่อหักล้างคำทำนาย แต่เมื่อกษัตริย์วิลเลียมที่ 1 ไปเยี่ยมท้องฟ้าจำลองของเขาในปี 1818 จนประทับใจมากและซื้อมาไว้ที่รัฐ Dutch state ในเวลาต่อมา
นอกเหนือจากการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยบางอย่างที่ต้องทำทุก ๆ สี่ปีแล้ว แบบจำลองนี้ยังมีความแม่นยำในการแสดงตำแหน่งปัจจุบันของดาวเคราะห์ รวมถึงการตั้งค่าใหม่ด้วยตนเองเพื่อชดเชยวันอธิกสุรทิน (29 กุมภาพันธ์) มาจนถึงทุกวันนี้ แต่น่าเสียดาย ที่ไม่มีพื้นที่เหลือบนเพดานของ Eisinga เพื่อรองรับการค้นพบดาวยูเรนัสในปี 1781 โดย William และ Caroline Herschel รวมทั้งดาวเนปจูนและดาวพลูโตก็ไม่มีเนื่องจากถูกค้นพบในปี 1846 และ 1930 ตามลำดับ
Eisinga เสียชีวิตในปี1828 หลังจากนั้นลูกชายของเขาก็เข้ามาทำงานที่ท้องฟ้าจำลองแทน ซึ่งครอบครัวของ Eisinga ยังคงดำเนินกิจการท้องฟ้าจำลองจนถึงปี 1922 ต่อมา ภัณฑารักษ์ที่ได้รับการแต่งตั้งจากเมือง Franeker ก็เข้ามาดำเนินการจากนั้นเป็นต้นมา
Eisinga ได้รับรางวัลจากการเป็นพลเมืองกิตติมศักดิ์ของ Franeker ถนนที่เป็นที่ตั้งท้องฟ้าจำลองของเขาถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "Eise Eisingastraat"
ต่อมาในวันที่ 5 พฤษภาคม 1994 ได้มีการออกแสตมป์ 80 เซ็นต์เพื่อฉลองวันเกิดปีที่ 250 ของเขา
และในปี 2006 ท้องฟ้าจำลองได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อ "royal" นอกจากนี้ ในปีเดียวกัน ประวัติของ Royal Eise Eisinga ยังรวมอยู่ในวิชาประวัติศาสตร์
Canon of Dutch History ซึ่งถูกสอนในโรงเรียนในเนเธอร์แลนด์
และเมื่อปี 2018 รัฐมนตรีว่าการกระทรวง Ingrid van Engelshoven ได้ตัดสินใจเสนอชื่อ Royal Eise Eisinga Planetarium ในเมือง Franeker ให้ UNESCO เพื่อให้เป็นมรดกโลก ซึ่งท้องฟ้าจำลองจะมีเวลาสามปีในการส่งไฟล์สุดท้ายที่สมบูรณ์ไปยัง UNESCO และจะเป็นมรดกโลกแห่งที่สาม
รองจาก Woudagemaal ของเมือง Fryslân (ทางตอนเหนือของประเทศเนเธอร์แลนด์) และพื้นที่ Wadden Sea ซึ่งมีลักษณะเฉพาะในพื้นที่ที่ค่อนข้างเล็ก
โดยการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับสถานะมรดกโลกสำหรับท้องฟ้าจำลอง เป็นไปได้ว่าจะอยู่ในการประชุมประจำปีของ Icomos ซึ่งเป็นองค์กรมรดกโลกในปี 2565
ที่มา เพจท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ - Bangkok Planetarium https://www.facebook.com/bkkplanetarium/
ที่มา
Wikipedia / www.entoen.nu / Mokeham
Cr.https://www.amusingplanet.com/2015/10/eisinga-planetarium-worlds-oldest.html / KAUSHIK PATOWARY
Cr.https://monochrome-watches.com/christiaan-van-der-klaauw-planetarium-eise-eisinga-limited-edition-price/
Cr.https://en.wikipedia.org/wiki/Eise_Eisinga
Cr.https://www.canonvannederland.nl/en/eiseeisinga
Cr.https://www.omropfryslan.nl/nieuws/855475-eise-eisinga-planetarium-voorgedragen-voor-werelderfgoedstatus-unesco
Cr.https://www.scimath.org/other-article/item/7427-2017-08-08-08-14-37
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)