ทริปนี้เราจองที่พักไว้ 1 คืน เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว ไปเที่ยววันธรรมดา ช่วงครึ่งหลังของเดือน พฤศจิกายน 2563 นี้เอง สิ่งที่เราต้องทำสิ่งแรกถ้าจะไปเกาะขามในวันธรรมคือ ต้องโทรจองล่วงหน้าค่ะ รายละเอียดตามหน้าเพจของเกาะขามเลยค่ะ https://www.kohkham.com/ จองที่พักแล้ว จองเรือไปเกาะขามแล้ว สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งถ้าต้องการไปเล่นน้ำ ดำน้ำดูปะการังที่เกาะขามคือ การเตรียมเสื้อผ้า ผ้าขนหนู และชุดไปเปลี่ยน บัตรประชาชน หมวก แว่น ครีมกันแดด ให้พร้อม ใส่กระเป๋าแยกพร้อมหิ้วไปลงเรือกันได้เลยค่ะ เจ้าของกระทู้จองเรือเที่ยว 10:00 ไว้ และเราต้องเดินทางไปถึง จุดจำหน่ายตั๋วเรือข้ามไปเกาะขาม สัตหีบ ชลบุรี Samaesarn, Sattahip District, Chon Buri (พิกัดตามนี้เลยค่ะ) ก่อนครึ่งชั่วโมง เราไปถึง 9:15 จอดรถที่ลานจอดรถและเดินลัดลงมาที่อาคารจำหน่ายตั๋วได้เลย ได้ตั๋วแล้วจะมีรถสองแถว (ฟรีไปและกลับ) พาเราไปที่ท่าเรือเขาหมาจอใช้เวลาครู่เดียวค่ะ ไม่เกิน 5 นาทีก็ถึง

จากการสอบถามเรื่องการจอดรถที่ท่าเรือ นทท.ที่ไปเกาะขามต้องจอดรถไว้ที่จุดจำหน่ายตั๋วของเกาะขามเท่านั้นค่ะ มีรถสองแถวรับส่งตลอด ไม่ต้องห่วงจะห่าง รอนานใดๆ เพราะสองแถวจะวิ่งรับวนไปมา จนกว่าจะไม่มีคนขึ้นค่ะ ส่วน นทท.ที่จะข้ามไปเกาะแสมสารจะสามารถจอดรถที่ท่าเรือเขาหมาจอได้เลยค่ะ ถ้าคนไหนที่จะไปเกาะขามแต่ต้องการไปจอดที่ท่าเรือ จะโดนเรียกเก็บค่าจอดรถค่ะ เราไม่ทราบราคาค่าจอด (เจ้าหน้าที่จะดูจากตั๋วเรือ)

เมื่อสองแถวปล่อยเราลง จะมีจุดคัดกรอง ผ่านช่องฆ่าเชื้อโรคก็ไปนั่งรอเรือ เจ้าหน้าที่จะเรียกเมื่อถึงเวลาลงเรือค่ะ ถ้าร้อน หรือต้องการกาแฟ ตรงท่าเรือจะมีร้านกาแฟ flog cafe ให้เติมคาเฟอีน นั่งรอในห้องแอร์เย็นๆ ได้เวลาก็ค่อยตามขบวนไปลงเรือกันค่ะ เรารอใน cafe แล้วเดินไปสำรวจท่าเรือเล็กน้อย แปปเดียวก็ 10:00 โมงแล้ว

พกลูกอมมะขามกันมาด้วยค่ะแก้เมาเรือได้ เพราะเราใช้เวลาอยู่บนเรือเพื่อไปเกาะขามกันประมาณ 15-20 นาทีแล้วแต่คลื่น ลม ทะเล บนเรือจะมีมะม่วงขายแก้เมาเรือกันค่ะ อึดใจเดียวเราก็เทียบท่าเกาะขาม และเมื่อก้าวขึ้นเรือก็พบกับ แดดแรงมาก ท้องฟ้าที่ฟ้ามากกก และ น้ำใสกริบจนตะลึงไปเลยค่ะ 

เมื่อข้ามมาถึงเกาะแล้ว ก็จะเจอกับทางเดินไม้ ที่เราจะเห็นในรีวิวบ่อยๆ แนะนำคือไม่ต้องรีบเดินไปไหนค่ะ รอให้คนขึ้นเรือ เดินไปให้หมดก่อน ซัก 15 นาที หาที่ร่มๆ นั่งรอถ่ายรูปค่ะ คนหมดแล้วก็ถ่ายรูปจุดทางเดินเหล่านี้ให้ได้รูปดั่งใจก่อน มีหลายมุมเลยที่สวยๆ ตอนมาถึงหน้าตา เสื้อผ้า หน้าผม เรายังสดใส  เหตุที่เราแนะนำให้ถ่ายรูปก่อนเพราะ หาดของเกาะขามค่อนข้างยาว ถ้าเราเดินไปถึงปลายหาดจะเป็นจุดขายอาหาร + เช่าหน้ากากดำน้ำ หยิบเสื้อชูชีพต่างๆ  และเป็นทางไปจุมดชมวิว (วันที่เราไปจุดชมวิวปิดเพราะน้ำสูงเลยไม่ได้ขึ้นไปดูจากมุมบน) และนั้นหมายถึงถ้าเราเดินไปปลายหาด เช่าของต่างๆ มาแล้ว กว่าเราจะเดินย้อนกลับมาก็จะเหนื่อย หรือ ถ้าเรามาถ่ายขากลับ หลังลงเล่นน้ำ ก็จะได้ชุดใหม่ แต่งหน้า ทำผมใหม่ เหมือนได้สองลุคในวันเดียว เพราะงั้น ถ่ายขาเข้ามาให้เรียบร้อย 1 รอบ ขาออกจะถ่ายอีกรอบก็ยังได้ค่ะ 

น้ำใส ใจละลายมากๆ ค่ะ

จะมีชิงช้าผูกกับต้นไม้หลายจุด ตลอดแนวชายหาด

ท่าเรือเอาไว้ลงเรือกระจก เราไม่ได้ลงเรือกระจก เพราะเราลงไปดำน้ำดูปะการังเองค่ะ ฟินกว่าาาา

ราคาค่าบริการต่างๆ ค่ะ หน้ากากจะมีสองแบบคือแบบหายใจทางปาก กับหน้ากากเต็มหน้าที่หายใจทางจมูกได้ ถ้าเอาไปแล้วไม่ถนัด หรือมีปัญหา เดินมาเปลี่ยนได้ค่ะ แต่เดินไกลมาก จุดเช่าหน้ากากกับจุดที่ล้อมทุ่นให้ดำน้ำดูปะการังอยู่ไกลกันพอสมควรค่ะ เลือกดีๆ จะได้ไม่ต้องเดินไปเดินมา หรือ เอาไปลองริมหาดใกล้ๆ จุดเช่าก่อนให้แน่ใจก็ดีค่ะ และที่นี้เกาะขามไม่มี locker เก็บของเหมือนแสมสารค่ะ แต่เราฝากเจ้าหน้าที่ทหารเลย วางไว้ใกล้ๆ กับที่เราเช่าอุปกรณ์ต่างๆ ค่ะ เจ้าหน้าที่ดูแลให้อย่างดี ไม่มีของเสียหายใดๆ ค่ะ 

ก่อนจะไปเล่นน้ำ เราก็มาไหว้เสด็จเตี่ยก่อนค่ะ เราเป็นลูกหลานพณิชยการพระนคร

ไปค่ะ ไปดูปะการังกัน เราไม่มีกล้องดำน้ำค่ะ รอบนี้เลยไม่มีรูปใต้น้ำ แต่ที่เจอก็มีปลาสวยงาม ปะการัง ส่วนตัวรู้สึกว่าที่แสมสารมีปลาการ์ตูนมากกว่า แต่ที่เกาะขามแนวปะการังจะมากกว่า และ ดำน้ำจากริมหาดได้เลย จะนานเท่าไหร่ก็แล้วแต่ความไหวของร่างกาย เบื่อดูปะการังก็มานั่งริมหาดแบบเราค่ะ 

ริมหาดจะมีต้นไม้ร่มเงาดีค่ะ ร้อนเราก็ว้าปเข้าใต้ร่มไม้ หลังจากดำน้ำ เล่นน้ำจนหนำใจ ก็เดินกลับไปคืนของ รับบัตรประชาชนกลับมาค่ะ (ตอนเช่าของต้องวางบัตรประชาชนไว้ด้วยค่ะ) ห้องน้ำจะอยู่บริเวณที่มีเสื้อชูชีพ ที่นี้จะมีน้ำสะอาดให้ล้างตัว ห้ามใช้ยาสระผม สบู่ใดๆ ค่ะ ปรับ 500 บาท ล้างตัวเปลี่ยนชุดเสร็จ ก็เริ่มหิววว บนเกาะมีร้านอาหารตามสั่ง และ ขายของหลายร้านเข้าโครงการคนละครึ่งทุกร้านค่ะ ข้าวสองจานนี้จานละ 70 บาท 

น้ำเปล่าจะมีขายบริเวณที่เช่าของค่ะ มีเจ้าหน้าที่ทหารคอยบริการ ร้านค้าจึงไม่มีน้ำเปล่าขาย น้ำเปล่า 10 บาท ถือว่าเป็นราคาปกติทั่วไปค่ะ 

เรากลับเรือเที่ยวบ่ายสองโมง คือเราไปถึงเรือตอนคนสุดท้ายกำลังลงเรือพอดี คิดว่าจะไม่ทัน แต่ลองเสี่ยงดูค่ะแต่พอลงไปได้ก็มีวอมาบอกทางเรือว่า มีคนกำลังเดินมา 8 คน เจ้าหน้าที่ก็รอค่ะ ไปด้วยกันไม่เกิน 5 นาทีทุกคนก็ลงเรือพร้อมกลับเข้าฝั่งเรามาถึงฝั่งประมาณ 14.30 ขึ้นเรือมาที่ท่าเดิม คือท่าเขาหมาจอก็จะมีพี่ๆ น้องๆ เจ้าหน้าที่ทหารบริหารจำหน่าย น้ำส้ม เฉาก๋วยต่างๆ เราก็จัดน้ำส้มไป แก้มึนๆ เมาเรือด้วย เมาดำน้ำด้วยค่ะ ก็ช่วยได้มากทีเดียว แล้วระหว่างกำลังกินน้ำส้มอยู่พี่ทหารก็บอก นี้ๆ มาดูท้ายเรือ มีปลาฉลาม เราก็วิ่งไปดูเป็นฉลามตัวเล็ก เห็นชัดมากและปลาเยอะกว่าตอนไปดำน้ำอีก 

เรามัวแต่ดูปลา กินน้ำส้ม เม้ามอยกับพี่ทหาร คนที่ขึ้นเรือมาพร้อมกันขึ้นสองแถวไปกันหมดแล้ว เราก็แบบแย่แล้วจะมีรถมารับเราไหม อีกนานไหม เพราะจากท่าเรือให้เดินไปที่ลานจอดรถก็ไม่ไหวนะ อากาศร้อนๆ ด้วย สรุป เราไปถึงศาลาที่รอ 1 นาที รถสองแถวก็วนกลับมารับเราแล้วค่ะ ขึ้นรถไปสองคน ไม่มึ นทท.คนอื่น พี่สองแถวก็พาเราไปส่งที่ท่ารถแบบไม่มีอิดออดใดๆ ค่ะ ถือว่าสะดวกมาก 

จากสัตหีบเราต้องย้อนกลับไปพัทยากลาง จองที่พักไว้ที่ Baraquda Pattaya - MGallery ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.

หลังจากถึงที่พักเก็บของล้างหน้า พักสักครู่หนึ่ง เราก็ไปกินปิ้งย่างทะเลกันค่ะ ที่ร้านเก่งเนื้อย่างเกาหลี เดินทาง 15 นาทีจากที่พักเรา ราคาต่อหัวคนละ 249 บาทเท่านั้น เพิ่มเตาย่าง 100 บาท (เข้าโครงการคนละครึ่ง) มี พนง.คอยย่างที่เตาย่างให้ เรามีหน้าที่แค่คีบมาแล้วรอกินอย่างเดียว บริการดีมากค่ะ (ทิป พนง.ได้ตามสะดวกค่ะ) อาหารมีให้เลือกเยอะมาก ตามรูปเลยละกันค่ะ บรรยายไม่ไหว

เราได้มีโอกาสคุยกับเจ้าของร้านเลยถามถึงผลกระทบที่ได้รับจาก covid เจ้าของร้านบอกระทบเยอะมาก คนน้อยลง นทท.ลดลงมาก ร้านตอนนี้คือ ทรงๆ พนง.ก็รายได้ไม่มาก บอกต่อๆ ออกมาเที่ยวกระจายรายได้ให้จังหวัดท่องเที่ยวกันค่ะ 

กลับมาถึงโรงแรม ก็ออกไปเดินดูรอบๆ ที่พัก อาจจะเพราะเป็นวันธรรมดาเลยเงียบเหงาสุดๆ ไปเลย ขอปิดวันด้วยรูปสระว่ายน้ำของโรงแรม พรุ้งนี้เดี๋ยวเราจะไปดูปลาเก๋าที่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสนกันค่ะ