ขอกู้บ้านหลังที่2กับธนชาต พนักงานแจ้งว่าบ้านหลังแรกพอรีไฟแนนซ์เลยกลายเป็นหลังที่2 ปรกติเขาไม่รีไฟแนนซ์กันหรอก??

จขกท ซื้อบ้านหลังแรกหลายปีแล้ว และรีไฟแนนซ์ไปเมื่อปีที่แล้ว
ปีนี้จขกท ไปดูบ้านมือสองมา และถูกใจเลยตัดสินใจยื่นกู้แบงค์ 

ไปยื่นกู้ธนชาตมาเมื่อวาน (26 พ.ย.63)
พนักงานให้ จขกท เซ็นสัญญาทำประกัน MRTA เลยตอนยื่นกู้เมื่อวานนี้ บอกว่าต้องเซ็นไปเลย ถ้าจะเอาเรทดอกเบี้ยราคาถูก(แบบที่ต้องทำประกัน MRTA)
ถ้าไม่เซ็น จะมาเลือกดอกเบี้ยแบบที่ต้องทำประกัน MRTA ทีหลังจะทำไม่ได้แล้ว

วันนี้ (27 พ.ย. 63)
พนักงานธนชาตโทรมาแจ้งว่า จขกท มีบ้านไปแล้ว2หลัง และหลังนี้เป็นหลังที่3 ทำให้ถูก Decline
จขกท แจ้งว่าไม่มี และหลังที่กำลังจะกู้ซื้อนี้เป็นหลังที่2
พนักงานวางสาย ขอโทรไปเช็ค

สรุปว่า พนักงานธนชาตแจ้งว่า บ้านหลังที่1 ที่จขกทซื้อ และรีไฟแนนซ์
สัญญากู้ยืมตอนแรก NCB บอกว่าเป็นสัญญาที่1 ==>  กลายเป็นเหมือนบ้านหลังที่1 ที่ถูกปิดยอดหนี้แล้ว
สัญญาที่รีไฟแนนซ์บ้านหลังที่1มา กลายเป็นสัญญาที่2 ==> กลายเป็นเหมือนบ้านหลังที่2

....ดังนั้นการที่จขกท จะกู้บ้านอีกหลัง จึงเหมือนกลายเป็นบ้านหลังที่3 เลยได้แค่ 70% จะถูก Decline

พนักงานให้ จขกท ต้องเอาสัญญากู้ยืมบ้านหลังแรกที่ทำกับธนาคาร และสัญญาที่รีไฟแนนซ์ พร้อมด้วยสำเนาโฉนดหน้าหลังมาให้พนักงาน

จขกท เลยถามพนักงานว่า แบบนี้ คนที่รีไฟแนนซ์บ้านหลังแรก เขาจะกู้ซื้อบ้านหลังที่สองอย่างไร?

พนักงานธนชาตแจ้งว่า ปรกติคนที่รีไฟแนนซ์ เขาก็ยังไม่มีบ้านหลังที่สองอยู่แล้วถูกไหม (แล้วก็หัวเราะ)
คนปรกติจริงๆ ส่วนมากเขาไม่รีไฟแนนซ์บ้านกันหรอก เขาก็ซื้อหลังที่สองไปเลย...

แบบนี้ถูกต้องแล้วหรือไม่คะ?
บ้านหลังเดิมพอรีไฟแนนซ์แล้ว กลายเป็นเหมือนหลังที่สอง ถือเป็นเป็นสัญญาที่สอง
ทำให้บ้านหลังที่สองจริงๆที่กำลังจะกู้ กลายเป็นเหมือนบ้านหลังที่สาม แบบนี้ถูกหรือไม่คะ?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่