หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] รีวิว Buster’s Fish And Chips ร้านฟิชแอนด์ชิปส์สูตรต้นตำรับแท้ๆโดยเชฟชาวอังกฤษ ภายในซอยสุขุมวิท 33/1
กระทู้รีวิว
อาหารฝรั่ง
อาหารคาว
อาหาร
ร้านอาหาร
อาหารจานเดียว
มีรุ่นน้องที่เป็นเพื่อนผมคนนึงใน Facebook เคยไปเรียนที่มหาวิทยาลัย Bath ประเทศอังกฤษแต่ดรอปก่อนที่จะกลับมาไทยเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid-19 บ่นว่าอยากทาน Fish & Chips สไตล์เมืองผู้ดีแท้ สักพักเห็นเช็คอินอีกทีอยู่ร้าน Buster’s Fish And Chips - Comfort Food & Drinks ในซอยสุขุมวิท 33/1 ที่ผมเคยมารีวิวร้าน Unatoto ซึ่งร้านนี้ตั้งอยู่ติดๆกันเลย จึงแชทไปสอบถามน้องคนนี้ได้ความมาว่าร้านนี้เชฟเจ้าของร้านเป็นชาวอังกฤษมาอยู่ไทยพร้อมกับครอบครัวแล้วได้เปิดกิจการนี้ จุดเด่นของก็คือแป้งและปลานำเข้าชนิดพิเศษเห็นว่าปลาสายพันธุ์นี้มีเพียงแค่ไม่กี่ร้านนำเข้ามาขายในไทย โดยเป็นเนื้อปลาแบบเดียวกับที่คนอังกฤษนิยมทานที่สุดอีกทั้งยังมีวิธีการทานเหมือนต้นตำรับแท้ๆด้วย ปกติเราก็เคยทานแต่ฟิชแอนด์ชิปส์ภายในร้านอาหาร-คาเฟ่ทั่วไปแต่ไม่เคยทานแบบต้นตำรับจริงๆเลยตัดสินใจว่าจะมารีวิวที่ร้านนี้เพราะข้อมูลน้อยมากแต่ได้รับคะแนนรีวิวทุกสำนักอยู่ที่ 4-4.5 ดาวแสดงว่ามีดีที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ส่วนวิธีการเดินทางมาก็ง่ายๆหากมาด้วยรถยนต์ส่วนตัวภายในซอยมีที่จอดแต่ไม่มากแถมดูวุ่นวายสุดๆเพราะซอยติดกับซุปเปอร์มาร์เก็ตฟูจิ ให้สะดวกที่สุดคือมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะลง BTS สถานีพร้อมพงษ์แล้วเดินตาม Google Maps มาอีกประมาณ 200 เมตรก็ถึงหน้าร้านแล้วครับ ต้วร้านนั้นหาไม่ยากเพราะป้ายชื่อใหญ่โตและประตูบานสีแดงเหมือนตู้โทรศัพท์สาธารณะกับตู้ไปรษณีย์ของประเทศอังกฤษตัดกับพื้นสีดำหน้าร้านเป็นกระจกบานใหญ่แบบนี้แสดงว่ามาถึงร้านแล้ว เราเดินเข้าไปด้านในกันเลยครับผม
บรรยากาศภายในร้านมีความเป็น British Vintage Diner ประมาณยุค 80-90 โดยพื้นเป็นลายขาวดำแบบตารางหมากรุก เค้าท์เตอร์ในครัวและกำแพงร้านปูด้วยกระเบื้องสีดำสลับแดงส่วนไฟภายในร้านใช้สีเหลืองดูมีความอบอุ่นราวกับร้านอาหารฝรั่งแบบบ้านๆตามสไตล์ของที่ร้าน ส่วนชั้น 2 บรรยากาศไม่เหมือนกับด้านล่างเลยและน้องที่ผมรู้จักชอบมานั่งที่นี่เพราะได้ความรู้สึกเหมือนนั่งเล่นอยู่ในห้องสมุดมหาวิทยาลัยที่ประเทศอังกฤษ นัดเพื่อนมานั่งเล่น-ทานอาหารแล้วไม่รู้สึกอึดอัดเท่ากับชั้นล่าง และเท่าที่สังเกตลูกค้าชาวไทยส่วนใหญ่ชอบนั่งชั้นบนมากกว่าครับ
แนวคิดของที่ร้านนี้เหมือนกับประเทศอังกฤษเลยคือฟิชแอนด์ชิปส์สำหรับที่อังกฤษเป็น Street Food สั่งแล้วใส่กล่องไปนั่งทานที่ไหนก็ได้คล้ายๆข้าวตามสั่งใส่กล่องบ้านเรา วิธีการสั่งอาหาร-การจัดเสิร์ฟของที่ร้านนี้จึงมีความไม่เหมือนกับร้านอาหารอังกฤษในประเทศไทยทั่วไป เริ่มจากการสั่งอาหารร้านนี้ใช้ระบบ Fast Food ลงมาสั่งก่อนแล้วจ่ายเงินให้เรียบร้อยส่วนอาหารจะไปเสิร์ฟที่โต๊ะทีหลัง หมวดแรกคือเมนู Fish & Chips ก็มีปลาให้เลือกหลากหลายชนิดทั้ง Cod (ปลาคอด) / Haddock (ปลาแฮดด็อค) / Sea Bass (ปลากะพง) / Halibut (ปลาตาเดียว) ชุบด้วยแป้งผสมเบียร์ราคาเริ่มต้นที่ 330-440 บาท ในชุดเสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งทอด/เลมอนและซอสเลือกได้แค่ 1 จากเมนูหมวดถัดไปคือ "Chip Shop Chips" ราคา 110 บาทเป็นมันฝรั่งทอดเปล่าๆไว้ทานคู่กับซอสสูตรพิเศษของที่ร้านเลือกได้ 6 รสชาติก็คือ ทาร์ทาร์ซอส/สไปซี่ชีส/หัวหอมชีส/วาซาบิมาโย/ศรีราชามาโยและเจแปนนีสมาโย นอกจากนี้ยังมีเมนูพายอบไส้เนื้อวากิว-หัวหอม/ไส้อกไก่ผสมต้นหอมและแฮม/ไส้แกงไก่มาซาล่า/ไส้เนื้อแกะอบโรสแมรี่/ไส้กรอกยักษ์ม้วนแป้งพายราคา 150-185 บาท หากต้องการชุดเครื่องเคียงทานคู่กับพายประกอบไปด้วยมันฝรั่งทอด/ผักและน้ำเกรวี่ (โดยน้ำเกรวี่จะให้ฟรี 1 ถ้วยอยู่แล้วเมื่อสั่งพายอบทุกไส้) ราคา 120 บาท เครื่องเคียงนั้นมีทั้งถั่วลันเตาบด/ถั่วอบ/เคอรรี่ซอส(แบบเดียวกับในเคอรรี่วูสต์เยอรมัน)/หอมใหญ่ดองหรือเพิ่มดิปซอสราคา 25-60 บาท นอกจากเมนูของทอดแล้วที่ร้านยังมีอาหารยุโรปอื่นอีกทั้งมักกะโรนี 3 ชีส/ลาซานญ่าหมู/ไส้กรอกชุบแป้งทอดสไตล์อังกฤษ/สลัดตามฤดูกาลราคา 110-290 บาท ของหวานมีพายแอปเปิ้ล/พายเชอรี่และช๊อกโกแลตยี่ห้อ Mars ชุบแป้งทอดราคา 75-140 บาท นอกนั้นเป็นเครื่องดื่มและแอลกอฮอลล์ราคา 45-480 บาท เมนูเด็ดอย่างสุดท้ายของที่ร้านคือมิลค์เชค 3 รสชาติ (ช็อกโกแลต/วนิลา/สตรอเบอรี่) แก้วละ 95 บาท ถ้าใครคิดว่าฟิชแอนด์ชิปส์ของที่ร้านนี้ยังแพงอยู่สั่งชุด Lunch ราคา 165 บาทได้ปลาคอคชิ้นเล็ก+มันฝรั่งทอด+ซอสดิป 1 อย่างส่วนเครื่องดื่มเลือกได้ว่าจะเอาน้ำอัดลมหรือมิลค์เชคแก้วเล็กฟรี เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์เวลา 11.00-15.00 น. ช่วงเวลาที่มีคนเยอะระหว่างรอก็ดูเมนูที่กำแพงร้านได้พลางๆ โทรถามผู้รู้ก่อนว่าควรสั่งอะไรดีจากนั้นจ่ายเงินและไปนั่งโต๊ะกันครับ
มื้อนี้เรามากัน 2 คนสั่งอาหารทั้งหมด 17 อย่างรวม 1,630 บาท ไม่มี Vat. กับ Service Charge มากวนใจ ตอนนี้เราคงบอกยังเรื่องความอร่อยคุ้มค่าไม่ได้เพราะไม่รู้ว่ารสชาติและปริมาณจะสมราคาหรือเปล่า แต่ส่วนตัวถือว่าปกติสำหรับร้านอาหารฝรั่งในประเทศไทย และถ้าเทียบกับราคาขายภายในอังกฤษจริงๆร้านนี้แพงกว่านิดหน่อย เพราะนำเข้าปลาพิเศษที่ไม่มีขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ส่วนจะเป็นปลาอะไรแล้วทอดออกมารสชาติจะดีสมกับที่ต้องมาทานหรือไม่ เดี๋ยวเรารออาหารมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะกันครับผม
สิ่งนึงที่เห็นว่าร้านนี้เขาเข้าใจคนไทยประเทศที่เปลืองซอสที่สุดในโลกคือเหล่าเครื่องปรุงหลายรายการทั้งเกลือ/พริกไทย/ซอสมะเขือเทศแบบขวดแต่ที่ตื่นตากว่านั้นคือซอสมะเขือเทศ-ซอสพริกแบบหักตรงกลางแล้วบีบจะมีซอสไหลลงมาตรงรอยหัก โดยซอสมะเขือเทศนั้นรสชาติทั่วไปแต่ซอสพริกเป็นแบบเผ็ดเปรี้ยวคล้ายๆสไตล์เม็กซิกัน HP Sauce คือซอสบาร์บีคิวที่เปรี้ยวมากๆเอาไว้ทานกับของทอดและน้ำส้มสายชูกลิ่นมอลท์เอาไว้ทานกับฟิชแอนด์ชิปส์ตามแบบฉบับคนอังกฤษแท้ๆ (ชาวเมืองผู้ดีมักจะเหยาะลงไปเพิ่มรสเปรี้ยวหอมตัดความเลี่ยนของปลาได้อีกขั้นนึง)
ก่อนจะเริ่มทานเราต้องบอกแนวคิดของที่นี่ก่อนเลยว่าเป็น Street Food เน้นความสะดวกของร้านและทุกเมนูจะถูกใส่ในกล่องกระดาษให้เลือกทานได้ว่าจะทานที่ร้านหรือบ้าน แต่ถ้าหากทานไม่หมด (เพราะแต่ละเมนูให้ปริมาณมาเยอะมาก) ก็ปิดกล่องขอใส่ถุงกลับบ้านได้อย่างสะดวกสบายสุดๆ เมนูแรกมาเสิร์ฟก่อนเป็นชุดโปรโมชั่นมื้อกลางวันคือ "Lunch Set" ราคา 165 บาท ประกอบไปด้วยปลาค๊อตชิ้นเล็กชุบแป้งผสมเบียร์สูตรพิเศษของทางร้าน นำไปทอดจนกรอบ 1 ชิ้น/มันผรั่งทอด/เลมอน/ซอสดิบ 1 อย่างในชุดเราเลือกเป็นศรีราชามาโยกับเครื่องดื่มเป็นมิลค์เช็ครสวนิลาแก้วเล็ก ปริมาณที่ให้ก็ถือว่าเยอะคุ้มทาน 1 คนอิ่มจุกครบเครื่องเมนูคาว-หวานในชุดเดียว เริ่มชิมปลาคอตเนื้อแน่นไขมันน้อยเพราะที่ร้านนี้เขาลอกหนังออกชุบแป้งทอดกรอบหนาละมุนกลิ่นเบียร์อ่อนๆสูตรพิเศษของที่ร้าน มันฝรั่งทอดชิ้นหนาจิ้มกับดิปซอสศรีราชาเปรี้ยว-เผ็ดหอมมันพอเริ่มเลี่ยนก็ดื่มมิลค์เชคเพิ่มความสดชื่นลงตัวดีมากๆ เมนูต่อมาเป็นปลาชนิดพิเศษที่หาซื้อไม่ได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วๆไปในประเทศไทยและเป็นปลาพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในการทำเมนูฟิชแอนด์ชิปส์มากที่สุดในประเทศอังกฤษคือ "Beer Battered Haddock" เป็นแฮดด็อคแล่ติดหนังชุบแป้งทอดชิ้นใหญ่พิเศษราคา 380 บาท รสชาติเหมือนจานแรกทุกอย่างต่างกันที่คุณภาพของปลาที่ชิ้นนี้จะมีความนุ่มฉ่ำหอมกลิ่นไขมันสดชื่นเข้ากับกลิ่นแป้งทอด ยิ่งทานโดนส่วนหนังไขมันฉ่ำๆความเข้มข้นเต็มปากสุดๆส่วนวิธีการทานฟิชแอนด์ชิปส์แบบชาวอังกฤษเป็นยังไงเราจะมาบอกทุกคนๆจากน้องคนที่เคยเรียนที่นั่นมาก่อนครับ
เมื่อได้ปลาทอดมาร้อนๆวิธีการทานที่เบสิคสุดคือบีบเลมอนลงไปเพิ่มความเปรี้ยว+หอมทำให้ทานได้อย่างอร่อยและเลี่ยนน้อยลง แต่วิธีแบบชาวอังกฤษแท้ๆคือราดน้ำส้มสายชูมอลท์ลงไปเพิ่มข้าวเปรี้ยวหอมกลิ่นข้าวสาลีเข้ากันดีกับแป้งทอดกรอบและลดความเลี่ยนของไขมันปลาได้ดีมากกว่าเดิม (อันนี้ดีจริงถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่) ถ้าทานแบบไทยๆก็ลงซอสมะเขือเทศได้เลย จะทานแบบของทอดสไตล์สากลของฝรั่งทั่วไปก็จิ้มทาร์ทาร์ซอสที่ร้านนี้ทำมารสชาติเข้มข้นถึงครีมใส่ผักดองมาเยอะรสจัดถูกใจหรือจะจิ้มน้ำซอสเกรวี่แบบไก่ทอดก็ทานได้เรียกได้ว่าค่อนข้างมีวิธีการทานที่หลากหลายมากกว่าการทานปลาชุบแป้งทอดทั่วๆไป เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเป็นเมนูยอดนิยมในอังกฤษ
นอกจากฟิชแอนด์ชิปส์ที่เป็นเมนู Signature ของที่ร้านแล้วเราสั่งเมนูอื่นๆมาเพิ่มอีกเพราะกลัวว่ากินปลาทอดไปนานๆแล้วจะเลี่ยนเลยสั่งเป็น "ลาซานญ่าหมู" ราคา 290 บาท เป็นสูตรแบบโฮมเมดสไตล์ฝรั่งแป้งเป็นชั้นไส้หมูสับผัดมะเขือเทศรสชาติเค็ม-เปรี้ยวเนื้อแน่นท๊อบปิ้งด้วยชีสอบมันๆไม่หวานนำแบบหลายๆร้านที่ขายในไทย เมนูต่อไปคือ "พายไส้แกงไก่มาซาล่า" ราคา 180 บาท เป็นแกงอินเดียรสชาติเปรี้ยวเพราะใส่มะเขือเทศหอมกลิ่นมาซาล่าเนื้อไก่ที่ใส่เป็นส่วนอกสอดไส้อยู่ในพายทรงด้วยแป้งหนาแต่กรุบกรอบทางร้านเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำเกรวี่ ส่วนวิธีการทานก็ราดน้ำเกรวี่รสชาติคล้ายๆกับน้ำราดมันบด KFC ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและรสชาติกลมกล่อมทำให้ทานพายได้ลื่นคอมากยิ่งขึ้น (ถ้าไม่ราดเกรวีจะฝืดคอหน่อย) แต่ตัวขายดีคือพายเนื้อวากิวหัวหอมซึ่งวันนี้หมดน่าเสียดายหน่อย
****** เกิน 10,000 ตัวอักษร ขอรีวิวต่อในช่อง Comment นะครับ ******
ชื่อสินค้า:
Buster’s Fish and Chips - Comfort Food & Drinks สุขุมวิท 33/1
คะแนน:
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
ลุงอ้วนอิ่มเล่าเรื่อง EP.93: ชอบกินโครงไก่ชุบแป้งทอดก็บอกแม่ค้าไป อย่าอ้างเอาให้หมา ไม่งั้นสับละเอียดทั้งกระดูก
ลุงอ้วนอิ่มเล่าเรื่อง EP.93: ชอบกินโครงไก่ชุบแป้งทอดก็บอกแม่ค้าไป อย่าอ้างเอาให้หมา ไม่งั้นสับละเอียดทั้งกระดูก ชอบกินโครงไก่ชุบแป้งทอดใหม่ๆ กินกับน้ำจิ้มแบะข้าวเหนียวอร่อยมาก หลายคนแน่นอน อายไง บอก
คนตื่นลุง
ข้าวหน้าปลาแกะ 🐟 พร้อมน้ำจิ้ม 3 แบบ🌶️🧅🧄🌿ทานพร้อม ปลาร้าทรงเครื่องหมู-ผัดสด ✌️🤤😋เริ่มทานปลาร้าได้แล้วนะ😄😁😂
ข้าวหน้าปลาแกะ 🐟 พร้อมน้ำจิ้ม 3 แบบ🌶️🧅🧄🌿ทานพร้อม ปลาร้าทรงเครื่องหมู-ผัดสด ✌️🤤😋เริ่มทานปลาร้าได้แล้วนะ😄😁😂 มื้อนี้ ทำง่ายๆๆๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ วันนี้ ไม่ได้ใช่ฝีมืออะไรมาก ออ!! .ใช้ๆๆ ใช้มือแกะป
กานต์(วีระพัฒน์)
บอสพาชิม: Fallabella riverfront
บอสพาชิม: Fallabella riverfront ท่ามกลางบรรยากาศสดใสของฤดูร้อนนี้ ผมขอแนะนำเมนูพิเศษที่ Fallabella The Riverfront ซึ่งจะมาเติมเต็มความสดชื่นและรสชาติอันน่าประทับใจให้กับทุกท่านครับ เริ่มต้นด้วย ย
EatLikeTheBOSS
ปลาอิสุมิได ราดซอสกะเพรา 🐟🌶️🧄🌶️🥒🌿=ปลานิล ราดซอสกะเพรา นี้หล่ะครับ🍽✌️🤤😋😃😄😁
ปลาอิสุมิได ราดซอสกะเพรา 🐟🌶️🧄🌶️🥒🌿=ปลานิล ราดซอสกะเพรา นี้หล่ะครับ🍽✌️🤤😋😃😄😁 ผมเคยกล่าวถึง ปลา อิสุมิได ปลาสายพันธุ์ญี่ปุ่น หรือ ชื่อ ที่คนไทยคุ้นๆ คือ ปลานิล จาก กท. ปลาแกะ ==>
กานต์(วีระพัฒน์)
BufFeast Review :"ปิ้งให้สุข" ร้านหมูกะทะติดแอร์ ย่านบางซื่อ@เกตเวย์บางซื่อ ชั้น 3
เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ผมเเหน็ดเหนื่อยจากงานแล้วต้องมาหาอะไรกินหลังเลิกงาน คราวนี้อยู่ใกล้ๆโซนบางโพก็เลยแวะหาไรกินที่ห้างเกตเวย์บางซื่อ อันแสนหงอยเหงา เห็นอยู่หลัดๆว่ามีร้านแนวหมูกะทะติดเเอร์เปิดใหม่ที่
TheHeatBufFeast
กูช่ายแผ่น เมนูโบราณทำเอาเด็กรุ่นใหม่ติดใจ
กูช่ายแผ่น/กูช่ายทอด มาทำกูช่ายแผ่นกันค่ะ เชียไต่แกไหล่จ๊อบู่เจี้ยะ เชิญเพื่อนๆมาทานด้วยกันนะคะ แม่นันทำยั่วอาตั่วตี๋ รู้ว่ายั่วขึ้น กลับจากที่ทำงานปุ๊บเดินตามกลิ่นเข้ามาในครัวเลย "มามี้ ทอดอะไรอ
good moments
BufFeast Review : ย้อมวัยห้องอาหารจีนสมัยเก่ากับบุฟเฟ่ต์อาหารจีน ที่ "Fu Marn Lua" @โรงแรมทวินเทาเวอร์ ชั้น 3
ด้วยความที่คิดอยากจะจัดบุฟเฟ่ต์แนวจีนอีกครั้งในหลังไม่ได้กินนาน ก็เลยนึกมาถึงร้านๆนึง ที่อยู่ในโรงแรมทวินเทาเวอร์ ณ ถนนพระราม 6 ชื่อร้าน Fu Marn Lau เป็นห้องอาหารจีนในโรงแรมที่เปิดโปรบุฟเฟ่ต์ผ่าน Hun
TheHeatBufFeast
ข้าวกล่อวของสองแสบ
6 ปีมาแล้วค่ะกับข้าวกล่องครั้งแรก ที่ทำครั้งนี้เพราะลูกสาวเคยขอให้ทำข้าวกล่องให้ไปโรงเรียน ด้วยความที่ว่ายังไม่เคยทำข้าวให้ลูกสาวไปโรงเรียนเลยสักครั้ง ประกอบกับเรียนซัมเมอร์พอดี ก็เลยตกลงว่าจะทำให้แต่
บ้านเล็กในทุ่งกว้าง
ข้าวผัดปลาแซลมอน 🐟🧅🧄🌶️🥒🌿แบบมีอะไรใส่ไป 🍽✌️🤤😋😃😄😁
ข้าวผัดปลาแซลมอน 🐟🧅🧄🌶️🥒🌿แบบมีอะไรใส่ไป 🍽✌️🤤😋😃😄😁 ช่วงนี้อยากทานปลามากขึ้น ชอบทานปลา
กานต์(วีระพัฒน์)
สูตรหมูเปรี้ยวหวาน: จานเด็ดทำง่าย รสกลมกล่อม
หมูเปรี้ยวหวาน เมนูยอดนิยมที่มีรสชาติเปรี้ยวอมหวานกลมกล่อม ทำง่าย ทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เตรียมวัตถุดิบให้พร้อม แล้วลงมือทำกันเลย credit: https://pixabay.com/photos/sweet-and-sour-pork-%E5%92%95%E
ตองจี
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
อาหารฝรั่ง
อาหารคาว
อาหาร
ร้านอาหาร
อาหารจานเดียว
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] รีวิว Buster’s Fish And Chips ร้านฟิชแอนด์ชิปส์สูตรต้นตำรับแท้ๆโดยเชฟชาวอังกฤษ ภายในซอยสุขุมวิท 33/1
บรรยากาศภายในร้านมีความเป็น British Vintage Diner ประมาณยุค 80-90 โดยพื้นเป็นลายขาวดำแบบตารางหมากรุก เค้าท์เตอร์ในครัวและกำแพงร้านปูด้วยกระเบื้องสีดำสลับแดงส่วนไฟภายในร้านใช้สีเหลืองดูมีความอบอุ่นราวกับร้านอาหารฝรั่งแบบบ้านๆตามสไตล์ของที่ร้าน ส่วนชั้น 2 บรรยากาศไม่เหมือนกับด้านล่างเลยและน้องที่ผมรู้จักชอบมานั่งที่นี่เพราะได้ความรู้สึกเหมือนนั่งเล่นอยู่ในห้องสมุดมหาวิทยาลัยที่ประเทศอังกฤษ นัดเพื่อนมานั่งเล่น-ทานอาหารแล้วไม่รู้สึกอึดอัดเท่ากับชั้นล่าง และเท่าที่สังเกตลูกค้าชาวไทยส่วนใหญ่ชอบนั่งชั้นบนมากกว่าครับ
แนวคิดของที่ร้านนี้เหมือนกับประเทศอังกฤษเลยคือฟิชแอนด์ชิปส์สำหรับที่อังกฤษเป็น Street Food สั่งแล้วใส่กล่องไปนั่งทานที่ไหนก็ได้คล้ายๆข้าวตามสั่งใส่กล่องบ้านเรา วิธีการสั่งอาหาร-การจัดเสิร์ฟของที่ร้านนี้จึงมีความไม่เหมือนกับร้านอาหารอังกฤษในประเทศไทยทั่วไป เริ่มจากการสั่งอาหารร้านนี้ใช้ระบบ Fast Food ลงมาสั่งก่อนแล้วจ่ายเงินให้เรียบร้อยส่วนอาหารจะไปเสิร์ฟที่โต๊ะทีหลัง หมวดแรกคือเมนู Fish & Chips ก็มีปลาให้เลือกหลากหลายชนิดทั้ง Cod (ปลาคอด) / Haddock (ปลาแฮดด็อค) / Sea Bass (ปลากะพง) / Halibut (ปลาตาเดียว) ชุบด้วยแป้งผสมเบียร์ราคาเริ่มต้นที่ 330-440 บาท ในชุดเสิร์ฟพร้อมกับมันฝรั่งทอด/เลมอนและซอสเลือกได้แค่ 1 จากเมนูหมวดถัดไปคือ "Chip Shop Chips" ราคา 110 บาทเป็นมันฝรั่งทอดเปล่าๆไว้ทานคู่กับซอสสูตรพิเศษของที่ร้านเลือกได้ 6 รสชาติก็คือ ทาร์ทาร์ซอส/สไปซี่ชีส/หัวหอมชีส/วาซาบิมาโย/ศรีราชามาโยและเจแปนนีสมาโย นอกจากนี้ยังมีเมนูพายอบไส้เนื้อวากิว-หัวหอม/ไส้อกไก่ผสมต้นหอมและแฮม/ไส้แกงไก่มาซาล่า/ไส้เนื้อแกะอบโรสแมรี่/ไส้กรอกยักษ์ม้วนแป้งพายราคา 150-185 บาท หากต้องการชุดเครื่องเคียงทานคู่กับพายประกอบไปด้วยมันฝรั่งทอด/ผักและน้ำเกรวี่ (โดยน้ำเกรวี่จะให้ฟรี 1 ถ้วยอยู่แล้วเมื่อสั่งพายอบทุกไส้) ราคา 120 บาท เครื่องเคียงนั้นมีทั้งถั่วลันเตาบด/ถั่วอบ/เคอรรี่ซอส(แบบเดียวกับในเคอรรี่วูสต์เยอรมัน)/หอมใหญ่ดองหรือเพิ่มดิปซอสราคา 25-60 บาท นอกจากเมนูของทอดแล้วที่ร้านยังมีอาหารยุโรปอื่นอีกทั้งมักกะโรนี 3 ชีส/ลาซานญ่าหมู/ไส้กรอกชุบแป้งทอดสไตล์อังกฤษ/สลัดตามฤดูกาลราคา 110-290 บาท ของหวานมีพายแอปเปิ้ล/พายเชอรี่และช๊อกโกแลตยี่ห้อ Mars ชุบแป้งทอดราคา 75-140 บาท นอกนั้นเป็นเครื่องดื่มและแอลกอฮอลล์ราคา 45-480 บาท เมนูเด็ดอย่างสุดท้ายของที่ร้านคือมิลค์เชค 3 รสชาติ (ช็อกโกแลต/วนิลา/สตรอเบอรี่) แก้วละ 95 บาท ถ้าใครคิดว่าฟิชแอนด์ชิปส์ของที่ร้านนี้ยังแพงอยู่สั่งชุด Lunch ราคา 165 บาทได้ปลาคอคชิ้นเล็ก+มันฝรั่งทอด+ซอสดิป 1 อย่างส่วนเครื่องดื่มเลือกได้ว่าจะเอาน้ำอัดลมหรือมิลค์เชคแก้วเล็กฟรี เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์เวลา 11.00-15.00 น. ช่วงเวลาที่มีคนเยอะระหว่างรอก็ดูเมนูที่กำแพงร้านได้พลางๆ โทรถามผู้รู้ก่อนว่าควรสั่งอะไรดีจากนั้นจ่ายเงินและไปนั่งโต๊ะกันครับ
มื้อนี้เรามากัน 2 คนสั่งอาหารทั้งหมด 17 อย่างรวม 1,630 บาท ไม่มี Vat. กับ Service Charge มากวนใจ ตอนนี้เราคงบอกยังเรื่องความอร่อยคุ้มค่าไม่ได้เพราะไม่รู้ว่ารสชาติและปริมาณจะสมราคาหรือเปล่า แต่ส่วนตัวถือว่าปกติสำหรับร้านอาหารฝรั่งในประเทศไทย และถ้าเทียบกับราคาขายภายในอังกฤษจริงๆร้านนี้แพงกว่านิดหน่อย เพราะนำเข้าปลาพิเศษที่ไม่มีขายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป ส่วนจะเป็นปลาอะไรแล้วทอดออกมารสชาติจะดีสมกับที่ต้องมาทานหรือไม่ เดี๋ยวเรารออาหารมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะกันครับผม
สิ่งนึงที่เห็นว่าร้านนี้เขาเข้าใจคนไทยประเทศที่เปลืองซอสที่สุดในโลกคือเหล่าเครื่องปรุงหลายรายการทั้งเกลือ/พริกไทย/ซอสมะเขือเทศแบบขวดแต่ที่ตื่นตากว่านั้นคือซอสมะเขือเทศ-ซอสพริกแบบหักตรงกลางแล้วบีบจะมีซอสไหลลงมาตรงรอยหัก โดยซอสมะเขือเทศนั้นรสชาติทั่วไปแต่ซอสพริกเป็นแบบเผ็ดเปรี้ยวคล้ายๆสไตล์เม็กซิกัน HP Sauce คือซอสบาร์บีคิวที่เปรี้ยวมากๆเอาไว้ทานกับของทอดและน้ำส้มสายชูกลิ่นมอลท์เอาไว้ทานกับฟิชแอนด์ชิปส์ตามแบบฉบับคนอังกฤษแท้ๆ (ชาวเมืองผู้ดีมักจะเหยาะลงไปเพิ่มรสเปรี้ยวหอมตัดความเลี่ยนของปลาได้อีกขั้นนึง)
ก่อนจะเริ่มทานเราต้องบอกแนวคิดของที่นี่ก่อนเลยว่าเป็น Street Food เน้นความสะดวกของร้านและทุกเมนูจะถูกใส่ในกล่องกระดาษให้เลือกทานได้ว่าจะทานที่ร้านหรือบ้าน แต่ถ้าหากทานไม่หมด (เพราะแต่ละเมนูให้ปริมาณมาเยอะมาก) ก็ปิดกล่องขอใส่ถุงกลับบ้านได้อย่างสะดวกสบายสุดๆ เมนูแรกมาเสิร์ฟก่อนเป็นชุดโปรโมชั่นมื้อกลางวันคือ "Lunch Set" ราคา 165 บาท ประกอบไปด้วยปลาค๊อตชิ้นเล็กชุบแป้งผสมเบียร์สูตรพิเศษของทางร้าน นำไปทอดจนกรอบ 1 ชิ้น/มันผรั่งทอด/เลมอน/ซอสดิบ 1 อย่างในชุดเราเลือกเป็นศรีราชามาโยกับเครื่องดื่มเป็นมิลค์เช็ครสวนิลาแก้วเล็ก ปริมาณที่ให้ก็ถือว่าเยอะคุ้มทาน 1 คนอิ่มจุกครบเครื่องเมนูคาว-หวานในชุดเดียว เริ่มชิมปลาคอตเนื้อแน่นไขมันน้อยเพราะที่ร้านนี้เขาลอกหนังออกชุบแป้งทอดกรอบหนาละมุนกลิ่นเบียร์อ่อนๆสูตรพิเศษของที่ร้าน มันฝรั่งทอดชิ้นหนาจิ้มกับดิปซอสศรีราชาเปรี้ยว-เผ็ดหอมมันพอเริ่มเลี่ยนก็ดื่มมิลค์เชคเพิ่มความสดชื่นลงตัวดีมากๆ เมนูต่อมาเป็นปลาชนิดพิเศษที่หาซื้อไม่ได้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วๆไปในประเทศไทยและเป็นปลาพันธุ์ที่ได้รับความนิยมในการทำเมนูฟิชแอนด์ชิปส์มากที่สุดในประเทศอังกฤษคือ "Beer Battered Haddock" เป็นแฮดด็อคแล่ติดหนังชุบแป้งทอดชิ้นใหญ่พิเศษราคา 380 บาท รสชาติเหมือนจานแรกทุกอย่างต่างกันที่คุณภาพของปลาที่ชิ้นนี้จะมีความนุ่มฉ่ำหอมกลิ่นไขมันสดชื่นเข้ากับกลิ่นแป้งทอด ยิ่งทานโดนส่วนหนังไขมันฉ่ำๆความเข้มข้นเต็มปากสุดๆส่วนวิธีการทานฟิชแอนด์ชิปส์แบบชาวอังกฤษเป็นยังไงเราจะมาบอกทุกคนๆจากน้องคนที่เคยเรียนที่นั่นมาก่อนครับ
เมื่อได้ปลาทอดมาร้อนๆวิธีการทานที่เบสิคสุดคือบีบเลมอนลงไปเพิ่มความเปรี้ยว+หอมทำให้ทานได้อย่างอร่อยและเลี่ยนน้อยลง แต่วิธีแบบชาวอังกฤษแท้ๆคือราดน้ำส้มสายชูมอลท์ลงไปเพิ่มข้าวเปรี้ยวหอมกลิ่นข้าวสาลีเข้ากันดีกับแป้งทอดกรอบและลดความเลี่ยนของไขมันปลาได้ดีมากกว่าเดิม (อันนี้ดีจริงถือเป็นประสบการณ์แปลกใหม่) ถ้าทานแบบไทยๆก็ลงซอสมะเขือเทศได้เลย จะทานแบบของทอดสไตล์สากลของฝรั่งทั่วไปก็จิ้มทาร์ทาร์ซอสที่ร้านนี้ทำมารสชาติเข้มข้นถึงครีมใส่ผักดองมาเยอะรสจัดถูกใจหรือจะจิ้มน้ำซอสเกรวี่แบบไก่ทอดก็ทานได้เรียกได้ว่าค่อนข้างมีวิธีการทานที่หลากหลายมากกว่าการทานปลาชุบแป้งทอดทั่วๆไป เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเป็นเมนูยอดนิยมในอังกฤษ
นอกจากฟิชแอนด์ชิปส์ที่เป็นเมนู Signature ของที่ร้านแล้วเราสั่งเมนูอื่นๆมาเพิ่มอีกเพราะกลัวว่ากินปลาทอดไปนานๆแล้วจะเลี่ยนเลยสั่งเป็น "ลาซานญ่าหมู" ราคา 290 บาท เป็นสูตรแบบโฮมเมดสไตล์ฝรั่งแป้งเป็นชั้นไส้หมูสับผัดมะเขือเทศรสชาติเค็ม-เปรี้ยวเนื้อแน่นท๊อบปิ้งด้วยชีสอบมันๆไม่หวานนำแบบหลายๆร้านที่ขายในไทย เมนูต่อไปคือ "พายไส้แกงไก่มาซาล่า" ราคา 180 บาท เป็นแกงอินเดียรสชาติเปรี้ยวเพราะใส่มะเขือเทศหอมกลิ่นมาซาล่าเนื้อไก่ที่ใส่เป็นส่วนอกสอดไส้อยู่ในพายทรงด้วยแป้งหนาแต่กรุบกรอบทางร้านเสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำเกรวี่ ส่วนวิธีการทานก็ราดน้ำเกรวี่รสชาติคล้ายๆกับน้ำราดมันบด KFC ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและรสชาติกลมกล่อมทำให้ทานพายได้ลื่นคอมากยิ่งขึ้น (ถ้าไม่ราดเกรวีจะฝืดคอหน่อย) แต่ตัวขายดีคือพายเนื้อวากิวหัวหอมซึ่งวันนี้หมดน่าเสียดายหน่อย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น