การอยู่รวมกันระหว่างเมียน้อยกับเมียหลวงในวัย 60 ปี และกิจการที่ลูกเมียหลวงช่วยกันทำมาแต่เด็กจนปัจจุบัน

เราตั้งกระทู้นี้เพื่ออยากถามความเห็นเพื่อนๆ ว่าเราไม่เข้าใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ กับความไม่ถูกต้อง
หรือเราใจแคบเกินไปที่รู้สึกรับไม่ได้กับสิ่งเกิดขึ้น มันผิดที่ตัวเราเองหรือเปล่านะคะ

เกริ่นก่อนว่าครอบครัวสามีทำกิจการโดยระยะหลังมากิจการค่อนข้างมีปัญหามาก
และทางครอบครัวสามี แม้กระทั้งลูกสะใภ้อย่างเราก็ให้ความช่วยเหลือ ให้เงินหมุนกิจการ
โดยพี่น้องสามี ทำกิจการตัวเองไม่มาทำกิจการร่วมกับพ่อแม่ และพักอาศัยอยู่ข้างนอก
แต่จะคอยส่งเงินมาช่วยหมุนให้กิจการของพ่อแม่ยังคงดำเนินการต่อไปได้ 
แต่สามีเราอยู่ช่วยกิจการพ่อแม่ และพักอาศัยอยู่ในรั้วเดียวกัน แต่คนละหลัง
(ใจสามีอยากจะออก แต่ไม่มีพี่น้องอยู่ช่วยพ่อแม่หากตัวเองจะไป)
ซึ่งพ่อแม่สามีผูกพันกับกิจการนี้อย่างมาก เคยคุยให้ขายแต่ท่านไม่ยอม หากสามีจะไปกิจการพ่อแม่คงล้ม
เพราะด้วยอายุท่านที่มาก ( ประมาณ 60 ปี ) และเทคโนโลยีที่พวกท่านยังไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง
โดยเราก่อนแต่งงานและหลังแต่งงานเราให้เงินพ่อแม่สามีหมุนกับกิจการไป 3 แสนกว่าบาท
โดยปัจจุบันยังไม่ได้คืน เนื่องจากปัญหากิจการยังคงมีอยู่เรื่อยมา แต่พวกท่านคิดว่าสามารถจะผ่านไปได้
และกิจการนี้ต่อไปจะยกให้สามี โดยหลังแต่งงาน เรามีลูกกับสามี 2 คน โดยเราเลี้ยงดูลูกๆ กันเอง
เรายังคงทำงานหาเงินข้างนอก สามีช่วยพ่อแม่ และได้เงินเดือน ซึ่งลดลงจากที่เคยตกลง เนื่องจากปัญหากิจการ
เราหมุนเงินกันเองในครอบครัว ไม่เคยขอเกินจากที่ควรจะได้ และยังคงมีให้พ่อแม่สามีหยิบยืมอยู่เรื่อยมา
( สามีเรารักแม่มาก ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องยอมรับว่า มันก็ทำให้เรามีปัญหาการเงินกันเองอยู่บ่อยๆ
เนื่องจากเงินที่ให้ยืม ในบางครั้งไม่ได้คืนตามที่ตกลงกัน หรือเวลาจะขอคืนจะค่อนข้างลำบาก )

ปัญหาหลักช่วงหลังที่ทำให้เรารับไม่ค่อยได้เลยคือพ่อสามี มีปัญหาเมียน้อยมาตลอด โดยแม่สามีก็มาบ่นให้ฟัง
เมียน้อยเคยเป็นคนงานที่ทำงานอยู่ และได้ออกไปแล้ว จบป.ตรี เนื่องจากพ่อสามีแอบเอาเงินส่งเสีย ส่งเรียนจนจบ
และเมียน้อยจะคอยโทรมาป่วนอยู่เป็นระยะ พ่อสามีชอบแอบออกไปทำธุระ ซึ่งแม่สามีคอยเชค และขับรถตามไป
จนจับได้ว่า พ่อสามีไปหาเมียน้อย (เมียน้อยอายุประมาณ 30 กว่า) และแม่สามีได้ขับรถชนรถของพ่อสามี
กลับมาทะเลาะกันอย่างหนัก พ่อสามีบอกว่าเลิกกับเมียน้อยไม่ได้ เพราะมีลูกกับเมียน้อย 1 คน ตอนนั้นวัย 2 ขวบ
ในขณะนั้นแม่สามีก็รับไม่ได้ ทะเลาะกันจนถึงขั้นมีการใช้มีด และเอาเชือกมาแขวนคล้ายจะแขวนคอ
แม่สามีได้ไล่พ่อสามีออกจากบ้าน แต่ท้ายที่สุดแล้ว แม่สามีก็ยอม เพราะแม่สามีค่อนข้างรักในตัวพ่อสามีค่อนข้างมาก
แบบขาดไม่ได้ ขนาดชวนไปเที่ยว แม่สามีจะไม่ยอมไป เพราะจะอยู่กับพ่อสามี ในระยะแรกๆ มันก็ยังพอมีขอบเขต
ที่พอจะได้รับบ้าง เพราะตัวเราก็พยายามจะเข้าใจแม่สามีนะคะ ว่าท่านคงเหงาแหละ หากไม่มีคนข้างกาย
อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี จนจะแก่แล้ว แต่พักหลังๆ มันไม่ใช่ มันค่อนข้างไร้ขอบเขต และความพอดีสำหรับเราไปมาก
พ่อสามีบอกแม่สามีว่า อยากจะมีลูกกับเมียน้อยอีกคน ซึ่งเราก็ได้เตือนแม่สามีว่าให้รีบไปห้าม และตกลงกันจิงจัง
ว่าถ้ามีอีกคน เราจะไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆ และฝั่งเราจะไม่ยอมรับเด็กคนนี้ที่จะเกิดขึ้นอีก แต่ท้ายที่สุดแล้ว
ก็คงจะไม่ได้เตือน หรือเพราะใจพ่อสามีก็รู้ว่าแม่สามียอมเค้าทุกอย่าง เมียน้อยได้มีลูกคนที่ 2 มาอีกคน
( คนแรกแม่สามีบอกว่า พ่อสามีมีเพราะไม่อยากให้เมียน้อยหนีไปไหน เลยทำให้ท้อง ) ทั้งหมดเกิดจากความตั้งใจ
ซึ่งใจเราคิดว่าคนรักกัน ก็คงไม่ทำแบบนี้ ทุกอย่างไม่ได้เกิดจากความผิดพลาด แต่เกิดจากความตั้งใจ
ซึ่งไม่ได้มีความเกรงใจแม่สามีเลย และมิหนำซ้ำ ลูกทั้ง 2 คนของเมียน้อย เอามาอยู่ด้วย และให้แม่สามีช่วยเลี้ยง
โดยคนที่ 2 นั้น เมียน้อยได้ทำการออกจากงาน และมาอยู่ด้วย เป็นการอยู่กับแบบ 2 ภรรยา 1 สามี และ 2 ลูกเมียน้อย
เพราะเราเองพยายามแยกลูกๆ เราออกมา ยอมรับว่าเราทำตัวไม่ค่อยถูก เวลาเจอ และไม่รู้จะบอกลูกเราอย่างไร
ซึ่งวัยของลูกเมียน้อย กับลูกของเรา ค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน มันก็ยาก ก็มีบ้างที่ลูกเราจะไปเล่นด้วย เวลาเราเห็นเด็ก
มันก็มีความเอ็นดูบ้าง แต่ก็มีความรู้สึกไม่ดี กับการกระทำของผู้ใหญ่ และตัวเมียน้อยเองด้วย เพราะออกจากงาน
มาให้แม่สามีพาไปเลี้ยงข้าว ซื้อนม ซื้อแพม ของใช้เด็กให้ เราคิดว่าเค้าน่าจะทำงานข้างนอก และพยายามหาเงินเลี้ยงดูลูกเอง
เพราะพ่อแม่สามีควรจะรู้ว่ากิจการก็มีปัญหา เงินที่หยิบยืมลูกเมียหลวงมา ก็ยังไม่ได้คืน และเงินกิน หรือซื้อของให้ลูกเมียน้อย
มันก็มีมาจากเงินที่ลูกๆ เมียหลวงส่งมาให้พ่อกับแม่ไว้ใช้ ( พี่น้องสามีไม่น่าจะรับรู้ถึงปัญหาทั้งหมด ยอมรับว่าสามีเราก็ใจอ่อน
และเป็นคนง่ายเกินไป อะไรก็ได้ และรักแม่มาก เห็นเป็นความสุขของแม่ เพราะแม่สามีกลัวพ่อสามีจะไม่อยู่กับตัวเอง
และสามีเราไม่ค่อยชอบยุ่งเรื่องของใคร ไม่พูด ครอบครัวเราเองก็โดนเข้าใจผิดบ่อยๆ เกิดจากการที่สามีเราไม่ค่อยอธิบาย )
ซึ่งระยะเวลาผ่าน ก็เหมือนแม่สามีเห็นครอบครัวเมียน้อย เป็นส่วนนึงของครอบครัว จนพักหลังๆ กลายเป็นจับผิด
ครอบครัวเราซะค่อนข้างมาก หักเงินเดือน คิดเล็กคิดน้อยกับครอบครัวเรา จนเราก็รู้สึกว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เราที่ช่วย เงินเก็บที่สามารถเอามาลงทุน หรือเป็นผลประโยชน์กับตัวเราเอง เราก็ยังไม่ได้คืน และยังขอความช่วยเหลือ
สิ่งที่เราควรจะให้ลูกได้มากกว่านี้ เราสละ เพราะพ่อแม่สามีประสบปัญหาการเงิน ก็อยู่อย่างพอเพียง ประหยัด
เพื่อส่งเสียลูกๆ กันเอง เท่าที่มี เนื่องจากก็รู้ว่าขอคืนลำบาก และท่านก็ต้องเครียดทุกครั้ง 

แต่เราก็ยอมรับว่ามีที่โกดกับการกระทำต่างๆ ที่เรารู้สึกว่าช่วยเหลือไปแล้ว ทำไมถึงทำกับเราอย่างนี้
หลายครั้งที่เรามีความจำเป็นจิงๆ จะต้องขอเงินคืน ก็ไม่ได้คืน แม้กระทั่งลูกเราเข้า รพ. เราต้องดิ้นรนเอง
แต่ทำไมกับเมียน้อย แม่สามีไม่คำนึงถึงความถูกต้อง และความพอดี และอะไรจะกระทบกับอนาคตเราและลูกเรา
ทำไมถึงยอมให้เมียน้อยออกจากงาน ทำไมถึงต้องมาแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในสิ่งที่ท่านเองก็ไม่ไหว
แต่กลับกันกลับพยายามมาลดทอนเงินครอบครัวเรา ซึ่งก็ไม่ได้ให้มากมาย ( 1x,xxx บาท ) และบอกไม่มีเงินคืนที่เคยยืม
เราพยายามให้ความเข้าใจ เพราะเรารู้ว่าพวกท่านลึกๆ นั้นมีความดีอยู่ และด้วยความที่ตอนนี้พวกท่านกำลังเดินผิด
แต่การเดินผิดของพวกท่าน ท่านจะรู้ไหม ว่าอนาคตจะกระทบอะไรตามมาบ้าง แม้แต่ถ้าลูกเราเริ่มตั้งคำถาม
จะให้เราตอบลูกว่าอย่างไร และอนาคตที่เราช่วยกันทำมา สามีที่ทำและช่วยกิจการนี้มา สุดท้ายอนาคตจะจบลง
ด้วยความถูกต้องไหม พวกท่านจะเห็นสิ่งที่ควรจะทำ และถูกต้องแค่ไหน หรือสุดท้ายท่านก็จะเดินตามที่พ่อสามีร้องขอทุกอย่าง
จนสามารถยอมทำร้ายอนาคตลูกตัวเองไหม หรือว่าจริงๆ ที่เราคิดมาทั้งหมด เราใจแคบ และเราผิดเอง

ตอนนี้ความสนิทใจต่างๆ มันก็กระทบกับการพูดคุย เพราะใจเราตอนนี้ไม่รู้เลยว่าแม่สามีคิดอะไรอยู่
พูดไป เตือนไป จะกลับเป็นเราที่ผิดหรือเปล่า เพราะที่สามีเคยไปถาม สุดท้ายไม่เคยได้อะไรกลับมา
แม่สามีเรายอมพ่อสามีทุกอย่าง แม้แต่ค่าเทอมที่จะออกให้ลูกๆ เมียน้อย ขนะที่ลูกๆ เราต้องออกกันเอง
เรื่องนี้สามีก็เคยไปพูดว่าไม่ถูกต้องเลยนะ ขณะที่คนที่ช่วยเหลือ ยังต้องมาออกกันเอง แต่สุดท้ายลงเอยตรง
พ่อแม่สามีว่าสามีเราว่าเห็นแก่ตัว ( เราค่อนข้างอึ้งไปเลย และหมดคำพูด..... )
( เมียน้อยก็ได้เงินเดือน ในส่วนของพ่อสามีที่ช่วยทำงาน แต่เงินเดือนน้อยกว่าครอบครัวเรา
แต่ต่างกันตรง ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ของใช้ในบ้าน เราก็ออกกันเองทั้งหมด แต่เมียน้อย แม่สามีเอาเงินกิจการออกให้ )
และแม่สามีเคยพูดว่า ระหว่างลูกกับพ่อสามี แม่สามีเลือกพ่อสามี....
เราต้องพยายามแยกตัว พยายามจะให้เป็นแบบต่างคนต่างอยู่ แต่ก็ต้องยอมรับว่า การอยู่รั้วเดียวกัน
ต่างคนต่างอยู่มันก็ไม่ได้ 100% ยังต้องเห็นและรับรู้ เราค่อนข้างเหนื่อยใจกับสิ่งที่เจอ เราเป็นคนชอบความถูกต้อง
เราไม่เคยเอาเปรียบใคร แต่ก็ไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบ แต่ตอนนี้เราแค่รู้สึกว่าเราโดนเอาเปรียบ
ครั้นจะออกไป แม่สามีก็ไม่คืนเงิน เงินที่เราสามารถเอาไปตั้งตัวได้ ( เพราะท่านก็มีปัญหาการเงินค่อนข้างหนัก )
ที่เราเล่ามาทั้งหมดนี้ ก็เป็นส่วนนึงที่เราเจอ มันมีอะไรอีกหลายอย่างที่กระทบกับความรู้สึกเราค่อนข้างมาก
และหากถ้าวันนึง เราและสามี ทิ้งกิจการพ่อแม่สามีไป เราจะผิดมากไหม 

ใจเราคิดว่าถ้าไม่มีกิจการ พ่อสามีกับเมียน้อย ไร้ที่พึ่งพิงจากแม่สามี เราคิดว่าเค้าก็คงทิ้งแม่สามีไป และแม่สามีจะคิดสั้นไหม
เพราะอดีตที่ผ่านมา แม่สามีเราเคยคิดสั้นเพราะพ่อสามีมาแล้ว ที่เราคิดทั้งหมด เราก็มีความห่วงท่านอยู่นะคะ
โดยเฉพาะแม่สามี ที่เดินผิดมากขนาดนี้เพราะความรักสามีล้วนๆ จนลืมคำว่าถูกต้อง เหมาะสม
แต่ทุกอย่างมันก็อาจกระทบกับครอบครัวเราเองในอนาคต มันก็ค่อนข้างหนักใจ...
แม่สามีมักจะบอกว่าพ่อสามีอายุเยอะแล้ว ไม่รู้จะอยู่นานแค่ไหน ถ้าพ่อสามีไม่อยู่แล้ว ทุกอย่างจะจบ
แต่กลายเป็นตอนนี้มันกลายเป็นความเคยชิน และลืมสิ่งที่เกิด เพราะตอนพ่อสามีไม่อยู่
แม่สามีก็ให้เมียน้อยและลูกๆเมียน้อยมาอยู่ด้วยอยู่ดี ( เมียน้อยยังมีบ้านตัวเองข้างนอก มีกลับไปอยู่บ้านตัวเองบ้าง )
อนาคตเราก็ไม่รู้จะจบลงที่ตรงไหน และทางไหนถึงจะดีที่สุด ได้แต่คิดและพยายามหาทางออก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่