ช่วงนี้แหละเป็นโอกาสอันดีที่ใครกำลังมองหาเครื่องปรับอากาศ เพราะหลาายเจ้ามักจะออกโปรฯ ลด แจก แถมออกมาเยอะมากกกกกก ทำให้เลือกกันไม่ถูกเลยทีเดียว วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการเลือกเครื่องปรับอากาศ เลือกแบบไหนที่จะคุ้มค่าและตอบโจทย์การใช้งานมากที่สุด
ชนิดของเครื่องปรับอากาศ ให้เหมาะสมกับประเภทห้องและการใช้งาน
อันดับแรกต้องดูที่ชนิดของเครื่องปรับอากาศก่อน เนื่องจากปัจจุบันมีเครื่องปรับอากาศหลายแบบให้เลือกสรร การจะเลือกเครื่องปรับอากาศก็ต้องเลือกให้ตรงกับการใช้งานและให้เหมาะสมกับประเภทห้อง
เครื่องปรับอากาศที่นิยมใช้กันในบ้านจะมี 4 แบบ ดังนี้
เครื่องปรับอากาศติดผนัง เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด เหมาะกับห้องขนาดเล็ก เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่นขนาดเล็ก เป็นต้น
เครื่องปรับอากาศแขวนใต้ฝ้า สามารถกระจายลมได้ไกล เหมาะกับห้องขนาดกลาง เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องประชุม เป็นต้น
เครื่องปรับอากาศฝังฝ้า เหมาะกับห้องขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ สามารถกระจายลมได้ 360 องศา
เครื่องปรับอากาศซ่อนในฝ้าแบบต่อท่อ เหมาะกับห้องทุกขนาด ไม่เกะกะสายตา เพราะจะไม่เห็นตัวเครื่อง
ดูระบบของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้
ในปัจจุบันแอร์ที่ได้รับความนิยมจะมี 2 ระบบหลักๆ ให้เลือก ได้แก่
Inverter จุดเด่น เสียงเงียบ อุณหภูมิคงที่ เครื่องไม่ตัดบ่อยจึงทำให้ประหยัดไฟ
ระบบธรรมดา จุดเด่น เย็นเร็ว ราคาประหยัด
ให้นำสองแบบนี้มาเปรียบเทียบกันว่าแบบไหนตอบโจทย์การใช้งานกับเรามากที่สุด
ดูขนาด BTU ให้เหมาะกับขนาดห้อง
ทำไมต้องเลือกให้เหมาะ ซื้อขนาด BTU ที่เยอะๆ ไปเลยไม่ได้หรอจะได้เย็นเร็ว? จริงๆ แล้วไม่จำเป็นในเมื่อเราสามารถเลือกขนาดที่เหมาะสมได้
จะจ่ายเงินแพงกว่าไปทำไม ยิ่งบีทียูสูงค่าไฟจะยิ่งสูงตาม
แต่นอกจากขนาดของห้องแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆ อีก ได้แก่ ตำแหน่งทิศทางของห้อง การเข้าถึงของแสงแดด จำนวนผู้พักอาศัย
จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้อง ที่ยังเป็นตัวแปรสำคัญในการคำนวณขนาด BTU
ทั้งนี้สามารถเข้าไปคำนวณขนาด BTU ได้ง่ายๆ ในลิงก์นี้ได้เลย
https://carrierthailand.com/services/btu-calculator/
ดูค่าประหยัดไฟ
เป็นตัวบ่งบอกค่าความประหยัดไฟ แบ่งเกณฑ์ระดับประสิทธิภาพพลังงานโดยใช้ดาว 4 ระดับคือ เบอร์ 5, เบอร์ 5 ⭐️, เบอร์ 5 ⭐️⭐️ และ เบอร์ 5 ⭐️⭐️⭐️ (ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของความประหยัดไฟ)
ในฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลของเครื่องใช้ไฟฟ้า ดังนี้
1.บอกระดับประสิทธิภาพพลังงานที่ได้รับ
2.บอกประเภทของผลิตภัณฑ์
3.บอกค่าไฟฟ้าต่อปี
4.บอกค่าประสิทธิภาพ (SEER) เพื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์รุ่นอื่นที่มีขนาดใกล้เคียงกัน
5.บอกข้อมูลผลิตภัณฑ์ทั้งยี่ห้อ ชื่อรุ่น และขนาด เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้เบื้องต้น
ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศให้เลือกจากเครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 โดยเฉพาะเบอร์ 5 3 ดาว
ค่า SEER ก็เช่นกัน ยิ่งตัวเลขสูงก็จะยิ่งประหยัดมากเท่านั้น เพื่อเป็นการไม่สิ้นเปลืองาไฟในระยะยาว
ดูชนิดของน้ำยาแอร์
น้ำยาแอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องคำนึงถึง แนะนำให้เลือกเครื่องปรับอากาศที่ใช้น้ำยาแอร์ R32 ที่ให้เลือกใช้น้ำยาแอร์ชนิดนี้เพราะว่ามีส่วนในการทำลายชั้นบรรยากาศน้อยที่สุด
เคล็ดไม่ลับที่อยากบอกต่อ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังมองหาเครื่องปรับอากาศดีๆ ได้ใช้งานกันไปยาวววววๆ แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้า 😍😍😍
รู้ก่อนซื้อ! ข้อควรรู้ก่อนซื้อเครื่องปรับอากาศ
ชนิดของเครื่องปรับอากาศ ให้เหมาะสมกับประเภทห้องและการใช้งาน
อันดับแรกต้องดูที่ชนิดของเครื่องปรับอากาศก่อน เนื่องจากปัจจุบันมีเครื่องปรับอากาศหลายแบบให้เลือกสรร การจะเลือกเครื่องปรับอากาศก็ต้องเลือกให้ตรงกับการใช้งานและให้เหมาะสมกับประเภทห้อง
เครื่องปรับอากาศที่นิยมใช้กันในบ้านจะมี 4 แบบ ดังนี้
เครื่องปรับอากาศติดผนัง เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด เหมาะกับห้องขนาดเล็ก เช่น ห้องนอน ห้องนั่งเล่นขนาดเล็ก เป็นต้น
เครื่องปรับอากาศแขวนใต้ฝ้า สามารถกระจายลมได้ไกล เหมาะกับห้องขนาดกลาง เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องประชุม เป็นต้น
เครื่องปรับอากาศฝังฝ้า เหมาะกับห้องขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ สามารถกระจายลมได้ 360 องศา
เครื่องปรับอากาศซ่อนในฝ้าแบบต่อท่อ เหมาะกับห้องทุกขนาด ไม่เกะกะสายตา เพราะจะไม่เห็นตัวเครื่อง
ดูระบบของเครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับความต้องการของผู้ใช้
ในปัจจุบันแอร์ที่ได้รับความนิยมจะมี 2 ระบบหลักๆ ให้เลือก ได้แก่
Inverter จุดเด่น เสียงเงียบ อุณหภูมิคงที่ เครื่องไม่ตัดบ่อยจึงทำให้ประหยัดไฟ
ระบบธรรมดา จุดเด่น เย็นเร็ว ราคาประหยัด
ให้นำสองแบบนี้มาเปรียบเทียบกันว่าแบบไหนตอบโจทย์การใช้งานกับเรามากที่สุด
ดูขนาด BTU ให้เหมาะกับขนาดห้อง
ทำไมต้องเลือกให้เหมาะ ซื้อขนาด BTU ที่เยอะๆ ไปเลยไม่ได้หรอจะได้เย็นเร็ว? จริงๆ แล้วไม่จำเป็นในเมื่อเราสามารถเลือกขนาดที่เหมาะสมได้
จะจ่ายเงินแพงกว่าไปทำไม ยิ่งบีทียูสูงค่าไฟจะยิ่งสูงตาม
แต่นอกจากขนาดของห้องแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆ อีก ได้แก่ ตำแหน่งทิศทางของห้อง การเข้าถึงของแสงแดด จำนวนผู้พักอาศัย
จำนวนเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้อง ที่ยังเป็นตัวแปรสำคัญในการคำนวณขนาด BTU
ทั้งนี้สามารถเข้าไปคำนวณขนาด BTU ได้ง่ายๆ ในลิงก์นี้ได้เลย https://carrierthailand.com/services/btu-calculator/
ดูค่าประหยัดไฟ
เป็นตัวบ่งบอกค่าความประหยัดไฟ แบ่งเกณฑ์ระดับประสิทธิภาพพลังงานโดยใช้ดาว 4 ระดับคือ เบอร์ 5, เบอร์ 5 ⭐️, เบอร์ 5 ⭐️⭐️ และ เบอร์ 5 ⭐️⭐️⭐️ (ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของความประหยัดไฟ)
ในฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 จะบอกรายละเอียดเกี่ยวกับข้อมูลของเครื่องใช้ไฟฟ้า ดังนี้
1.บอกระดับประสิทธิภาพพลังงานที่ได้รับ
2.บอกประเภทของผลิตภัณฑ์
3.บอกค่าไฟฟ้าต่อปี
4.บอกค่าประสิทธิภาพ (SEER) เพื่อเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์รุ่นอื่นที่มีขนาดใกล้เคียงกัน
5.บอกข้อมูลผลิตภัณฑ์ทั้งยี่ห้อ ชื่อรุ่น และขนาด เพื่อให้สามารถตรวจสอบได้เบื้องต้น
ดังนั้นก่อนจะเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศให้เลือกจากเครื่องปรับอากาศที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 โดยเฉพาะเบอร์ 5 3 ดาว
ค่า SEER ก็เช่นกัน ยิ่งตัวเลขสูงก็จะยิ่งประหยัดมากเท่านั้น เพื่อเป็นการไม่สิ้นเปลืองาไฟในระยะยาว
ดูชนิดของน้ำยาแอร์
น้ำยาแอร์ก็เป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องคำนึงถึง แนะนำให้เลือกเครื่องปรับอากาศที่ใช้น้ำยาแอร์ R32 ที่ให้เลือกใช้น้ำยาแอร์ชนิดนี้เพราะว่ามีส่วนในการทำลายชั้นบรรยากาศน้อยที่สุด
เคล็ดไม่ลับที่อยากบอกต่อ
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่กำลังมองหาเครื่องปรับอากาศดีๆ ได้ใช้งานกันไปยาวววววๆ แล้วเจอกันใหม่ในบทความหน้า 😍😍😍