เราเห็นกระทู้เจอคนแย่ๆผ่านออนไลน์มาเยอะ เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ดีๆที่เกิดจากออนไลน์บ้างค่ะ
อาจจะเม้าท์ไปเรื่อย จนเลื้อยออกทะเล ก็ถือว่าอ่านนิยายละกันนะคะ 555555555555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ย้อนไปเมื่อประมาณเกือบกลางปี 61 เราอายุ 25 ปี เกิดและโตที่กทม.
เป็นคนหน้าจีนๆ หน่อย ผิวขาวเหลือง สูงเกือบ 160 ซม.
หุ่นอวบบ้าง ผอมบ้าง ขึ้นอยู่กับการกิน ณ ตอนนั้น 555555
เราสอบติดราชการ และได้ไปทำงานที่จังหวัดหนึ่งในภาคตะวันออก ห่างจากกทม.ประมาณ 250 โล
เราไปเริ่มต้นโดยไม่รู้จักใครเลย พี่ๆที่ทำงานก็จะอายุห่างๆกัน ไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน
แต่เราก็ไม่ได้เหงาอะไรมาก เพราะพี่ๆก็ชวนไปนู่นไปนี่บ้าง
จนเวลาผ่านไปเกือบปลายปีเดียวกัน เราต้องไปอบรมที่กทม.ประมาณ 2 สัปดาห์
หลังอบรม พอไปนั่งจุมปุ๊กที่ห้องเสร็จ เราก็นอนปัด tinder เล่น เพราะไม่มีอะไรทำ
จนไปแมทช์กับหนุ่มคนนึง เป็นหนุ่มใต้ ผิวเข้ม หุ่นหมี มาทำงานฟรีแลนซ์ที่กทม. อายุน้อยกว่าเรา เกือบ 3 ปี
ที่เราปัดเพราะในโปรไฟล์บอกชอบเล่นเกมเหมือนกัน
ก็คุยเล่นกันมาเรื่อยๆ จนเหลืออาทิตย์สุดท้ายที่เราจะอบรมที่กทม.
อยู่ๆเย็นวันจันทร์หลังอบรม พ่อคุณชวนไปกินบุฟเฟต์
เราก็เอ๋อๆ งงๆ ลังเลว่าจะไปดีมั้ย เพราะปกติไม่กินบุฟเฟต์ตอนเย็น ไม่คุ้ม กินได้น้อย 55555
เค้าก็บอกว่า เจอกันที่ห้างนี่นะ อยู่ใกล้ๆเรา เดี๋ยวเค้านั่งไปหาเอง
อาจจะช้าหน่อยเพราะไกล กำลังออกมาละ
เราซึ่งโดนมัดมือชกกลายๆ ก็รีบไปเปลี่ยนชุด เพราะกลัวอีกฝ่ายไปรอ
เราไปรอซักครึ่งชม.เค้าก็ถึง พากันเข้าร้านปิ้งย่าง
เราชวนเค้าคุยแหลกเลย เป็นคนพูดมากไง 555555 จนถึงเวลาจ่ายตังค์
ก็เตรียมจ่ายตังค์ในส่วนของตัวเองละ เค้าก็บอก จะเลี้ยงเราเอง ถูกใจเรา คุยสนุกดี
เรารีบบอกว่า ไม่เป็นไรๆ หารกันดีกว่า เค้ารีบต่อ เดี๋ยวตอนไปหาเราที่ตจว.ค่อยเลี้ยงคืนละกัน
เลยตามใจเค้า เดี๋ยวค่อยพาไปเที่ยวแทนละกัน
เดินเล่นกันอีกนิดหน่อย ก็เดินไปส่งเราที่โรงแรมที่เราพัก ประมาณ 2 กิโล
จากนั้นเค้าก็นั่งแท็กซี่กลับ หลังจากเจอกันครั้งแรก เค้าก็ชวนคุยเยอะขึ้น
และทั้งอาทิตย์นั้นก็นัดเจอกันทุกวัน จนเรากลับไปทำงานที่ตจว.
เค้าบอกเราว่า หลังจากที่รับปริญญาจบ จะไปหาที่ตจว.นะ
ทุกๆวัน เราก็คอลกัน เล่นเกมด้วยกัน แชทกัน เวลาล่วงเลยจนเค้ารับปริญญาเสร็จ
วันถัดมามาก็นั่งเครื่องบิน แล้วต่อรถอีก 3 - 4 ชม.มาหาเราถึงที่ และวันนั้นเราสองคนก็คบกัน
แทบทุกเสาร์อาทิตย์ เค้าก็จะมาหาเรา นอกจากอาทิตย์ที่เค้าไม่ว่าง เราก็จะนั่งรถไปหาเค้าค่ะ
ตอนนั้นเราจะแนะนำเค้าให้พ่อแม่รู้จัก แต่เค้ายังไม่อยากให้แนะนำ เพราะอยากให้มีงานมั่นคงก่อนค่อยไปเจอ
กลัวพวกท่านจะไม่สบายใจที่คบกับเด็กที่ยังไม่มีงานเป็นหลักเป็นแหล่ง
จะมีช่วงนึงที่งานที่ฟรีแลนซ์ทำงานที่บ้านได้ ไม่ต้องไปบ. เค้าก็มาอยู่กับเราที่ตจว. เป็นเดือน สองเดือน
เค้าจะคอยดูแลเรา ทำกับข้าวให้กิน ช่วยทำงานบ้าน ไปรับส่งเราที่ทำงานทุกวันค่ะ
ระหว่างนั้นเค้าก็อ่านหนังสือสอบราชการ รัฐวิสาหกิจด้วย
เวลาเค้าไปสอบ เราจะไปเป็นเพื่อนเค้าทุกสนาม ไปนั่งรอ ไปให้กำลังใจเค้าค่ะ
เค้าไปสอบประมาณ 3-4 สนาม ประมาณช่วงต้นปี 2562 ก็ติดรัฐวิสาหกิจที่กทม.
พวกเราก็ดีใจกันมาก เพราะตอนไปสอบของหน่วยงานนี้ เค้าบอกว่า ไม่ได้แน่ๆ ข้อสอบยาก
จากแผนที่วางไว้ตอนแรก คือ เค้าสอบราชการ แล้วย้ายมาอยู่จังหวัดเดียวกัน
เพราะเราไม่ชอบอยู่ที่กทม.หรือปริมณฑล มันรถติด อึดอัด วุ่นวาย กะว่าพอแม่เกษียณจะให้แม่มาอยู่ด้วยเลย
เราก็เปลี่ยนแผนเป็น พอเราทำงานครบ 1 ปี เขียนย้ายไปปริมณฑลแทน
และถ้าได้ย้าย จะแต่งงานกัน และหาบ้านแนวรถไฟฟ้า เพื่อเค้าจะได้ไปทำงานได้สะดวกค่ะ
ก่อนเค้าไปทำงาน เราก็ได้มีโอกาสลงใต้ครั้งแรกในชีวิต ไปเยี่ยมพ่อแม่ของเค้า
เราไปโดยไม่ได้บอกพ่อแม่นะ (เด็กไม่ดี) เพราะแม่เราหัวโบราณมาก
เราไม่อยากให้ท่านสบายใจ แต่เพราะครอบครัวแฟนชวน เราก็อยากไปด้วย
ครอบครัวเค้าน่ารักมากๆ พาเราไปเที่ยวที่ต่างๆ เทคแคร์เราดีมากค่ะ
ส่วนทางพ่อแม่เรา บ้านเราอยู่กทม. พอเปิดตัวแล้วก็พาเค้าไปที่บ้านบ่อยๆค่ะ
ครอบครัวเราก็ถูกใจเค้าเหมือนกัน เลยไม่มีปัญหาเรื่องครอบครัวกัน
พอปลายปี 2562 เราได้รับคำสั่งย้ายไปจังหวัดที่เราเลือกค่ะ โดยเริ่มงานหลังปีใหม่พอดี
นี่กรี๊ดบ้านแตก 55555555 เพราะกลัวว่าจะไม่มีตำแหน่งว่าง แล้วต้องรอต่อไปอีก
ประจวบกับช่วงย้ายกลับเป็นช่วงปีใหม่พอดี เลยลายาว เพื่อขนของ และลากคุณแม่ลงใต้ค่ะ
เป็นครั้งแรกที่แม่เราได้เจอครอบครัวฝั่งนั้น และเป็นครั้งที่ 2 ที่เราไป
แต่ครอบครัวแฟนรู้นะว่า เราไม่ได้บอกแม่ครั้งก่อน
พวกท่านก็ทำเป็นเคยไปเยี่ยมเราที่ตจว.ที่เราทำงาน เลยเคยเจอเราแล้ว อะไรงี้
เราก็แอบรู้สึกผิด 55555 ครอบครัวแฟนรู้ว่าเราไม่สบายใจที่มีเรื่องปิดบัง
ทางนั้นเลยคุยกับแม่เราเรื่องจะมาขอเราแต่งงาน
ตอนแรกนึกว่าแม่จะไม่โอเค เพราะเพิ่งคบมาปีนิดๆเอง
แต่แม่ไฟเขียวเฉยยยย ซึ่งเรากับแฟนดีใจมาก จะได้ไม่ต้องทำอะไรลับๆล่อๆแล้ว
ทางฝ่ายครอบครัวแฟนให้แม่เราจัดการเรื่องแต่งงานเลย
ซึ่งเราได้ฤกษ์ช่วงกลางปี 2563 ค่ะ
ช่วงแรกที่เราย้ายมาอยู่สนง.ใหม่ เราเช่าอพาร์ตเมนท์แถวที่ทำงานค่ะ
ก็เช่าอยู่หอเดียวกับแฟน จะได้ประหยัดขึ้น
ซึ่งแน่นอนว่าขุ่นแม่ไม่รู้ ขุ่นแม่ยังคิดว่าแฟนเราอยู่ที่เดิม
แต่ไม่มีปัญหาอะไร เพราะแม่เราไม่ใช่ประเภทบุกถึงที่
และเรากับแฟนจะไปหาแม่ทุกเสาร์อาทิตย์ค่ะ
หลังจากมีแพลนว่าจะแต่งงานกัน แม่เราอนุญาตให้เรานอนค้างที่ห้องน้องชายเราได้
เพราะตอนนี้น้องทำงานที่ต่างประเทศ ส่วนเราก็นอนห้องเดียวกับแม่
ระหว่างที่เรากับแฟนหาบ้าน หาคอนโด และวางแผนเรื่องงานแต่งงานกัน
เจ้ากรรม ดันมีโควิดมา เราผู้ซึ่งจองตากล้อง จองชุด จองช่างแต่งหน้า
จองสถานที่ ทำการ์ดไว้เรียบร้อย เริ่มจิตตกละ
(อินี่รีบเองแหละ กลัวมันเต็ม กลัวทำไม่ทัน 555555555 ทั้งๆที่แต่งกลางปี)
แฟนกับแม่ก็ปลอบ บอกค่อยๆแก้ปัญหากันไป เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ช่วยๆกันแก้ปัญหานะ
เราเลยใจเย็นลง แล้วค่อยๆคิดแก้ปัญหาไปทีละอย่าง
เริ่มจากหาบ้านที่ทั้งเราและแฟนเดินทางไปทำงานสะดวก
เรากับแฟนกู้ร่วมกัน และแม่เราบอกให้แฟนเราไปอยูบ้านก่อน
ให้เราอยู่อพาร์ตเมนท์จนกว่าจะแต่งงานกันค่อยเข้าบ้าน
เราก็พยักหน้ารับไปงั้นแหละ แต่ความเป็นจริงคือเข้าบ้านพร้อมกันเลยค่ะ
จะให้เสียค่าเช่าห้อง บวกกับเสียค่าผ่อนบ้านไปด้วยน่ะเหรอ
ไม่เอาด้วยหรอก เสียดายเงิน ค่าเช่าก็ไม่ใช่ถูกๆนะแม่ ;-;
ส่วนเรื่องงานแต่ง ทั้งเรา แฟน ครอบครัวทั้งคู่ กลัวเรื่องโควิด
และกลัวทำให้แขกลำบากใจ เลยยกเลิกสถานที่ไป เสียค่ามัดจำ
ไปจัดงานเล็กๆที่บ้านแม่เราแทน เชิญแต่ญาติๆ และเพื่อนสนิทของเรากับแฟน
ประมาณ 80 คนได้ เราใช้เงินที่เรากับแฟนเก็บมาจัดงาน
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในงาน รวมทั้งชุด แต่งหน้า พรีเวดดิ้ง ไม่รวมสินสอด ประมาณ 5-6 หมื่น
สินสอดสองแสนบาท แม่ให้คืนมาเป็นค่าดาวน์บ้านค่ะ
ตอนนี้เราก็แต่งงานมาประมาณ 4 เดือนแล้ว
เราไม่ได้ปรับตัวอะไรกันมาก เพราะได้ลองอยู่ด้วยกันมาก่อน
ถ้าลองอยู่แล้วไม่เวิร์ค ก็คงไม่มาถึงขั้นนี้
และเนื่องด้วยต้องประหยัดเงินกัน แฟนเราจะตื่นขึ้นมาทำข้าวเช้าและข้าวกล่องไปกินตอนกลางวันให้ทั้งคู่
ส่วนงานบ้านเราก็ช่วยๆกันทำ
ตั้งแต่คบมาก็แทบจะไม่ทะเลาะกัน จะมีแค่เรางอนๆ หรือเหวี่ยงไปคนเดียว
แฟนจะมีวิธีง้อ รับมือเราตลอด เป็นคนใจเย็นมากๆ
เรารู้สึกโชคดีมากเลยค่ะ ที่มีเค้าในชีวิตของเรา
ยาวจนออกทะเลไปแล้วกับประสบการณ์รักของเรา 55555
แล้วประสบการณ์ความรักของคุณเป็นยังไงบ้างคะ มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ
เม้าท์ไปเรื่อย กับประสบการณ์พบรักผ่าน Tinder
อาจจะเม้าท์ไปเรื่อย จนเลื้อยออกทะเล ก็ถือว่าอ่านนิยายละกันนะคะ 555555555555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ยาวจนออกทะเลไปแล้วกับประสบการณ์รักของเรา 55555
แล้วประสบการณ์ความรักของคุณเป็นยังไงบ้างคะ มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ