“ฉันได้เห็นบรรดาหญิงจำนวนมากอยู่ในไฟนรก”

ตามหลักศรัทธาที่แท้จริงของศาสนาอิสลาม และตามแนวทางคำแนะนำของอัลลอฮ์/พระเจ้าที่ประทานอัลกุรอานให้มนุษยชาติใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตประจำวัน  ไม่มีข้อห้ามใดๆ ในอัลกุรอานซึ่งเป็นบัญญํติของอัลลอฮ์ ต่อสตรีมุสลิมที่จะทำการละหมาดหรือถือศีลอด ในเดือนรอมฏอน ในขณะที่มีประจำเดือน  

อัลลอฮ์บัญญัติไว้ว่า:

 وَيَسْأَلُونَكَ عَنِ الْمَحِيضِ ۖ قُلْ هُوَ أَذًى فَاعْتَزِلُوا النِّسَاءَ فِي الْمَحِيضِ ۖ وَلَا تَقْرَبُوهُنَّ حَتَّىٰ يَطْهُرْنَ ۖ فَإِذَا تَطَهَّرْنَ فَأْتُوهُنَّ مِنْ حَيْثُ أَمَرَكُمُ اللَّهُ ۚ إِنَّ اللَّهَ يُحِبُّ التَّوَّابِينَ وَيُحِبُّ الْمُتَطَهِّرِينَ {222}
[Shakir 2:222] And they ask you about menstruation. Say: It is a discomfort; therefore keep aloof from the women during the menstrual discharge and do not go near them until they have become clean; then when they have cleansed themselves, go in to them as Allah has commanded you; surely Allah loves those who turn much (to Him), and He loves those who purify themselves.
{2:222} และพวกเขาจะถามเธอเกี่ยวกับระดู จงกล่าวเถิดว่า "มันเป็นสิ่งที่ไม่สบาย (เจ็บปวด) ดังนั้นพวกเธอจงห่างไกลจากหญิงในขณะมีระดู และจงอย่าเข้าใกล้นาง จนกว่านางจะสะอาด, ครั้นเมื่อนางได้ชําระร่างกายสะอาดแล้ว ก็จงเข้าหานางตามที่อัลลอฮฺบัญชาพวกเธอ แท้จริงอัลลอฮฺ ทรงชอบบรรดาผู้สำนึกผิด และทรงชอบบรรดาผู้ที่ขัดเกลาตนให้บริสุทธิ์"

เรื่องของประจำเดือนของหญิงนั้น เป็นเรื่องปกติตามธรรมชาติของสตรีที่มีสุขภาพสมบูรณ์ บางคนอาจจะมีอาการปวดถ่วง เจ็บปวด หรือมีอาการคล้ายเป็นไข้อ่อนๆ แต่บางคนก็มีอาการเป็นปกติ  ตามปกติแล้วเลือดประจำเดือนเป็นเลือดที่สะอาด แต่มาสกปรกเมื่อไหลผ่านช่องคลอด เมื่อไข่หลุดออกจากผนังมดลูก ผนังมดลูกฉีกขาด จึงทำให้เลือดที่มาหล่อเลี้ยงไข่ ไหลออกมาและทิ้งบาดแผลไว้ที่ผนังมดลูก  ด้วยเหตุนี้การร่วมเพศในระหว่างมีประจำเดือนจึงอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อภายในมดลูกได้อย่างง่ายดาย  ศาสนาอิสลามจึงห้ามเพศสัมพันธ์ในระหว่างการมีประจำเดือน จนกว่านางจะหมดประจำเดือนและมีความเป็นปกติแล้ว อัลลอฮ์/พระเจ้าไม่ได้ห้ามหญิงทำละหมาดและหรือ ห้ามการถือศีลอดในขณะมีประจำเดือน การห้ามหญิงมีประจำเดือนทำละหมาดและห้ามถือศีลอดนั้น ไม่ใช่หลักการของศาสนาอิสลาม เพราะไม่มีบัญญติไว้ในอัลกุรอาน

เรื่องนี้เชื่อว่าเป็น superstition หรือ การถือโชคลาง ของอรับสมัยที่เข้ารับอิสลามใหม่ๆ ถือว่าหญิงที่มีประจำเดือน เป็นสิ่งสกปรกในการทำพิธีกรรมทางศาสนา โดยเฉพาะอรับผู้บูชาเจว็ด ความเชื่อเช่นนี้, เราก็เคยพบเห็นกันในบางกลุ่มชน ในปัจจุบันนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ถ้าเราจะอ้างว่าเลือดเป็นสิ่งสกปรก เมื่อเปรอะเปื้อนเนื้อตัวแล้ว ทำละหมาดและถือศีลอดไม่ได้นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะทหารในสนามรบ ทำการละหมาดและถือศีลอดในขณะทำการรบ เสื้อผ้าเต็มไปด้วยเลือด แต่ความเป็นจริงแล้วเป็นเรื่องของ การเชื่อโชคลาง เพราะเลือดไหลผ่านอวัยวะเพศหญิง  

 มีฮาดีษซอเฮียะฮ์บทหนึ่งที่กล่าวถึง การลงโทษสตรีมุสลิมที่บกพร่องในการปฏิบัติศาสนกิจ หรือปฏิบัติศาสนกิจไม่เท่าเทียมเพศชาย, และเพศหญิงเป็นเพศที่มีสติปัญญาไม่เทียบเท่ากับเพศชาย ดุด่าสามี ไม่รู้บุญคุณสามี ด้วยเหตุผลนี้ จึงมีเพศหญิง ถูกทำโทษอยู่ในไฟนรกมากกว่าเพศชาย

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราจงพิจารณาฮาดีษซอเฮียะฮ์ ข้างบนนี้ ถ้าฮาดีษนี้เป็นคำสอนของท่านนบีอย่างแท้จริงแล้ว  เราจะเข้าใจได้ว่า ท่านรอซูลมูฮัมมัด ตำหนิเพศหญิง 2 ประการคือ:
1.เพศหญิง ในทัศนะของท่านรอซูลเป็นเพศที่ไม่มีสติปัญญาเทียบเท่าผู้ชายคือมีสติปัญญา และความสามารถด้อยกว่าเพศชาย เพราะเหตุว่า ในการเป็นพยานในศาล ต้องใช้ผู้หญิง 2 คน เป็นพยาน แต่เพศชายเพียง 1 คนก็เป็นพยานได้ นี่แสดงให้เห็นถึงความขาดสติปัญญาความสามารถที่มีไม่เท่าเพศชาย  
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
2. ข้อนี้มีความสำคัญมาก เนื่องจากผู้หญิงมีข้อบกพร่องทางการปฏิบัติศาสนกิจ ไม่เทียบเท่าเพศชาย คือเมื่อเวลา เพศหญิง มีประจำเดือนไม่อาจจะทำ การละหมาดได้ และไม่อาจจะถือศีลอดได้ เนื่องจากเพศหญิงมีความบกพร่องในเรื่องศาสนา ด้วยเหตุที่ขาดการละหมาดและถือศีลอดในขณะที่เพศหญิงมีประจำเดือน จึงมีผู้หญิงถูกทำโทษอยู่ในไฟนรกมากกว่าเพศชาย 

ตรงนี้คือสิ่งที่ทุกๆคนต้องการทราบว่าใครเป็นคนกล่าว หรือมีคำสั่งห้าม  ว่า; "จงทิ้งการละหมาด" ?
 
ผู้ใดก็ตามที่ห้ามหญิงที่กำลังมีประจำเดือนทำการละหมาดหรือห้ามการถือศีลอด จะมีความผิดตาม 
บัญญํติ ที่ 16:116 ทั้งนี้เพราะการห้ามการทำอิบาดะห์ ต่ออัลลอฮ์ทั้งๆที่อัลลอฮ์ไม่ได้ห้าม



ท่านนบีย่อมไม่ทำสิ่งใดที่ขัดกับคำสั่งและคำสอนของอัลลอฮ์
{17:73} และหากว่าพวกเขาจะทำให้เธอหลงไปจากสิ่งที่เราได้เปิดเผยสำแดงแก่เธอ เพื่อเธอจะได้กุสิ่งอื่นขึ้นแก่เรา เมื่อนั้น พวกเขาก็จะคบเธอเป็นเพื่อนสนิท
{17:74} และหากว่าเราไม่ได้ให้เธอตั้งมั่นอยู่บนความสัตย์จริงแล้ว เธอก็คงจะโน้มเอียงไปทางพวกเขาบ้างเล็กน้อย
{17:75} ถ้าเช่นนั้น แน่นอนเราก็จะให้เธอลิ้มรส(การลงโทษ)สองเท่าในชีวิตนี้ และสองเท่าเมื่อยามตาย แล้วเธอจะไม่พบผู้ช่วยเหลือเธอให้พ้นจากเราได้เลย
 
ดังนั้นผมและทุกๆท่านจึงอยากทราบว่า ผู้ใดที่เป็นผู้ห้ามหญิงที่มีประจำเดือนทำละหมาดหรือถือศีลอด?

 สิ่งที่น่าสนใจอีกข้อหนึ่งคือ ถ้าท่านนบีเป็นผู้ออกคำสั่ง ที่ขัดกับอัลกุรอาน ตามบัญญํติที่ 16:116 แล้ว ท่านคงไม่ตำหนิ บรดาหญิงที่อยู่ในไฟนรกว่า บกพร่องในเรื่องศาสนกิจ เพราะละทิ้งการทำละหมาด และ การถือศีลอดในขณะที่มีประจำเดือน ถ้าหากว่า ท่านนบีเป็นผู้ออกคำสั่งเอง  

ดังนั้นจะต้องมีผู้โกหกหรือสับปรับ "มูนาฟิก" ในเรื่องการห้ามหญิงที่กำลังมีประจำเดือนทำละหมาด
และทิ้งการถือศีลอดในขณะมีประจำเดือน  แต่จะต้องไม่ใช่ท่านนบีอย่างแน่นอน 
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่