Vivo นั้นได้ทำการเปิดตัว Vivo S20 SE เป็นรุ่นน้องเล็กสุดในตระกูล V20 ที่จะทำราคาต่ำกว่า 1 หมื่นบาท จะเน้นๆในเรื่องของสเปค งานออกแบบ และ กล้องที่จะยังทำได้ดี รวมถึงการชาร์จไวนั้นยังคงให้มาที่ 33W เช่นเดียวกันกับรุ่นพี่เลยนั้นเอง และแบตให้มาที่ 4,100 mAh และทางด้านสเปคนั้นใช้งาน Snapdragon 665 พร้อมกับ RAM 8GB STORAGE 128GB และหน้าจอใช้งานหน้าจอ AMOLED 6.44 นิ้ว รองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอด้วยเช่นกัน แน่นอนว่ารุ่นนี้ ตัวเครื่องเด่นๆนั้นถือว่าทำได้บางมากๆที่ 7.83 มิลลิเมตร และน้ำหนักนั้นแค่ 171 กรัม เป็นอีกรุ่นนึงที่เน้นงานออกแบบ การพกพาอย่างมาก และ สเปคในการใช้งาน และงานออกแบบนั้นทำได้ดี
VIVO V20 SE เปิดตัวมาพร้อมกับ CPU Snapdragon 665 ที่นวัตกรรม 11nm พร้อมกับใช้งาน RAM 8GB STORAGE 128GB แบบ UFS และมาพร้อมกับหน้าจอ 6.44 นิ้วใช้งานหน้าจอแบบ AMOLED ในความละเอียด FHD+ พร้อมกับสเปคที่ใช้งาน Contrast Ration 2,000,000:1 และแสดงผลสีได้ครอบคลุม 103% NTSC ถือิว่าเป็นหน้าจอที่คุณภาพดีมากๆอีกตัว พร้อมกับรองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอ และ Always ON ด้วยเช่นกัน ทางด้านกล้องหลังให้มา 3 ตัวรองรับการใช้งานมุมกว้าง พร้อมกับ AF และเป็นเลนส์หลัก กล้องหลัง 48MP (f/1.8), LED flash + กล้องมุมกว้าง 8MP (f/2.2) + กล้องตรวจจับความลึก 2MP (f/2.4) และ กล้องหน้า 32MP (f/2.0) มาพร้อมโหมดการถ่ายเยอะแยะพอสมควร ส่วนทางด้าน แบตนั้นใช้งาน 4,100 mAh รองรับการชาร์จไวแบบรุ่นพี่ที่ 33W Flashcharge ด้วยถือว่าจัดเต็มครับ และแน่นอนว่าทางด้านงานออกแบบนั้นสวยงาม และ มีความหรูหรา แม้จะใช้งานวัสดุพลาสติกก็ตามในด้านหลัง
VIVO V20 SE
Vivo V20 SE เปิดราคาทางการออกมาเพียง 8,699 บาท เท่านั้นมีให้เลือก 2 สีคือสีดำ Gravity Black และสีฟ้า Oxygen Blue
UNBOX
- ตัวเครื่อง VIVO V20 SE
- เคสใส TPU
- ที่ชาร์จ VIVO FLASHCHARGE 2.0 33W
- สายชาร์จ USB-C
- หูฟัง Earbuds แบบเดียวกับรุ่นก่อน
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
เคสถือว่ามีความหนาเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า และแบบเดียวกับ V20 ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอและมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบาย ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดครับรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดีมีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไป ส่วนตรงพอร์ตชาร์จไม่มีจุกปิดมาให้แล้วครับ และ เคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์และหน้าจอขึ้นมาอีกครับ และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำครับ แต่ในแง่ของความสูงหรือหนาอาจจะไม่ได้สูงมากนักครับในรุ่นนี้ ตัวเคสภาพรวมปกป้องได้ดีแต่อาจจะไม่ได้หนามากนัก เวลาตกกระแทกแต่ก็ทำให้ไม่หนักมากเกินไป
จะเห็นว่าตัวเคสนั้นมีการปกป้องได้ดีพอสมควรในเรื่องเลนส์กล้องและหน้าจอ แต่อาจจะไม่ได้สูงหนาขึ้นมามากนักแต่ก็ถือว่าพ้นระยะเวลาวางคว่ำหรือใช้งานได้ดีพอสมควรเลยครับสำหรับเคสที่แถมมาให้ในกล่องรุ่นนี้ ขอบเครื่องมีการเพิ่มความหนาเข้ามาให้ทำให้เรื่องของการปกป้องเวลาตกอะไรทำได้ดีเลยแหละ ส่วนตัวพอร์ตมีจุกปิดกันฝุ่นมาให้
DESIGN
งานออกแบบดูดีอย่างมากและการทำฝาหลังออกมาสวยงามเงาเล่นแสงสีได้ดีรวมถึงป้องกันรอยได้ดี ตอนแรกที่จับสัมผัสไม่คิดว่าจะใช้งานวัสดุพลาสติกนะครับ ถือว่า VIVO ทำออกมาได้ดีกว่าที่คิดมากๆเลยทั้งการเล่นแสงสีที่สวยงามและเด่น รวมถึงสะท้อนแสงได้สวยแม้จะเป็นพลาสติกก็ตามจุนี้แตกต่างกับพลาสติกค่ายอื่นเยอะมาก อีกทั้งการใช้งานวัสดุแบบนี้ช่วยให้น้ำหนักเบา และบางมากๆตัวนึงเลย ส่วนการวางกล้องจะแตกต่างกับ V20 V20 PRO ชัดเจนครับเป็นกล้องเรียงกัน 3 ตัว และสแกนนิ้วย้ายไปบนหน้าจอแล้วทำให้ฝาหลังนั้นเรียบๆเลยจุดนี้ถือว่าทำได้ดี
ทางด้านหน้าจอนั้นมาพร้อมกับหน้าจอ ขนาด 6.44 นิ้วใช้งานแบบ AMOLED Halo FullView Display พร้อมกับการออกแบบติ่งหน้าจอครับ รองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอมาพร้อมกับความละเอียด FHD+ ถือว่าหน้าจอสวยและดีไซน์นั้นแอบคล้ายรุ่นพี่มากๆ พื้นที่หน้าจอสูงถึง 90.12% ความอิ่มตัวของสี 103% NTSC จอแสดงผล 16 ล้านสี ค่าคอนทราสต์ 2000000: 1 แสดงสีที่เป็นจริงและเป็นธรรมชาติ
ทางด้านขอบด้านบนนั้นเป็นที่อยู่ของลำโพง กล้องหน้า เซนเซอร์ต่างๆมาพร้อมกับ กล้องหน้า 32MP F2.0 รองรับการใช้งานได้ดีครับ ดีไซน์แอบย้อนยุคไปนิดหน่อยไม่ได้ใช้งานหน้าจอแบบเจาะรู ส่วนขอบเครื่องนั้นทำได้บางกำลังดี
ขอบด้านล่างนั้นมีขนาดอยู่ระดับนึงไม่ได้บางเท่ากับขอบด้านอื่นๆ มาพร้อมกับปุ่มควบคุม มาตรฐาน หรือปรับเปลี่ยนอะไรได้ปกติครับ แน่นอนว่าติดฟิลม์อะไรมาให้ใช้งานกันแล้วเรียบร้อยครับ
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นเรียบๆไม่มีปุ่ม หรือ ถาดซิมอะไรใส่เข้ามาเลยแม้แต่น้อย จะเห็นว่าเครื่องนั้นบางมากๆครับ และเป็นการเล่นสีสันแบบสีเงินปัดเงา ผสมกับสีน้ำเงินอ่อนๆแบบฝาหลังถือว่ามี่ความเรียบหรูและสวยงามเอาเรื่องเลยนะ
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเป็นว่ามีสีน้ำเงินนิดหน่อยครับ พร้อมกับ รู 3.5มม. ไมค์ USB-C และ ลำโพงหลักของตัวเครื่อง และจะเห็นว่าเล่นขอบสีเงินเงาสวยงามและมีความบางมากๆเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆของทางค่ายนี้เลยนั้นเอง
ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเป็นปุ่ม Power เพิ่ม ลดเสียง และขอบเครื่องนั้นจะเป็นงวัสดุพลาสติกแต่ก็เล่นเงาอะไรได้สวยเลยแหละ และจะเห็นว่ากล้องหลังนั้นนูนขึ้นมานิดหน่อยไม่ได้เยอะมาก
ขอบเครื่องด้านบนนั้นเราจะเห็นว่ามี รูไมค์ตัดเสียงใส่เข้ามาให้พร้อมกับ ถาดซิมแบบ Triple Slot รองรับการใช้งานได้ทั้งหมด และมีซีลยางอะไรมาให้ด้วยครับ ส่วนถาดซิมนั้น Nano SIM ใช้งานมาตรฐานรองรับได้ทั่วไปเลยนั้นเอง
กล้องหลังนั้นให้มาทั้งหมด 3 ตัวรองรับการใช้งาน มุมกว้าง มาโคร และ มุมปกติ รวมถึงเป็นเลนส์จับระยะด้วยเช่นกันครับ มาพร้อมกับการออกแบบที่แตกต่างกับรุ่นพี่นิดหน่อย มาพร้อมกับสเปคกล้อง กล้องหลักมาพร้อมกับ 48 MP F1.8 บน กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP F2.2 มุมกว้าง 120 องศา พร้อมกับ ระบบออโต้โฟกัสทำให้สามารถถ่ายมาโครได้เพียง 2.5 เซนติเมตร แล ตัวสุดท้ายนั้นจะเป็นกล้องจับความลึก 2MP และไฟแฟลช LED ทั้งหมด 2 ดวงให้มา
ฝาหลังนั้นจะเน้นสีเงาสวยพร้อมกับการไล่สีน้ำเงินที่ขอบเครื่องด้านล่างจะเป็นการออกแบบที่แตกต่างกับรุ่นพี่ชัดเจน เพราะรุ่นพี่จะเป็นสีแบบด้านกระจก แต่ในรุ่นน้องนั้นจะเป็นการออกแบบฝาหลังแบบเงาและใช้งานวัสดุพลาสติกแทน แต่เป็นพลาสติกที่งานออกแบบ ผิวสัมผัสนั้นดีกว่าทั่วไปมากๆการไล่สี การสะท้อนแสงใกล้เคียงกระจกมากๆและเงาสวยมากจริงๆ รวมถึงเป็นรอยขนแมวได้ยากกว่าพลาสติกค่ายอื่นๆที่เคยสัมผัสมา จุดนี้อยากให้ไปลองสัมผัสกันครับ งานออกแบบรุ่นนี้จะใช้ แรงบันดาลใจจาก จักรวาล และความสง่างามของธรรมชาติ การไล่ระดับสีดำเข้มที่ดูหรูหรา ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นสีที่ชื่อ Gravity Black นั้นเองแนวคิดคล้ายๆกับ จักรวาลของเราแรงโน้มถ่วงต่างๆ
SPEC
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว (2400×1080 พิกเซล) Full HD+
- ชิปประมวลผล Snapdragon 665 11nm ที่ใช้การ์ดจอ Adreno 610
- RAM 8GB + ความจำ 128GB ที่ใส่ microSD การ์ดเพิ่มได้ถึง 1TB
- Android 10 ที่ครอบด้วย Funtouch OS 11
- ซิมคู่
- กล้องหลัง 48MP (f/1.8), LED flash + กล้องมุมกว้าง 8MP (f/2.2) + กล้องตรวจจับความลึก 2MP (f/2.4)
- กล้องหน้า 32MP (f/2.0)
- เซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
- รูแจ็ค 3.5mm, FM Radio
- ขนาดตัวเครื่อง: 161.00×74.08×7.83mm; น้ำหนัก: 171กรัม
- รองรับ Dual 4G VoLTE, WiFi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5, GPS + GLONASS, USB Type-C
- แบตเตอรี่ 4,100mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพในรุ่นนี้รองรับการใช้งานทั่วไปได้ดี ยังคงใช้งาน Snaodragon 665 ตัวล่าสุดพร้อมกับ RAM 8GB STORAGE 128GB ทำงานรองรับได้ดีพอสมควรครับ ทางด้านคะแนน Antutu นั้นทำไปที่ 187278 คะแนนรวมถึงทางด้าน Geekbench นั้นทำไปได้ที่ 314 และ 1359 คะแนน และอ่านเขียนนั้น UFS ทำให้ได้ 509 MB/s เลยทีเดียวในความเร็วของการอ่าน และเขียนนั้นจะเป็น 223 MB/s และ แน่อนว่าทางด้านการรองรับการใช้งาน NETFLIX HD ความละเอียดสูงได้สบายๆ ผ่านมาตรฐาน L1 ใช้งานได้ทั่วไป และภาพคมชัดกว่า L3 ชัดเจน
SYSTEM UI
ทางด้านหน้าตาระบบอะไรนั้นยังคงใช้ Funtouch OS 11 บนตัว Android 10 มีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างครับ ทั้งหน้าตาการตั้งค่า Quick Setting มันไปอยู่ตำแหน่งที่ควรจะเป็นแล้วในด้านบน แต่หน้าตาอะไรยังไม่ได้โดดจาก 10-11 มากนักครับเปลี่ยนหลักๆคือตัวตั้งค่าตามที่แจ้งไปและฟีเจอร์ตามระบบ 10 นั้นเองครับ คล้ายๆกับรุ่น V20 ก่อนหน้าแต่น่าเสียดายว่าในรุ่น V20 SE ตอนนี้ยังไม่ได้อัพเป็น Android 11 แบบรุ่น V20 ก่อนหน้านี้ครับ
การดูการแจ้งเตือนนั้นสามารถลากลงมาได้เหมือนรุ่นอื่นๆ ส่วนการตั้งค่าหลังจากรุ่นก่อนๆค่ายนี้จะเป็นการปัดขึ้นมาจากด้านล่าง แต่ครั้งนี้เลื่อนลงมาจากด้านบนแบบรุ่นอื่นๆแล้วเหมือนคนอื่นซะทีครับถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนหลักๆ ส่วนการแบ่งหน้าจออะไรสามารถทำได้สบายๆ และหน้าตานั้นมีการเปลี่ยนแปลง คลีนขึ้นดูสวยขึ้นเยอะมากทันสมัยขึ้นครับ
Storage 128 GB จะว่างให้ใช้งาน 110 โดยประมาณครับ และในส่วนของ RAM 8 GB นั้นใช้งานไป 3.7 GB เท่านั้นเองถือว่าน้อยพอสมควรเลยตัวระบบของมัน และทางด้านคีย์บอร์ดนั้นใช้งาน Google G Board นั้นเอง
[SR] รีวิว Vivo V20 SE พร้อม Snap 665 กล้องหน้า 32MP กล้องหลัง 48MP ชาร์จไว 33W Flashcharge !
Vivo นั้นได้ทำการเปิดตัว Vivo S20 SE เป็นรุ่นน้องเล็กสุดในตระกูล V20 ที่จะทำราคาต่ำกว่า 1 หมื่นบาท จะเน้นๆในเรื่องของสเปค งานออกแบบ และ กล้องที่จะยังทำได้ดี รวมถึงการชาร์จไวนั้นยังคงให้มาที่ 33W เช่นเดียวกันกับรุ่นพี่เลยนั้นเอง และแบตให้มาที่ 4,100 mAh และทางด้านสเปคนั้นใช้งาน Snapdragon 665 พร้อมกับ RAM 8GB STORAGE 128GB และหน้าจอใช้งานหน้าจอ AMOLED 6.44 นิ้ว รองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอด้วยเช่นกัน แน่นอนว่ารุ่นนี้ ตัวเครื่องเด่นๆนั้นถือว่าทำได้บางมากๆที่ 7.83 มิลลิเมตร และน้ำหนักนั้นแค่ 171 กรัม เป็นอีกรุ่นนึงที่เน้นงานออกแบบ การพกพาอย่างมาก และ สเปคในการใช้งาน และงานออกแบบนั้นทำได้ดี
VIVO V20 SE เปิดตัวมาพร้อมกับ CPU Snapdragon 665 ที่นวัตกรรม 11nm พร้อมกับใช้งาน RAM 8GB STORAGE 128GB แบบ UFS และมาพร้อมกับหน้าจอ 6.44 นิ้วใช้งานหน้าจอแบบ AMOLED ในความละเอียด FHD+ พร้อมกับสเปคที่ใช้งาน Contrast Ration 2,000,000:1 และแสดงผลสีได้ครอบคลุม 103% NTSC ถือิว่าเป็นหน้าจอที่คุณภาพดีมากๆอีกตัว พร้อมกับรองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอ และ Always ON ด้วยเช่นกัน ทางด้านกล้องหลังให้มา 3 ตัวรองรับการใช้งานมุมกว้าง พร้อมกับ AF และเป็นเลนส์หลัก กล้องหลัง 48MP (f/1.8), LED flash + กล้องมุมกว้าง 8MP (f/2.2) + กล้องตรวจจับความลึก 2MP (f/2.4) และ กล้องหน้า 32MP (f/2.0) มาพร้อมโหมดการถ่ายเยอะแยะพอสมควร ส่วนทางด้าน แบตนั้นใช้งาน 4,100 mAh รองรับการชาร์จไวแบบรุ่นพี่ที่ 33W Flashcharge ด้วยถือว่าจัดเต็มครับ และแน่นอนว่าทางด้านงานออกแบบนั้นสวยงาม และ มีความหรูหรา แม้จะใช้งานวัสดุพลาสติกก็ตามในด้านหลัง
VIVO V20 SE
Vivo V20 SE เปิดราคาทางการออกมาเพียง 8,699 บาท เท่านั้นมีให้เลือก 2 สีคือสีดำ Gravity Black และสีฟ้า Oxygen Blue
UNBOX
- ตัวเครื่อง VIVO V20 SE
- เคสใส TPU
- ที่ชาร์จ VIVO FLASHCHARGE 2.0 33W
- สายชาร์จ USB-C
- หูฟัง Earbuds แบบเดียวกับรุ่นก่อน
- คู่มือ ที่จิ้มซิม
เคสถือว่ามีความหนาเหมือนกับรุ่นก่อนหน้า และแบบเดียวกับ V20 ตัวขอบกินเข้ามาบนหน้าจอและมีความหนาสูงกว่าหน้าจอทำให้วางคว่ำได้สบาย ส่วนฝาหลังนั้นก็คลุมได้หมดครับรวมถึงตัวเลนส์กล้องนั้นก็ทำออกมาปิดได้ดีมีความหนาขึ้นมาปกป้องได้เวลาวางต่างๆใช้งานทั่วไป ส่วนตรงพอร์ตชาร์จไม่มีจุกปิดมาให้แล้วครับ และ เคสนั้นมีความนูนขึ้นมาปกป้องตัวเลนส์และหน้าจอขึ้นมาอีกครับ และ ทั้ง 4 มุมนั้นในด้านหน้าจะทำความสูงพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะปกป้องหน้าจอให้ดีขึ้นไปอีกเวลาตกหรือวางคว่ำครับ แต่ในแง่ของความสูงหรือหนาอาจจะไม่ได้สูงมากนักครับในรุ่นนี้ ตัวเคสภาพรวมปกป้องได้ดีแต่อาจจะไม่ได้หนามากนัก เวลาตกกระแทกแต่ก็ทำให้ไม่หนักมากเกินไป
จะเห็นว่าตัวเคสนั้นมีการปกป้องได้ดีพอสมควรในเรื่องเลนส์กล้องและหน้าจอ แต่อาจจะไม่ได้สูงหนาขึ้นมามากนักแต่ก็ถือว่าพ้นระยะเวลาวางคว่ำหรือใช้งานได้ดีพอสมควรเลยครับสำหรับเคสที่แถมมาให้ในกล่องรุ่นนี้ ขอบเครื่องมีการเพิ่มความหนาเข้ามาให้ทำให้เรื่องของการปกป้องเวลาตกอะไรทำได้ดีเลยแหละ ส่วนตัวพอร์ตมีจุกปิดกันฝุ่นมาให้
DESIGN
งานออกแบบดูดีอย่างมากและการทำฝาหลังออกมาสวยงามเงาเล่นแสงสีได้ดีรวมถึงป้องกันรอยได้ดี ตอนแรกที่จับสัมผัสไม่คิดว่าจะใช้งานวัสดุพลาสติกนะครับ ถือว่า VIVO ทำออกมาได้ดีกว่าที่คิดมากๆเลยทั้งการเล่นแสงสีที่สวยงามและเด่น รวมถึงสะท้อนแสงได้สวยแม้จะเป็นพลาสติกก็ตามจุนี้แตกต่างกับพลาสติกค่ายอื่นเยอะมาก อีกทั้งการใช้งานวัสดุแบบนี้ช่วยให้น้ำหนักเบา และบางมากๆตัวนึงเลย ส่วนการวางกล้องจะแตกต่างกับ V20 V20 PRO ชัดเจนครับเป็นกล้องเรียงกัน 3 ตัว และสแกนนิ้วย้ายไปบนหน้าจอแล้วทำให้ฝาหลังนั้นเรียบๆเลยจุดนี้ถือว่าทำได้ดี
ทางด้านหน้าจอนั้นมาพร้อมกับหน้าจอ ขนาด 6.44 นิ้วใช้งานแบบ AMOLED Halo FullView Display พร้อมกับการออกแบบติ่งหน้าจอครับ รองรับการสแกนนิ้วบนหน้าจอมาพร้อมกับความละเอียด FHD+ ถือว่าหน้าจอสวยและดีไซน์นั้นแอบคล้ายรุ่นพี่มากๆ พื้นที่หน้าจอสูงถึง 90.12% ความอิ่มตัวของสี 103% NTSC จอแสดงผล 16 ล้านสี ค่าคอนทราสต์ 2000000: 1 แสดงสีที่เป็นจริงและเป็นธรรมชาติ
ทางด้านขอบด้านบนนั้นเป็นที่อยู่ของลำโพง กล้องหน้า เซนเซอร์ต่างๆมาพร้อมกับ กล้องหน้า 32MP F2.0 รองรับการใช้งานได้ดีครับ ดีไซน์แอบย้อนยุคไปนิดหน่อยไม่ได้ใช้งานหน้าจอแบบเจาะรู ส่วนขอบเครื่องนั้นทำได้บางกำลังดี
ขอบด้านล่างนั้นมีขนาดอยู่ระดับนึงไม่ได้บางเท่ากับขอบด้านอื่นๆ มาพร้อมกับปุ่มควบคุม มาตรฐาน หรือปรับเปลี่ยนอะไรได้ปกติครับ แน่นอนว่าติดฟิลม์อะไรมาให้ใช้งานกันแล้วเรียบร้อยครับ
ขอบเครื่องด้านซ้ายนั้นเรียบๆไม่มีปุ่ม หรือ ถาดซิมอะไรใส่เข้ามาเลยแม้แต่น้อย จะเห็นว่าเครื่องนั้นบางมากๆครับ และเป็นการเล่นสีสันแบบสีเงินปัดเงา ผสมกับสีน้ำเงินอ่อนๆแบบฝาหลังถือว่ามี่ความเรียบหรูและสวยงามเอาเรื่องเลยนะ
ขอบเครื่องด้านล่างนั้นจะเป็นว่ามีสีน้ำเงินนิดหน่อยครับ พร้อมกับ รู 3.5มม. ไมค์ USB-C และ ลำโพงหลักของตัวเครื่อง และจะเห็นว่าเล่นขอบสีเงินเงาสวยงามและมีความบางมากๆเมื่อเทียบกับรุ่นอื่นๆของทางค่ายนี้เลยนั้นเอง
ขอบเครื่องด้านขวานั้นจะเป็นปุ่ม Power เพิ่ม ลดเสียง และขอบเครื่องนั้นจะเป็นงวัสดุพลาสติกแต่ก็เล่นเงาอะไรได้สวยเลยแหละ และจะเห็นว่ากล้องหลังนั้นนูนขึ้นมานิดหน่อยไม่ได้เยอะมาก
ขอบเครื่องด้านบนนั้นเราจะเห็นว่ามี รูไมค์ตัดเสียงใส่เข้ามาให้พร้อมกับ ถาดซิมแบบ Triple Slot รองรับการใช้งานได้ทั้งหมด และมีซีลยางอะไรมาให้ด้วยครับ ส่วนถาดซิมนั้น Nano SIM ใช้งานมาตรฐานรองรับได้ทั่วไปเลยนั้นเอง
กล้องหลังนั้นให้มาทั้งหมด 3 ตัวรองรับการใช้งาน มุมกว้าง มาโคร และ มุมปกติ รวมถึงเป็นเลนส์จับระยะด้วยเช่นกันครับ มาพร้อมกับการออกแบบที่แตกต่างกับรุ่นพี่นิดหน่อย มาพร้อมกับสเปคกล้อง กล้องหลักมาพร้อมกับ 48 MP F1.8 บน กล้องอัลตร้าไวด์ 8MP F2.2 มุมกว้าง 120 องศา พร้อมกับ ระบบออโต้โฟกัสทำให้สามารถถ่ายมาโครได้เพียง 2.5 เซนติเมตร แล ตัวสุดท้ายนั้นจะเป็นกล้องจับความลึก 2MP และไฟแฟลช LED ทั้งหมด 2 ดวงให้มา
ฝาหลังนั้นจะเน้นสีเงาสวยพร้อมกับการไล่สีน้ำเงินที่ขอบเครื่องด้านล่างจะเป็นการออกแบบที่แตกต่างกับรุ่นพี่ชัดเจน เพราะรุ่นพี่จะเป็นสีแบบด้านกระจก แต่ในรุ่นน้องนั้นจะเป็นการออกแบบฝาหลังแบบเงาและใช้งานวัสดุพลาสติกแทน แต่เป็นพลาสติกที่งานออกแบบ ผิวสัมผัสนั้นดีกว่าทั่วไปมากๆการไล่สี การสะท้อนแสงใกล้เคียงกระจกมากๆและเงาสวยมากจริงๆ รวมถึงเป็นรอยขนแมวได้ยากกว่าพลาสติกค่ายอื่นๆที่เคยสัมผัสมา จุดนี้อยากให้ไปลองสัมผัสกันครับ งานออกแบบรุ่นนี้จะใช้ แรงบันดาลใจจาก จักรวาล และความสง่างามของธรรมชาติ การไล่ระดับสีดำเข้มที่ดูหรูหรา ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นสีที่ชื่อ Gravity Black นั้นเองแนวคิดคล้ายๆกับ จักรวาลของเราแรงโน้มถ่วงต่างๆ
SPEC
- หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว (2400×1080 พิกเซล) Full HD+
- ชิปประมวลผล Snapdragon 665 11nm ที่ใช้การ์ดจอ Adreno 610
- RAM 8GB + ความจำ 128GB ที่ใส่ microSD การ์ดเพิ่มได้ถึง 1TB
- Android 10 ที่ครอบด้วย Funtouch OS 11
- ซิมคู่
- กล้องหลัง 48MP (f/1.8), LED flash + กล้องมุมกว้าง 8MP (f/2.2) + กล้องตรวจจับความลึก 2MP (f/2.4)
- กล้องหน้า 32MP (f/2.0)
- เซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
- รูแจ็ค 3.5mm, FM Radio
- ขนาดตัวเครื่อง: 161.00×74.08×7.83mm; น้ำหนัก: 171กรัม
- รองรับ Dual 4G VoLTE, WiFi 802.11 ac (2.4GHz + 5GHz), Bluetooth 5, GPS + GLONASS, USB Type-C
- แบตเตอรี่ 4,100mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W
PERFORMANCE
ประสิทธิภาพในรุ่นนี้รองรับการใช้งานทั่วไปได้ดี ยังคงใช้งาน Snaodragon 665 ตัวล่าสุดพร้อมกับ RAM 8GB STORAGE 128GB ทำงานรองรับได้ดีพอสมควรครับ ทางด้านคะแนน Antutu นั้นทำไปที่ 187278 คะแนนรวมถึงทางด้าน Geekbench นั้นทำไปได้ที่ 314 และ 1359 คะแนน และอ่านเขียนนั้น UFS ทำให้ได้ 509 MB/s เลยทีเดียวในความเร็วของการอ่าน และเขียนนั้นจะเป็น 223 MB/s และ แน่อนว่าทางด้านการรองรับการใช้งาน NETFLIX HD ความละเอียดสูงได้สบายๆ ผ่านมาตรฐาน L1 ใช้งานได้ทั่วไป และภาพคมชัดกว่า L3 ชัดเจน
SYSTEM UI
ทางด้านหน้าตาระบบอะไรนั้นยังคงใช้ Funtouch OS 11 บนตัว Android 10 มีการเปลี่ยนแปลงอะไรหลายๆอย่างครับ ทั้งหน้าตาการตั้งค่า Quick Setting มันไปอยู่ตำแหน่งที่ควรจะเป็นแล้วในด้านบน แต่หน้าตาอะไรยังไม่ได้โดดจาก 10-11 มากนักครับเปลี่ยนหลักๆคือตัวตั้งค่าตามที่แจ้งไปและฟีเจอร์ตามระบบ 10 นั้นเองครับ คล้ายๆกับรุ่น V20 ก่อนหน้าแต่น่าเสียดายว่าในรุ่น V20 SE ตอนนี้ยังไม่ได้อัพเป็น Android 11 แบบรุ่น V20 ก่อนหน้านี้ครับ
การดูการแจ้งเตือนนั้นสามารถลากลงมาได้เหมือนรุ่นอื่นๆ ส่วนการตั้งค่าหลังจากรุ่นก่อนๆค่ายนี้จะเป็นการปัดขึ้นมาจากด้านล่าง แต่ครั้งนี้เลื่อนลงมาจากด้านบนแบบรุ่นอื่นๆแล้วเหมือนคนอื่นซะทีครับถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนหลักๆ ส่วนการแบ่งหน้าจออะไรสามารถทำได้สบายๆ และหน้าตานั้นมีการเปลี่ยนแปลง คลีนขึ้นดูสวยขึ้นเยอะมากทันสมัยขึ้นครับ
Storage 128 GB จะว่างให้ใช้งาน 110 โดยประมาณครับ และในส่วนของ RAM 8 GB นั้นใช้งานไป 3.7 GB เท่านั้นเองถือว่าน้อยพอสมควรเลยตัวระบบของมัน และทางด้านคีย์บอร์ดนั้นใช้งาน Google G Board นั้นเอง
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้