คิดว่าตอบไปจะโดนด่าแน่นอนเพราะเทรนด์ Activist กำลังแรง   (แต่ถ้าเอาไปด่าแรงๆ แล้ว ตามไปเจอ ฟ้องนะคะ บอกก่อน ไม่อยากได้เงินจากอะไรแบบนี้บ่อยๆ คุยกันดีๆ ด้วยเหตุผลดีกว่าเนอะ )

เราขอพูดในมุมอื่นที่ไม่ใช่ปัญหาสังคมบ้างนะคะ เพราะปัญหาเรื่องป่ารอยต่อกับชาวอุยกูร์เนี่ย มันมีคน พูดเรื่องนี้กันเยอะมากๆๆๆๆๆๆ   จนแทบจะท่องได้แล้ว  ซึ่งเรามองว่าจีนทำไม่ถูกมานานมากกกแล้วว   แต่ คนเพิ่งจะมาเริ่มตื่นตัวกันตอนนี้ เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ของ Muji  uniqlo น่ะก็มีประเด็นเรื่องใช้แรงงานของชาวอุยกูร์น่ะรู้หรือเปล่า ฝ้ายที่ใช้จากซินเจียงน่ะ รวมถึงบริษัทนิวซีแลนด์ และอีกหลายประเทศ  เพราะค่าแรงถูกไง  มันไม่ใช่แค่เพลงที่ฟัง ติ่งที่ตาม แต่รวมถึงเสื้อผ้าที่ใส่ และอาจจะรวมปัจจัยสี่แค่จะรู้หรือไม่แค่นั้นเองง  

https://www.reuters.com/article/us-britain-cotton-china-trfn-idUSKCN225016

   และที่มาของข้อมูลนี่ได้จากต้นทางที่ถูกต้องมั้ยว่า Sm ได้จับมือกับบอสัดจีนที่อเมริกาบอกว่ามีส่วนสนับสนุนการใช้แรงงานอูยกุรจริงๆ อย่างเช่น เอาไปใช้เป็นราคาถูก กดค่าแรง  ที่เป็น ในแง่ทางตรง และ ลงมือทำโดยไม่มีใครอยู่เบื้องหลัง

   อยากให้ลองไปหาประวัติเค้าละเอียดๆ ก่อน   หรืออเมริกากลัว Tech Survillance ข้อมูลกันแน่ ถึงประกาศแบน  

แรงงานอุยกูร์จะเอาอะไร โนฮาวด้านไหนไปผลิต AI VR กับบริษัทเทคโนโลยีระดับบิ๊กของประเทศจีน   ไม่ได้ดูถูกชาวอุยกูร์ แต่คนพวกนี้ถูกจับตัวมา มีเด็กเยอะ เค้าเอามาใช้แรงงานกาย ไม่ใช่ด้านมันสมองนั่งโต๊ะ  (ยิ่งเคยดูคลิปวีดีโอ น่าจะรู้นะว่าพวกนี้ตกอยู่ในสภาพเลวร้ายแค่ไหน)  แล้วทำไมบริษัท IT ต้องสนับสนุนทางตรง   ถ้าเป็นแบบโรงงานสิ่งทออย่าง Muji  uniqlo ก็ว่าไปอย่าง บริษัทต่างชาติไม่มีรัฐบาลจีนเอี่ยวแน่ เพราะของญี่ปุ่น


ดีลนี้น่ะอาจจะตกลงกันเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำ  อยู่ๆ มันก็ตั้งใจทำเรื่อง AI โดยเฉพาะ และพอเปิดตัวกรุ๊ปใหม่ได้ไม่กี่วัน ฝั่ง CEO ของ AI ใหญ่สุดในจีนออกมาเห็นด้วยทันที

   สไตล์มันเหมือนกับ ตอนที่ลีซูมานตกลงกับแคปปิตอลเรียบร้อยแล้วนี่ล่ะว่าจะเดบิวบอยกรุ๊ปและเจาะตลาดอเมริกา รวมถึงการเปิดบริษัทต่างๆด้วย  แล้วรู้หรือยังประธานแคปปิตอลที่สนิทกับลีซูมานเกษียณปีนี้นะ  นี่อาจจะเป็นคำตอบของคำถามที่เจ้าของกระทู้อยากรู้ก็ได้ แต่เราว่าเขาก็ไม่ได้ทิ้งตลาดอเมริกา หรือถอดใจไม่ทำต่อหรอก แต่เพิ่มทางเลือก ของตลาดมากขึ้น หลังจากที่โดนแบนมานาน


ปกติเวลาจะเปิดตัววงใหม่แต่ละครั้ง SM จะมีพารทเนอร์ ใหม่ ทุกครั้ง  การเปิดตัววงใหม่ของ SM ไม่ใช่การเอา เด็กผู้หญิงผู้ชายที่ฝึกมาอย่างดี มาแค่ทำวงกับทำเพลงอย่างเดียวให้แฟนคลับชื่นชม ว่าปีนี้จะได้รุกกี้ไหม ใคร เป็นวิชวล  ใครเต้นเก่งคนไหนร้องดีเป็นเมนร้อง ใดๆ   แต่เป็นการเปิดโอกาส หาช่องทางธุรกิจ ในรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้นด้วย

ปัจจุบัน  จีน เป็นตลาดที่เน้นทางด้านเทคโนโลยีกับ AI สูงสุด แจ็คหม่าก็เคยออกมาให้ความเห็นว่าเขาเชื่อว่ามนุษย์กับ AI จะเรียนรู้และอยู่ด้วยกันได้และใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันจากกันได้ ไม่เหมือนฝั่งอเมริกาที่คิดว่า อนาคตจะมาแย่งงานทำหรือว่าเป็นศัตรู

แน่นอนว่าจีนมีปัญหาทางด้านละเมิดสิทธิมนุษยชน ไหนจะประเด็นปัญหาทางด้านสังคมมากมายก่ายกอง แล้วคุณมรุงงงแมร่มไม่แก้ด้วยค่าาา

แต่จีนให้ความสำคัญกับ IT  AI มากจริงๆ  คือตอนนี้เค้าตั้งเป้าจะให้โตแซง อเมริกาไปแล้วในการทุ่มงบพัฒนา AI รวมไปถึงพวก AR VR  เรียกว่าบรรจุอยู่ในยุทธศาสตร์แห่งชาติของเค้า  เลยแล้วตั้งเป้าไว้ว่าปี 2025 เขาต้องเป็นที่หนึ่งด้านนี้ ตอนนี้เขาเป็นที่สองอยู่ ตามหลังอเมริกานี่แหละแต่ก็ไม่ได้ห่างมาก


ที่สำคัญจีนก็เป็นประเทศที่เสียหายน้อยที่สุดจากการเจ็บตัวในเรื่อง covid ทั้งที่เป็นคนแพร่เชื้อไวรัสนี่ล่ะ อยากสกายคิกกกกก มากกว่าปัญหาอื่นๆ อีก

  เป็นประเทศที่แบบอะไรก็เกิดขึ้นได้ของแท้  อนาคตถ้าจะมีมังกรบินออกมาก็อาจจะไม่แปลกใจ


ประเทศอื่นต่อจะให้ได้วัคซีนปีนี้ กว่าจะฟื้นฟูเศรษฐกิจกว่าจะฟื้นอะไรเนี่ย ต้องอาศัยเวลาแบบ 2 3 ปีเลย   เอาง่ายๆนะ อเมริกา มีผู้ติดเชื้อสูงสุดในโลก แล้วนี้เข้าหน้าหนาวแล้ววัคซีนผลิตโดส ไม่เพียงพอทั้งหมดหรอกไม่มีทางทัน   ปัญหาเรื่องต้องเก็บไว้ที่ -80 อีก

กว่าจะหายป่วยกว่าจะมาฟื้นฟูทางด้านเศรษฐกิจคงยาวๆ ไป

Avex บสัดที่ ออ จับมือด้วยเพิ่งมีปัญหาด้านการเงินไปเอง อย่าว่าแต่ Avex ญี่ปุ่นตอนนี้มีอัตราการเลิกจ้างงานสูงมาก หลายอย่างถูกปิดตัวลง


ก็เลยคิดว่าโปรเจคนี้ต่อจะให้ติดแท็กเยอะขนาดไหน

ถ้าข้างในเขาตกลงกันเรียบร้อยแล้วก็คงออกมาตามแผนที่วางไว้อยู่ดี  เพราะไอดอลในค่ายก็คงรอเม็ดเงินจาก ฝั่งตะวันตกที่พังจากโรคระบาดต่อไปไม่ได้   SM พลาดท่าเสียทีกับบริษัทจีนบันเทิงมาหลายอย่างอยู่นะแต่นี่เป็นครั้งแรกที่หลุดกรอบจากเรื่องของบันเทิง มาเรื่องของ AI แทน   ถ้าจะโดนหักหลังอีกรอบก็คงใช้เวลาอีกสักพักแหละ แต่คราวนี้จะไม่ใช่ที่ระดับตัวบุคคลหรือไอดอลแล้ว

2. ไบเดน ประธานาธิบดีคนใหม่ไม่ได้มีท่าทีที่แข็งกร้าว ในเรื่องความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน เท่ากับทรัมป์  ดีไม่ดี 5 บริษัทที่ทรัมป์ประกาศแบนเพราะกลัวเรื่อง การติดตามข้อมูลของฝั่งจีนผ่าน บริษัทมือถือยักษ์ใหญ่   โลกนี้ถูกขับเคลื่อนด้วน Big Data   ไม่แปลกที่ทรัมป์จะรู้สึกหวั่นเปนภัยต่อความมั่นคง แต่จีนมีจุดอ่อนเรื่องอุยกูร์อยู่แล้ว นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ใช้แบน

อาจจะกลับมาจูบปากคืนดีในสมัยไบเดนก็ได้ ไม่มีมิตรแท้และศัตรูที่ถาวร ผู้นำระดับนี้เค้าไม่ได้มองโลกเป็นเส้นตรง ทุกอย่างเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์

   แต่เอาจริงฝั่งอเมริกาก็ใช่ว่าจะดีในเรื่องนี้นะ ไม่งั้นคงไม่มีข่าวเรื่อง Facebook ที่แอบเก็บข้อมูลส่วนตัว จนเลือกตั้งชนะหรอก เคมบริดจ์ อนาตาลิกานั่นไงถ้ายังจำกันได้

จีนไม่ดีแต่อเมริกาก็ใช่ว่าจะดีไปทุกอย่าง    จีนเค้าพร้อมที่จะไม่แคร์ สายตาของประชาคมโลกเท่าอเมริกาแค่นั้นเอง  อเมริกาไม่มีเรื่องอุยกูร์  หรือป่ารอยต่อ วันไชน่า  แต่ลองไปศึกษาดูดีๆ นะว่าปัญหาอย่างอื่นที่ทำไว้ก็แสบไม่แพ้กัน สิ่งที่พี่ตำรวจโลกคนนี้เคยทำไว้



3. ประเทศของเราตอนนี้   ก็อย่างที่เห็น กำลังซื้อลดลงรวมถึงความเชื่อมั่นต่างๆ พังยับเยิน    Sm ใหญ่พร้อมจะหันหัวไปทาง ตลาดเซาท์อีสเอเชียอื่นๆที่มีความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจสังคม การเมืองมากกว่าเราหมด เช่นเวียดนามอินโดนีเซีย ตอนนี้มันเห็นความสำคัญของเราเท่าไหร่กันเชียว  

4. SM สนเงินน่ะเข้าใจ เพราะกำไรทุกอย่างแล้วมันก็ต้องกลับไปที่ คนในบริษัทนางทุกคนอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นไอดอลจนถึงพนักงานทำความสะอาด     และสุดท้ายนี้ลีซูมานตัวโซฮอลอันดับ 1 ของอาณาจักรสีชมพู ทุกอย่างมักมีลุงหมานเกี่ยวเสมอ หรือว่ายิ่งด่าลุงกับ Sm  engage ในโลกโซเชี่ยลดีก็ไม่รู้นะ 55555  แต่ลุงก็มีบ้งหลายอย่างอ้ะล่ะ มีทั้งข้อดีและข้อเสียปนๆ กัน และคนที่พร้อมจะแบนทุกอย่างเกี่ยวกับจีน ความไร้อารยธรรมต่างๆ ก็เข้าใจ เพราะมันคือขั้นต่ำสุดของมวลมนุษยชาตินี่นะ

  
แต่นั่นแหละไม่ว่าเรา หรือคนในเน็ตจะมีความเห็นยังไง SM มันมีคำตอบ พร้อมเฉลยเร็วๆ นี้อยู่แล้ว