เฉพาะส่วนของซีพียูและการ์ดจอเท่านั้นนะครับ
เพราะค่า Passmark มันเป็นสากล
สำหรับซีพียูและการ์ดจอ ทุกตัวจะมีค่า Passmark ของมันอยู่ครับ
ซึ่งค่านี้ สามารถค้นหาได้จากเว็บไซต์ ง่ายมากๆครับ
ปกติเวลาผมดู minimum system requirements ของเกม ผมก็ใช้วิธีนี้
เข่นเกมมันระบุซีพียูขั้นต่ำไว้เป็น i5-3570K
ผมก็ไปเปิดดูในเว็บ ว่าค่า Passmark ของซีพียูตัวนี้เป็นเท่าไหร่ แล้วจดไว้
ทีนี้ผมก็ค้นหาค่า Passmark ซีพียูของผมเอง เพื่อดูว่าสูงกว่าค่าที่ผมจดไว้ตะกี๊ไหม
ถ้าสูงกว่า ก็แปลว่าซีพียูผมผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่เกมนี้ระบุ (แปลว่าเล่นได้แน่)
กรณีของการ์ดจอก็เหมือนกันครับ คือทำแบบนี้ได้เลย
แต่กรณีของการ์ดจอ ต้องดูค่า VRAM ที่เกมนั้นกำหนดมาด้วย (หากมี)
เพราะบางเกม ลำพังดูจากค่า Passmark การ์ดจอเราอาจจะเห็นว่าผ่านก็จริง
แต่ถ้า VRAM ของการ์ดต่ำไป พอเล่นไปเรื่อยๆเดี๋ยวเกมก็จะกระตุกล่ะครับ (เพราะ VRAM ไม่พอนั่นเอง)
อาการเกมกระตุกเพราะ VRAM ไม่พอ มักเกิดกับเกมแนว Open World ที่ภาพสวยๆและแมพในเกมกว้างมาก (เช่น GTA V)
ประเH้นของกระทู้นี้คือ.....
การระบุ system requirements แบบเดิมที่เราเห็นกันจนชิน มันมีปัญหาครับ
คือเขาระบุมาเป็นรุ่นของอุปกรณ์ ซึ่งสุดท้ายเราก็ต้องไปค้นหาค่า Passmark ของอุปกรณ์ชิ้นนั้นอีกทีอยู่ดี เพราะไม่งั้นจะไม่สามารถทำการเปรียบเทียบได้ว่าอุปกรณ์ในเครื่องของเราเพียงพอที่จะเล่นเกมนั้นๆได้ไหม
ที่สำคัญ การระบุ system requirements แบบนี้ สร้างปัญหาให้กับคนที่ไม่รู้เรื่องฮาร์ดแวร์เป็นอย่างมาก
เพราะเขาไม่รู้ว่าต้องดูอย่างไร ว่าเครื่องเขาสามารถเล่นเกมนั้นเกมนี้ได้ไหม
บางคนอาจจะพอรู้จักเรื่องอุปกรณ์อยู่บ้าง เช่นสามารถบอกได้ว่าซีพียูและการ์ดจอของเครื่องที่ตนใช้เป็นยี่ห้อไหน รุ่นอะไร
แต่รู้แค่นั้น
ก็เลยไม่สามารถเปรียบเทียบได้ว่าซีพียูและการ์ดจอของเครื่องที่ตนใช้ เพียงพอที่จะเล่นเกมนั้นเกมนี้ได้ไหม
เพียงเพราะเขาไม่รู้เรื่องของค่า Passmark
ก็เลยต้องไปถามตามเว็บบอร์ดต่างๆเอา ซึ่งบางท่านพอเห็นกระทู้แบบนี้แล้วอาจจะรู้สึกรำคาญ (เพราะมากันบ่อย)
อีกอย่าง การที่เขาต้องไปอาศัยเว็บช่วยเปรียบเทียบให้ เช่นเว็บ can you run it
ผมบอกได้เลยว่า เชื่อถือไม่ได้หรอก สู้ดูเอาจากค่า Passmark เองนี่แหละดีที่สุดแล้ว
การกำหนด System Requirements ของเกม....ควรใช้ค่า Passmark แทน น่าจะดีกว่า
เพราะค่า Passmark มันเป็นสากล
สำหรับซีพียูและการ์ดจอ ทุกตัวจะมีค่า Passmark ของมันอยู่ครับ
ซึ่งค่านี้ สามารถค้นหาได้จากเว็บไซต์ ง่ายมากๆครับ
ปกติเวลาผมดู minimum system requirements ของเกม ผมก็ใช้วิธีนี้
เข่นเกมมันระบุซีพียูขั้นต่ำไว้เป็น i5-3570K
ผมก็ไปเปิดดูในเว็บ ว่าค่า Passmark ของซีพียูตัวนี้เป็นเท่าไหร่ แล้วจดไว้
ทีนี้ผมก็ค้นหาค่า Passmark ซีพียูของผมเอง เพื่อดูว่าสูงกว่าค่าที่ผมจดไว้ตะกี๊ไหม
ถ้าสูงกว่า ก็แปลว่าซีพียูผมผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำที่เกมนี้ระบุ (แปลว่าเล่นได้แน่)
กรณีของการ์ดจอก็เหมือนกันครับ คือทำแบบนี้ได้เลย
แต่กรณีของการ์ดจอ ต้องดูค่า VRAM ที่เกมนั้นกำหนดมาด้วย (หากมี)
เพราะบางเกม ลำพังดูจากค่า Passmark การ์ดจอเราอาจจะเห็นว่าผ่านก็จริง
แต่ถ้า VRAM ของการ์ดต่ำไป พอเล่นไปเรื่อยๆเดี๋ยวเกมก็จะกระตุกล่ะครับ (เพราะ VRAM ไม่พอนั่นเอง)
อาการเกมกระตุกเพราะ VRAM ไม่พอ มักเกิดกับเกมแนว Open World ที่ภาพสวยๆและแมพในเกมกว้างมาก (เช่น GTA V)
ประเH้นของกระทู้นี้คือ.....
การระบุ system requirements แบบเดิมที่เราเห็นกันจนชิน มันมีปัญหาครับ
คือเขาระบุมาเป็นรุ่นของอุปกรณ์ ซึ่งสุดท้ายเราก็ต้องไปค้นหาค่า Passmark ของอุปกรณ์ชิ้นนั้นอีกทีอยู่ดี เพราะไม่งั้นจะไม่สามารถทำการเปรียบเทียบได้ว่าอุปกรณ์ในเครื่องของเราเพียงพอที่จะเล่นเกมนั้นๆได้ไหม
ที่สำคัญ การระบุ system requirements แบบนี้ สร้างปัญหาให้กับคนที่ไม่รู้เรื่องฮาร์ดแวร์เป็นอย่างมาก
เพราะเขาไม่รู้ว่าต้องดูอย่างไร ว่าเครื่องเขาสามารถเล่นเกมนั้นเกมนี้ได้ไหม
บางคนอาจจะพอรู้จักเรื่องอุปกรณ์อยู่บ้าง เช่นสามารถบอกได้ว่าซีพียูและการ์ดจอของเครื่องที่ตนใช้เป็นยี่ห้อไหน รุ่นอะไร
แต่รู้แค่นั้น
ก็เลยไม่สามารถเปรียบเทียบได้ว่าซีพียูและการ์ดจอของเครื่องที่ตนใช้ เพียงพอที่จะเล่นเกมนั้นเกมนี้ได้ไหม
เพียงเพราะเขาไม่รู้เรื่องของค่า Passmark
ก็เลยต้องไปถามตามเว็บบอร์ดต่างๆเอา ซึ่งบางท่านพอเห็นกระทู้แบบนี้แล้วอาจจะรู้สึกรำคาญ (เพราะมากันบ่อย)
อีกอย่าง การที่เขาต้องไปอาศัยเว็บช่วยเปรียบเทียบให้ เช่นเว็บ can you run it
ผมบอกได้เลยว่า เชื่อถือไม่ได้หรอก สู้ดูเอาจากค่า Passmark เองนี่แหละดีที่สุดแล้ว