วันนี้มาถึงคิวของ “สะปัน”
หมู่บ้านที่อยู่เลยบ่อเกลือขึ้นไปอี๊ก
แต่คุ้มค่าสุดๆ เมื่อมาถึง
สูดโอโซน ซึมซับหมอกกันให้เต็มปอดไปเลย
จริงๆตามแพลนแรกของเราคือ จากปัว แล้วเราจะไปนอนที่บ่อเกลือ แต่พอพี่ปุ่นหาข้อมูลไปๆมาๆ
พี่ปุ่น: “ที่นี่ก็สวยนะ”
ลูกไผ่: “ที่ไหนอ่ะคะ”
พี่ปุ่น: “สะปัน เหมือนจะอยู่เลยบ่อเกลือไปอีก”
ลูกไผ่: “โอเค งั้นไปนอนสะปัน”
เป็นการเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว หลังจากที่นั่งเล็งหาที่พักที่บ่อเกลืออยู่นาน จนเกือบจะจิ้มได้แล้วเชียว 555
ที่พักที่บ่อเกลือ ส่วนใหญ่จะนอนริมแม่น้ำ ส่วนที่สะปันจะนอนบนเขา เห็นวิวเขากว้างๆ โอบล้อมด้วยหมอกค่ะ
ทริปนี้เราก็เลยได้ข้อสรุปว่าทริปน่าน 3 วัน 2 คืนของเรา จะนอนที่ปัว 1 คืน และนอนที่สะปัน 1 คืน
มาเดินทางจาก ปัว ไป สะปัน แบบไม่มีรถส่วนตัวกับเราต่อกันเลยค่ะ
สำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่าน Part แรกที่ ปัว อ่านได้จาก link นี้เลยค่ะ
https://www.facebook.com/wherewegopage/posts/3389307891184567
วันนี้เราตื่นกันแต่เช้า เพราะเมื่อวานถามคุณลุงที่คิวรถ ปัว - สะปัน ไว้ แกบอกว่ารถรอบแรกมีตอน 7:30 น. อันนี้ออกแน่ๆ ยังไงก็ไป แต่รอบหลังจากนั้นต้องรอดูว่ามีลูกค้าเยอะพอจะไปรึเปล่า ถ้าไม่เยอะพอก็ต้องเหมาไปจ้า พอลากตัวเองตื่นขึ้นมาได้แล้ว ก็รีบออกจากที่พัก แล้วเอามอเตอร์ไซค์ไปคืน จริงๆร้านเค้ายังไม่เปิดค่ะ แต่เมื่อวานบอกพี่เค้าไว้ว่าต้องไปขึ้นรถเวลานี้ เค้าเลยบอกว่าถ้าถึงแล้วก็โทรมา เราไปถึงที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ประมาณ 7 โมง โทรไป ซักพักพี่เค้าก็เดินลงมาเปิดประตู เคลียร์เงินมัดจำกันเสร็จแล้ว
พี่เจ้าของร้านเช่ามอเตอร์ไซค์: “ปะ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่คิวรถ”
งื้ออออ คือพี่เค้าใจดีมากๆอ่ะค่ะ
ว่าแล้วเราก็มาถึงคิวรถเวลาปริ่มๆ แพพๆ คุณลุงก็ออกรถพอดี วันนี้เรามีเพื่อนร่วมทางไปแค่คนเดียวเท่าน๊านน แทบจะเหมือนเหมารถขึ้นไป รถเริ่มเคลื่อนออกจากตัวเมืองแล้วเริ่มขับวนขึ้นเขา อยากจะบอกว่าวิวระหว่างทางคือสุดมากกกกค่ะ นั่งๆไปเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในหมอกเป็นระยะๆด้วย ยิ่งเข้าใกล้บ่อเกลือเท่าไหร่ อากาศยิ่งเย็นลงเรื่อยๆ จริงๆจะเรียกว่าหนาวเลยก็ว่าได้ค่ะ ควรพกเสื้อแขนยาวไปน้า
นอกจากอากาศที่เย็นลงเรื่อยๆแล้ว ช่วงที่ใกล้ถึงบ่อเกลือทางคดเคี้ยวมากค่ะ จากที่นั่งซึมซับบรรยากาศอย่างตื่นตา ตอนนี้เริ่มนั่งนิ่งแล้ว
วิวไม่สวยแล้วเหรอ?
ป่าว จะอ้วกค่ะ! 555
ในที่สุดเราก็มาถึงบ่อเกลือ คุณลุงต้องแวะส่งของที่บ่อเกลือก่อนพอดี เราเลยขอคุณลุงเดินเล่นในบ่อเกลือนี้แพพนะค้า เพราะว่าสิ่งที่พลาดไม่ได้ที่นี่คือ ‘บ่อเกลือโบราณ’ ที่หลายคนต้องแวะมาดูการทำเกลือที่นี่ซักหน่อย จากตรงที่คุณลุงจอดรถไว้ เดินเข้าไปจะเป็นเหมือนตลาดเล็กๆ ที่มีแม่น้ำไหลผ่าน วันนี้น้ำเป็นสีชาเย็น ไหลเชี่ยวมาก มีสะพานไม้ไผ่พาดผ่านให้เดินข้ามไปอีกด้านได้ ระหว่างเรายืนดูน้ำอยู่ ก็มีชาวบ้านเดินมาทักทาย
ชาวบ้าน: “เดินระวังๆหน่อยนะครับ สะพานไม่ค่อยแข็งแรง”
แล้วน้องก็เล่าให้ฟังเรื่องช่วงที่ผ่านมาฝนตกหนัก น้ำป่าเลยไหลลงมา เราก็เลยเห็นกระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยวและเป็นสีชาเย็น แล้วเลยขอยืนแค่ริมสะพานถ่ายรูปกับน้ำเชี่ยวกรากและวิวภูเขาที่มีหมอกด้านหลัง อากาศดีมากๆค่ะ
จากตรงนี้เราเดินเข้าไปในตลาด ด้านในจะมีบ่อเกลือโบราณอยู่ แอบเสียดายนิดนึง ช่วงที่เราไปจะไม่ตรงกับช่วงที่เค้าทำเกลือกัน เลยได้เห็นแต่บ่อเกลือเปล่าๆที่พักงานอยู่ 555
เดินแพพๆ คุณลุงก็เริ่มตามเรา เราก็เลยนั่งรถกันต่อประมาณ 40 นาที เราก็มาถึงสะปันกันแล้ว ที่พักที่เราจองไว้ก็คือ “ดอยอิงดาว @ดงพญา” ซึ่งอยู่สูงสุดและในสุดของสะปัน ทางไปจะเป็นเนินชันๆ ตอนที่รถขับผ่านสะพานแล้วกำลังจะขึ้นเนินแรก ปรากฎว่ามีกองหินจ้าาา วางเรียงขวางทางหลายก้อนเลย ลงรถมาดูลาดเลากันแล้ว “จะขับไปยังไงหว่า”
ตอนนั้นไผ่นี่ถอดใจแล้วนะ กะบอกว่าคุณลุงว่าเดี๋ยวเราเดินต่อขึ้นไปเองก็ได้ แล้วลุงก็บอกว่า
คุณลุง: “ปะๆ ขึ้นรถๆ เดี๋ยวไปส่ง มันอีกไกล”
แล้วคุณลุงก็ขับทับขอบกองหินไปเลยจร้าาา งื้ออออ ขอบคุณนะคะคุณลุง
และยัง! มันยังไม่หมดแค่นั้นจร้าาา พอจะถึงทางขึ้นที่พัก ซึ่งจะต้องขึ้นเนินโค้ง (โคตร) ชันอีกเนิน ปรากฏว่า เค้าทำถนน! รถขึ้นไปได้
รอบนี้ลุงก็ช่วยไม่ได้จร้าาา รับชะตากรรมเดินขึ้นค่า!
ก่อนจากกันเราก็นัดแนะให้คุณลุงมารับเราพรุ่งนี้เช้าให้เรียบร้อย คุณลุงคิดค่ารถเราไปกลับ ปัว-สะปันที่คนละ 500 บาทค่ะ
เรามาถึงที่พักประมาณ 10 โมงกว่าๆ พอเดินเข้ามาแล้ว เงียบกริบ ไร้ซึ่งผู้คน
ที่พักที่นี่จะมีแบบที่เป็นบ้านเป็นหลังๆมีห้องน้ำในตัว กับแบบตูบที่ต้องใช้ห้องน้ำรวม ซึ่งเราได้แบบตูบจ้า (ราคาคืนละ 1,500 บาท) ซึ่งถือว่าโชคดีมากแล้ว เพราะว่าที่พักที่นี่เต็มตลอด ด้วยความที่ส่วนกลางของที่นี่เป็นที่นั่งทานข้าวที่มีวิวหลักล้าน ที่เปิดให้แค่คนที่เข้าพักที่นี่เข้ามาใช้เท่านั้น
ใครจะมาแนะนำให้แพลนจองที่พักกันดีๆนะคะ เพราะที่พักที่สะปันจะเป็น home stay แต่ละที่จะมีห้องรองรับแค่ 4-5 ห้อง ทำให้เต็มค่อนข้างเร็ว ยิ่งที่พักที่ popular นี่ โอ้โห จองกันยาว แต่ต้องลองโทรมาถามดูค่ะ บางทีก็จะฟลุ๊คมีห้องหลุดจองอยู่บ้าง
เดินสำรวจที่พักแล้วก็พบแต่ความเฟว้งฟว้าง เค้าหายไปไหนกันหมดหว่า 555
ก็เลยลองโทรหาเจ้าของดู พี่เค้าบอกว่า พวกพี่อยู่โรงพยาบาลกันหมดเลย พอดีเมื่อเช้ามืดคุณตาแกล้ม เลยต้องพาแกไปโรงพยาบาล ให้เราหยิบกุญแจห้องเองได้เลย นั่น! Homestay มีความ feels like home ป่ะล่า 555
แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง พอเราเอาของไปวางไว้ในตูบของเรา เราก็มานั่งตรงส่วนกลาง ที่ตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นของเราแค่สองคน เพราะไม่มีใคร จะบอกว่าไม่แปลกใจที่ ทำไมหลายคนอยากมาที่นี่เพื่อส่วนกลางตรงนี้ เพราะมันชิลล์ และวิวสวยมากกกจริงๆค่ะ
นอกจากตรงส่วนกลางแล้ว ที่นี่เค้ายังมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก เอาจริงๆ จะเรียกว่าถ่ายได้ทุกมุมเลยก็ได้ค่ะ
พอนั่งพักกันซักพักแล้ว เราก็ชวนกันเดินลงไปหมู่บ้านด้านล่าง
ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิดค่ะ เรา ‘เดิน’ ลงไปหมู่บ้านข้างล่าง ผ่านอิเนินสูงๆที่เรานั่งรถผ่านกันมาเมื่อกี้นั่นแหละค่ะ ตอนลงน่ะ คิดว่าไหวแหละ ส่วนตอนขากลับที่ต้องเดินขึ้น........
อ่ะ เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที 5555
นี่คือกองหินที่คุณลุงแกอุตส่าขับรถฝ่ามาส่งเราเมื่อกี้ล่ะค่ะ
ระหว่างทางเดินไปหมู่บ้าน อากาศดีมากๆค่ะ หันไปทางไหนก็เจอภูเขาที่มีหมอกลอยล้อมอยู่ตลอดเวลา แล้วก็จะมีที่พักที่น่าพักหลายที่เลย
อย่างอันนี้ก็เป็นอีก 1 ที่ ที่เราเล็งไว้ตอนแรก ‘มองว้า ยายทาตาสมฟาร์มสเตย์’ แต่อย่างที่บอกค่ะ ที่นี่ก็ต้องจองกันแต่เนิ่นๆจะดีที่สุด เราจะได้ห้องที่เราอยากได้จริงๆไรงี้ค่ะ
เราเดินไป หยุดถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เรียกได้ว่าวันนี้เป็นทริป Slow Life อย่างแท้ทรูเลยทีเดียว
นอกจากที่พักแล้ว เราก็จะเดินผ่านตูบนา บ้านคนบางหลังที่ตั้งออกมานอกหมู่บ้านนิดหน่อย
เดินชิลล์ๆ ไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 นาที เราก็เข้าสู่ตัวหมู่บ้าน
เป้าหมายแรกของเราตอนนี้คือ หาข้าวทานค่ะ หิวมว๊ากกกก
เดินๆไปเรื่อยๆ จนถึงทางแยก แล้วเราก็เห็นเพิงร้านส้มตำอยู่ตรงหน้าพอดี ร้านนี้แหละ!
ที่นั่งร้านชิลล์อีกแล้ววว เป็นที่นั่งห้อยขา มองไปเป็นฝายกั้นน้ำอยู่ข้างหน้า นั่งทานไป ฟังเสียงน้ำไป และที่สำคัญ อร่อยมากด้วยค่ะ
อิ่มแล้วก็ออกเดินกันต่อ ดูจาก Google map ที่มีน้ำตกด้วย ชื่อ ‘น้ำตกสะปัน’ เลย เดินจากร้านส้มตำไปอีกจิ๊ดเดียวก็จะถึงทางเลี้ยวเข้าน้ำตก พอถึงทางเดินเลี้ยวเข้าไปก็มีน้องหมา 2 แม่ลูก เดินตามมาส่งตลอดทางเลย น่ารักมากๆ
พอเกือบจะถึงทางเข้าน้ำตกแล้ว อยู่ๆ ฝนก็ตกลงมาจร้าาา โชคดีที่ตรงนั้นมีร้านกาแฟเล็กๆอยู่พอดี ก็เลยเข้าไปสั่งชานั่งหลบฝนกันซักหน่อย
รอซักพักเล็กๆฝนก็หยุด เราก็เลยออกเดินกันต่อ
น้ำตกที่นี่จะเรียกว่าเป็นทางเดินสำรวจธรรมชาติก็ว่าได้ค่ะ เพราะมีทางเดินเข้าไปข้างในค่อนข้างลึกอยู่ เดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ เราจะเจอจุดแวะแรก จะเป็นสะพานเดินข้าวธารน้ำตก บางคนจะหยุดเดินถึงแค่ตรงนี้ เราอาจจะคิดว่าที่นี่สุดทางแล้ว สังเกตจากหลายคนที่เดินมาถึงตรงนี้แล้วจะถามเราว่า
“ข้างในมีอะไรรึเปล่า”
แต่จริงๆ มันเดินเข้าไปข้างในได้อี๊กกกก ซึ่งทางก็จะเป็นบันไดเดินขึ้นไปเรื่อยๆ ระหว่างทาง เราจะเจอน้ำตกเล็กก่อน 2 น้ำตก ก่อนที่จะเจอน้ำตกใหญ่ด้านใน ซึ่งสวยมากค่ะ และตกแรงมากเช่นกัน 555
อารมณ์แบบว่าต้องกางร่มเดินเข้าไปดูกันเลยทีเดียว แนะนำว่าให้ใส่ Hood กล้องมาให้พร้อม เพราะละอองน้ำแรงมากจ้า แต่ถ้าภาพสวยแน่นอน
สุดทางแล้ว เราก็เดินออกมาตามทางเดิม แล้วก็เดินสำรวจหมู่บ้านต่อ เดินต่อไปเรื่อยๆ เราก็จะเจอที่พักและร้านกาแฟข้างทางเรื่อยๆ เราเดินมาจนถึงสะพาน จะเป็นอีก 1 จุด check point ถ่ายรูปค่ะ
แหมะ มาทั้งที เดี๋ยวเค้าหาว่ามาไม่ถึงก็ต้อง่ถายกันซะหน่อย 555
[ มีต่อนะคะ ]
[CR] ให้สายหมอกโอบกอดตัวเราที่ 'สะปัน' จ.น่าน
ฝากกด Subscribe Youtube Channel
Lukpai in Neverland
และติดตามเพจของเราด้วยนะค้า ^^
https://www.facebook.com/wherewegopage
-------------------------------------------
พี่ปุ่น: “ที่นี่ก็สวยนะ”
ลูกไผ่: “ที่ไหนอ่ะคะ”
พี่ปุ่น: “สะปัน เหมือนจะอยู่เลยบ่อเกลือไปอีก”
ลูกไผ่: “โอเค งั้นไปนอนสะปัน”
เป็นการเปลี่ยนใจอย่างรวดเร็ว หลังจากที่นั่งเล็งหาที่พักที่บ่อเกลืออยู่นาน จนเกือบจะจิ้มได้แล้วเชียว 555
ที่พักที่บ่อเกลือ ส่วนใหญ่จะนอนริมแม่น้ำ ส่วนที่สะปันจะนอนบนเขา เห็นวิวเขากว้างๆ โอบล้อมด้วยหมอกค่ะ
ทริปนี้เราก็เลยได้ข้อสรุปว่าทริปน่าน 3 วัน 2 คืนของเรา จะนอนที่ปัว 1 คืน และนอนที่สะปัน 1 คืน
มาเดินทางจาก ปัว ไป สะปัน แบบไม่มีรถส่วนตัวกับเราต่อกันเลยค่ะ
สำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่าน Part แรกที่ ปัว อ่านได้จาก link นี้เลยค่ะ
https://www.facebook.com/wherewegopage/posts/3389307891184567
วันนี้เราตื่นกันแต่เช้า เพราะเมื่อวานถามคุณลุงที่คิวรถ ปัว - สะปัน ไว้ แกบอกว่ารถรอบแรกมีตอน 7:30 น. อันนี้ออกแน่ๆ ยังไงก็ไป แต่รอบหลังจากนั้นต้องรอดูว่ามีลูกค้าเยอะพอจะไปรึเปล่า ถ้าไม่เยอะพอก็ต้องเหมาไปจ้า พอลากตัวเองตื่นขึ้นมาได้แล้ว ก็รีบออกจากที่พัก แล้วเอามอเตอร์ไซค์ไปคืน จริงๆร้านเค้ายังไม่เปิดค่ะ แต่เมื่อวานบอกพี่เค้าไว้ว่าต้องไปขึ้นรถเวลานี้ เค้าเลยบอกว่าถ้าถึงแล้วก็โทรมา เราไปถึงที่ร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ประมาณ 7 โมง โทรไป ซักพักพี่เค้าก็เดินลงมาเปิดประตู เคลียร์เงินมัดจำกันเสร็จแล้ว
พี่เจ้าของร้านเช่ามอเตอร์ไซค์: “ปะ เดี๋ยวพี่ไปส่งที่คิวรถ”
งื้ออออ คือพี่เค้าใจดีมากๆอ่ะค่ะ
ว่าแล้วเราก็มาถึงคิวรถเวลาปริ่มๆ แพพๆ คุณลุงก็ออกรถพอดี วันนี้เรามีเพื่อนร่วมทางไปแค่คนเดียวเท่าน๊านน แทบจะเหมือนเหมารถขึ้นไป รถเริ่มเคลื่อนออกจากตัวเมืองแล้วเริ่มขับวนขึ้นเขา อยากจะบอกว่าวิวระหว่างทางคือสุดมากกกกค่ะ นั่งๆไปเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในหมอกเป็นระยะๆด้วย ยิ่งเข้าใกล้บ่อเกลือเท่าไหร่ อากาศยิ่งเย็นลงเรื่อยๆ จริงๆจะเรียกว่าหนาวเลยก็ว่าได้ค่ะ ควรพกเสื้อแขนยาวไปน้า
นอกจากอากาศที่เย็นลงเรื่อยๆแล้ว ช่วงที่ใกล้ถึงบ่อเกลือทางคดเคี้ยวมากค่ะ จากที่นั่งซึมซับบรรยากาศอย่างตื่นตา ตอนนี้เริ่มนั่งนิ่งแล้ว
วิวไม่สวยแล้วเหรอ?
ป่าว จะอ้วกค่ะ! 555
ในที่สุดเราก็มาถึงบ่อเกลือ คุณลุงต้องแวะส่งของที่บ่อเกลือก่อนพอดี เราเลยขอคุณลุงเดินเล่นในบ่อเกลือนี้แพพนะค้า เพราะว่าสิ่งที่พลาดไม่ได้ที่นี่คือ ‘บ่อเกลือโบราณ’ ที่หลายคนต้องแวะมาดูการทำเกลือที่นี่ซักหน่อย จากตรงที่คุณลุงจอดรถไว้ เดินเข้าไปจะเป็นเหมือนตลาดเล็กๆ ที่มีแม่น้ำไหลผ่าน วันนี้น้ำเป็นสีชาเย็น ไหลเชี่ยวมาก มีสะพานไม้ไผ่พาดผ่านให้เดินข้ามไปอีกด้านได้ ระหว่างเรายืนดูน้ำอยู่ ก็มีชาวบ้านเดินมาทักทาย
ชาวบ้าน: “เดินระวังๆหน่อยนะครับ สะพานไม่ค่อยแข็งแรง”
แล้วน้องก็เล่าให้ฟังเรื่องช่วงที่ผ่านมาฝนตกหนัก น้ำป่าเลยไหลลงมา เราก็เลยเห็นกระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยวและเป็นสีชาเย็น แล้วเลยขอยืนแค่ริมสะพานถ่ายรูปกับน้ำเชี่ยวกรากและวิวภูเขาที่มีหมอกด้านหลัง อากาศดีมากๆค่ะ
จากตรงนี้เราเดินเข้าไปในตลาด ด้านในจะมีบ่อเกลือโบราณอยู่ แอบเสียดายนิดนึง ช่วงที่เราไปจะไม่ตรงกับช่วงที่เค้าทำเกลือกัน เลยได้เห็นแต่บ่อเกลือเปล่าๆที่พักงานอยู่ 555
เดินแพพๆ คุณลุงก็เริ่มตามเรา เราก็เลยนั่งรถกันต่อประมาณ 40 นาที เราก็มาถึงสะปันกันแล้ว ที่พักที่เราจองไว้ก็คือ “ดอยอิงดาว @ดงพญา” ซึ่งอยู่สูงสุดและในสุดของสะปัน ทางไปจะเป็นเนินชันๆ ตอนที่รถขับผ่านสะพานแล้วกำลังจะขึ้นเนินแรก ปรากฎว่ามีกองหินจ้าาา วางเรียงขวางทางหลายก้อนเลย ลงรถมาดูลาดเลากันแล้ว “จะขับไปยังไงหว่า”
ตอนนั้นไผ่นี่ถอดใจแล้วนะ กะบอกว่าคุณลุงว่าเดี๋ยวเราเดินต่อขึ้นไปเองก็ได้ แล้วลุงก็บอกว่า
คุณลุง: “ปะๆ ขึ้นรถๆ เดี๋ยวไปส่ง มันอีกไกล”
แล้วคุณลุงก็ขับทับขอบกองหินไปเลยจร้าาา งื้ออออ ขอบคุณนะคะคุณลุง
และยัง! มันยังไม่หมดแค่นั้นจร้าาา พอจะถึงทางขึ้นที่พัก ซึ่งจะต้องขึ้นเนินโค้ง (โคตร) ชันอีกเนิน ปรากฏว่า เค้าทำถนน! รถขึ้นไปได้
รอบนี้ลุงก็ช่วยไม่ได้จร้าาา รับชะตากรรมเดินขึ้นค่า!
ก่อนจากกันเราก็นัดแนะให้คุณลุงมารับเราพรุ่งนี้เช้าให้เรียบร้อย คุณลุงคิดค่ารถเราไปกลับ ปัว-สะปันที่คนละ 500 บาทค่ะ
เรามาถึงที่พักประมาณ 10 โมงกว่าๆ พอเดินเข้ามาแล้ว เงียบกริบ ไร้ซึ่งผู้คน
ที่พักที่นี่จะมีแบบที่เป็นบ้านเป็นหลังๆมีห้องน้ำในตัว กับแบบตูบที่ต้องใช้ห้องน้ำรวม ซึ่งเราได้แบบตูบจ้า (ราคาคืนละ 1,500 บาท) ซึ่งถือว่าโชคดีมากแล้ว เพราะว่าที่พักที่นี่เต็มตลอด ด้วยความที่ส่วนกลางของที่นี่เป็นที่นั่งทานข้าวที่มีวิวหลักล้าน ที่เปิดให้แค่คนที่เข้าพักที่นี่เข้ามาใช้เท่านั้น
ใครจะมาแนะนำให้แพลนจองที่พักกันดีๆนะคะ เพราะที่พักที่สะปันจะเป็น home stay แต่ละที่จะมีห้องรองรับแค่ 4-5 ห้อง ทำให้เต็มค่อนข้างเร็ว ยิ่งที่พักที่ popular นี่ โอ้โห จองกันยาว แต่ต้องลองโทรมาถามดูค่ะ บางทีก็จะฟลุ๊คมีห้องหลุดจองอยู่บ้าง
เดินสำรวจที่พักแล้วก็พบแต่ความเฟว้งฟว้าง เค้าหายไปไหนกันหมดหว่า 555
ก็เลยลองโทรหาเจ้าของดู พี่เค้าบอกว่า พวกพี่อยู่โรงพยาบาลกันหมดเลย พอดีเมื่อเช้ามืดคุณตาแกล้ม เลยต้องพาแกไปโรงพยาบาล ให้เราหยิบกุญแจห้องเองได้เลย นั่น! Homestay มีความ feels like home ป่ะล่า 555
แต่ก็ถือว่าเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง พอเราเอาของไปวางไว้ในตูบของเรา เราก็มานั่งตรงส่วนกลาง ที่ตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นของเราแค่สองคน เพราะไม่มีใคร จะบอกว่าไม่แปลกใจที่ ทำไมหลายคนอยากมาที่นี่เพื่อส่วนกลางตรงนี้ เพราะมันชิลล์ และวิวสวยมากกกจริงๆค่ะ
นอกจากตรงส่วนกลางแล้ว ที่นี่เค้ายังมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะมาก เอาจริงๆ จะเรียกว่าถ่ายได้ทุกมุมเลยก็ได้ค่ะ
พอนั่งพักกันซักพักแล้ว เราก็ชวนกันเดินลงไปหมู่บ้านด้านล่าง
ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิดค่ะ เรา ‘เดิน’ ลงไปหมู่บ้านข้างล่าง ผ่านอิเนินสูงๆที่เรานั่งรถผ่านกันมาเมื่อกี้นั่นแหละค่ะ ตอนลงน่ะ คิดว่าไหวแหละ ส่วนตอนขากลับที่ต้องเดินขึ้น........
อ่ะ เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที 5555
นี่คือกองหินที่คุณลุงแกอุตส่าขับรถฝ่ามาส่งเราเมื่อกี้ล่ะค่ะ
ระหว่างทางเดินไปหมู่บ้าน อากาศดีมากๆค่ะ หันไปทางไหนก็เจอภูเขาที่มีหมอกลอยล้อมอยู่ตลอดเวลา แล้วก็จะมีที่พักที่น่าพักหลายที่เลย
อย่างอันนี้ก็เป็นอีก 1 ที่ ที่เราเล็งไว้ตอนแรก ‘มองว้า ยายทาตาสมฟาร์มสเตย์’ แต่อย่างที่บอกค่ะ ที่นี่ก็ต้องจองกันแต่เนิ่นๆจะดีที่สุด เราจะได้ห้องที่เราอยากได้จริงๆไรงี้ค่ะ
เราเดินไป หยุดถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เรียกได้ว่าวันนี้เป็นทริป Slow Life อย่างแท้ทรูเลยทีเดียว
นอกจากที่พักแล้ว เราก็จะเดินผ่านตูบนา บ้านคนบางหลังที่ตั้งออกมานอกหมู่บ้านนิดหน่อย
เดินชิลล์ๆ ไปเรื่อยๆ ประมาณ 10 นาที เราก็เข้าสู่ตัวหมู่บ้าน
เป้าหมายแรกของเราตอนนี้คือ หาข้าวทานค่ะ หิวมว๊ากกกก
เดินๆไปเรื่อยๆ จนถึงทางแยก แล้วเราก็เห็นเพิงร้านส้มตำอยู่ตรงหน้าพอดี ร้านนี้แหละ!
ที่นั่งร้านชิลล์อีกแล้ววว เป็นที่นั่งห้อยขา มองไปเป็นฝายกั้นน้ำอยู่ข้างหน้า นั่งทานไป ฟังเสียงน้ำไป และที่สำคัญ อร่อยมากด้วยค่ะ
อิ่มแล้วก็ออกเดินกันต่อ ดูจาก Google map ที่มีน้ำตกด้วย ชื่อ ‘น้ำตกสะปัน’ เลย เดินจากร้านส้มตำไปอีกจิ๊ดเดียวก็จะถึงทางเลี้ยวเข้าน้ำตก พอถึงทางเดินเลี้ยวเข้าไปก็มีน้องหมา 2 แม่ลูก เดินตามมาส่งตลอดทางเลย น่ารักมากๆ
พอเกือบจะถึงทางเข้าน้ำตกแล้ว อยู่ๆ ฝนก็ตกลงมาจร้าาา โชคดีที่ตรงนั้นมีร้านกาแฟเล็กๆอยู่พอดี ก็เลยเข้าไปสั่งชานั่งหลบฝนกันซักหน่อย
รอซักพักเล็กๆฝนก็หยุด เราก็เลยออกเดินกันต่อ
น้ำตกที่นี่จะเรียกว่าเป็นทางเดินสำรวจธรรมชาติก็ว่าได้ค่ะ เพราะมีทางเดินเข้าไปข้างในค่อนข้างลึกอยู่ เดินขึ้นบันไดไปเรื่อยๆ เราจะเจอจุดแวะแรก จะเป็นสะพานเดินข้าวธารน้ำตก บางคนจะหยุดเดินถึงแค่ตรงนี้ เราอาจจะคิดว่าที่นี่สุดทางแล้ว สังเกตจากหลายคนที่เดินมาถึงตรงนี้แล้วจะถามเราว่า
“ข้างในมีอะไรรึเปล่า”
แต่จริงๆ มันเดินเข้าไปข้างในได้อี๊กกกก ซึ่งทางก็จะเป็นบันไดเดินขึ้นไปเรื่อยๆ ระหว่างทาง เราจะเจอน้ำตกเล็กก่อน 2 น้ำตก ก่อนที่จะเจอน้ำตกใหญ่ด้านใน ซึ่งสวยมากค่ะ และตกแรงมากเช่นกัน 555
อารมณ์แบบว่าต้องกางร่มเดินเข้าไปดูกันเลยทีเดียว แนะนำว่าให้ใส่ Hood กล้องมาให้พร้อม เพราะละอองน้ำแรงมากจ้า แต่ถ้าภาพสวยแน่นอน
สุดทางแล้ว เราก็เดินออกมาตามทางเดิม แล้วก็เดินสำรวจหมู่บ้านต่อ เดินต่อไปเรื่อยๆ เราก็จะเจอที่พักและร้านกาแฟข้างทางเรื่อยๆ เราเดินมาจนถึงสะพาน จะเป็นอีก 1 จุด check point ถ่ายรูปค่ะ
แหมะ มาทั้งที เดี๋ยวเค้าหาว่ามาไม่ถึงก็ต้อง่ถายกันซะหน่อย 555
[ มีต่อนะคะ ]
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้