เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา ทาง บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย ตัวแทนจำหน่าย Koenigsegg อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายในเครือของ Sharich Holding (ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่าย Lamborghini ในประเทศไทย รวมถึง Ducati Thailand)
ได้มีการเปิดตัวโชว์รูม Koenigsegg Bangkok เพื่อใช้เป็นที่ดิสเพลย์ สุดยอดยนตรกรรม Hypercar สุดหรูจากสวีเดน ด้วยการปรับแบ่งพื้นที่เดิมของ Ducati Thailand วิภาวดีรังสิต ให้กลายมาเป็น พื้นที่ในฝันของผู้ที่คลั่งไคล้รถ Hyperperformance ระดับโลกแบรนด์นี้
โดยเบื้องต้นรถที่นำเข้ามาเปิดตัวให้อภิมหาเศรษฐี ไทยได้จับจองเป็นเจ้าของนั้นก็จะประกอบไปด้วยกัน 2รุ่น ก็คือ
Koenigsegg Gemera และ Jesko Absolut
ซึ่งทางผมในนามของทีม Pantip Garage ก็ได้มีโอกาสเข้าไป สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด จึงขอมาเก็บภาพให้เพื่อนๆ ได้รับชมคันจริงกันครับ
โดยในวันนี้ผมขอเริ่มกันที่คันแรกก่อน Koenigsegg Gemera
Koenigsegg Gemera ถือเป็นรถ 2 ประตู 4 ที่นั่ง ไร้เสา B ซึ่งผู้โดยสารสามารถนั่งได้สบายในทุกที่นั่งแบบไม่ใช่ Baby Seat
ตัว Chassis รถใช้โครงสร้าง Carbonfiber Monocoque
ตัวซับเฟรมทั้งหน้า-หลังเป็นอลูมิเนียม
สามารถปรับความสูงต่ำด้วยระบบไฮโดรลิคได้ทั้งหน้า-หลัง
Logo ที่ฝากระโปรงหน้า
ชุดท่อไอเสียที่อยู่บริเวณกระจกบานหลังทั้ง 2 ฝั่ง เป็นของ Akrapovic
ไฟหน้า LED 5 ดวง
ไฟท้าย 5 ดวงเช่นกัน
ช่องเก็บสัมภาระ หลัง
มิติรถ
ยาวxกว้างxสูง = 4,875x1,988x1,295 มม.
ระยะฐานล้อ 3,000 มม.
ความจุถังน้ำมัน 75 ลิตร
นน. Dry 1,715 กก.
นน. Wet 1,850 กก.
ชุดท่อไอเสียอยู่บนกระจกหลัง ทั้ง 2 ข้าง
พื้นที่เก็บสัมภาระรวมทั้งหน้า-หลัง 200 ลิตร
ล้อเป็นแบบ Aircore Carbon สวมไซส์ยางขนาด 295/30 ZR21 ด้านหน้า และ 317/30 ZR22 ด้านหลัง
ซึ่งระบบเบรกจะเจอกับระบบดิสก์เบรก จานขนาดใหญ่ 415 มม. มีปั๊ม 6 pot อยู่ภายในล้อหน้า
และ จานหลังขนาด 390 มม. มีปั๊ม 4 pot อยู่ภายในล้อหลัง
โดยใช้ตัวคาลิปเปอร์ตี OEM Koenigsegg ลูกสูบเป็นแบบ เซรามิก
และเมื่อเปิดประตูด้วยรูปแบบ Koenigsegg dihedral synchro helix doors แบบตั้งขึ้นมา 90 องศา ก็จะพบกับ Cockpit รถสุดหรู และดูล้ำสมัย
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุหุ้มหนัง Alcantara และคาร์บอนไฟเบอร์
เบาะนั่งแบบ Semi-Bucket หลังคาร์บอนไฟเบอร์ ทั้ง 4 ที่นั่ง ตัวเบาะสีเหลืองมาพร้อมโลโก้แบรนด์ และ ธงสวีเดน
หน้าจอแสดงผลขนาด 13" ให้มาทั้งหน้า-หลัง ลำโพงให้มามากถึง 11 ตัว
นอกจากนี้จอแดชบอร์ดก็เป็น Full Digital
กระจกมองข้างเป็นแบบดิจิตอล ใช้กล้องแทนกระจก มีจอแยกซ้าย-ขวา
ซึ่งการที่เป็นรถแบบเดินทางได้ 4 คน มันจึงมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมาให้ด้วย ทั้งเบาะนั่งแบบอุ่นก้น, ที่วางแก้วที่เก็บรักษาความเย็นได้อีก
ด้านหน้า 4 แก้ว หลังอีก 4 แก้ว, และยังมีจอหลังขนาด 13" เท่ากันกับด้านหน้า ซึ่งสามารถสั่งการควบคุมทั้งระบบ Infotainment และระบบปรับอากาศได้
ขุมพลังไฮบริด ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์ 3 สูบ 2.0 ลิตร Twin Turbo แบบ Free Valve ไม่มีแคมชาฟท์
ด้วยเครื่องเป็นบล็อกเล็กจึงมีน้ำหนักเบาเพียง 70 กก. แต่เห็นเครื่องเล็กๆ แบบนี้
มันทำกำลังได้ไม่แพ้ พวก V12 ระดับ 6 ลิตร เลยนะครับ กำลังจากตัวเครื่อง ออกมาที่ระดับ 598 แรงม้า@8,500rpm กับ แรงบิดสูงสุด 600 Nm@2,000-7,000rpm ซึ่งเป็น Flex Fuel เติมน้ำมันได้ถึง E100
และอย่างที่บอก มันเป็นไฮบริด ก็มีมอเตอร์ไฟฟ้า มาช่วยปั่นกำลังด้วย โดยมีมอเตอร์ถึง 3 ตัว
ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ได้พละกำลังสูงสุด 1,700 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 3,500 Nm
มอเตอร์ตัวแรก มีกำลัง 400 แรงม้า และ แรงบิด 500 นิวตันเมตร มันติดกับเพลาข้อเหวี่ยงของเครื่องยนต์ และทำหน้าที่ส่งแรงบิดไปที่ล้อคู่หน้า ผ่านชุดเกียร์ Single-Speed Direct-drive
มอเตอร์อีก 2 ตัว จะติดตั้งที่ล้อหลัง ฝั่งซ้าย และ ขวา มีกำลังสูงสุด 500 แรงม้า แรงบิด 1,000 Nm
ด้านตัวเลขสมรรถนะ
มันสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 1.9 วินาที Top Speed มากกว่า 400 กม./ชม.
เมื่อเติมน้ำมันเต็มถัง 75 ลิตร ตัวเครื่องยนต์ จะวิ่งได้ไกล 950 กม.
ส่วนการวิ่งด้วย EV เพียงอย่างเดียวจะได้อีก 50 กม.
นั่นจึงทำให้รถคันนี้วิ่งได้ระยะทางไกลรวม ทั้ง 2 ระบบ ถึง 1,000 กม.
สำหรับเจ้า Koenigsegg Gemera สนนราคาจำหน่ายในไทย ประมาณ 110 ล้านบาท)
คลิป VDO พาชมรถครับ
ไว้ในครั้งหน้าผมจะพามาชมกับ Jesko Absolut กันต่อครับ
ชมรถ Koenigsegg Gemera ไฮเปอร์คาร์ 3 สูบ 1700 ม้า นั่งได้ 4 คน ราคา 110 ล้านบาท
เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมา ทาง บริษัท เจเนอร์รัล ออโต้ ซัพพลาย ตัวแทนจำหน่าย Koenigsegg อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภายในเครือของ Sharich Holding (ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่าย Lamborghini ในประเทศไทย รวมถึง Ducati Thailand)
ได้มีการเปิดตัวโชว์รูม Koenigsegg Bangkok เพื่อใช้เป็นที่ดิสเพลย์ สุดยอดยนตรกรรม Hypercar สุดหรูจากสวีเดน ด้วยการปรับแบ่งพื้นที่เดิมของ Ducati Thailand วิภาวดีรังสิต ให้กลายมาเป็น พื้นที่ในฝันของผู้ที่คลั่งไคล้รถ Hyperperformance ระดับโลกแบรนด์นี้
โดยเบื้องต้นรถที่นำเข้ามาเปิดตัวให้อภิมหาเศรษฐี ไทยได้จับจองเป็นเจ้าของนั้นก็จะประกอบไปด้วยกัน 2รุ่น ก็คือ
Koenigsegg Gemera และ Jesko Absolut
ซึ่งทางผมในนามของทีม Pantip Garage ก็ได้มีโอกาสเข้าไป สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด จึงขอมาเก็บภาพให้เพื่อนๆ ได้รับชมคันจริงกันครับ
โดยในวันนี้ผมขอเริ่มกันที่คันแรกก่อน Koenigsegg Gemera
Koenigsegg Gemera ถือเป็นรถ 2 ประตู 4 ที่นั่ง ไร้เสา B ซึ่งผู้โดยสารสามารถนั่งได้สบายในทุกที่นั่งแบบไม่ใช่ Baby Seat
ตัว Chassis รถใช้โครงสร้าง Carbonfiber Monocoque
ตัวซับเฟรมทั้งหน้า-หลังเป็นอลูมิเนียม
สามารถปรับความสูงต่ำด้วยระบบไฮโดรลิคได้ทั้งหน้า-หลัง
Logo ที่ฝากระโปรงหน้า
ชุดท่อไอเสียที่อยู่บริเวณกระจกบานหลังทั้ง 2 ฝั่ง เป็นของ Akrapovic
ไฟหน้า LED 5 ดวง
ไฟท้าย 5 ดวงเช่นกัน
ช่องเก็บสัมภาระ หลัง
มิติรถ
ยาวxกว้างxสูง = 4,875x1,988x1,295 มม.
ระยะฐานล้อ 3,000 มม.
ความจุถังน้ำมัน 75 ลิตร
นน. Dry 1,715 กก.
นน. Wet 1,850 กก.
ชุดท่อไอเสียอยู่บนกระจกหลัง ทั้ง 2 ข้าง
พื้นที่เก็บสัมภาระรวมทั้งหน้า-หลัง 200 ลิตร
ล้อเป็นแบบ Aircore Carbon สวมไซส์ยางขนาด 295/30 ZR21 ด้านหน้า และ 317/30 ZR22 ด้านหลัง
ซึ่งระบบเบรกจะเจอกับระบบดิสก์เบรก จานขนาดใหญ่ 415 มม. มีปั๊ม 6 pot อยู่ภายในล้อหน้า
และ จานหลังขนาด 390 มม. มีปั๊ม 4 pot อยู่ภายในล้อหลัง
โดยใช้ตัวคาลิปเปอร์ตี OEM Koenigsegg ลูกสูบเป็นแบบ เซรามิก
และเมื่อเปิดประตูด้วยรูปแบบ Koenigsegg dihedral synchro helix doors แบบตั้งขึ้นมา 90 องศา ก็จะพบกับ Cockpit รถสุดหรู และดูล้ำสมัย
ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุหุ้มหนัง Alcantara และคาร์บอนไฟเบอร์
เบาะนั่งแบบ Semi-Bucket หลังคาร์บอนไฟเบอร์ ทั้ง 4 ที่นั่ง ตัวเบาะสีเหลืองมาพร้อมโลโก้แบรนด์ และ ธงสวีเดน
หน้าจอแสดงผลขนาด 13" ให้มาทั้งหน้า-หลัง ลำโพงให้มามากถึง 11 ตัว
นอกจากนี้จอแดชบอร์ดก็เป็น Full Digital
กระจกมองข้างเป็นแบบดิจิตอล ใช้กล้องแทนกระจก มีจอแยกซ้าย-ขวา
ซึ่งการที่เป็นรถแบบเดินทางได้ 4 คน มันจึงมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมาให้ด้วย ทั้งเบาะนั่งแบบอุ่นก้น, ที่วางแก้วที่เก็บรักษาความเย็นได้อีก
ด้านหน้า 4 แก้ว หลังอีก 4 แก้ว, และยังมีจอหลังขนาด 13" เท่ากันกับด้านหน้า ซึ่งสามารถสั่งการควบคุมทั้งระบบ Infotainment และระบบปรับอากาศได้
ขุมพลังไฮบริด ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์ 3 สูบ 2.0 ลิตร Twin Turbo แบบ Free Valve ไม่มีแคมชาฟท์
ด้วยเครื่องเป็นบล็อกเล็กจึงมีน้ำหนักเบาเพียง 70 กก. แต่เห็นเครื่องเล็กๆ แบบนี้
มันทำกำลังได้ไม่แพ้ พวก V12 ระดับ 6 ลิตร เลยนะครับ กำลังจากตัวเครื่อง ออกมาที่ระดับ 598 แรงม้า@8,500rpm กับ แรงบิดสูงสุด 600 Nm@2,000-7,000rpm ซึ่งเป็น Flex Fuel เติมน้ำมันได้ถึง E100
และอย่างที่บอก มันเป็นไฮบริด ก็มีมอเตอร์ไฟฟ้า มาช่วยปั่นกำลังด้วย โดยมีมอเตอร์ถึง 3 ตัว
ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า ได้พละกำลังสูงสุด 1,700 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 3,500 Nm
มอเตอร์ตัวแรก มีกำลัง 400 แรงม้า และ แรงบิด 500 นิวตันเมตร มันติดกับเพลาข้อเหวี่ยงของเครื่องยนต์ และทำหน้าที่ส่งแรงบิดไปที่ล้อคู่หน้า ผ่านชุดเกียร์ Single-Speed Direct-drive
มอเตอร์อีก 2 ตัว จะติดตั้งที่ล้อหลัง ฝั่งซ้าย และ ขวา มีกำลังสูงสุด 500 แรงม้า แรงบิด 1,000 Nm
ด้านตัวเลขสมรรถนะ
มันสามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 1.9 วินาที Top Speed มากกว่า 400 กม./ชม.
เมื่อเติมน้ำมันเต็มถัง 75 ลิตร ตัวเครื่องยนต์ จะวิ่งได้ไกล 950 กม.
ส่วนการวิ่งด้วย EV เพียงอย่างเดียวจะได้อีก 50 กม.
นั่นจึงทำให้รถคันนี้วิ่งได้ระยะทางไกลรวม ทั้ง 2 ระบบ ถึง 1,000 กม.
สำหรับเจ้า Koenigsegg Gemera สนนราคาจำหน่ายในไทย ประมาณ 110 ล้านบาท)
คลิป VDO พาชมรถครับ
ไว้ในครั้งหน้าผมจะพามาชมกับ Jesko Absolut กันต่อครับ