เมื่อ "ลูกผู้ชาย" อย่างผมถูกกระทำให้เป็น "ลูกสาว" : ประสบการณ์ชีวิตและความรักตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบัน ตอนที่ 15

หมายเหตุ ตอนต่อจากนี้ มันเป็นความ Dark จากภายใน หาห้องอยู่ไม่ได้จริงๆ ครับ คงต้องฝากตัวไว้ในห้องสุขภาพจิต   จิตแพทย์  และนักจิตวิทยาไปก่อนนะครับ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง จะไปอยู่ห้องไหน ก็เกรงใจห้องนั้นเป็นอันมาก ต้องขอรบกวนไปสักระยะก่อนนะครับ

......................................................................................................................

พี่ภูมิพาผมมาที่ save house หลังหนึ่ง ซึ่งหรูหราพอสมควร ผมรู้ว่าที่นี่มันคงไม่ save เท่าไหร่หรอก เพราะสิงห์คำรามกับสิงห์คำรณต้องมากระหน่ำผมแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ก็เท่านั้น ตอนนี้ก็เหมือนผมถูกขังไว้เพราะด้านนอกจะล็อคไว้ตลอด พอเข้าใจได้ว่าทำไมสิงห์คำรามถึงวางแผนแบบนี้ ผมอาจจะต้องอยู่ที่นี่ถึงสองอาทิตย์หรือมากกว่านั้น ผมคิดเอาเองว่าเขาคงรอให้ร่างกายผมฟื้นตัวแล้วค่อยมาจัดการผมอีกที

เวลาที่อยู่ตัวคนเดียวแบบนี้ มันก็ดีอย่างนึง เหมือนทำให้เราได้คิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา ซึ่งก็จะมีแต่คนที่ทำร้ายจิตใจผม ผมเองคิดว่ามันแย่กว่าการทำร้ายร่างกาย ลองย้อนนึกถึงพวกครูเกริก เขาทำร้ายร่างกายผมก็จริง แต่ไม่ได้ทำร้ายจิตใจ เหมือนกับพวกของสิงห์คำราม พวกเขาก็เช่นกัน พวกเขาทำร้ายร่างกาย แต่ก็ไม่ได้ทำร้ายจิตใจ ร่างกายโดนทำร้ายยังมีวันหาย จิตใจโดนทำร้าย ยากมากที่จะหาย ผมอาจจะเป็นอีกคนหนึ่งที่จิตใจโดนทำร้ายยับเยินมาแล้ว และมันอาจไม่ฟื้นคืนมาอีก ปัญหาคือผมไม่เคยก่อคดีใดๆ ไม่เคยทำร้ายร่างกายใคร มันก็เลยดูเหมือนกับว่าเป็นคนไม่มีปัญหา

ผมเองอาจจะเป็นสัตว์ที่ฝึกตัวเองให้ผิดปรกติเพียงแค่ด้านเดียวคือการชอบที่จะโดนผู้อื่นทำร้ายจิตใจและทำร้ายร่างกาย ทำไมถึงต้องทำแบบนั้นล่ะ ก็เพราะเราเกิดอยู่ในสังคมที่คนส่วนมากมีจิตใจโหดเหี้ยม (อาจรู้ตัวและไม่รู้ตัว) เมื่อเกิดมาอยู่ในสังคมแบบนี้ ก็เลือกที่จะรักความโหดเหี้ยมดีกว่าที่จะไปกลัวมัน ความรุนแรงในสังคมมันมีหลายรูปแบบมากๆ แต่ผมก็ชอบความรุนแรงทางร่างกายมากกว่าความรุนแรงทางจิตใจ (แต่ก็ต้องฝึกไว้ให้ชอบทุกรูปแบบนั่นแหละ ถ้าไม่ฝึก เราจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร) 

ความรุนแรงหนึ่งที่ผมชอบมากคือการที่มีคนมาเข้าใจผิดเรา คิดว่าเราเป็นคนเลว แล้วจบด้วยการมารุมประชาทัณฑ์เรา ผมว่ามันโอเคนะ ทำไมมันถึงโอเค เพราะมันมีจุดจบไง ความรุนแรงทางจิตใจ ดูมันแย่กว่า ผู้ที่ทำร้ายจิตใจเรา ถึงเขาจะเงียบเฉย แต่มันจะไม่มีวันจบหรอก ถ้าเรื่องราวที่พุทธศาสนาบอกทุกเรื่องเป็นความจริง มันก็ยิ่งจบยาก อาจจะต้องยาวไปอีกหลายร้อยชาติด้วยเงื่อนไขบางอย่าง แต่คนที่มาทำร้ายร่างกายเรา มันมักจะมีจุดจบเสมอ อย่างร้ายแรงที่สุดคือผมเองอาจจะพิการหรือเสียชีวิต แต่นั่นก็คือจุดจบของมัน ซึ่งผมคิดว่ามันดีกว่ามาก และผมเองคงไม่ถือโทษโกรธใครที่มาทำกับผมแบบนั้น

บางเรื่องผมก็คิดแปลกๆ ตั้งแต่วัยเด็ก บางทีก็รู้สึกว่ามันแปลกเหมือนกันที่ตัวเองคิดแบบนั้น อย่างตอนที่ไปหาหมอเมื่อประมาณปี 2525-2529 หมอหลายคนชอบดุด่าคนป่วยมากๆ อาจคิดว่าตัวเองมีอำนาจเหนือกว่า ผมสงสัยมานานว่าถ้าจิตใจหมอบางคนโหดเหี้ยมขนาดนั้น ทำไมเวลาที่ผมไปหาเขา พวกเขาไม่ซ้อมผมไปเลยล่ะ มันน่าจะดีกว่าเยอะ น่าจะจับผมมัด ตบหน้าแรงๆหลายที แล้วก็เอาไม้มาฟาดหลังแรงๆ สำหรับผม มันดีกว่าเยอะที่จะมาดุด่ากันโดยไม่มีเหตุผล หรืออย่างพยาบาลบางพวกในยุคก่อนโน้น หลายท่านก็ชอบหงุดหงิดใส่ผู้ป่วย ตอนวัยรุ่นเวลาที่ผมต้องอยู่ในโรงพยาบาล อยากอุทิศตัวเองมากให้คนพวกนี้มาทรมานผม จับผมแก้ผ้าแล้วมัดไว้กับเตียง แล้วเอาบุหรี่มารุมจี้ผม จี้ไปทั้งตัวเลย จี้มาตรงหัวนมด้วย ตรงองคชาตและอัณฑะด้วย เสร็จแล้วก็เอาเข็มฉีดยา อาวุธประจำกายของพวกเขามากระหน่ำใส่ร่างกายของผม เอามาฉีดแล้วแทงเข้าไปตรงหัวนม เอามาฉีดแล้วแทงเข้าไปตรงองคชาตซัก 50 กว่าเข็ม เอาให้มันยับเยินไปเลย ผมว่ามันดีกว่าการมาหงุดหงิดใส่และวางอำนาจกับผู้ป่วย 

อย่างพวกชอบอวดลูกเหมือนกัน ก็น่าจะจับผมแก้ผ้าแล้วมัดไว้กับขื่อ แล้วก็เอาแส้มารุมฟาด ช่วยกันตะโกนก็ได้ว่า “มีงชั้นต่ำกว่าลูกกู มีงต้องโดนแบบนี้” มันดีกว่ามานั่งเล่าอวดลูกให้เราฟัง มันดีกว่ากันเยอะ หรือคนที่เข้าใจผิดผมในบางกระทู้ พวกเขาน่าจะรวมตัวกัน (ยิ่งเยอะยิ่งดี) แล้วพาผมไปรุมประชาทัณฑ์กันในที่ไหนสักแห่ง บังคับให้ผมแก้ผ้าจนหมด มัดมือไพล่หลังผม แล้วให้ผู้บริหารพาเดินไปเรื่อยๆ ทะลุแต่ละห้องไปเรื่อยๆ อาจเริ่มตั้งแต่ห้องที่น่าจะมีคนมีกำลังวังชาเยอะ ไม่ต้องใช้เครื่องทุ่นแรงใดๆ ก็เข้ามาชกหน้า ชกท้อง ตบหน้า ทุบหน้าอก แล้วก็ทำทารุณกรรมกับผมได้เลย จนผมโดยทารุณกรรมจนบอบช้ำมาหลายห้อง ร่างกายบอบช้ำมาก เลือดอาบทั่วร่าง ผมโดนลากมาจนถึงห้องกอหญ้า ห้องนี้พิเศษหน่อย ชอบแขวนประจานก่อนทรมานคนอื่น 

พวกห้องกอหญ้า พาผมไปผูกโยงไว้ตรงกลางลาน ยิ่งเห็นผมอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าและเลือดอาบ ยิ่งชอบใจ ยิ่งเห็นร่างกายผมบอบช้ำก็ยิ่งสะใจ พวกเขาไปค้นหาอาวุธต่างๆเพื่อมาทารุณกรรมผม บางคนเป็นอัจฉริยะก็เลยประดิษฐ์อาวุธและเครื่องทรมานขึ้นมาด้วยตัวเอง ทุกคนชมในความเก่งของคนๆนั้นที่ปราดเปรื่องมาก หลายคนจึงเห็นพ้องต้องกันที่จะคิดประดิษฐ์เครื่องทรมานมาทรมานผม พวกเขาตั้งใจกันมาก ตั้งใจค้นคว้าหลากหลายทฤษฏีมากเพื่อคิดประดิษฐ์เครื่องทรมานมาทารุณกรรมผม ขณะที่รอเวลา พวกกอหญ้าที่ยังละอ่อนอยู่ ก็เอาแส้ที่มีมารุมฟาดผมไปเรื่อยๆ พวกเขามีความสุขและพึงพอใจ พึงพอใจมากกับการที่เป็นผู้มีอำนาจ พวกเขาชอบทารุณกรรมผู้อื่นเป็นนิจสิน มันเหมือนกับเป็นการเฉลิมฉลองนวัตกรรมใหม่ๆในการหาเครื่องมือมาทารุณกรรมผู้อื่น ผู้หลักผู้ใหญ่ในห้องกอหญ้าถือว่ามีอำนาจล้นฟ้า พวกเขาทำได้ทุกอย่างเพราะมีจิตใจที่โหดเหี้ยมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และหลายคนชอบความรุนแรงเป็นชีวิตจิตใจ คนพวกนี้ดื่มเลือดเป็นอาหารและชอบควักหัวใจมนุษย์มากินเป็นของหวาน พวกเขาถือเป็นคนชั้นสูงที่น่าเลื่อมใสมาก 

พวกเขาต้องเรียกประชุมอย่างเป็นทางการเพื่อที่จะได้ทรมานคนหนึ่งคนอย่างสาสม นั่นคือพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิของพวกเขา ...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่