[CR] เที่ยวดาลัด เที่ยวง่าย สบายกระเป๋าเงิน

เวียดนาม เป็นประเทศที่ผมนั้นไม่เคยคิดที่จะไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว
อาจจะเป็นเพราะประเทศนั้นมันไม่มีสิ่งที่ดึงดูดผู้ชายอย่างผมเลยแม้แต่นิดเดียวละมั้ง ของเล่นเอย การ์ตูนเอย
แต่จู่ๆ ความคิดของผมก็เปลี่ยนไป  เมื่อได้มา “ดาลัด”
สำหรับผมนั้นดาลัดคือเมืองแห่งลมหนาว.. เมืองแห่งคาเฟ่.. เมืองที่เต็มไปด้วยสิ่งผ่อนคลาย

เราจองตั๋วล่วงหน้าตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนา กว่าจะได้บินก็ 12 กุมภาเลยครับ
รีวิวนี้ไม่มีบทหวานเลี่ยนแน่นอน  ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายจะสรุปไว้ให้ตอนท้ายนะครับ

การเดินทาง 
เรามาเริ่มกันที่การเดินทาง  ทริปนี้พวกเราเดินทางกัน 2 คน 
เราเดินทางด้วยสายการ ไทยเวียตเจ็ท VietJetair เพราะเป็นสายการบินเดียวที่บินตรง จาก สนามบินสุวรรณภูมิ  สู่  ดาลัด สะดวกที่สุด ไม่มีดีเลย์
โดยใช้เวลาประมาณ 1.40 ชม.  
จองได้ที่ >> www.vietjetair.com

จองที่พัก 
เมื่อไปถึงสนามบินดาลัด เราเดินทางเข้าเมืองกันด้วยรถทัวร์ระบายอากาศ และลงปลายทางต่อด้วยรถแท๊กซี่ไปจนถึงที่พัก
ใช้เวลาจากสนามบินไปที่พักประมาณ 40 นาที
ทริปนี้จองที่พักผ่านแฟนเพจ Facebook " INThePines.DL "
 

นี่เลยครับที่พักของเรา ชื่อว่า  IN The Pines เป็นโฮมสเตย์พร้อมมีร้านกาแฟไปในตัว สวยมาก  เจ้าของเป็นมิตรน่ารัก และเลี้ยงน้องหมาตัวใหญ่ไว้หลายตัวมาก แต่ละตัวก็เรียบร้อยไม่น่ากลัวเลย ส่วนทำเลก็ถือว่าดีอยู่นะ ติดถนนใหญ่ ไม่ได้ห่างไกลจากจุดคึกคักมากนักออกเดินเที่ยวได้สบาย

เราเลือกเป็นห้องสูง ห้องไม่กว้าง แต่เตียงใหญ่มาก มีเครื่องทำน้ำอุ่น ชากาแฟ กระติ๊กน้ำร้อน 
แต่ไม่มีแอร์นะจ๊ะ บอกเลยว่าที่นี่อากาศเย็น จนถึงขั้นหนาวปากหนาวตัวสั่นเลยนะ  เพราะฉะนั้นแอร์ไม่จำเป็น
สิ่งที่จำเป็นมากคือเสื้อกันหนาวหรือแขนยาวเป็นอะไรที่เพอร์เฟคมาก

เรามาถึงที่พักเก็บของกันเรียบร้อย  ก็เริ่มเที่ยวกันเลย โดยแฟนผมได้แพลนสถานที่ไว้หมดแล้วดดยปักหมุดผ่าน Google Map ปักไว้เป็นเดือนๆเพื่อทริปนี้โดยเฉพาะ55555555 
เราเลือกใช้รถมอเตอร์ไซค์ที่ทางที่พักมีให้เช่า แต่สำหรับวันแรก เรามาถึงใน ช่วงบ่าย กว่าจะเก็บข้าวของเสร็จ ก็บ่ายแก่ๆ  
จึงเลือกไปในสถานที่ใกล้ๆก่อนเพื่อให้ไม่เหนื่อยล้าสะสมจากการเดินทางมากนัก 

และสถานที่ท่องเที่ยวที่แรกของเราในดาลัดนั่นคือ Domaine de Marie

Domaine de Marie ถือเป็นสถานที่สำคัญของชาวดาลัด เพราะเป็นโบสถ์ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1940
เป็นสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสผสมผสานกับความเป็นเวียดนาม 
แต่สำหรับเรา เราไม่ได้ไปเข้าโบสถ์นะคะ  พวกเราไปเพื่อถ่ายรูป
เพราะนอกจากสถานที่แห่งนี้จะมีความสำคัญทางศาสนาแล้ว  ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตอีกด้วย

หลังจากถ่ายรูปเสร็จก็กลับที่พักเพื่อเตรียมไปเดินหาของกินกันต่อ ที่ Da Lat Market 
ขี่รถออกจากที่พักเราไปแค่นิดเดียว เจอร้านขายของตลอดทาง ของกินเยอะมากกก

ของกินเล่นนั้นเป็นอะไรที่เยอะมาก ผมกับแฟนตะลอนกินทุกอย่างที่มีขาย และทุกอย่างอร่อยสุดๆ โดยราคาจะอยู่ที่ 20,000-50,000 ดง

อย่างแรกคืออะไรผมก็ยังไม่รู้ อารมณ์ก็คือ ข้าวเหนียว หมูยอ ไข่นกกระทา หมูหยองใส่รวมกันและหยอดแม็กกี้ ดูเรียบง่ายนะครับ แต่อร่อยเพลินมากๆ

อย่างที่สอง ทาโกยากิ เกิดคำถามขึ้นมากมายว่าทำไมต้องกินของญี่ปุ่นที่นี่ แต่ก็ไหนๆมาแล้วต้องลองให้หมด แต่ความจริงนั้นอร่อยอันดับต้นๆในบรรดาของกินเล่นทั้งหมดเลยสำหรับผม
 
และอย่างที่สามคือสิ่งที่เหมาะกับบรรยากาศที่นี่มากที่สุด อากาศหนาวๆแบบนี้กินมันหวาน ๆ ร้อน ๆ  ไม่มีอะไรฟินไปกว่านี้แล้วครับ


อาหารค่ำมื้อแรกของที่นี่ของพวกเราคือ เฝอ อารมณ์เหมือนก๋วยเตี๋ยวของบ้านเรา แต่เส้นและการปรุงรสของที่นี่เป็นเอกลักษณ์มาก อร่อยไม่อร่อยไม่รู้ แต่พูดได้เลยว่านี่คืออาหารที่กินบ่อยที่สุดในทริปนี้เลยครับ แฟนก็ชอบมากกลับมาไทยยังบ่นอยากกลับไปกินอีก

Day 2
วันนี้เราจะได้เที่ยวดาลัดกันแบบเต็มวัน เริ่มแรกก็ควบมอเตอร์ไซค์ไปหาข้าวเช้ากินกันก่อน ด้วยความที่ไม่รู้ว่าที่นี่มีอะไรอร่อยบ้าง เลยถามจากเจ้าของที่พัก เขาจึงปักหมุดร้านใกล้ๆที่อร่อยมากๆให้ ไปถึงก็อึ้งครับ เพราะมันคือเฝออีกแล้ว555555555

แต่ร้านนี้ดูเป็นร้านบ้าน ๆ ข้างทาง แต่คนเยอะมากเลย แต่ที่ต้องตกใจกว่าคืออร่อยมากกก นี่คืออาหารที่ผมและแฟนยืนยันว่าอาหารมื้อนี้อร่อยเป็นที่หนึ่งของทริปนี้เลยทีเดียว อยากแปะลิ้งไว้ให้มาก แต่ผมทำหายไปแล้ว555555555

กินคาวไม่กินหวานสันดานไพร่ หลังกินของคาวเสร็จก็ตรงหาร้านของหวานกันเลย เริ่มไปกันที่ร้านคาเฟ่ร้านแรก ชื่อว่าร้าน An Cafe 
บอกเลยดีมาก สวยมาก  ทำเลดีและบรรยากาศดี หรือมันอาจจะเป็นความชอบของเราสองคนที่ชอบร้านแนวนี้
  

ร้านนี้บอกเลยว่าต่างชาติเยอะมาก มากกว่าคนพื้นที่สะอีกนะ

หลังจากกินหวานเสร็จ ต่อไปคือสถานที่ๆผมไม่อยากไปมากที่สุด นั่นคือ Datanla waterfalls หรือก็คือน้ำตกดาตันลา
แต่สิ่งที่เรามาไม่ใช่มาเล่นน้ำครับ เรามาเพื่อสิ่งเดียว นั่นคือ Datanla Roller-coaster ซึ่งแฟนผมมาเพื่อสิ่งนี้ แต่ผมนั้นไม่เคยมีความอยากมาที่นี่แม้แต่เสี้ยวเดียวเลย ...เพราะอะไรหน่ะหรอครับ 
เพราะผม "กลัวความสูง"
 
ระหว่างเล่นถ่ายรูปยากมากครับต้องขอโทษที่ถ่ายมาให้ดูไม่ได้ แค่ลำพังจะคุมสติตัวเองไม่ให้อ้วกนั้นก็แทบแย่แล้ว บอกเลยว่ากว่าจะยอมลงไปเล่นกับแฟนได้นั้น แฟนใช้เวลาโน้มน้าวกว่าครึ่งชั่วโมง แต่เหตุผลที่ผมยอมคือเด็กครับ เด็กสิบขวบกล้าที่จะเล่นกัน10กว่าคน แล้วคนอายุ 21 อย่างผมจะยอมได้ไง มาก็มาสิวะ!!!!!!!!

หลังจากลง ยอมรับครับว่าผิดคาด ไม่ใช่ว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิด แต่ผิดคาดที่ไม่อ้วกครับ ยาดมทาจมูกตลอด 1 นาที อ้วกได้ก็ให้มันรู้ไปสิ!!!!
และพอบอกลาสถานที่เสี่ยงตายมากที่สุด บอกเลยครับใช้พลังงานในการกรี๊ดไปมากพอสมควร ได้เวลากลับที่พักนอนสลบทั้งคืน

Day 3 
วันแต่งคาเฟ่ครับวันนี้ เราจะเน้นคาเฟ่เป็นหลัก 
เริ่มกันที่ร้านแรก 

Reply1994 Dalat cafe
คาเฟ่เล็กๆ สร้างจากไม้และสังกระสี อยู่บนเนินเขา วิวสวย มีทุ่งดอกไม้บานเล็กๆอยู่ภายใน มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก จุดเด่นคืออยู่ตรงเนินเขาเลยสามารถมองเห็นวิวเมือง และภูเขาได้ของอีกฝั่งนึงได้  ผมกับแฟนมานั่งร้านนี้สั่งกาแฟกันไปคนละแก้ว รสชาติก็โอเคนะ ภายในร้านจะปลูกด้วยดอกไม้ ยอมรับว่าบรรยากาศดีมาก อากาศหนาว ๆ ชมวิว จิบกาแฟ ฟังเพลง ฟินนนน

ทางเข้าของร้าน ป้ายเขียนว่า Tui mo to แปลว่าประตูทางเข้า


จิบกาแฟพร้อมจุดที่เห็นวิวได้ทั้งเมือง บอกได้เลยว่าฟินมว๊ากกก ทางร้านมีเปิดเพลงคลอ ๆ ให้ฟังด้วยนะครับ เป็นเพลงสากลน่าจะเพื่อให้เข้าถึงได้กับนักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติ


มุมดอกไม้เล็กๆของที่นี่ครับ ขอบอกว่าดอกจริงนะเอ้อ สวยมากๆ คนแย่งถ่ายรูปกัน 24 ชม.

จุดถ่ายรูปยอดฮิตของคาเฟ่นี้ ถึงขนาดต้องต่อคิวเพื่อถ่ายกันเลยทีเดียว แฟนผมก็พลาดไม่ได้ จัดสักหน่อย  
(เผลอๆ แบบไม่ธรรมชาติ แดดก็ร่ม บังตาทำไม)


สถานีต่อไป - สถานีรถไฟดาลัท Dalat Railway Station
เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยว มีรถไฟเก่าๆ หลายขบวน มาถ่ายรูปเล่นได้ครับ วิวสวยและแดดดีมากกก มีมุมให้ถ่ายรูปหลายมุม  สถานีรถไฟดาลัด (Dalat Train Station) เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของเมืองดาลัท เนื่องจากมีประวัติควบคู่มากับการสร้างเมืองแห่งนี้ ตั้งแต่ปีค.ศ. 1932 และเปิดให้บริการในปี ค.ศ. 1938 รูปทรงอาคารของสถานีรถไฟ มีสถาปัตยกรรมที่มีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นมาก ด้านในมีการประดับด้วยกระจกสีสวยงาม
          
 

ต่อไปเราไปที่ร้าน 
Kokoro Cafe’ คาเฟ่ที่พกสไตล์ความเป็นญี่ปุ่นมาแบบสำเนาถูกต้อง ทั้งสถาปัตยกรรมของบ้านไม้หลังเล็ก ที่เรียบง่ายด้วยหน้าต่างทรงกลม และสวนหินริมบ่อปลาคาร์ฟ ที่ด้านหน้ารายล้อมด้วยทิวสนขนาดใหญ่ให้คาเฟ่นี้เหมือนเป็นโอเอซิสให้แวะพักจิบน้ำชาอย่างชุ่มฉ่ำใจอยู่กลางป่า

มุมถ่ายรูปมีพร้อมเสร็จสรรพ มุมนั่งพักชิว ๆ ก็มีมากมายรองรับลูกค้าจำนวนมาก ลองสั่งกาแฟเย็นเข้ม ๆ สักแก้ว จิบบรรยากาศเสียงป่า ความรู้สึกตอนนี้คือฟินราวกับกำลังจิบกาแฟในประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียวครับ
 

น้องคอสเพลย์เป็นเด็กญี่ปุ่น น่ารักมากกกก คนขอถ่ายรูปเยอะมากครับ แฟนผมก็คือหนึ่งในนั้น 
     
และสถานที่สุดท้าย Lam Vien Square
ซึ่งเป็นเหมือนศูนย์กลางของดาลัด เป็นแลนด์มาร์คก็ว่าได้  หรือจะเรียกว่าที่นี่ว่าลานบิ๊กซีก็ได้นะ
เพราะมีห้างบิ๊กซีตั้งอยู่  เป็นแหล่งรวมวัยรุ่นดาลัดเลยล่ะ มาถ่ายรูป และทำกิจกรรมต่าง ๆ 
  
มุมถ่ายรูปที่ใครก็ตามที่มาเยือนดาลัดต้องมายืน ณ จุดนี้ ผมเองก็เช่นกันขอสักรูปลงโซเชียลหน่อยละกันนน

อาหารเย็นมาต่อที่ Dalat Market เช่นเคย คืนสุดท้ายนี้เป้าหมายคือ เหมาของกินที่ไม่เคยกินให้หมด !!!!!!
อาหารหลักมื้อนี้คือนี่ครับ !!! ผมก็ไม่ทราบว่ามันเรียกว่าอะไร5555555555 แต่ที่แน่ๆอร่อยโคตรๆๆๆๆๆ 
อุปกรณ์ที่ใช้เหมือนที่ทำขนมครกเลยครับ แต่มีขนาดใหญ่กว่า ส่วนสีขาวๆเหมือนเอาแป้งมารองก้นแล้วตอกไข่นกกระทาลงไปผสม เขามีจะมีเหมือนซุปผักผสมหมูสับมาให้กินคู่กัน ตัวซุปนั้นจะมีรสชาติเค็มนำหวานตาม อร่อยมากกก ใครอยากเผ็ดเขามีพริกแดงสดให้ใส่ด้วยนะ (ที่นี่เขาไม่กินพริกป่น)

พูดได้เลยว่าอร่อยมากๆๆๆๆ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หน้าตาเฉยๆ แต่รสชาติคือยืนหนึ่งจริงๆ
ใครรู้ว่าเรียกว่าอะไรคอมเมนต์บอกที ผมอยากหามากินอีกครั้ง55555555


เดี๋ยวก่อนนน ยังไม่จบนะครับ อ่านต่อในคอมเมนต์ได้เลยนะะะ
ชื่อสินค้า:   Dalat, Vietnam
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่