พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน โฆษกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้รับรายงานเหตุการณ์ พฤติการณ์ในการกระทำความผิดของ ผู้ตัดสินกีฬาฟุตบอลของสมาคมฯ ระดับไทยลีก 2 โซนภาคเหนือ รายหนึ่ง
โดย ผู้ตัดสินคนดังกล่าว มีพฤติกรรมพูดจาโน้มน้าวให้ เพื่อนผู้ตัดสิน ที่ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ ในลักษณะล็อคผลการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ ระดับไทยลีก 2 โซนภาคเหนือ ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับชัยชนะ (ได้ 3 แต้ม) ด้วยการเสนอผลประโยชน์ตอบแทน “เป็น
ค่าน้ำมัน หนึ่งถึงสองหมื่นบาท” แต่ข้อเสนอดังกล่าวถูกปฏิเสธ โดยมีหลักฐานการส่งข้อความทางไลน์ และเทปบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์
ทั้งนี้ จากข้อเท็จจริงและหลักฐานเป็นที่แน่ชัดว่า การกระทำดังกล่าว ถือเป็นการกระทำความผิดในข้อหา “ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ตัดสินหรือผู้อื่นเพื่อจูงใจให้ผู้ตัดสินทำหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกติกาการแข่งขัน หรือทำหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556 มาตรา 66
สมาคมฯ จึงมอบอำนาจให้ฝ่ายกฎหมาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ไว้ที่กองบังคับการปราบปราม ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ให้ดำเนินคดีกับผู้ตัดสินคนดังกล่าว และ/หรือ ผู้อื่นที่ร่วมกระทำผิดในข้อหาดังกล่าวและข้อหาความผิดอื่นที่สอบสวนพบจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ค่าตัวกรรมการไทย ในการทุจริตเป่าล็อคผลการแข่งขัน นัดละ 10,000 - 20,000
โดย ผู้ตัดสินคนดังกล่าว มีพฤติกรรมพูดจาโน้มน้าวให้ เพื่อนผู้ตัดสิน ที่ได้รับมอบหมายให้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ ในลักษณะล็อคผลการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ ระดับไทยลีก 2 โซนภาคเหนือ ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับชัยชนะ (ได้ 3 แต้ม) ด้วยการเสนอผลประโยชน์ตอบแทน “เป็นค่าน้ำมัน หนึ่งถึงสองหมื่นบาท” แต่ข้อเสนอดังกล่าวถูกปฏิเสธ โดยมีหลักฐานการส่งข้อความทางไลน์ และเทปบันทึกเสียงการสนทนาทางโทรศัพท์
ทั้งนี้ จากข้อเท็จจริงและหลักฐานเป็นที่แน่ชัดว่า การกระทำดังกล่าว ถือเป็นการกระทำความผิดในข้อหา “ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้ตัดสินหรือผู้อื่นเพื่อจูงใจให้ผู้ตัดสินทำหน้าที่ตัดสินไม่เป็นไปตามระเบียบหรือกติกาการแข่งขัน หรือทำหน้าที่ตัดสินอย่างไม่ถูกต้องเที่ยงธรรม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับตั้งแต่สองแสนบาทถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ. 2556 มาตรา 66
สมาคมฯ จึงมอบอำนาจให้ฝ่ายกฎหมาย เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ ไว้ที่กองบังคับการปราบปราม ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ ให้ดำเนินคดีกับผู้ตัดสินคนดังกล่าว และ/หรือ ผู้อื่นที่ร่วมกระทำผิดในข้อหาดังกล่าวและข้อหาความผิดอื่นที่สอบสวนพบจนกว่าคดีจะถึงที่สุด