หนังเรื่องนี้เป็นหนัง High School ที่มีความโรแมนติกคอมเมดี้ ใครที่เป็นคอหนัง High School ที่โรแมนติกคอมเมดี้ ต้องห้ามพลาดกันเลยทีเดียว เพราะเป็นหนังที่มีเรื่องราวครบรส ไม่ว่าจะเป็น โรงแมนติก คอมเมดี้ ดราม่า รวมไปถึงตัวนักแสดงที่ถ่ายทอดเรื่องราวได้ครบเครื่องจริงๆ เตือนแล้วนะคะว่าห้ามพลาด ใครไม่ดูถือว่าพลาดจริงๆ
----- เรื่องราวโดยย่อของ The kiss booth ทั้ง 2 ภาค -----
The kiss booth ภาคแรกจะเป็นการพูดถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของเพื่อนรักลี ฟรินน์(เพื่อนนางเอก)และแอล(นางเอก)ที่สนิทกันมากๆ โดยความสนิทนี้ทำให้เค้าทั้งสองคนมีกฏของการเป็นเพื่อนกันหลายข้อ และหนึ่งในนั้นคือกฏที่ว่า ห้ามเดตกับพี่น้องหรือญาติของแต่ละฝ่าย เพราะอาจทำลายมิตรภาพของทั้งสองคนได้ แต่เรื่องราวดำเนินต่อ แอล (นางเอก) ดั๊นนนนนนนนนน...ไปตกหลุมรัก โนอาห์ ฟรินน์ (พระเอก) ผู้ซึ่งเป็นพี่ชายของเพื่อนรักอย่างลี ฟรินน์ ซะอย่างนั้น แต่ถึงจะมีเรื่องกฏมาขว้างกั้นอยู่แต่พวกเค้าทั้ง 2 ก็มารักกันจนได้
ซึ่งThe kiss booth 2 เป็นการเล่าเรื่องราวต่อจากเดิม เเต่หลักๆเลยหนังจะพูดถึงมุมมองความรักระยะไกลของ แอล(นางเอก) และโนอาห์ ฟรินน์(พระเอก) นอกจากการพูดถึงมุมมองความรักระยะไกลของนางเอกและพระเอก โดยจะให้ แอล (นางเอก) เป็นคนเล่าดำเนินเรื่องราวต่างๆเเล้ว หนังยังพูดถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของความเป็นเพื่อน ระหว่าง แอล(นางเอก) ลี ฟรินน์(เพื่อนนางเอก) และแฟนสาวของลี ฟรินน์ ภายในหนังThe kiss booth 2 นอกจากเรื่องราวของทั้ง 4 คนนี้ ยังมีการเล่าถึงคู่รักหลายๆคู่ รวมถึงได้ทำความรู้จักตัวละครใหม่ ๆ อย่าง มาร์โค่ และ โคลอี้ ที่จะมาเป็นเครื่องพิสูจน์หัวใจและมิตรภาพของตัวละครหลัก อย่างแอลและโนอาห์ ฟรินน์ รวมถึงย้ำเตือนคำถามที่ว่า “ชายหญิงสามารถเป็นเพื่อนกันได้จริงหรือไม่?”
----- ความรูกสึกแรกที่ดู The kiss booth -----
ทีแรกที่เราตัดสินใจดูเลย ก็คือช่วงนั้นหาหนังแนวๆรักใสๆ กุ๊กกิ๊กๆ โรแมนติก High School จนได้ฟังคำแนะนำจากคอหนัง แนวๆนี้ จึงทำให้เราตัดสินใจไปดู ความรู้สึกที่ดูภาคแรกครั้งแรก ยังไม่ค่อยว้าวเท่าไหร่ หรือน่าจะเป็นเพราะช่วงแรกๆของหนังเนื้อเรื่องยังไม่ค่อยดึงดูด เลยทำให้เราดูไม่จบในตอนนั้น แต่พอมีภาค2 ออกมา ก็ได้ยินเสียงลือเสีงเล่าอ้างมาว่า ตัวละครที่มีเพิ่มเข้ามาใหม่ ดีมากแซ่บมาก และตัวหนังเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม ทำให้เราตัดสินใจกลับมาดูใหม่อีกครั้ง
----- ความรู้สึกที่ได้กลับมาดูใหม่อีกครั้ง -----
ขอเม้าท์ถึงภาคแรกกันก่อนนะคะ ที่บอกไปว่าหนังมันดูน่าเบื่อ แต่เปล่าเลยจริงๆก็คือเราอะยังดูไปไม่ถึงจุดพีคนั้นเอง แต่พอกลับมาดู แล้วดูไปถึงจุดนั้นคือ นางเอกนางก็แซบอยู่นะ ยอมแหกกฏเพราะคิดไม่ซื่อกับพี่ชายเพื่อนตัวเอง และหลังจากนั้น พอนางเอกรู้ว่าพระเอกมีใจนางเอกกับพระเอกก็ใส่กันไม่ยั้งเลยจ้า ดูแล้วแอบกรี้ดหนักมากไม่คิดว่าจะรุกกันรุนแรงขนาดนั้น (ในใจเราคือแบบ...หนูลูกเบาได้เบา) นางเอกเธอลืมไปแล้วหรอจ๊ะว่ามีกฎห้ามแอบแซ่บกับพี่ชายเพื่อน ดูแล้วฟินมากนี่ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจห้องข้างๆก็คือจะไม่แอบกรี้ดนะแต่จะกรี้ดจริงๆเลย โอ้ยฟิวเเบบคนที่เราชอบเค้าชอบเรากลับอะ
แล้วคือความกุ๊กกิ๊กของนางเอกและพระเอกคือน่ารักมาก โดยเฉพาะฉากที่พระเอกกลับนางเอก แอบไปจู๋จี๋กันในห้องแล้วแม่พระเอกจะเข้ามาเก็บผ้าในห้องพอดี ทำให้นางเอกต้องลงไปแอบใต้เตียง แล้วคือแบบเลิกลั๊กกันมากกกกกก แล้วแม่พระเอกยังพูดกับพระเอกอีกนะว่าดูเหมือนนางเอกจะแอบชอบให้พระเอกเอ็นดูนางเอก แล้วพระเอกก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องว่านางเอกชอบ ในใจคืออยากจะบอกว่าคุณแม่ขาเค้าเป็นแฟนกันแล้วค่ะ (ชั้งไม่รู้อะไรบ้างเล๊ยยยยยย...)
ไม่ใช่เพียงแค่จะมีแต่ความน่ารักกุ๊กกิ๊กของพระเอกและนางเอกอย่างเดียว เพราะนอกจากนี้หนังยังถ่ายถอดความสัมพันธ์ ความเป็นห่วงเป็นใย ของความเป็นเพื่อนระหว่างนางเอกและลีฟรินน์ได้ดีอีกด้วย
ความฟินและความดีงามยังไม่จบแค่ที่ภาคแรกจ้า เพราะภาค 2 นอกจากหนังจะเล่าถึงความรักระยะไกลของพระเอกนางเอกแล้วแถมภาคต่อนี้ยังมีตัวละครที่มีเสริมความแซ่บให้กับหนังก็คือนักเรียนหนุ่มคนใหม่ หน้าปังหุ่นแซ่บอย่างมาร์โค่ ที่เป็นที่ชื่นชอบของทั้งตัวละครในหนังและ เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมจากทางบ้านอย่างเราๆ ความแซ่บของหนุ่มมาร์โค่เป็น 1 สิ่งทีทำให้เราตัดสินใจกลับมาดู the kissing booth อีกครั้ง จากคำเครมของเพื่อนๆ
และการกลับมาดูก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะว่านางก็แซ่บสมคำล่ำลืออยู่นะ ส่วนนางเอกก็รู้สึกว่าสวยขึ้นจากภาคแรกมากๆ แบบดูโตขึ้น ส่วนพระเอกก็คือดีเหมือนเดิมเพราะดีมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่แอบมีความขัดใจตรงแฟนของลี ฟรินน์ที่แอบเอาแต่ใจไปหน่อย ก็เข้าใจนะว่าอยากมีเวลากับแฟนแต่ว่าเค้าก็เพื่อนกันมั้ยอะ เธอจะมางอแงไม่ได้
และนอกจากความประทับใจในตัวละครแล้ว ยังมีฉากที่เราประทับใจจากหนังเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยกันเลยทีเดียว แต่เราจะขอยกมาเพียงฉากเดียวเท่านั้นเพื่อไม่ให้เป็นการสปอยไปมากกว่านี้ ฉากนี้เป็นฉากที่เราประทับใจมากๆ และเป็นฉากที่ทัชใจเรามากๆเด้วย คือฉากที่นางเอกไปแข่งเต้นกับมาร์โค่แล้วพระเอกได้ไปดู
คือแบบชอบสายตาของพระเอกมากๆ เป็นสายตาที่อบอุ่น มันสื่อถึงความรู้สึกปลื้มปริ่มรู้สึกภาคภูมิใจกับคนที่เรารัก ซึ่งพระเอกสื่อออกมาได้ดีมาก ทำให้เรารู้สึกตามได้เลย และมันให้เราความรู้สึกที่ว่าเราอยากที่จะเป็นคนนั้นเลยอะ ดูแล้วก็แอบคิดว่าถ้ามีใครสักคนเฝ้ามองเราด้วยสาตตาที่อบอุ่นแบบนั้นมันคงจะเป็นอะไรที่ดีมากๆ ฉากนี้เป็นฉากที่ทำเราร้องไห้ออกมาเลย เราอายกจะฝากหนังเรื่องนี้ให้ทุกคนได้ไปดูกันนะ
>>>>>มันดีจริงๆ คือมันทัชใจเรามากจริงๆ อยากให้ทุกคนได้ไปดูเพราะมันดีมากกกกก ถ้าใครอยากดูThe kiss booth ทั้ง2ภาคนี้ ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ Netflix เลยน้า <<<<<
[CR] รีวิวหนัง The kiss booth ทั้ง2ภาค จากผู้สร้าง Netflix
----- เรื่องราวโดยย่อของ The kiss booth ทั้ง 2 ภาค -----
The kiss booth ภาคแรกจะเป็นการพูดถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของเพื่อนรักลี ฟรินน์(เพื่อนนางเอก)และแอล(นางเอก)ที่สนิทกันมากๆ โดยความสนิทนี้ทำให้เค้าทั้งสองคนมีกฏของการเป็นเพื่อนกันหลายข้อ และหนึ่งในนั้นคือกฏที่ว่า ห้ามเดตกับพี่น้องหรือญาติของแต่ละฝ่าย เพราะอาจทำลายมิตรภาพของทั้งสองคนได้ แต่เรื่องราวดำเนินต่อ แอล (นางเอก) ดั๊นนนนนนนนนน...ไปตกหลุมรัก โนอาห์ ฟรินน์ (พระเอก) ผู้ซึ่งเป็นพี่ชายของเพื่อนรักอย่างลี ฟรินน์ ซะอย่างนั้น แต่ถึงจะมีเรื่องกฏมาขว้างกั้นอยู่แต่พวกเค้าทั้ง 2 ก็มารักกันจนได้
ซึ่งThe kiss booth 2 เป็นการเล่าเรื่องราวต่อจากเดิม เเต่หลักๆเลยหนังจะพูดถึงมุมมองความรักระยะไกลของ แอล(นางเอก) และโนอาห์ ฟรินน์(พระเอก) นอกจากการพูดถึงมุมมองความรักระยะไกลของนางเอกและพระเอก โดยจะให้ แอล (นางเอก) เป็นคนเล่าดำเนินเรื่องราวต่างๆเเล้ว หนังยังพูดถึงเรื่องราวความสัมพันธ์ของความเป็นเพื่อน ระหว่าง แอล(นางเอก) ลี ฟรินน์(เพื่อนนางเอก) และแฟนสาวของลี ฟรินน์ ภายในหนังThe kiss booth 2 นอกจากเรื่องราวของทั้ง 4 คนนี้ ยังมีการเล่าถึงคู่รักหลายๆคู่ รวมถึงได้ทำความรู้จักตัวละครใหม่ ๆ อย่าง มาร์โค่ และ โคลอี้ ที่จะมาเป็นเครื่องพิสูจน์หัวใจและมิตรภาพของตัวละครหลัก อย่างแอลและโนอาห์ ฟรินน์ รวมถึงย้ำเตือนคำถามที่ว่า “ชายหญิงสามารถเป็นเพื่อนกันได้จริงหรือไม่?”
----- ความรูกสึกแรกที่ดู The kiss booth -----
ทีแรกที่เราตัดสินใจดูเลย ก็คือช่วงนั้นหาหนังแนวๆรักใสๆ กุ๊กกิ๊กๆ โรแมนติก High School จนได้ฟังคำแนะนำจากคอหนัง แนวๆนี้ จึงทำให้เราตัดสินใจไปดู ความรู้สึกที่ดูภาคแรกครั้งแรก ยังไม่ค่อยว้าวเท่าไหร่ หรือน่าจะเป็นเพราะช่วงแรกๆของหนังเนื้อเรื่องยังไม่ค่อยดึงดูด เลยทำให้เราดูไม่จบในตอนนั้น แต่พอมีภาค2 ออกมา ก็ได้ยินเสียงลือเสีงเล่าอ้างมาว่า ตัวละครที่มีเพิ่มเข้ามาใหม่ ดีมากแซ่บมาก และตัวหนังเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม ทำให้เราตัดสินใจกลับมาดูใหม่อีกครั้ง
----- ความรู้สึกที่ได้กลับมาดูใหม่อีกครั้ง -----
ขอเม้าท์ถึงภาคแรกกันก่อนนะคะ ที่บอกไปว่าหนังมันดูน่าเบื่อ แต่เปล่าเลยจริงๆก็คือเราอะยังดูไปไม่ถึงจุดพีคนั้นเอง แต่พอกลับมาดู แล้วดูไปถึงจุดนั้นคือ นางเอกนางก็แซบอยู่นะ ยอมแหกกฏเพราะคิดไม่ซื่อกับพี่ชายเพื่อนตัวเอง และหลังจากนั้น พอนางเอกรู้ว่าพระเอกมีใจนางเอกกับพระเอกก็ใส่กันไม่ยั้งเลยจ้า ดูแล้วแอบกรี้ดหนักมากไม่คิดว่าจะรุกกันรุนแรงขนาดนั้น (ในใจเราคือแบบ...หนูลูกเบาได้เบา) นางเอกเธอลืมไปแล้วหรอจ๊ะว่ามีกฎห้ามแอบแซ่บกับพี่ชายเพื่อน ดูแล้วฟินมากนี่ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจห้องข้างๆก็คือจะไม่แอบกรี้ดนะแต่จะกรี้ดจริงๆเลย โอ้ยฟิวเเบบคนที่เราชอบเค้าชอบเรากลับอะ
แล้วคือความกุ๊กกิ๊กของนางเอกและพระเอกคือน่ารักมาก โดยเฉพาะฉากที่พระเอกกลับนางเอก แอบไปจู๋จี๋กันในห้องแล้วแม่พระเอกจะเข้ามาเก็บผ้าในห้องพอดี ทำให้นางเอกต้องลงไปแอบใต้เตียง แล้วคือแบบเลิกลั๊กกันมากกกกกก แล้วแม่พระเอกยังพูดกับพระเอกอีกนะว่าดูเหมือนนางเอกจะแอบชอบให้พระเอกเอ็นดูนางเอก แล้วพระเอกก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องว่านางเอกชอบ ในใจคืออยากจะบอกว่าคุณแม่ขาเค้าเป็นแฟนกันแล้วค่ะ (ชั้งไม่รู้อะไรบ้างเล๊ยยยยยย...)
ไม่ใช่เพียงแค่จะมีแต่ความน่ารักกุ๊กกิ๊กของพระเอกและนางเอกอย่างเดียว เพราะนอกจากนี้หนังยังถ่ายถอดความสัมพันธ์ ความเป็นห่วงเป็นใย ของความเป็นเพื่อนระหว่างนางเอกและลีฟรินน์ได้ดีอีกด้วย
ความฟินและความดีงามยังไม่จบแค่ที่ภาคแรกจ้า เพราะภาค 2 นอกจากหนังจะเล่าถึงความรักระยะไกลของพระเอกนางเอกแล้วแถมภาคต่อนี้ยังมีตัวละครที่มีเสริมความแซ่บให้กับหนังก็คือนักเรียนหนุ่มคนใหม่ หน้าปังหุ่นแซ่บอย่างมาร์โค่ ที่เป็นที่ชื่นชอบของทั้งตัวละครในหนังและ เป็นที่ชื่นชอบของผู้ชมจากทางบ้านอย่างเราๆ ความแซ่บของหนุ่มมาร์โค่เป็น 1 สิ่งทีทำให้เราตัดสินใจกลับมาดู the kissing booth อีกครั้ง จากคำเครมของเพื่อนๆ
และการกลับมาดูก็ไม่ผิดหวังจริงๆ เพราะว่านางก็แซ่บสมคำล่ำลืออยู่นะ ส่วนนางเอกก็รู้สึกว่าสวยขึ้นจากภาคแรกมากๆ แบบดูโตขึ้น ส่วนพระเอกก็คือดีเหมือนเดิมเพราะดีมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่แอบมีความขัดใจตรงแฟนของลี ฟรินน์ที่แอบเอาแต่ใจไปหน่อย ก็เข้าใจนะว่าอยากมีเวลากับแฟนแต่ว่าเค้าก็เพื่อนกันมั้ยอะ เธอจะมางอแงไม่ได้
และนอกจากความประทับใจในตัวละครแล้ว ยังมีฉากที่เราประทับใจจากหนังเรื่องนี้อยู่ไม่น้อยกันเลยทีเดียว แต่เราจะขอยกมาเพียงฉากเดียวเท่านั้นเพื่อไม่ให้เป็นการสปอยไปมากกว่านี้ ฉากนี้เป็นฉากที่เราประทับใจมากๆ และเป็นฉากที่ทัชใจเรามากๆเด้วย คือฉากที่นางเอกไปแข่งเต้นกับมาร์โค่แล้วพระเอกได้ไปดู
คือแบบชอบสายตาของพระเอกมากๆ เป็นสายตาที่อบอุ่น มันสื่อถึงความรู้สึกปลื้มปริ่มรู้สึกภาคภูมิใจกับคนที่เรารัก ซึ่งพระเอกสื่อออกมาได้ดีมาก ทำให้เรารู้สึกตามได้เลย และมันให้เราความรู้สึกที่ว่าเราอยากที่จะเป็นคนนั้นเลยอะ ดูแล้วก็แอบคิดว่าถ้ามีใครสักคนเฝ้ามองเราด้วยสาตตาที่อบอุ่นแบบนั้นมันคงจะเป็นอะไรที่ดีมากๆ ฉากนี้เป็นฉากที่ทำเราร้องไห้ออกมาเลย เราอายกจะฝากหนังเรื่องนี้ให้ทุกคนได้ไปดูกันนะ
>>>>>มันดีจริงๆ คือมันทัชใจเรามากจริงๆ อยากให้ทุกคนได้ไปดูเพราะมันดีมากกกกก ถ้าใครอยากดูThe kiss booth ทั้ง2ภาคนี้ ก็สามารถเข้าไปดูได้ที่ Netflix เลยน้า <<<<<
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้