หลักทฤษฎีผลประโยชน์กำลังทำงาน และยังทำได้ดีเสมอ.. หลังจากช่วงหลังตลาดหุ้นไทย ถูกความกลัวปกคลุมครอบงำมาสักพัก
ช่วงนี้หากนึกถึงก็จะคล้ายๆกับบรรยากาศช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เป็นคลื่นความกลัวลูกที่2ของการที่หุ้นร่วง แม้จะไม่มีร่วงลงแบบแพนิคเซอร์กิตเบรคเกอร์ แต่เป็นการร่วงแบบลากยาวแบบไม่มีลุ้นให้ฟื้น ทำให้นักลงทุนเบื่อหน่ายและเกิดความกลัว สิ่งที่ซ้ำเติมความกลัวคือจุดรับจิตวิทยา หลังจากหลุด1200 หลายคนคัทลอส และหยุดพักออกจากตลาดไป
สิ่งที่ยืนยันความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นไทย สังเกตได้จากเซตนั้นแยกทางจากดาวโจนส์อย่างชัดเจนในช่วงหลายวันมานี้ นั่นอาจจะเพราะรายใหญ่ยังไม่ยอมให้ลงไปมากกว่านี้ ด้วยหุ้นดีราคาถูกกว่ามูลค่าในอนาคตมีเต็มตลาด ฉันไม่ซื้อเก็บคนอื่นก็ซื้อเก็บ คนที่มองออกก็ไม่อยากเสียโอกาสทิ้งของดีๆไปเช่นกัน 2-3วันมานี้ หุ้นธนาคารที่เคยอ่อนกว่าตลาด กลับแข็งกว่าตลาดขึ้นมาได้ แข็งสวนเซต แข็งสวนดาวโจนส์ ..แม้แต่หุ้นปิโตรโรงกลั่นหลายตัวก็ยังแข็งสวนน้ำมัน
เพราะอะไร?? .. .. ถ้าอธิบายด้วยพื้นฐานก็เพราะมูลค่านั้นต่ำเกินกว่าจะต่ำแล้ว ต่ำจนไม่มีใครอยากจะขายแม้เซตจะแดงก็ตาม หรือถ้ามองภาพรวมการเด้งเขียวสวนตลาดก็จะอธิบายด้วยทฤษฎีผลประโยชน์นั่นเอง..
ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ ก็ยังมีหุ้นรายตัวอีกหลายตัวที่ performดีกว่าตลาดอย่างมาก แม้ตลาดร่วงจาก1300 ลงมา 1200 แต่หุ้นเหล่านั้นกลับยืนพื้นแข็งแรงและขึ้นสวนตลาดด้วยซ้ำ เช่น KTC MTC กลุ่มอิเล็ค กลุ่มอสังหา เป็นต้น
ที่จะสรุปก็คือ ช่วงนี้หากลงทุนโดยดูที่พื้นฐานและมูลค่าของหุ้นรายตัว เป็นช่วงที่เริ่มสะสมเพิ่มได้ สำหรับภาพลงทุนระยะเวลาในอีกครึ่งปีเป็นต้นไปนับจากนี้.. ยังไงก็มีโอกาสได้มากกว่าเสียแน่นอน และอย่าลืมคำนึงถึงมูลค่าหุ้นที่พื้นฐานดี มีmargin of safety กำไรสม่ำเสมอ มีปันผล และเติบโตในระยะยาว ด้วยนั่นเอง..!!
สำหรับคนที่เห็นต่างหรือมีมุมมองทางเทคนิคอื่น ไม่ต้องเชื่อก็ได้นะครับ.. แต่ถ้าลงทุนระยะยาวในหุ้นพื้นฐานดี ตรงจุดนี้เริ่มสะสมเพิ่มได้.. เอ้ารออัลไล ลุย..!! !! !!
ปล. การลงทุนมีความเสี่ยง หุ้นมีหลายตัวในตลาด
การเลือกหุ้นซื้อขายเป็นการตัดสินใจของนักลงทุนเอง เมื่อทำแล้วก็ต้องรับผิดชอบตัวเองกันได้ด้วยนะ.. ..
สัญญาณรอบใหม่ของSET กำลังมา.. << ชินจังผ่านมาคุย talk talk >>
ช่วงนี้หากนึกถึงก็จะคล้ายๆกับบรรยากาศช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เป็นคลื่นความกลัวลูกที่2ของการที่หุ้นร่วง แม้จะไม่มีร่วงลงแบบแพนิคเซอร์กิตเบรคเกอร์ แต่เป็นการร่วงแบบลากยาวแบบไม่มีลุ้นให้ฟื้น ทำให้นักลงทุนเบื่อหน่ายและเกิดความกลัว สิ่งที่ซ้ำเติมความกลัวคือจุดรับจิตวิทยา หลังจากหลุด1200 หลายคนคัทลอส และหยุดพักออกจากตลาดไป
สิ่งที่ยืนยันความแข็งแกร่งของตลาดหุ้นไทย สังเกตได้จากเซตนั้นแยกทางจากดาวโจนส์อย่างชัดเจนในช่วงหลายวันมานี้ นั่นอาจจะเพราะรายใหญ่ยังไม่ยอมให้ลงไปมากกว่านี้ ด้วยหุ้นดีราคาถูกกว่ามูลค่าในอนาคตมีเต็มตลาด ฉันไม่ซื้อเก็บคนอื่นก็ซื้อเก็บ คนที่มองออกก็ไม่อยากเสียโอกาสทิ้งของดีๆไปเช่นกัน 2-3วันมานี้ หุ้นธนาคารที่เคยอ่อนกว่าตลาด กลับแข็งกว่าตลาดขึ้นมาได้ แข็งสวนเซต แข็งสวนดาวโจนส์ ..แม้แต่หุ้นปิโตรโรงกลั่นหลายตัวก็ยังแข็งสวนน้ำมัน
เพราะอะไร?? .. .. ถ้าอธิบายด้วยพื้นฐานก็เพราะมูลค่านั้นต่ำเกินกว่าจะต่ำแล้ว ต่ำจนไม่มีใครอยากจะขายแม้เซตจะแดงก็ตาม หรือถ้ามองภาพรวมการเด้งเขียวสวนตลาดก็จะอธิบายด้วยทฤษฎีผลประโยชน์นั่นเอง..
ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ ก็ยังมีหุ้นรายตัวอีกหลายตัวที่ performดีกว่าตลาดอย่างมาก แม้ตลาดร่วงจาก1300 ลงมา 1200 แต่หุ้นเหล่านั้นกลับยืนพื้นแข็งแรงและขึ้นสวนตลาดด้วยซ้ำ เช่น KTC MTC กลุ่มอิเล็ค กลุ่มอสังหา เป็นต้น
ที่จะสรุปก็คือ ช่วงนี้หากลงทุนโดยดูที่พื้นฐานและมูลค่าของหุ้นรายตัว เป็นช่วงที่เริ่มสะสมเพิ่มได้ สำหรับภาพลงทุนระยะเวลาในอีกครึ่งปีเป็นต้นไปนับจากนี้.. ยังไงก็มีโอกาสได้มากกว่าเสียแน่นอน และอย่าลืมคำนึงถึงมูลค่าหุ้นที่พื้นฐานดี มีmargin of safety กำไรสม่ำเสมอ มีปันผล และเติบโตในระยะยาว ด้วยนั่นเอง..!!
สำหรับคนที่เห็นต่างหรือมีมุมมองทางเทคนิคอื่น ไม่ต้องเชื่อก็ได้นะครับ.. แต่ถ้าลงทุนระยะยาวในหุ้นพื้นฐานดี ตรงจุดนี้เริ่มสะสมเพิ่มได้.. เอ้ารออัลไล ลุย..!! !! !!
ปล. การลงทุนมีความเสี่ยง หุ้นมีหลายตัวในตลาด การเลือกหุ้นซื้อขายเป็นการตัดสินใจของนักลงทุนเอง เมื่อทำแล้วก็ต้องรับผิดชอบตัวเองกันได้ด้วยนะ.. ..