อดีตแชมป์โลก ศิลปะการต่อสู้ผสมผสานของ ONE รุ่นไลต์เวต ฉายา “Landslide” เอดูอาร์ด โฟลายัง กำลังจะได้ขึ้นสังเวียนในดินแดนที่เคยสร้างชื่อเสียงให้เขา และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การเผชิญหน้ากับ “The Spartan” อันโตนิโอ คารูโซ ในศึก ONE: INSIDE THE MATRIX วันที่ 30 ตุลาคมนี้ ที่ สิงคโปร์ อินดอร์ สเตเดียม จะเป็นการหวนกลับสู่เส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์เหมือนอย่างอดีตที่ผ่านมา
เอดูอาร์ด โฟลายัง vs อันโตนิโอ คารูโซ
ศึกแห่งปีครั้งนี้ นับว่ามีความสำคัญมากสำหรับนักสู้ไอคอนชาวฟิลิปปินส์ วัย 36 ปี เอดูอาร์ด ไม่ว่าจะกับตัวเขาเอง ทีมงาน และชาวฟิลิปปินส์
ในปี 2562 ที่ผ่านมา อาจเรียกได้ว่าเป็นช่วงขาลงของเขา การขึ้นสังเวียน 4 ไฟต์ แพ้ 3 ไฟต์ เป็นสถิติที่น่าอดสูสำหรับนักสู้ผู้เคยเกรียงไกรเป็นถึงระดับแชมป์โลก
เริ่มต้นด้วยการเสียเข็มขัดแชมป์โลกให้กับอริเก่าที่เขาเคยไปกระชากเข็มขัดมาอย่าง “Tobikan Judan” ชินยะ อาโอกิ ในเดือนมีนาคม 2562 จากนั้นก็พ่ายให้กับนักสู้ชื่อดังชาวอเมริกัน “The Underground King” เอ็ดดี อัลวาเรซ ในอีก 5 เดือนต่อมา ก่อนจะปิดท้ายปีด้วยชัยชนะแบบหืดขึ้นคอ เมื่อเจอจอมดับเครื่องชนจากมองโกเลีย “Spear” อามาร์ซานา โซกูคู
ดูเหมือนอะไรๆ ทำท่าว่าจะดี แต่แล้วปลายเดือนมกราคม 2563 นักสู้จากทีมลาไคย์รายนี้ ก็ถูกฉุดลงสู่ความพ่ายแพ้อีกครั้ง จากคู่แข่งผู้รั้งอันดับ 3 ของแรงกิง ONE รุ่นไลต์เวต “The Archangel” ปีเตอร์ บุยสต์
บางทีการเปลี่ยนบรรยากาศอาจเป็นสิ่งจำเป็นเพราะการแข่งขัน 3 ไฟต์หลัง เขาขึ้นสังเวียนในบ้านเกิดที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ทุกครั้ง ทั้งที่จริงๆ อดีตแชมป์โลก เอดูอาร์ด เคยกำชัยชนะในดินแดนสิงโตมาถึง 6 ครั้งจากการแข่งขัน 7 ไฟต์ โดยหนึ่งในนั้นคือการกำชัยชนะเหนือ “ชินยะ อาโอกิ” และกระชากเข็มขัดแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวตมาครอบครอง ในเดือนพฤศจิกายน 2559
“ผมเชื่อว่านี่คือบททดสอบใหม่ในการเดินทางอันยาวนาน และตอนมันกำลังเริ่มต้นที่สิงคโปร์อีกครั้ง”
“เดิมทีพวกเราคิดว่าคงจะไม่ได้ทำการแข่งขันในช่วงโควิด-19 แต่แล้ว วัน แชมเปียนชิพ ก็พยายามหาทางออกจนสามารถจัดการแข่งขันได้ ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมาก ซึ่งผมก็พร้อมเต็มที่และจะสร้างความสำเร็จในศึกนี้ให้ได้”
อันโตนิโอ คารูโซ
ด้านคู่แข่ง “อันโตนิโอ คารูโซ” ชาวออสเตรเลีย เป็นแชมป์แพนแปซิฟิก บราซิลเลียนยิวยิตสู เจ้าของสถิติในการแข่งขันการต่อสู้แบบผสมผสานชนะ 7 แพ้ 1 และมีอัตราการปิดเกมก่อนครบยกที่ 71%
เขาเพิ่งมาเปิดตัวใน วัน แชมเปียนชิพ ได้เพียงไฟต์เดียว และพ่ายให้กับคู่ปรับรายเดียวกันกับ เอดูอาร์ด นั่นคือ ปีเตอร์ บุยสต์
เอดูอาร์ด โฟลายัง
“ผมให้เครดิตเขาไว้สูง เพราะฉายา ‘The Spartan’ ซึ่งหมายถึงนักรบ คงไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ในด้านทักษะการต่อสู้ เขาเก่งเกมภาคพื้นและการซับมิชชัน แต่ในขณะเดียวกันเขาก็แลกหมัดได้ด้วย เขาเป็นจอมบุกและสร้างความกดดันได้มากทีเดียว”
“แน่นอนว่าเราต่างก็ต้องการชัยชนะ ผมเตรียมตัวสำหรับศึกนี้มานานแล้ว ก่อนที่จะรู้ว่าจะได้เจอกับใครเสียอีก เขายังหนุ่มและมีความกระหายชัยชนะ แต่ผมจะแสดงให้เขาเห็นว่า ผมมีความกระหายมากกว่าเขาซะอีก”
“เอดูอาร์ด โฟลายัง” เยือนถิ่นเก่าที่เคยรุ่งเรือง หวังกู้ชื่อกู้ศรัทธาในแดนสิงโต
ในปี 2562 ที่ผ่านมา อาจเรียกได้ว่าเป็นช่วงขาลงของเขา การขึ้นสังเวียน 4 ไฟต์ แพ้ 3 ไฟต์ เป็นสถิติที่น่าอดสูสำหรับนักสู้ผู้เคยเกรียงไกรเป็นถึงระดับแชมป์โลก
เริ่มต้นด้วยการเสียเข็มขัดแชมป์โลกให้กับอริเก่าที่เขาเคยไปกระชากเข็มขัดมาอย่าง “Tobikan Judan” ชินยะ อาโอกิ ในเดือนมีนาคม 2562 จากนั้นก็พ่ายให้กับนักสู้ชื่อดังชาวอเมริกัน “The Underground King” เอ็ดดี อัลวาเรซ ในอีก 5 เดือนต่อมา ก่อนจะปิดท้ายปีด้วยชัยชนะแบบหืดขึ้นคอ เมื่อเจอจอมดับเครื่องชนจากมองโกเลีย “Spear” อามาร์ซานา โซกูคู
ดูเหมือนอะไรๆ ทำท่าว่าจะดี แต่แล้วปลายเดือนมกราคม 2563 นักสู้จากทีมลาไคย์รายนี้ ก็ถูกฉุดลงสู่ความพ่ายแพ้อีกครั้ง จากคู่แข่งผู้รั้งอันดับ 3 ของแรงกิง ONE รุ่นไลต์เวต “The Archangel” ปีเตอร์ บุยสต์
บางทีการเปลี่ยนบรรยากาศอาจเป็นสิ่งจำเป็นเพราะการแข่งขัน 3 ไฟต์หลัง เขาขึ้นสังเวียนในบ้านเกิดที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ทุกครั้ง ทั้งที่จริงๆ อดีตแชมป์โลก เอดูอาร์ด เคยกำชัยชนะในดินแดนสิงโตมาถึง 6 ครั้งจากการแข่งขัน 7 ไฟต์ โดยหนึ่งในนั้นคือการกำชัยชนะเหนือ “ชินยะ อาโอกิ” และกระชากเข็มขัดแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวตมาครอบครอง ในเดือนพฤศจิกายน 2559
“ผมเชื่อว่านี่คือบททดสอบใหม่ในการเดินทางอันยาวนาน และตอนมันกำลังเริ่มต้นที่สิงคโปร์อีกครั้ง”
“เดิมทีพวกเราคิดว่าคงจะไม่ได้ทำการแข่งขันในช่วงโควิด-19 แต่แล้ว วัน แชมเปียนชิพ ก็พยายามหาทางออกจนสามารถจัดการแข่งขันได้ ผมรู้สึกซาบซึ้งใจมาก ซึ่งผมก็พร้อมเต็มที่และจะสร้างความสำเร็จในศึกนี้ให้ได้”
เขาเพิ่งมาเปิดตัวใน วัน แชมเปียนชิพ ได้เพียงไฟต์เดียว และพ่ายให้กับคู่ปรับรายเดียวกันกับ เอดูอาร์ด นั่นคือ ปีเตอร์ บุยสต์
“ผมให้เครดิตเขาไว้สูง เพราะฉายา ‘The Spartan’ ซึ่งหมายถึงนักรบ คงไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ในด้านทักษะการต่อสู้ เขาเก่งเกมภาคพื้นและการซับมิชชัน แต่ในขณะเดียวกันเขาก็แลกหมัดได้ด้วย เขาเป็นจอมบุกและสร้างความกดดันได้มากทีเดียว”
“แน่นอนว่าเราต่างก็ต้องการชัยชนะ ผมเตรียมตัวสำหรับศึกนี้มานานแล้ว ก่อนที่จะรู้ว่าจะได้เจอกับใครเสียอีก เขายังหนุ่มและมีความกระหายชัยชนะ แต่ผมจะแสดงให้เขาเห็นว่า ผมมีความกระหายมากกว่าเขาซะอีก”