ขอไม่เท้าความเยอะครับ หลายคนคงรู้จัก Avast โปรแกรม anti virus อยู่แล้ว
- ผมจะเริ่มเลยคือ วันนี้ 28/10/20 ผมได้รับบิลใบเสร็จเรียกเก็บค่าบัตรเครดิตจาก KTC ซึ่ง มีค่าใช้จ่ายหลายรายการ แต่หนึ่งในรายการนั้นคือ DRI*AVAST Software avst.com/ordlE เป็นเงิน 990 บาท ซึ่งแฟนผมเป็นคนเก็บบิลแล้วถามว่าค่าอะไร ผมงงสิ โปรแกรมแบบนี้ต้องทำผ่านคอมพิวเตอร์ ไม่ได้เผลอกดกันง่ายๆผ่านมือถือ เหมือนเติมตังค์ในเกมส์ แต่ผมไม่ได้ทำ แล้วผมก็อยู่ในบ้านกับแฟนแค่ 2 คน ซึ่งแฟนผมไม่ต้องพูดถึงทำอะไรแบบนี้ไม่เป็นแน่นอน แล้วมันตัดเงินเราไปได้ไงหละ
- ผมเลยโทรหา KTC เพื่อขอยกเลิก ซึ่งผมเข้าใจว่าทำได้เนื่องจากรายการที่ทำยังไม่ถึงรอบชำระ และยังไม่ถึง 30 วัน แต่ผมได้รับคำตอบว่าไม่สามารถยกเลิกได้ เนื่องจากร้านค้าหรือผู้ประกอบการได้รับยอดชำระจากทางบัตรได้ ซึ่งผมงงมาก ก็พยายามถามว่าแปลกนะ ผมว่ามันต้องมีกรณีที่มีการใช้บัตรแบบไม่ถูกต้องอยู่ แล้วมีการขอยกเลิก ซึ่งผมก็โทรไปในเวลาไม่เกิน 30 วัน แต่ทำไมถึงยกเลิกไม่ได้ (เข้าใจว่าต้องแจ้งภายใน 24 ชั่วโมงรึเปล่า) แต่ก็ได้รับการยืนยันเหมือนเดิม และทางเจ้าหน้าที่ KTC ก็แนะนำให้ผมติดต่อกับทาง Avast เอง
- ผมก็เลยโทรหา Avast ซึ่งเป็น avast thailand ซึ่งหาเบอร์เอาจากใน Google แล้วผู้รับก็ให้คำแนะนำที่ดี แล้วก็เข้าใจว่ามันไม่ถูกต้อง แต่เค้าก็ช่วยอะไรไม่ได้ "เพราะ มันคือ avast global ไม่ใช่จาก thailand " ซึ่งเค้าก็บอกว่าเค้าให้บริการแต่กับระบบแบบบริษัทไม่ใช่กับทางส่วนบุคคลทั่วไป ก็เข้าใจได้ และเค้าก็ตั้งข้อสังเกตุว่า ถ้าเค้ามีปัญหาเรื่องรายการบัตรเครดิตที่ไม่ถูกต้อง เค้าต้องยกเลิกได้สิ ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะ มันมีความผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว มันน่าจะทำการยกเลิกได้นะ จะใช้เวลาในการตรวจสอบหลายวันหรืออะไรก็ตาม แต่ควรจะยกเลิกได้สิ
- ผมก็เลยโทรกลับไปที่ KTC call center อีกที ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ยอมให้ผมแจ้งยกเลิกรายการที่ว่า โดยขอเวลาตรวจสอบ 15 วัน และให้อายัติบัตรพร้อมกับออกบัตรใหม่ให้เพื่อไม่ได้มีการตัดยอดจากบัตรเดิมอีก และจะย้ายข้อมูลพร้อมกับคะแนนมาที่บัตรใหม่ให้เรียบร้อย ซึ่งผมก็คิดว่ามันควรจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
-
ซึ่งเรื่องทั้งหมดผมจะบอกว่ามันเป็นความผิดพลาดของผมเองด้วย หลังจากทบทวนแล้วว คือเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมเคย สมัคร avast เป็นโปรฯพื้นฐานตัวหนึ่ง(ผมจำชื่อรายการที่สมัครไม่ได้แล้ว ) ซึ่งเข้าใจว่ามีค่าสมัครเป็นมากกว่า 990 บาทอีก แต่พอสมัครใช้ไป 1 ปี ปรากฎว่า window ผมมีปัญหา ผมต้องไปลง window ใหม่ และพอลงเสร็จ สิ่งที่เกิดขึ้น Avast ถามหา serial และ password ของ solution ว่าคืออะไร ซึ่งผมจำไม่ได้และไม่ได้บันทึกไว้ ซึ่งผมก็หัวเสีย เพราะ ขนาด Google ยังมีระบบให้ผม log in อัตโนมัติ(โดยน่าจะเช็คจาก IP) แต่ผมงงว่า avast ไม่เคยจดจำเรื่องพวกนี้เลยเหรอ แต่ก็นะ พยายาม log in ด้วยอะไรที่พอจะจำได้ แต่ก็ไม่สำเร็จ ก็เลยปล่อยมันตามนั้น แล้วใช้เป็น free user ตั้งแต่นั้นมา
- โดยหารู้ไม่ว่า พอ user ที่เราเคยสมัคร expire ปุ๊บ มันจะตัดเงินเราอีกที โดยไม่มีการแจ้งอะไรให้เรายืนยันเลย แม้แต่ในบัตรเครดิตก็มีแต่การแจ้งเตือนจาก app ว่ามีความพยายามตัดยอดบัตรเครดิตโดยใส่วันหมดอายุไม่ถูกต้อง
- ทั้งหมดนี้ อาจจะเป็นแค่ยอด 990 บาท แต่ผมอยากจะให้เป็นอุทาหรณ์ว่า
1. การ subscribe อะไร ให้ระวังการผูกพันธุ์ ถ้าจ่ายผ่านบัตรเครดิต ให้ระวังว่าจะมีการใช้จ่ายต่อเนื่อง ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าได้แจ้งยกเลิกอยากถูกต้อง เมื่อหมดอายุ คุณอาจจะโดยหักเงินอีก(เพื่อการต่ออายุอัตโนมัติ) โดยคุณไม่สมัครใจ
2. ผมเช็คกับ KTC ว่า ผมสามารถเช็คการค่าใช้จ่ายจากการ subscribe อะไร ที่ไม่ได้เกิดบน App store(ผมใช้ iphone) ได้มั้ย ผมได้คำตอบว่า ต้องโทรถามเจ้าหน้าที่เท่านั้น จะไม่มีระบบเตือน และไม่สามารถเช็คได้ผ่านทาง app ของ KTC ได้เลย เพราะฉนั้นอยากรู้ อยากยกเลิก ต้องโทรแจ้งเจ้าหน้าที่เท่านั้นและถ้าเจ้าหน้าที่บอกให้เรายกเลิกผ่านระบบที่ไป subscribe ต้องไม่ยอม ต้องขอให้ KTC ยกเลิกให้เราได้เลย เพราะ KTC ทำได้
3. Avast พยายามตัดยอดเงินผม แต่ไม่มีความพยายามให้ผมเข้าระบบ ซึ่งผมพยายามทุกทางแล้ว แต่ทำไม่ได้ เป็นอะไรที่แย่มาก
อันนี้คือ KTC พยายามตัดยอดออกให้ Avast ทั้งๆที่ใส่ เลขวันหมดอายุไม่ถูก (น่าจะใช้ข้อมูลของบัตรเดิมก่อนต่ออายุบัตร) ซึ่งได้รับคำตอบจาก KTC ว่า ถ้าร้านค้าหรือผู้ให้บริการ ร้องขอวันหมดอายุของบัตรล่าสุดของเรา KTC ก็ให้ เพื่อให้มีการตัดยอดเงินได้ ??? ผมนี่ฮาเลย เห้ย ไม่โทรถามกันเลยเหรอฟ่ะ
เห็นเลยว่าผมไม่ได้เป็นคนไปเผลอกดสมัครอะไรผ่านคอมฯ เพราะวันนั้นคือไปต่างจังหวัดไปหาอะไรกินที่อุดร แล้วตอนapp มันแจ้งเตือนก็กำลังกินโออิชิ ไอ่เราก็นึกว่าดังเตือนเพราะเรารูดบัตรค่าอาหาร เลยไม่ได้สนใจ (เป็นบทเรียนจริงๆ)
ยอดเงินแค่เล็กน้อยนะครับ แต่อยากจะให้ยกให้เป็นเคสตัวอย่างสำหรับคนที่ใช้จ่าย online โดยตัดผ่านบัตรเครดิต ซึ่งผมก็ระวังพอสมควรแล้วก็ยังพลาดจนได้
Avast โปรแกรมanti virus ฟรี ที่อาจจะไม่ฟรีจริง
- ผมจะเริ่มเลยคือ วันนี้ 28/10/20 ผมได้รับบิลใบเสร็จเรียกเก็บค่าบัตรเครดิตจาก KTC ซึ่ง มีค่าใช้จ่ายหลายรายการ แต่หนึ่งในรายการนั้นคือ DRI*AVAST Software avst.com/ordlE เป็นเงิน 990 บาท ซึ่งแฟนผมเป็นคนเก็บบิลแล้วถามว่าค่าอะไร ผมงงสิ โปรแกรมแบบนี้ต้องทำผ่านคอมพิวเตอร์ ไม่ได้เผลอกดกันง่ายๆผ่านมือถือ เหมือนเติมตังค์ในเกมส์ แต่ผมไม่ได้ทำ แล้วผมก็อยู่ในบ้านกับแฟนแค่ 2 คน ซึ่งแฟนผมไม่ต้องพูดถึงทำอะไรแบบนี้ไม่เป็นแน่นอน แล้วมันตัดเงินเราไปได้ไงหละ
- ผมเลยโทรหา KTC เพื่อขอยกเลิก ซึ่งผมเข้าใจว่าทำได้เนื่องจากรายการที่ทำยังไม่ถึงรอบชำระ และยังไม่ถึง 30 วัน แต่ผมได้รับคำตอบว่าไม่สามารถยกเลิกได้ เนื่องจากร้านค้าหรือผู้ประกอบการได้รับยอดชำระจากทางบัตรได้ ซึ่งผมงงมาก ก็พยายามถามว่าแปลกนะ ผมว่ามันต้องมีกรณีที่มีการใช้บัตรแบบไม่ถูกต้องอยู่ แล้วมีการขอยกเลิก ซึ่งผมก็โทรไปในเวลาไม่เกิน 30 วัน แต่ทำไมถึงยกเลิกไม่ได้ (เข้าใจว่าต้องแจ้งภายใน 24 ชั่วโมงรึเปล่า) แต่ก็ได้รับการยืนยันเหมือนเดิม และทางเจ้าหน้าที่ KTC ก็แนะนำให้ผมติดต่อกับทาง Avast เอง
- ผมก็เลยโทรหา Avast ซึ่งเป็น avast thailand ซึ่งหาเบอร์เอาจากใน Google แล้วผู้รับก็ให้คำแนะนำที่ดี แล้วก็เข้าใจว่ามันไม่ถูกต้อง แต่เค้าก็ช่วยอะไรไม่ได้ "เพราะ มันคือ avast global ไม่ใช่จาก thailand " ซึ่งเค้าก็บอกว่าเค้าให้บริการแต่กับระบบแบบบริษัทไม่ใช่กับทางส่วนบุคคลทั่วไป ก็เข้าใจได้ และเค้าก็ตั้งข้อสังเกตุว่า ถ้าเค้ามีปัญหาเรื่องรายการบัตรเครดิตที่ไม่ถูกต้อง เค้าต้องยกเลิกได้สิ ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะ มันมีความผิดพลาดแบบนี้เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว มันน่าจะทำการยกเลิกได้นะ จะใช้เวลาในการตรวจสอบหลายวันหรืออะไรก็ตาม แต่ควรจะยกเลิกได้สิ
- ผมก็เลยโทรกลับไปที่ KTC call center อีกที ครั้งนี้เจ้าหน้าที่ยอมให้ผมแจ้งยกเลิกรายการที่ว่า โดยขอเวลาตรวจสอบ 15 วัน และให้อายัติบัตรพร้อมกับออกบัตรใหม่ให้เพื่อไม่ได้มีการตัดยอดจากบัตรเดิมอีก และจะย้ายข้อมูลพร้อมกับคะแนนมาที่บัตรใหม่ให้เรียบร้อย ซึ่งผมก็คิดว่ามันควรจะเป็นแบบนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
- ซึ่งเรื่องทั้งหมดผมจะบอกว่ามันเป็นความผิดพลาดของผมเองด้วย หลังจากทบทวนแล้วว คือเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ผมเคย สมัคร avast เป็นโปรฯพื้นฐานตัวหนึ่ง(ผมจำชื่อรายการที่สมัครไม่ได้แล้ว ) ซึ่งเข้าใจว่ามีค่าสมัครเป็นมากกว่า 990 บาทอีก แต่พอสมัครใช้ไป 1 ปี ปรากฎว่า window ผมมีปัญหา ผมต้องไปลง window ใหม่ และพอลงเสร็จ สิ่งที่เกิดขึ้น Avast ถามหา serial และ password ของ solution ว่าคืออะไร ซึ่งผมจำไม่ได้และไม่ได้บันทึกไว้ ซึ่งผมก็หัวเสีย เพราะ ขนาด Google ยังมีระบบให้ผม log in อัตโนมัติ(โดยน่าจะเช็คจาก IP) แต่ผมงงว่า avast ไม่เคยจดจำเรื่องพวกนี้เลยเหรอ แต่ก็นะ พยายาม log in ด้วยอะไรที่พอจะจำได้ แต่ก็ไม่สำเร็จ ก็เลยปล่อยมันตามนั้น แล้วใช้เป็น free user ตั้งแต่นั้นมา
- โดยหารู้ไม่ว่า พอ user ที่เราเคยสมัคร expire ปุ๊บ มันจะตัดเงินเราอีกที โดยไม่มีการแจ้งอะไรให้เรายืนยันเลย แม้แต่ในบัตรเครดิตก็มีแต่การแจ้งเตือนจาก app ว่ามีความพยายามตัดยอดบัตรเครดิตโดยใส่วันหมดอายุไม่ถูกต้อง
- ทั้งหมดนี้ อาจจะเป็นแค่ยอด 990 บาท แต่ผมอยากจะให้เป็นอุทาหรณ์ว่า
1. การ subscribe อะไร ให้ระวังการผูกพันธุ์ ถ้าจ่ายผ่านบัตรเครดิต ให้ระวังว่าจะมีการใช้จ่ายต่อเนื่อง ถ้าคุณไม่มั่นใจว่าได้แจ้งยกเลิกอยากถูกต้อง เมื่อหมดอายุ คุณอาจจะโดยหักเงินอีก(เพื่อการต่ออายุอัตโนมัติ) โดยคุณไม่สมัครใจ
2. ผมเช็คกับ KTC ว่า ผมสามารถเช็คการค่าใช้จ่ายจากการ subscribe อะไร ที่ไม่ได้เกิดบน App store(ผมใช้ iphone) ได้มั้ย ผมได้คำตอบว่า ต้องโทรถามเจ้าหน้าที่เท่านั้น จะไม่มีระบบเตือน และไม่สามารถเช็คได้ผ่านทาง app ของ KTC ได้เลย เพราะฉนั้นอยากรู้ อยากยกเลิก ต้องโทรแจ้งเจ้าหน้าที่เท่านั้นและถ้าเจ้าหน้าที่บอกให้เรายกเลิกผ่านระบบที่ไป subscribe ต้องไม่ยอม ต้องขอให้ KTC ยกเลิกให้เราได้เลย เพราะ KTC ทำได้
3. Avast พยายามตัดยอดเงินผม แต่ไม่มีความพยายามให้ผมเข้าระบบ ซึ่งผมพยายามทุกทางแล้ว แต่ทำไม่ได้ เป็นอะไรที่แย่มาก
อันนี้คือ KTC พยายามตัดยอดออกให้ Avast ทั้งๆที่ใส่ เลขวันหมดอายุไม่ถูก (น่าจะใช้ข้อมูลของบัตรเดิมก่อนต่ออายุบัตร) ซึ่งได้รับคำตอบจาก KTC ว่า ถ้าร้านค้าหรือผู้ให้บริการ ร้องขอวันหมดอายุของบัตรล่าสุดของเรา KTC ก็ให้ เพื่อให้มีการตัดยอดเงินได้ ??? ผมนี่ฮาเลย เห้ย ไม่โทรถามกันเลยเหรอฟ่ะ
เห็นเลยว่าผมไม่ได้เป็นคนไปเผลอกดสมัครอะไรผ่านคอมฯ เพราะวันนั้นคือไปต่างจังหวัดไปหาอะไรกินที่อุดร แล้วตอนapp มันแจ้งเตือนก็กำลังกินโออิชิ ไอ่เราก็นึกว่าดังเตือนเพราะเรารูดบัตรค่าอาหาร เลยไม่ได้สนใจ (เป็นบทเรียนจริงๆ)
ยอดเงินแค่เล็กน้อยนะครับ แต่อยากจะให้ยกให้เป็นเคสตัวอย่างสำหรับคนที่ใช้จ่าย online โดยตัดผ่านบัตรเครดิต ซึ่งผมก็ระวังพอสมควรแล้วก็ยังพลาดจนได้