จริงๆ หนังเรื่องนี้ออกมาตั้งแต่ปี 60 แล้วหรอครับ(ปาดเหงื่อ) ซึ่งผมเพิ่งมีโอกาสได้ดู หนังดีดีแบบนี้มันพลาดไปได้ยังไง อะฮึ! ไปอยู่ที่ไหนมา!!
หลังจากผมดูหนังจบ ผมก็เสิร์ชๆๆ ทันที เพราะหนังแบบนี้มันต้องเป็นกระแสแน่ๆ สำหรับคนที่ชอบเสพหนังแบบแท้จริง ซึ่งเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีมากๆ ถึงมากที่สุด ถึงขั้นที่ผมเสิร์ชหากุเกิ้ล และเจอกระทู้พันทิพย์ ซึ่งแต่ละคนมีแนวทางของตัวเองที่น่าสนใจมาก ผมจึงลงทุนสมัครสมาชิกพันทิพย์แบบทันที เพื่ออยากแชร์แนวคิดของผมที่มีต่อหนังที่ดีเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน ซึ่งผมเอาเหตุผลหลายๆอย่าง มารวมกัน และคิดว่ามันสมเหตุสมผลที่สุด เอาหล่ะ!
ต้องบอกก่อนว่า หนังเรื่องนี้ในมุมมองของผมมันสะท้อนถึงความเป็น "มนุษย์มนา" ของคนเรานั่นเอง ไม่ได้เกี่ยวกับฟิสิกหรืออะไรบลาๆ เล๊ย! ย้ำนะครับความคิดส่วนตัว
เริ่มเรื่องจากการใช้ชีวิตปกติของนางเอก เธอเป็นคนธรรมด๊า ธรรมดา แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น จนวันนึงได้มียานประหลาดมาลงจอดที่โลกของเรา! จ๊าก!!
สื่อต่างๆได้ตีเสนอข่าวครึกโครมแบบเซเลบกันเลยทีเดียว แต่มันก็ยังไม่ใช่ประเด็น! และนางเอกก็ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสำรวจในครั้งนี้...
ต่อไปนี้คือของจริงแล้วครับ ภาพรวมของหนังเรื่องนี้ ไม่ได้สื่อถึงยานประหลาดหรือว่าเอเลี่ยน เป็นสำคัญ สังเกตได้ว่า ยานไม่ได้ดูจ๊าบ เพอร์เฟค ไฮเทค จุ๊กกรู๊ แต่อย่างใดเล๊ย! หนังพยายามสื่อถึงความเป็นมนุษย์และลึกลงไปกว่านั้นเยอะมากๆ
ทันทีที่นางเอกขึ้นไปในยานประหลาดลำนั้น และก็พบว่ามันไม่ได้มีอะไรที่จุ๊กกรู๊เลย เป็นเพียงอุโมงค์ธรรมดา ที่ทอดยาว และเมื่อเดินไปถึงปลายอุโมงค์ ก็พบเพียงแค่ห้องสี่เหลี่ยม และกระจกที่กั้นระหว่างเธอและเอเลี่ยนนั่นเอง ตรงนี้แหละครับหนังเริ่มปูทางขึ้นมาทีละนิดแล้ว แบบไม่รู้ตัว จนทำให้ดูหนังเรื่องนี้รอบเดียวคงไม่พอ ต้องดูถึงสองรอบ เอาหล่ะ! กลับมา!!
ผมจะสรุปและจำแนกเป็นย่อยๆ ไปเลยนะครับ ต่อจากนี้คนที่ยังไม่เคยดู ก็ต้องไปดูเอง!
1.ยานและกำแพง
ผู้สร้างหนัง สร้างยานขึ้นมาแบบเป็นรูปแต่ไม่เป็นร่าง แสดงถึง"ความย้อนแย้ง" และภายในยานนั้นเอง คือจิตใจของคนนั้นเอง ลึกลงไปข้างในลึกๆ เราทุกคนล้วนมีกำแพงกันทุกคนครับ กำแพงที่กั้นระหว่างทุกๆอย่าง ไม่ว่ากำแพงที่มีต่อคนแปลกหน้า หรือความเหลื่อมล้ำทางสังคม กำแพงที่กั้นระหว่างนางเอกกับเอเลี่ยนก็คือ "คนแปลกหน้า" ยกตัวอย่าง ย้อนกลับไปเมื่อ 3000 ปีก่อนละกัน ไม่มีเทคโนโลยีใดๆนะครับ ผมเป็นคนผิวดำละกันครับ และที่ที่ผมอยู่ก็มีแต่คนผิวดำ จนวันนึงมีคนผิวขาวเดินมาจากไหนไม่รู้ เราก็ "เฮ้ย! บักนี้มันเป็นใคร ใช่คนหรือเปล่า คนมันต้องผิวดำสิ ทำไมบักนี้มันสีขาวหละ" ทุกคนน่าจะ อ๋อ กันแล้วนะครับ มันก็คือความเหลื่อมล้ำทางสังคมในยุคสมัยนี้นั่นเอง นายจนอะ นายพิกลพิการ รูปร่างอัปลักษณอะ อี๋
2.นางเอกและทหาร
แม้นางเอกจะพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งประหลาดนั้น แต่ก็ยังมีกำแพงขวางเธออยู่ดีในตอนแรก แต่เปรียบกับนางเอกคือคนกลุ่มน้อยบนโลกใบนี้นั่นเองครับ! ที่พยายามเข้าใจ และยุติเรื่องราวแบบสันติ ต่างจากคนหมู่มากที่ไม่เข้าใจ และใช้ความรุนแรงเพื่อยุติเรื่องราว เปรียบกับทหารที่มีอยู่มากในเรื่องนี้นั่นเอง!
3.สิ่งที่เอเลี่ยนพยายามจะบอก
แยกออกไปอีก 3 อย่างหลักๆ คือ "อาวุธของนางเอก" "เรามาเพื่อช่วย" และ"นางเอกเห็นอนาคต?"
-"อาวุธของนางเอก" นั่นก็คือ!!! จิตสำนึกที่ดีของเธอนั่นเองครับ ซึ่งมันแปลว่า "ของขวัญ" ไง ส่วนคนหมู่มากเรียกมันว่าอาวุธเพราะความไม่เข้าใจ นั่นแหละครับอาวุธในใจ มันคืออาวุธทำลายล้าง ยกตัวอย่างง่ายๆ สงครามโลกเกิดจากสิ่งเล็กๆ นั่นแหละครับ
-"เรามาเพื่อช่วย" ก็ไม่ได้ซับซ้อนครับ มันคือ"การพึ่งพาอาศัย" วันนี้เราช่วยคุณ วันหน้าคุณต้องช่วยเรา หรือถ้าจะคิดให้มันซับซ้อน ยกตัวอย่างเช่น คุณเป็นชาวสปาตันละกัน อยู่ดีๆ มีตัวอะไรใส่เสื้อเกราะ ถือปืน ขี่รถถัง มาจอดที่ชาวสปาตัน แล้วก็มาบอกว่า"เรามาเพื่อช่วย และวันข้างหน้าคุณต้องช่วยเรา" และ 3000 ปี ต่อจากนั้น มันก็คือลูกหลานของเราที่มีแผ่นดินอยู่ไงครับ มีเทคโนโลยี ถ้าวันนั้นคุณและชาวสปาตันตัดสินใจเปิดศึกกับคนที่ถือปืนหละก็ ไม่เหมือนในหนังแน่นอนครับ ตายยกแผง นั้นก็คือจะไม่มีลูกหลานของคุณ และเทคโนโลยี ประเพณี อะไรต่างๆ *ยกตัวอย่างเฉยๆนะครับ นอกนั้นต้องตีความกันเอาเอง
-"นางเอกเห็นอนาคต?" อยากจะขำเป็นภาษาอิตาลีใช่ไหมครับ แต่ผมจะบอกให้ ทุกคนก็เห็นอนาคตได้ครับ ลองคิดๆดูให้ดี คิดๆดูให้ดี อิอิ
4.สิ่งที่นางเอกพูดกับจีน
สิ่งที่นางเอกพูดกับจีนก็คือ!!! ผมไม่รู้ครับ แต่มันสำคัญตรงไหน เพราะผลลัพธ์มันคือ "การปรองดอง" นั่นเอง นั่นคือสิ่งที่หนังพยายามจะสื่อ ลองคิดกลับกันดูนะครับ ถ้านางเอกไม่ตัดสินใจพูดกับจีน ถ้าจีนทำสงครามกับเอเลี่ยน นางเอกจะเห็นอนาคตของเธอยังไง อ้าว! อ๋อเลย!!!
จบ!!!! ทั้งหมดทั้งมวลเป็นเพียงความคิดส่วนตัว และที่สำคัญที่สุดขึ้นอยู่กับคุณ คุณดูแล้วได้อะไรนะครับ
ตีความ บทสรุป Arrival ผู้มาเยือน! (เพิ่งได้ดู!!)