ทำไมมีลูกแล้วรู้สึกเหมือนขายวิญญาณให้ลูกเลยคะ

ตามหัวข้อเลยค่ะ  
ทำไมมีลูกแล้วรู้สึกเหมือนขายวิญญาณให้ลูกเลยคะ
ก่อนจะมีลูก  คิดกันให้ดีๆนะคะ 

คุณพร้อมที่จะเสียสละ ชีวิต ประจำวัน แล้วหรือยัง ?
คุณพร้อมที่จะเสียสละ เวลา ทั้งชีวิต เพื่อดูแลเค้าแล้วหรือยัง ?
คุณพร้อมที่จะเสียสละเวลาว่าง เวลาแห่งความสุข กิจกรรมยามว่าง งานอดิเรก แล้วหรือยัง  ?

คุณทำใจได้แค่ไหน ที่วันๆนึงคุณจะเหลือเวลาว่างให้ชีวิตคุณไม่เกินวันละ 2 ชม . ...
คุณทำใจได้แค่ไหน  ที่ คุณตื่นมาแล้วพบว่าตัวเองมีสภาพที่โทรมมาก  ตาเป็นหมีแพนด้า  หน้าไม่มีเวลาแต่งหน้า
แต่งตัว  ผมทำได้แค่รวบๆ มัดๆไว้ไม่ให้มันฟูแค่นั้น 

(จริงอยู่ที่ว่า มี 1 คนพอเค้าโต หรือเข้าเรียน คุณจะมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น
แต่ถ้ามี 2 เมื่อไหร่ แล้วคนโตยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้  บอกเลยว่า ความประสาท-จะบังเกิดขึ้นทันที ...  

ขอบอกก่อนค่ะ ว่าเจ้าของกระทู้มีลูก 2 คนค่ะ
คนโต 2 ขวบ คนเล็ก 8 เดือนค่ะ 
เริ่มเรื่อง  ตั้งแต่มีคนโต ช่วง 3 เดือนแรก ที่คลอดออกมาโดยการผ่า เราทั้งเจ็บแผล นมคัด  (นมปั๊มไม่ค่อยออกค่ะ แล้วมันคัดมาก ไข้ก็ขึ้น ทรมานสุดๆ )
 แต่ก็ยังต้องเดินเลี้ยงลูก ซักผ้าอ้อม บางคนในบ้าน ไม่อยากให้ใส่แพมเพิ้ล คือเด็ก ฉี่กะอึวันนึงเกินสิบรอบค่ะ  แผลก็เจ็บต้องมานั่งซัก  คราวหลังเราเลยไม่ไหวค่ะ  นอนก็ไม่ได้นอน อย่างมากสุด วันนึงจะได้นอน ไม่เกิน 2-3 ชม. ค่ะ

พอคนโตได้ 2 ขวบกว่า ทางบ้านสามีก็จะให้มีคนที่ 2 ต่อค่ะ 
โดยอ้างว่าจะได้เหนื่อยทีเดียวเวลาไปส่งจะได้ส่ง รร.ทีเดียวเลย 
เราก็ดันยอมให้มีคนที่ 2 ค่ะ 

พอคลอดออกมา  จะบอกว่า  นรกแตกจ้าาาา    
เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังว่า ความนรกแตกมันเป็นยังไง
คือคนโต แกล้งน้องตลอด  ทั้งดึงผ้า /  แย่งขวดนม /  อันนี้ของผม  อันนั้นไม่ให้  ประสาท-มากจ้าาา  
แล้วเราคนเป็นแม่ หน้าที่หลักๆเลยคือต้อง  คอยดูเจ้าตัวเล็ก แต่ชีวิตวนลูปเพราะเพิ่งคลอดมา ความทรมานแบบคนแรก ก็ยังอยู่ แต่ที่เพิ่มเลเวลอัพขึ้นมาคือ มีเจ้าลิงตัวโตคอยป่วนตลอดเวลา นอกจากตอนหลับ  คือบอกตรงเลยว่า  เหนื่อยมากกกก   เหนื่อยจนอยากตายเลย 

อย่าไปเชื่อพวกที่บอกว่า  เดี๋ยวคลอดมาจะสบาย  ไม่มีทาง  ยิ่งคลอดออกมา คือยิ่งทวีคูณความประสาท-จ้าาา   
เพราะฉะนั้นช่วงที่ท้อง คุณควรนอนพักผ่อนเอาเเรงเยอะๆเลย จะไม่มีคำว่า เดี่ยวคลอดแล้วจะสบายเด็ดขาด  ไม่มีทาง นอกจากคุณ  จะจ้างพี่เลี้ยง
  เล่าคร่าวๆ ว่าวันนึง คุณต้องเจออะไรบ้างนะคะ ถ้าลูก 2 คน 
สมมุต เราส่งลูกคนโตเข้านอนตอน 3 ทุ่ม นะคะ คนโตนอนเเล้ว คนเล็ก จะนอนสัก 4 ทุ่มตื่นมากินนมอีกทีตอน เที่ยงคืน  ทีนี้บางทีก็นอนต่ออีกสักชม. ไม่ก็ตื่นยาวๆยั้น ตี3 เลยก็มี มีที่พีคสุดๆคือ ตื่นตั้งแต่ ตี 2 ยั้นตี 5 จ้า   อิแม่นี่คือ  ง่วงก็ง่วง หัวฟู  หน้าคล้ำเป็นหมีแพนด้าเลย  
ของเราลูกคนเล็ก ไม่ค่อยยอมกินเต้าด้วย  เราเลยต้องมานั่งปั๊มนมใส่ขวดให้เค้า ซึ่งมากินเวลาตรงนี้ล่ะ  สมมุตเด็กจะนอนสัก 2 ชม.นะ  เราเสียเวลาปั๊มนมไปสัก 20 นาทีละ  ไหนจะเก็บล้างขวด นึ่งขวดอีก ปาเกือบๆ 30-35 นาที เราเหลือเวลานอนทดๆกันอยู่แค่ ชม.เศษๆ  

เอาตรงๆ  มีลูกนี่เหมือน ขายวิญญาญชีวิต ไปเลยจริงๆ  

อ่ะต่อๆ   พอเช้ามา คนโตตื่น  ทีนี้ล่ะความบันเทิงบังเกิดจ้า  
เราช่วงที่แผลหาย ครบเดือน ก็ต้องลงไปทำกับข้าว สามีต้องไปทำงาน เราต้องดู 2 คนเลย 
เราจำต้องให้คนโตเข้าไปเล่นรถ ไม่ก็ดูการ์ตูนเพื่อ กันความวิ่งวุ่นวายในครัวไปก่อน คนเล็ก บางวันก็ยอมนอนดีๆ บางวันก็ร้องไห้ตอนทำกับข้าว ประสาท-จ้าาา   บางที 2 คน อึพร้อมกัน  ประสาท-อีกจ้าาา   บางทีทะเลาะกันอีก  เราก็ประสาท-อีก  

ตอนกินข้าว  ถ้าพูดถึงช่วงปัจจุบันนี่ยังดีหน่อย คนโตเข้าเรียน   ส่วนคนเล็ก 
เราสอนให้คนเล็ก หัดหยิบอาหารเข้าปากใช้ส้อมจิ้มผลไม้เข้าปากได้แล้ว  
แต่พอกินเสร็จ  เราต้องกลายร่างเป็น เทศบาล ปัดกวาดเช็ดถู เศษอาหารทุกรอบๆ 

เอาตรงๆบางวันมันก็ท้อแสนท้อ  บางวันก็หลบไปร้องไห้ ในห้องน้ำ 
ทำไมชีวิตเราต้องเหนื่อยขนาดนี้ด้วยนะ   (บางคนคงนึกในใจ ก็เราเลือกเอง เลือกที่แต่งงานมีลูกเอง ก็รับกรรมไปสิ ) 
เข้าใจค่ะ ว่าทางเดินอันนี้เราเลือกเอง  แต่เราก็แค่อยากระบายค่ะ  เพราะจริงๆ เราเจออะไรเยอะกว่านี้มากๆ 
เราอยู่บ้านสามีค่ะ ค่อนข้างเป็นครอบครัวใหญ่ค่ะ  เจอแรงกดดันหลายอย่างค่ะ 
เช่น ต้องตื่นเช้ามากๆ ทุกเช้า ไม่มีวันหยุดที่จะตื่นสายได้เลย  ตื่นเพื่อมาทำกับข้าวให้ทุกคนในบ้านกิน 
และต้องกระเตงลูกๆ เด็กๆลงมาทำงานด้วยทุกวันค่ะ ยกเว้นวันหยุดค่ะ 

มันพาลทำให้เราคิดถึงสมัยสาวๆที่ชีวิตเรามีอิสระมากๆ  อยากไปไหนก็ไป  อยากทำอะไรตอนไหนก็ได้ 

มี ซีรี่เรื่องนึงที่เราดูแล้วติดใจมากๆ   amiliar wife คนที่มีลูก หรือคิดจะมีลูกควรดูจริงๆค่ะ
เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นกับ ชา จู ฮยอก ผู้ช่วยนายธนาคาร กับ ซอ อู จิน ภรรยา พร้อมกับเจ้าตัวเล็กในวัยเตาะแตะอีก 2 คน
 ในเรื่อง Familiar_Wife ที่ออนแอร์ไปนานมากแล้ว แต่เพิ่งได้มีโอกาสดูจบไป ...
ชา จู ฮยอก พบว่าชีวิตครอบครัวเขาไม่มีความสุขอีกต่อไป ...
เช้าตื่นนอนก็ได้ยินแต่เสียงเมียบ่น กินเลี้ยงกับเพื่อนที่ทำงานก็บ่น กลับมาก็เจอเมียโทรม ๆ
ผมยุ่ง ๆ คนหนึ่งที่คอยแต่จะจับผิด
ทำอะไรก็ไม่ถูกใจ แตะตัวก็ด่า กระฟัดกระเฟียด ไม่พอใจ แถมบางทีมาทั้งมือ
ทั้งเท้า และข้าวของที่โยนใส่ด้วยความเกรี้ยวกราด ...
ชีวิตของตัวเองช่างแย่เสียเหลือเกิน
[จากนี้ไปสปอยล์เต็มๆ นะจ๊ะ]
.
.
.
.
จนกระทั่งเขาได้เจอ 'โอกาส' ที่จะกลับไปในอดีตที่จะไม่ต้องพบและแต่งงานกับ ซอ อู จิน เพียงแค่เขาไม่ขึ้นรถเมล์คนเดียวกับเธอเมื่อ 10+ ปีก่อน ... เพราะถ้าวันนั้นเขาไม่ได้พบเธอ ชีวิตของเขาในวันนี้คงไม่แย่แบบนี้ ... และเขาก็ได้โอกาสที่จะทำแบบนั้นจริง ๆ เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงแสนเรียบร้อย ลูกสาวท่านประธานใหญ่ที่ทรงอิทธิพล เขาได้มีครอบครัวที่ดีในแบบที่เขาอยากได้
แต่ในที่สุด ... โชคชะตาก็เล่นตลกให้เขาต้องกลับมา ซอ อู จิน ... ในวันที่เธอโสดและใช้ชีวิตในแบบที่ไม่มีเขาเข้ามาในชีวิต ... ซอ อูจิน คนที่สดใส ร่าเริง อารมณ์ดี ทำงานเก่ง คุยเก่ง น่ารัก ไปอยู่ตรงไหนก็ทำให้ตรงนั้นดูสว่างไสวไปเสียหมด คนเดิมคนที่เขาพบบนรถเมล์เมื่อ 10+ ปีก่อน มันช่างต่างจาก 'ภรรยา' คนที่เขารู้จักเสียเหลือเกิน ...
เมื่อชีวิตต้องดำเนินต่อ ชาจูฮยอกพบว่าเมียที่เขาเลือกใหม่ในวันนี้ ไม่ได้เป็นอย่างที่วาดหวังไว้ ความทรงจำที่มีต่อซออูจินและ คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในวันนี้ ตอกย้ำความรู้สึกที่แท้จริงของเขาให้ชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่า 'เขา' นั่นแหละที่ทำให้เธอเปลี่ยนไปเป็น 'นางมารร้าย' ในสายตาของเขา
นางมารร้ายที่ตื่นแต่เช้า นอกบ้านต้องทำงาน กลับมาบ้านก็ต้องทำงานบ้าน ทำกับข้าว เลี้ยงลูกเล็กอีกสองคน ผมที่เคยสระไดร์ตรงในอดีต ก็ทำได้แค่รวบไว้ข้างหลังแบบกระเซอะกระเซิงเพราะไม่มีเวลาแม้แต่จะสระผม ข้าวก็กินบ้าง ไม่ได้กินบ้าง ส่วนใหญ่ก็เปิดดูในตู้เย็นนั่นแหละ หมดอายุก็ทน ๆ กินบ้างบางที กินข้าวนอกบ้านน่ะรึ อย่าได้หวัง นอนยังไม่ค่อยได้นอนเลย ...
นางมารร้ายคนนั้นที่เสียสละเหลือเกินให้เขา ให้กับลูก แต่เขาเองนั่นแหละที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยฟัง ไม่เคยใส่ใจกับคนที่อยู่ตรงหน้า ... เขาลืมไปรับลูก ลืมวันครบรอบวันตายของพ่อเมีย ลืมทุกอย่างทั้งที่เธอก็ย้ำก็เตือนทุกครั้ง ไม่ใช่ไม่บอก ... #งานบ้านและการเลี้ยงลูกคืองานของผู้หญิง เพราะผู้ชายต้องทำงาน ต้องมีสังคม ... เขาคิดเช่นนั้น ... และเขานั่นเองได้เปลี่ยน 'ผู้หญิง' ที่อารมณ์ดีสดใสคนนั้น ให้กลายเป็น 'มนุษย์เมีย' ที่แสนเกรี้ยวกราด ผมกระเซิง ขอบตาดำคล้ำคนนี้ ...
หากเพียงเรารับฟังกันมากขึ้น
หากเพียงเราเห็นอกเห็นใจกันมากขึ้น
หากเพียงเราพูดจาดี ๆ ต่อกันมากขึ้น
หากเพียงเราช่วยดูแลและประคับประคองครอบครัวด้วยกัน
ให้เมียได้พัก ไปช้อปปิ้ง กินข้าวกับเพื่อนบ้าง
ให้ผัวได้พักหู พักกาย และพักทำใสิ่งที่ชอบบ้าง
เราก็จะใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุขมากขึ้น
ไม่มีงานใดที่เป็นของผู้หญิง/ชายจริง ๆ หรอกค่ะ
ไม่ว่าจะงานบ้าน หรือการเลี้ยงลูก มันต่างเป็นหน้าที่ของทุกคนในครอบครัว อย่าปัดภาระเรื่องเหล่านี้ให้อีกฝ่าย ...
เพราะลองคิดในมุมของเขาบ้าง ที่เราชอบอ้างว่า "ทำงานมาเหนื่อย ๆ ก็อยากจะนั่งพัก
เล่นมือถือ เล่นเกมโง่ ๆ บ้าง นี่อะไรกลับมาก็โดนบ่น ให้ทำโน่นทำนี่ ให้เลี้ยงลูก
ให้นั่นนี่โน่น เหนื่อยนะโว้ย" ... มุมของเมียก็คงตอบด้วยคำสั้น ๆ ที่ตรงไปตรงมา
(ขออนุญาตใช้คำหยาบเพื่อการสื่อสารที่ตรงไปตรงมา) ว่า.....

แล้วกูไม่เหนื่อยเรอะ

แต่ข้อดีมีไหม มันก็มี เดี๋ยวเราจะสรุปเป็นข้อๆให้นะคะ 

ข้อดีของการมีลูก
1. เรารับผิดชอบตัวเอง และเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น 
2. ทำอะไรรอบคอบมากขึ้น  เพราะมีอีก 2 คนให้ต้องดูแล
3.  รู้จักการให้และการเสียสละ ที่มากขึ้นมากๆ  
4. มีเด็กๆคอยมองเรา เวลาเราทำอะไร เพื่อที่เค้าจะได้เอาไปทำเป็นแบบอย่าง 
5. เรารู้สึกอบอุ่นเวลาจูงมือกันไปเที่ยวค่ะ ( แต่ก็วุ่นวายสุดๆค่ะ ) 
6. ไม่แน่ใจว่าตอนแก่ๆจะมาดูแลพ่อแม่ไหม  แต่จะพยายามสอนให้รู้จักกตัญญูค่ะ 
7. ผลิตพลเมืองให้กับสังคมก็เป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง มันเหมือนการทำโปรเจ็คชิ้นใหญ่มหาศาลที่ทุ่มทั้งตัวและหัวใจแถมกินเวลายาวนานซะด้วยซิ 
8. เป้าหมายในชีวิตครอบครัวมันชัดเจนขึ้น หนักแน่นมากกว่าอยู่กันสองคน

ทีนี้ใครอยากจะมีหรือไม่มีก็เป็นสิทธิของแต่ละคนแล้วล่ะค่ะ  
แต่อย่าลืมถามใจตัวเองให้ดีๆนะคะ ความพร้อมของตัวเองและความพร้อมของสามีจ้ะ 
ถ้าอยากจะมีก็ต้องช่วยกันเลี้ยงเน้อออ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่