เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่าระหว่างโค้กและเป็ปซี่ยี่ห้อไหนมีความซ่า หรือรสชาติที่ดีกว่ากัน บางคนก็หลงใหลในความหวานซ่าของเป็ปซี่ส่วนบางคนก็ชอบในความหวานซ่าของโค้ก แต่มีบางอย่างที่แตกต่างกันที่ทำให้รสชาติของทั้งสองยี่ห้อมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ซึ่งโค้กและเป็ปซี่เครื่องดื่มโคล่าที่เป็นคู่ค้าคู่แข่งกันมาอย่างยาวนาน มีผู้บริโภคอยู่ทั่วทุกมุมโลก คนที่ชื่นชอบโค้กก็บอกว่าโค้กมีความซ่าและรสชาติดีกว่าเป๊ปซี่ ส่วนคนที่ชื่นชอบเป๊ปซี่ก็บอกว่าเป๊ปซี่นี่แหละมีความซ่าและรสชาติดีกว่าโค้ก จึงไม่สามารถตัดสินได้ว่ายี่ห้อไหนซ่าและอร่อยกว่ากัน
จนมีชาวเน็ตรายหนึ่งก็ได้ไปขุดค้นเรื่องราวจาก “Malcolm Gladwell” นักเขียนชื่อดัง ได้อธิบายถึงความแตกต่างระหว่างโค้กและเป็ปซี่ไว้ในหนังสือ “Blink: The Power of Thinking Without Thinking” ในปี 2005
เขากล่าวเพียงประโยคสั้นๆ ว่า “เป็ปซี่มีลักษณะเป็นกลิ่นและรสเปรี้ยวซึ่งแตกต่างจากโค้กที่มีกลิ่นวนิลาผสมอยู่“
มาลองดูส่วนผสมของทั้งเป็ปซี่และโค้ก
โดยเป็ปซี่มีกรดซิตริก(citric acid ) อยู่ในส่วนผสมด้วย ซึ่งกรดซิตริกนี้เป็นวัตถุเจือปนอาหารที่ใช้อย่างกว้างขวางในอาหารและเครื่องดื่ม ใช้ปรุงแต่งกลิ่นรสอาหารให้มีรสเปรี้ยวนั่นเอง
โค้กมีส่วนผสมเหมือนกับเป็ปซี่ทุกอย่าง ยกเว้นกรดซิตริก (citric acid ) ที่ไม่มีในส่วนผสม แต่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลแทน
ซึ่ง 2 ยี่ห้อนี้มันมีความต่างกันแค่ตรงนี้ มันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนชอบแต่ละอย่างมากกว่ากันก็ได้ สุดท้ายแล้วเนื้อหาที่ผมได้นำเสนอไปเพิ่อเป็นการให้ความรู้รอบตัวเกี่ยวกับของกินของใช้ในชีวิตประจำวันของคนเรา เราจะเลือกดื่มโค้กหรือเป็ปซี่ก็แล้วแต่ความชอบของตัวเองเพราะทั้งสองยี่ห้อก็ต่างช่วยดับกระหายและให้ความซ่าสดชื่นแก่ผู้บริโภคด้วยกันทั้งนั้น
แหล่งที่มาของข้อมูล :
https://www.catdumb.com/pepsi-and-coke/
ส่วนผสมที่ทำให้โค้กและเป็ปซี่ มีความแตกต่างกัน
ซึ่งโค้กและเป็ปซี่เครื่องดื่มโคล่าที่เป็นคู่ค้าคู่แข่งกันมาอย่างยาวนาน มีผู้บริโภคอยู่ทั่วทุกมุมโลก คนที่ชื่นชอบโค้กก็บอกว่าโค้กมีความซ่าและรสชาติดีกว่าเป๊ปซี่ ส่วนคนที่ชื่นชอบเป๊ปซี่ก็บอกว่าเป๊ปซี่นี่แหละมีความซ่าและรสชาติดีกว่าโค้ก จึงไม่สามารถตัดสินได้ว่ายี่ห้อไหนซ่าและอร่อยกว่ากัน
จนมีชาวเน็ตรายหนึ่งก็ได้ไปขุดค้นเรื่องราวจาก “Malcolm Gladwell” นักเขียนชื่อดัง ได้อธิบายถึงความแตกต่างระหว่างโค้กและเป็ปซี่ไว้ในหนังสือ “Blink: The Power of Thinking Without Thinking” ในปี 2005
แหล่งที่มาของข้อมูล : https://www.catdumb.com/pepsi-and-coke/