เครสเชนโด ความหมายคือ "ค่อยๆดัง" เปรียบในอีกมุมมองหนึ่งคุณอาจจะอยู่ในจุดที่เล็กที่สุด คุณจะได้ค่อยๆเติบโต
เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งจุนยอง ซงอา จองคยอง และฮยอนโอ เมื่อเวลาพัดเอาความเศร้าเสียใจหรืออยู่ในจุดที่ต่ำสุด
น้ำตามันทำให้เรามองไม่เห็นอะไรเลย ณ ขณะนั้นเราอาจจะดูตัวเล็กๆเป็นที่สุด ดูว่าอะไรหลายๆอย่างมันไม่เป็นใจ
ดูว่าเวลามันช่างไม่เข้าข้างเราเอาเสียเลยรวมถึงคนรอบข้างเรา ถ้าเราอดทนกับมันเราก็กำลังเรียนรู้และค่อยๆเติบโตในอีกมุมของชีวิต
ถึงแม้ว่าซงอาจะละทิ้งความรักต่อไวโอลินนั้นและไปขายไวโอลินด้วยเหตุผลเพื่อให้กับคนที่รักไวโอลินมากกว่าตัวเธอได้นำไปใช้ประโยชน์
เพราะเครื่องดนตรีก็มีจิตวิญญาณ เช่นกันกับจุนยองเมื่อมีอิสระกับสิ่งที่ตัวเองเล่นคือเปียโนหลุดพ้นจากกรอบการ
แข่งขันและกดดันต่างๆของครอบครัวเล่นตามหัวใจของตัวเอง ความสุขก็ตามมาและเสียงเพลงก็จริงใจเสมอ เพลงจะเพราะก็ต่อเมื่อคนเล่นมีความสุข
จริงๆแล้วซงอาบางมุมอาจจะไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง สับสนตัวเองอยู่เป็นเนืองๆ แต่เป็นคนที่แสดงความคิดเห็นกับคนอื่นได้อย่างตรงไปตรงมาฟังแล้ว
ทำให้มีสติกลับมา จองคยองเองก็ไม่มั่นใจในดนตรีของตัวเองอยู่บ่อยๆเพราะคำพูดเปรียบเทียบกับคนอื่น
กับเรื่องพรสวรรค์จึงเป็นที่มาให้อิจฉาจุนยอง แต่ซงอาพูดได้กระทบใจเพราะจองคยองเป็นครูสอนนร.ได้ดี
ทีเดียว เพราะเธอเข้าใจคนเล่นดนตรีไม่ว่าจะเด็กหรือตอนสอนซงอา จึงเป็นเหตุให้เลือกที่จะสมัครเป็นอาจารย์ต่อไปนั่นถือว่ากล้าหาญทีเดียว
บทสุดท้ายมีหลายท่อน หลายเพลง ที่คนชมแบบเราไม่ค่อยมีความรู้ด้านดนตรีเลย กลับชอบในความหมายของท่อนเพลง
ในแต่ละตอนที่seriesเสนอมา เพราะมันมีความหมายนั่นเอง
และแล้วก็ถึงบทส่งท้าย ในบางตอนก็อาจจะมีเนืองๆไปบ้างก็ทดไว้ในใจ55 ตอนจบ Happy Ending ก็พอ
เบื้องหลังน่ารักจังนั่งเล่นเปียโนข้างกัน
Do You Like Brahms? ตอนจบ เครสเชนโด
เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งจุนยอง ซงอา จองคยอง และฮยอนโอ เมื่อเวลาพัดเอาความเศร้าเสียใจหรืออยู่ในจุดที่ต่ำสุด
น้ำตามันทำให้เรามองไม่เห็นอะไรเลย ณ ขณะนั้นเราอาจจะดูตัวเล็กๆเป็นที่สุด ดูว่าอะไรหลายๆอย่างมันไม่เป็นใจ
ดูว่าเวลามันช่างไม่เข้าข้างเราเอาเสียเลยรวมถึงคนรอบข้างเรา ถ้าเราอดทนกับมันเราก็กำลังเรียนรู้และค่อยๆเติบโตในอีกมุมของชีวิต
ถึงแม้ว่าซงอาจะละทิ้งความรักต่อไวโอลินนั้นและไปขายไวโอลินด้วยเหตุผลเพื่อให้กับคนที่รักไวโอลินมากกว่าตัวเธอได้นำไปใช้ประโยชน์
เพราะเครื่องดนตรีก็มีจิตวิญญาณ เช่นกันกับจุนยองเมื่อมีอิสระกับสิ่งที่ตัวเองเล่นคือเปียโนหลุดพ้นจากกรอบการ
แข่งขันและกดดันต่างๆของครอบครัวเล่นตามหัวใจของตัวเอง ความสุขก็ตามมาและเสียงเพลงก็จริงใจเสมอ เพลงจะเพราะก็ต่อเมื่อคนเล่นมีความสุข
จริงๆแล้วซงอาบางมุมอาจจะไม่ค่อยมั่นใจในตัวเอง สับสนตัวเองอยู่เป็นเนืองๆ แต่เป็นคนที่แสดงความคิดเห็นกับคนอื่นได้อย่างตรงไปตรงมาฟังแล้ว
ทำให้มีสติกลับมา จองคยองเองก็ไม่มั่นใจในดนตรีของตัวเองอยู่บ่อยๆเพราะคำพูดเปรียบเทียบกับคนอื่น
กับเรื่องพรสวรรค์จึงเป็นที่มาให้อิจฉาจุนยอง แต่ซงอาพูดได้กระทบใจเพราะจองคยองเป็นครูสอนนร.ได้ดี
ทีเดียว เพราะเธอเข้าใจคนเล่นดนตรีไม่ว่าจะเด็กหรือตอนสอนซงอา จึงเป็นเหตุให้เลือกที่จะสมัครเป็นอาจารย์ต่อไปนั่นถือว่ากล้าหาญทีเดียว
บทสุดท้ายมีหลายท่อน หลายเพลง ที่คนชมแบบเราไม่ค่อยมีความรู้ด้านดนตรีเลย กลับชอบในความหมายของท่อนเพลง
ในแต่ละตอนที่seriesเสนอมา เพราะมันมีความหมายนั่นเอง
และแล้วก็ถึงบทส่งท้าย ในบางตอนก็อาจจะมีเนืองๆไปบ้างก็ทดไว้ในใจ55 ตอนจบ Happy Ending ก็พอ
เบื้องหลังน่ารักจังนั่งเล่นเปียโนข้างกัน