#ความหมองคล้ำ #ฝ้า #กระ
ความหมองคล้ำ ฝ้า กระ ปัญหาผิวที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
แต่ประเทศไทยแสงแดดก็แร๊งแรง อากาศก็ร้อนอบอ้าว ♨️♨️
ทำให้คนไทยมีปัญหา รอยหมองคล้ำ รอยด่างดำ ไปจนถึงรอยโรคอย่างฝ้า กระ ได้อย่างง่ายดาย
โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ต้องสัมผัสแสงแดด หรือความร้อนสูง ปัญหาก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก
เพื่อให้สาวๆหนุ่มๆที่น่ารักของรักป้องกันปัญหานี้ได้ดีขึ้น รักจะมาเล่าที่มาของการเกิดความหมองคล้ำ
ตั้งแต่ระดับเซลล์ไปไกลถึงดวงอาทิตย์เลยค่า เพราะเรามาในคอนเซปต์ #รู้เขารู้เรารบ100ครั้งชนะ100ครั้ง
ยิ่งเข้าใจยิ่งดูแลผิวได้ดียิ่งขึ้น ความหมองคล้ำ ฝ้า กระ ก็จะไม่ใช่ปัญหากวนใจอีกต่อไป
เริ่มจากรู้จักต้นเหตุของความหมองคล้ำ ฝ้า กระ กันก่อน 🚦
จุดเริ่มต้นทั้งหมดมาจาก เจ้าเซลล์ผิวหนังที่ชื่อเมลาโนไซต์ (Melanocyte) ซึ่งอาศัยอยู่ชั้นล่างสุดของหนังกำพร้า
จะคอยผลิตถุงบรรจุเม็ดสี ตัวถุงชื่อว่าเมลาโนโซม (Melanosome) ส่วนตัวเม็ดสีข้างในชื่อเมลานิน (Melanin)
ซึ่งเม็ดสีก็จะถูกส่งขึ้นด้านนบนสุดของหนังกำพร้า ผ่านการสร้างผิวหนังเบียดๆขึ้นมานั่นเอง ทำให้ผิวหนังของเรามีสีสันตามที่เห็นกันทั่วไป
เจ้าเม็ดสีเมลานินแบ่งได้ เป็น 2 แบบ คือ
1. ยูเมลานิน (Eumelanin) เป็นเม็ดสีที่มีสีดำ หรือสีน้ำตาล ซึ่งคนผิวสีเข้มจะมีเม็ดสีนี้ปริมาณมากกว่าคนผิวขาว
2. ฟีโอเมลานิน (Pheomelanin) เป็นเม็ดสีโทนส้มแดง หรือสีเหลือง ซึ่งจะพบในคนผิวขาวปริมาณมากกว่าคนผิวเข้ม
🛡️🛡️ นอกจากหน้าที่การให้สีสันบนผิวหนังซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน เม็ดสียังมีหน้าที่ปกป้องผิวจากรังสี UV, มลภาวะ, การระคายเคือง
ซึ่งการปกป้องนี้เองที่ทำให้เกิดความหมองคล้ำขึ้น เมื่อผิวหนังของสัมผัสกับแสงแดดช่วงระยะเวลาหนึ่ง ร่างกายจะรีบปกป้องตัวเองโดยใช้กลไกธรรมชาติ
ผลิตเม็ดสีดำหรือ ยูเมลานิน ขึ้นมาเพื่อปกป้องรังสีจากดวงอาทิตย์ ซึ่งความสามารถเทียบท่ากับกันแดดที่มีค่า SPF10-15 เลยทีเดียว
การปกป้องนี้เองจึงเป็สาเหตุของความหมองคล้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่ามหมองคล้ำเกิดขึ้นแค่เพียงชั่วคราวและหายไปได้
แต่ถ้ามีการสัมผัสแดดจัดๆเป็นเวลานาน สะสมเป็นปีๆ จากความหมองคล้ำ ร่างกายก็จะปกป้องตัวเอง โดยการสร้างเม็ดสีเมลานินจำนวนมากๆขึ้นมาสะสมบนผิว เพื่อมาปกป้องผิวของเรา ถ้า
เห็นเป็นปื้นๆแผ่น ก็เรียกว่า ฝ้า ถ้า
เห็นเป็นจุดๆ ก็เรียกว่า กระ
💡 สาเหตุอื่นๆของฝ้ากระ (แถม) นอกจากแสงแดดแล้วก็ยังมีดังนี้
1. พันธุกรรม 🧬🧬 ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติและสีผิว ชนชาติผิวขาว เช่น คนยุโรป ไม่ค่อยเป็นฝ้าส่วนคนผิวคล้ำ เช่น คนนิโกร คนอินเดีย ไม่พบปัญหา เรื่องฝ้า ถึงเป็นก็คงมองไม่เห็นเพราะผิวสีคล้ำอยู่แล้ว
2. ฮอร์โมน 👤👤
🧙♂️ จากอายุ - ส่วนใหญ่มักเกิดกับวัยกลางคน ยิ่งอายุมากขึ้นมีโอกาสที่เป็นมากขึ้น
👶 จากการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย เช่น การตั้งครรภ์, วัยหมดประจำเดือน
3. จากการรับประทานยาบางชนิด 💊💊 เช่น รับประทานยาคุมกำเนิด คุมการตั้งครรภ์ หรือ ยารักษาโรคเรื้อรังบางอย่าง
4. การใช้เครื่องสำอาง 💋💋 เครื่องสำอางบางชนิดมีสารที่ทำให้ผิวดำเมื่อถูกแสงเป็นต้น
เมื่อรู้กลไกและสาเหตุของการเกิดความหมองคล้ำ ฝ้า กระ แล้ว เรามาดูกันดีกว่ากลไกของ Whitening ที่จะช่วยแก้ปัญหามีอะไรบ้าง
โดยหลักๆคือ
ยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี และ
ผลัดเซลล์ผิวออก
✅
การผลัดเซลล์ผิว ถือเป็นหลักการที่ง่ายที่สุด ก็คือเร่งการผลัดเซลล์ผิวตายแล้วที่มีความหมองคล้ำออก เพื่อเผยผิวกระจ่างใสให้ไวขึ้น
จากปกติที่ร่างกายจะสามารถผลัดเซลล์ผิวได้เองในช่วง 21- 42 วัน (เฉลี่ย28วัน)
แต่การใช้สารบำรุงที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว ก็จะช่วยให้ผิวเผยความกระจ่างใสได้เร็วยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น Vitamin C , Retinoid , กรดผลไม้ AHA และ BHA
✅
การยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี
ลดการสร้างเม็ดสี โดยไปยับยั้งเอนไซม์ (Tyrosinase) ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเม็ดสีเมลานิน
เมื่อเอนไซม์ไม่ทำงาน การสร้างเม็ดสีก็ลดน้อยลง สีผิวจะคืนสู่สภาพเริ่มต้นตามกำเนิดได้ง่ายขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น Vitamin C , Arbutin และ Licorice
✅
ลดการสร้างเม็ดสียูเมลานิน(สีเข้ม)
อันนี้จะมีกระบวนการสร้างเมลานินตามปกติ จนกระทั่งได้สาร Tyrosine ซึ่งจะถูกเปลี่ยนไปเป็นเม็ดสียูเมลานินและฟีโอเมลานิน
ในขั้นตอนนี้เองก็จะเอาสารไปกระตุ้นการสร้างเอนไซม์ที่ช่วยผลิตฟีโอเมลานินให้มากขึ้น
เพื่อที่ให้เหลือ Tyrosine ไปผลิตเม็ดสีเข้มๆอย่างยูเมลานินลดลง
นึกง่ายๆสารตั้งต้นมีแค่ตัวเดียวแต่ทำของได้สองอย่าง
ถ้าเอาไปทำอย่างใดอย่างหนึ่งมากๆอีกอันนึงก็ต้องลดลงไงหละ
ยกตัวอย่างเช่น Glutathione จะยับยั้งการขนส่งเม็ดสีเมลานินขึ้นสู่ชั้นผิวหนังกำพร้า
ขั้นนี้คือจะปล่อยให้มีการผลิตเม็ดสีออกมาจนเสร็จเรียบร้อย แต่ถึงเวลาจะบังคับไม่ให้ส่งของจ้า
พอเม็ดสีไม่ถูกส่งขึ้นด้านบนสีผิวก็จะไม่หมองไม่คล้ำ ยกตัวอย่างสารเช่น Niacinamide หรือ Vitamin B3
✅
หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดด
เมืองไทย อากาศร้อน แดดแรง ไม่ว่าเราจะบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ Whitening ขนาดไหน
แต่สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำอย่างยิ่ง คือ การหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดด และหมั่นทาครีมกันแดดปกป้องผิวให้เหมาะสมอยู่เสมอ
เพราะในแสงแดดมีรังสี UVA UVB และความร้อน ทำให้เกิดฝ้า กระ ผิวหมองคล้ำ รวมทั้งยังกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดสีเมลานินมากขึ้น
ดังนั้น สาวๆหนุ่มๆที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ ถ้าหากจะเลือกผลิตภัณฑ์กลุ่ม Whitening
ก็ขอให้เลือกให้ครบทั้งสองกลไกทั้งยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี และ ผลัดเซลล์ผิวออกนะคะ
ซึ่งต้องเลือกให้สมดุลโดยเฉพาะกลไกการผลัดเซลล์ผิว ความเข้มข้นต้องไม่มากจนเกินไป
เพื่อทีการผลัดเซลล์ผิวเป็นไปด้วยความพอเหมาะ ไม่มากเกินไปจนระคายเคือง
โดยที่ สาร Niacinamide และ VitaminC สามารถทำได้เกือบครบทุกกลไกเลย
และนอกจากจะใช้ skin care ที่ช่วยให้กระจ่างใสแล้ว ก็อย่าลืมหลีกเลี่ยงแดดและทากันแดดทั้งหน้าและตัวด้วยนะคะ
เพราะถ้าไม่หยุดสิ่งกระตุ้นให้เกิดความหมอง ฝ้า กระ ครีมที่ทาไปก็จะไม่เห็นผลค่ะ
และขอฝากไว้เป็นอย่างสุดท้าย พยายามอย่าเชื่อผลิตภัณฑ์ที่เคลมว่าขาวไว หรือซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือนะคะ
เพราะอาจจะมีสารอันตราย สารห้ามใช้ ซึ่งมันจะขาวทันใจ แต่อันตรายมากๆๆๆ
จากผิวขาวก็จะได้ปัญหาผิวที่แก้ยากมากๆๆ อย่างด่างขาว
ซึ่งถ้าไปถึงขั้นนั้นจะแก้ไขได้ยากค่า
#เภสัชกรรัก
เคล็ดลับสยมบ ฝ้า กระ ความหมองคล้ำ
ความหมองคล้ำ ฝ้า กระ ปัญหาผิวที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
แต่ประเทศไทยแสงแดดก็แร๊งแรง อากาศก็ร้อนอบอ้าว ♨️♨️
ทำให้คนไทยมีปัญหา รอยหมองคล้ำ รอยด่างดำ ไปจนถึงรอยโรคอย่างฝ้า กระ ได้อย่างง่ายดาย
โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ต้องสัมผัสแสงแดด หรือความร้อนสูง ปัญหาก็จะยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก
เพื่อให้สาวๆหนุ่มๆที่น่ารักของรักป้องกันปัญหานี้ได้ดีขึ้น รักจะมาเล่าที่มาของการเกิดความหมองคล้ำ
ตั้งแต่ระดับเซลล์ไปไกลถึงดวงอาทิตย์เลยค่า เพราะเรามาในคอนเซปต์ #รู้เขารู้เรารบ100ครั้งชนะ100ครั้ง
ยิ่งเข้าใจยิ่งดูแลผิวได้ดียิ่งขึ้น ความหมองคล้ำ ฝ้า กระ ก็จะไม่ใช่ปัญหากวนใจอีกต่อไป
เริ่มจากรู้จักต้นเหตุของความหมองคล้ำ ฝ้า กระ กันก่อน 🚦
จุดเริ่มต้นทั้งหมดมาจาก เจ้าเซลล์ผิวหนังที่ชื่อเมลาโนไซต์ (Melanocyte) ซึ่งอาศัยอยู่ชั้นล่างสุดของหนังกำพร้า
จะคอยผลิตถุงบรรจุเม็ดสี ตัวถุงชื่อว่าเมลาโนโซม (Melanosome) ส่วนตัวเม็ดสีข้างในชื่อเมลานิน (Melanin)
ซึ่งเม็ดสีก็จะถูกส่งขึ้นด้านนบนสุดของหนังกำพร้า ผ่านการสร้างผิวหนังเบียดๆขึ้นมานั่นเอง ทำให้ผิวหนังของเรามีสีสันตามที่เห็นกันทั่วไป
เจ้าเม็ดสีเมลานินแบ่งได้ เป็น 2 แบบ คือ
1. ยูเมลานิน (Eumelanin) เป็นเม็ดสีที่มีสีดำ หรือสีน้ำตาล ซึ่งคนผิวสีเข้มจะมีเม็ดสีนี้ปริมาณมากกว่าคนผิวขาว
2. ฟีโอเมลานิน (Pheomelanin) เป็นเม็ดสีโทนส้มแดง หรือสีเหลือง ซึ่งจะพบในคนผิวขาวปริมาณมากกว่าคนผิวเข้ม
🛡️🛡️ นอกจากหน้าที่การให้สีสันบนผิวหนังซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคน เม็ดสียังมีหน้าที่ปกป้องผิวจากรังสี UV, มลภาวะ, การระคายเคือง
ซึ่งการปกป้องนี้เองที่ทำให้เกิดความหมองคล้ำขึ้น เมื่อผิวหนังของสัมผัสกับแสงแดดช่วงระยะเวลาหนึ่ง ร่างกายจะรีบปกป้องตัวเองโดยใช้กลไกธรรมชาติ
ผลิตเม็ดสีดำหรือ ยูเมลานิน ขึ้นมาเพื่อปกป้องรังสีจากดวงอาทิตย์ ซึ่งความสามารถเทียบท่ากับกันแดดที่มีค่า SPF10-15 เลยทีเดียว
การปกป้องนี้เองจึงเป็สาเหตุของความหมองคล้ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีว่ามหมองคล้ำเกิดขึ้นแค่เพียงชั่วคราวและหายไปได้
แต่ถ้ามีการสัมผัสแดดจัดๆเป็นเวลานาน สะสมเป็นปีๆ จากความหมองคล้ำ ร่างกายก็จะปกป้องตัวเอง โดยการสร้างเม็ดสีเมลานินจำนวนมากๆขึ้นมาสะสมบนผิว เพื่อมาปกป้องผิวของเรา ถ้าเห็นเป็นปื้นๆแผ่น ก็เรียกว่า ฝ้า ถ้าเห็นเป็นจุดๆ ก็เรียกว่า กระ
💡 สาเหตุอื่นๆของฝ้ากระ (แถม) นอกจากแสงแดดแล้วก็ยังมีดังนี้
1. พันธุกรรม 🧬🧬 ขึ้นอยู่กับเชื้อชาติและสีผิว ชนชาติผิวขาว เช่น คนยุโรป ไม่ค่อยเป็นฝ้าส่วนคนผิวคล้ำ เช่น คนนิโกร คนอินเดีย ไม่พบปัญหา เรื่องฝ้า ถึงเป็นก็คงมองไม่เห็นเพราะผิวสีคล้ำอยู่แล้ว
2. ฮอร์โมน 👤👤
🧙♂️ จากอายุ - ส่วนใหญ่มักเกิดกับวัยกลางคน ยิ่งอายุมากขึ้นมีโอกาสที่เป็นมากขึ้น
👶 จากการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกาย เช่น การตั้งครรภ์, วัยหมดประจำเดือน
3. จากการรับประทานยาบางชนิด 💊💊 เช่น รับประทานยาคุมกำเนิด คุมการตั้งครรภ์ หรือ ยารักษาโรคเรื้อรังบางอย่าง
4. การใช้เครื่องสำอาง 💋💋 เครื่องสำอางบางชนิดมีสารที่ทำให้ผิวดำเมื่อถูกแสงเป็นต้น
เมื่อรู้กลไกและสาเหตุของการเกิดความหมองคล้ำ ฝ้า กระ แล้ว เรามาดูกันดีกว่ากลไกของ Whitening ที่จะช่วยแก้ปัญหามีอะไรบ้าง
โดยหลักๆคือยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี และ ผลัดเซลล์ผิวออก
✅ การผลัดเซลล์ผิว ถือเป็นหลักการที่ง่ายที่สุด ก็คือเร่งการผลัดเซลล์ผิวตายแล้วที่มีความหมองคล้ำออก เพื่อเผยผิวกระจ่างใสให้ไวขึ้น
จากปกติที่ร่างกายจะสามารถผลัดเซลล์ผิวได้เองในช่วง 21- 42 วัน (เฉลี่ย28วัน)
แต่การใช้สารบำรุงที่มีฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิว ก็จะช่วยให้ผิวเผยความกระจ่างใสได้เร็วยิ่งขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น Vitamin C , Retinoid , กรดผลไม้ AHA และ BHA
✅ การยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี
ลดการสร้างเม็ดสี โดยไปยับยั้งเอนไซม์ (Tyrosinase) ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างเม็ดสีเมลานิน
เมื่อเอนไซม์ไม่ทำงาน การสร้างเม็ดสีก็ลดน้อยลง สีผิวจะคืนสู่สภาพเริ่มต้นตามกำเนิดได้ง่ายขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น Vitamin C , Arbutin และ Licorice
✅ ลดการสร้างเม็ดสียูเมลานิน(สีเข้ม)
อันนี้จะมีกระบวนการสร้างเมลานินตามปกติ จนกระทั่งได้สาร Tyrosine ซึ่งจะถูกเปลี่ยนไปเป็นเม็ดสียูเมลานินและฟีโอเมลานิน
ในขั้นตอนนี้เองก็จะเอาสารไปกระตุ้นการสร้างเอนไซม์ที่ช่วยผลิตฟีโอเมลานินให้มากขึ้น
เพื่อที่ให้เหลือ Tyrosine ไปผลิตเม็ดสีเข้มๆอย่างยูเมลานินลดลง
นึกง่ายๆสารตั้งต้นมีแค่ตัวเดียวแต่ทำของได้สองอย่าง
ถ้าเอาไปทำอย่างใดอย่างหนึ่งมากๆอีกอันนึงก็ต้องลดลงไงหละ
ยกตัวอย่างเช่น Glutathione จะยับยั้งการขนส่งเม็ดสีเมลานินขึ้นสู่ชั้นผิวหนังกำพร้า
ขั้นนี้คือจะปล่อยให้มีการผลิตเม็ดสีออกมาจนเสร็จเรียบร้อย แต่ถึงเวลาจะบังคับไม่ให้ส่งของจ้า
พอเม็ดสีไม่ถูกส่งขึ้นด้านบนสีผิวก็จะไม่หมองไม่คล้ำ ยกตัวอย่างสารเช่น Niacinamide หรือ Vitamin B3
✅ หลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดด
เมืองไทย อากาศร้อน แดดแรง ไม่ว่าเราจะบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ Whitening ขนาดไหน
แต่สิ่งที่เราจำเป็นต้องทำอย่างยิ่ง คือ การหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดด และหมั่นทาครีมกันแดดปกป้องผิวให้เหมาะสมอยู่เสมอ
เพราะในแสงแดดมีรังสี UVA UVB และความร้อน ทำให้เกิดฝ้า กระ ผิวหมองคล้ำ รวมทั้งยังกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเม็ดสีเมลานินมากขึ้น
ดังนั้น สาวๆหนุ่มๆที่มีปัญหาผิวหมองคล้ำ ฝ้า กระ ถ้าหากจะเลือกผลิตภัณฑ์กลุ่ม Whitening
ก็ขอให้เลือกให้ครบทั้งสองกลไกทั้งยับยั้งกระบวนการสร้างเม็ดสี และ ผลัดเซลล์ผิวออกนะคะ
ซึ่งต้องเลือกให้สมดุลโดยเฉพาะกลไกการผลัดเซลล์ผิว ความเข้มข้นต้องไม่มากจนเกินไป
เพื่อทีการผลัดเซลล์ผิวเป็นไปด้วยความพอเหมาะ ไม่มากเกินไปจนระคายเคือง
โดยที่ สาร Niacinamide และ VitaminC สามารถทำได้เกือบครบทุกกลไกเลย
และนอกจากจะใช้ skin care ที่ช่วยให้กระจ่างใสแล้ว ก็อย่าลืมหลีกเลี่ยงแดดและทากันแดดทั้งหน้าและตัวด้วยนะคะ
เพราะถ้าไม่หยุดสิ่งกระตุ้นให้เกิดความหมอง ฝ้า กระ ครีมที่ทาไปก็จะไม่เห็นผลค่ะ
และขอฝากไว้เป็นอย่างสุดท้าย พยายามอย่าเชื่อผลิตภัณฑ์ที่เคลมว่าขาวไว หรือซื้อผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีความน่าเชื่อถือนะคะ
เพราะอาจจะมีสารอันตราย สารห้ามใช้ ซึ่งมันจะขาวทันใจ แต่อันตรายมากๆๆๆ
จากผิวขาวก็จะได้ปัญหาผิวที่แก้ยากมากๆๆ อย่างด่างขาว
ซึ่งถ้าไปถึงขั้นนั้นจะแก้ไขได้ยากค่า
#เภสัชกรรัก