สวัสดีค่า วันนี้ขอมาเล่าประสบการณ์การเดินทางมาที่ฮ่องกง และกักตัวเป็นเวลา 14 วันว่ามีกระบวนการอย่างไรบ้างนะคะ
ก่อนอื่นเลยต้องแจ้งว่า ตอนนี้ทางรัฐบาลฮ่องกง ยังไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวหรือคนทั่วไปเข้ามานะคะ คนที่จะมาได้จะต้องมี HKID หรือมีวีซ่าเฉพาะค่ะ
ในกรณีของเราเข้ามาด้วยวีซ่านักเรียนค่ะ ซึ่งก็รอมานานมากก พอได้รับวีซ่าก็มีเวลาแค่ 2 อาทิตย์ในการหาตั๋ว 

ซึ่งตอนนี้มีแค่ 2 สายการบินที่มีเที่ยวบินจากไทย มาฮ่องกงค่ะ
1. Emirate เที่ยวบินจะน้อยกว่า ต้องโทรเช็คกับทางสายการบินอีกครั้ง เราเช็คของเดือน ตุลาคมมีแค่วันเดียวคือ 25 
ราคาจะถูกกว่า อยู่ที่ประมาณ 3000++ แต่!! เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลฮ่องกงเปลี่ยนกฏให้ผู้ที่เดินทางจากประเทศเสี่ยงทั้งหมดที่บินเข้าฮ่องกง จะต้องมีผลตรวจโควิด ก่อนบิน 72 ชม. และ Emirate เป็นสายการบินตะวันออกกลาง แม้จะบินจากไทย ก็ต้องเข้าเงื่อนไขนี้ด้วยค่ะ

2. Cathay pacific เป็นสายการบินฮ่องกง มีเที่ยวบินทุกวันพฤ ศุกร์ และอาทิตย์ 
ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 5000-6000 บาท แพงกว่า Emirate แต่ไม่ต้องมีผลโควิดค่ะ

ในการเดินทางออกนอกประเทศ ยังไม่ยุ่งยากมากเท่าไหร่ เราแค่ส่งหน้าพาสปอร์ตและวีซ่าให้ทางสายการบินไปดำเนินการต่อให้ค่ะ

แต่สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนไปคือ 

1. โหลดแอป Stay at home safe และเตรียมเบอร์โทรศัพท์สำหรับการติดต่อในฮ่องกง เพราะเมื่อเราถึงสนามบินฮ่องกง 
จะมีเจ้าหน้าที่นำสายรัดข้อมือติดตามมาใส่ทันที และเราต้องมีเบอร์เพื่อให้เขาโทรติดต่อได้ ซึ่งเขาจะโทร ณ เวลานั้นทันที เพื่อให้มั่นใจว่าตามตัวได้แน่นอน

2. สถานที่สำหรับกักตัว สำหรับคนที่มีบ้านหรือเช่าอพาร์ทเมนต์ไว้ สามารถกักตัวที่พักเราได้ แต่กรณีที่ยังไม่มี ก็ต้องมีหลักฐานจองโรงแรมให้เจ้าหน้าที่ด้วยค่ะ

ทุกคนที่มาถึงจะต้องเข้ารับการตรวจโควิดทันที หากมาถึงภายในช่วงเช้า ก็สามารถรอฟังผลและกลับบ้านไปกักตัวได้เลย
แต่หากมาถึงหลังเที่ยง ก็ต้องไปพักโรงแรมที่เขาจัดเตรียมไว้ให้ (ซึ่งที่พักดีมาก) หากเช้าวันต่อมาผลออกมาปลอดภัยจึงจะเดินทางไปกักตัวที่บ้าน/โรงแรมได้ค่ะ

อันนี้หน้าตาสายรัดข้อมือค่ะ เป็นพลาสติก และมี QR code ทุกวันเริ่มตั้งแต่ 9 โมงเช้า - 3 ทุ่ม ทาง App Stay at home safe จะเตือนให้สแกน QR code เพื่อเช็คว่าเรายังอยู่ที่เดิมหรือเปล่า ส่วนโทรศัพท์บนเตียงในภาพ เป็นของโรงแรมที่สามารถใช้โทรในฮ่องกงและ 10 ประเทศฟรีค่ะ และแน่นอน ไม่มีไทยแลนด์ TT^TT

ในส่วนของอาหาร เนื่องจากทางมหาวิทยาลัยเป็นผู้ดำเนินการจัดหาโรงแรมให้และรวมอาหารให้ 3 มื้อ ก็เลยไม่ต้องกังวลเรื่องการกินเท่าไหร่ค่ะ 
โดยทางโรงแรมจะให้เมนูมาสำหรับ 14 วัน  เช้า กลางวัน เย็น โดยทุกวันก่อนบ่ายสาม เราต้องนำเมนูที่เลือกของวันพรุ่งนี้วางไว้หน้าห้อง แล้วเขาก็จะมาส่งตามเวลาที่เราระบุ 

อาหารเช้า 4 รายการ + น้ำผลไม้/ชา/กาแฟ
1. Spiced pork cubes with instant noodle in soup / บะหมี่กึ่งฯ ใส่หมูตุ๋น รสชาติเผ็ดนิดๆ ส่วนมาม่าเป็นแบบเส้นหนาๆ น้ำซุปน่าจะประมาณรสหมูสับบ้านเราค่ะ

2. Deep fried crispy fish fillet serve with sausage, soft roll with butter
รสชาติเหมือนสเต๊กปลาทั่วๆไป ซอสจะครีมมี่ๆ ส่วนไส้กรอก ไม่แน่ใจว่าไก่หรือหมู แต่เนื้อแน่น อร่อยดีค่ะ ไม่เป็นแป้งๆ ส่วนขนมปังเฉยๆ 


3. Scramble egg serve with ham and sausage and soft roll
เป็นเมนูอาหารเช้าโรงแรมมาตรฐานทั่วๆไป แต่เขาไม่ได้ให้ซอสอะไรมาเลย ทุกครั้งที่ทานคืออยากได้แม็กกี้มาก 
ส่วนน้ำส้ม ปกติเรากินมินิเมทได้อร่อยอยู่ แต่อันนี้มันไม่อร่อยเลย ไม่เลย มันจืดๆ เฝื่อนๆ บอกไม่ถูก พยายามบอกเขาว่าไม่ต้องให้มา
แต่เขาก็ใส่มาให้ทุกวันจนเต็มตู้เย็นไปหมด
4. Shredded chicken congee with mini glutinous rice dumpling
ในทั้งหมดนี้โจ้กอร่อยสุด คือเป็นโจ้กที่มีรสชาติ ไม่ต้องร้องขอเครื่องปรุงก็ทานได้ ไอ้ตัวข้าวห่อก็อร่อย แต่กินไม่เคยหมดเลย มันเหมือนเป็นข้าวกับข้าว ไม่รู้คนจัดเมนูนี้คิดยังไง (Fun fact เพิ่งรู้จากอาจารย์ว่าคนฮ่องกงจริงๆ ไม่ได้ชอบกินโจ้กเลย เราก็เอ้ะนิดนึง เพราะเห็นคนชอบมารีวิวร้านโจ๊กที่ฮ่องกง แต่ก็อร่อยนะ) 


ส่วนมากอาหารเช้ายังไม่ทันย่อย(เพราะกินข้าวเช้าช้า)  อาหารเที่ยงก็จะมาส่งแล้ว
อาหารกลางวัน 6 รายการ + ซุปสามแบบ +โค้ก / 7 up
แต่เนื่องจากไม่ทานเนื้อวัว เลยกินได้แค่ 5 เมนู ซุป 2 อย่าง วนไป วนไปเรื่อยๆ 

1. Chicken teriyaki with rice
รสชาติมาตรฐาน แต่อยากได้น้ำจิ้มแจ่วมากกกกกกกก ส่วนน้ำซุปเป็นซุปหัวหอมรสชาติกลางๆ เวลาทานอุ่นๆก็อร่อยดีค่ะ
ในทุกเซคของอาหารเที่ยงและเย็นจะมีผักต้มมาให้ด้วยเพื่อเพิ่มวิตามินและกากใย  

2. Singaporean fried Vermicelli 
เดาจากชื่อ น่าจะเป็นอาหารสิงคโปร์? เป็นผัดหมี่ที่หอมเครื่องเทศน์เหมือนผงกระหรี่นิดๆ ผัดกับกุ้ง
ส่วนซุปเป็น ซุปข้นปูกับข้าวโพด อันนี้เราชอบอร่อยดี มีปูเป็นชิ้นๆเลยด้วย ไม่ได้มาแค่วิญญาณ

3. Suateed Eggplant inspicy garlic sauce with rice
ชื่อไทยๆก็คือผัดมะเขือยาวนั่นแหละ ชื่อและหน้าตาอาจไม่น่ากิน แต่เราว่าก็อร่อยได้อยู่นะ มันมีรสชาติมากกว่าเมนูอื่นล่ะมั้ง
อันอื่นจะออกแนวจืดๆ เลี่ยนๆ

4. Spagetti napoleon
อันนี้เป็นเมนูที่งงนิดหน่อย นึกว่าพ่อครัวลืมใส่โปรตีนมาให้ เพราะมันคือสปาเกตตี้ราดซอสแบบมะเขือเทศ ปราศจากโปรตีน
หรือเนื้อสัตว์ใดๆ ก็เอาจริงๆ รสชาติน่ะพอทานได้ ถ้ามีมีตบอลหรืออะไรเพิ่มมาให้หน่อยก็จะประเสิรฐมากๆ
อีกสองเมนู ไม่ได้ถ่ายรูปมา
5. Fried rice with shreded chicken > จืดมากถึงมากที่สุด เลยยังไม่เคยสั่งเมนูนี้ซ้ำเลย
6. Stir-fried rice noodle with beef > ไม่เคยสั่งเพราะไม่ทานเนื้อ
 

 
อาหารเย็น   7 รายการ + ซุปสามแบบ + ผลไม้ / ชา /กาแฟ

1. Nasi Goreng
เป็นข่าวผัดแบบมีกลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ ใส่กุ้งสด ไก่ย่างแบบหอมเครื่องเทศน์และไข่ดาว
อันนี้คืออร่อยสุดในเมนูอาหารเย็นแหละ ไว้มีโอกาสจะหากินแบบที่เป็น original ไม่แน่ใจเป็นอาหารอินโดนีเซียหรือเปล่า
ส่วนซุป เป็นซุปครีมข้น Mussel creamy soup with saffron มีรสอ่อนๆ นัวๆ หอมกลิ่น saffron ใส่หอยแมลงภู่ กินได้เรื่อยๆ และทุกวันก็กินอยู่ซุปเดียว
เพราะอีกสองแบบเป็นใส่เนื้อ

2. Sauteed pork belly with bell paper in spicy chilli sauce with rice
อันนี้ก็อร่อยเป็นเหมือนหมูสามชั้นผัดเผ็ด แต่ไม่ได้จัดจ้านขนาดอาหารไทย (อยู่แล้วแหละ) แต่ก็พอเผ็ดแสบๆปากนิดหน่อย


3. Pork chop rice with tomato sauce 
เป็นเนื้อหมูชุบแป้งทอด ราดด้วยผัดซอสมะเขือเทศ อันนี้ก็อร่อยดี หอมมะเขือเทศและไม่เลี่ยน


4. Hainanese Chicken rice หรือข้าวมันไก่นั่นเอง
สั้นๆคือ ข้าวมันไก่ทั่วๆไปที่ไทยอร่อยกว่า  อันนี้ตัวไก่มันจืดๆ น้ำจิ้ม 3 แบบ สีส้มเป็นแบบเปรี้ยวๆเผ็ดนิดหน่อย ขิง และซอสดำ
แล้วเขาไม่ได้แล่เนื้อมาให้เหมือนร้านทั่วๆไป แต่เป็นไก่แบบติดกระดูก มันก็เลยกินยากนิดนึง 

5. สปาเก็ตตี้หมูสับอะไรสักอย่าง ที่ไม่รู้ชื่อเพราะ จริงๆเราได้สั่งสปาเกตตี้คาโบนาร่า แต่เนื่องด้วยวันนั้นเป็นเช็คอินวันแรก แล้วมีการเปลี่ยนห้อง
ทาง room service เลยยังไม่ได้รับแจ้ง เราเลยต้องโทรไปตามเองว่ายังไม่ได้อาหาร แล้วไม่ทราบว่าเขาสื่อสารกันยังไง เลยให้อันนี้มาแทน
ซึ่ง มันไม่มีในเมนูด้วยนะ งงๆ แต่รวมๆรสชาติก็อร่อยดี และให้เยอะมากกกกกกกกกกก ทานไม่ไหวจริงๆ


อีกสองเมนูยังไม่เคยสั่ง
คือ ผัดผักรวมกับ แกงกระหรี่เนื้อ 

หมดแล้วค่า อาหารทั้งหมดนี้คือที่เรากินวนๆกันมา 12 วัน (ยังเหลืออีก 2 วันจะได้รับการปล่อยตัว)
ปกติเราไม่ใช่คนกินยากเย็นอะไร แต่ก็รู้สึกได้เลยว่ากินน้อยลง (จากเดิมที่กินไม่ได้เยอะอยู่แล้ว) เพราะเบื่ออาหารและมันก็ไม่ได้ถูกปากขนาดนั้น
ก็ภาวนาว่าอาหารฮ่องกงข้างนอกโรงแรมจะปราณีเรามากกว่านี้ ฮืออ