เมื่อ "ลูกผู้ชาย" อย่างผมถูกกระทำให้เป็น "ลูกสาว" : ประสบการณ์ชีวิตและความรักตั้งแต่วัยเด็กจนถึงปัจจุบัน ตอนที่ 11

หลังจากสิงห์คำรณและสิงห์คำรามได้ตัดสินใจที่จะเลือกผมให้เป็นประธานเชียร์คนต่อไป มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผลักดันให้ผมกลายเป็นประธานเชียร์สมใจพวกเขา โชคดีตรงที่ว่าเพื่อนสนิทของพวกเขาคือพี่ภูมิเป็นหนึ่งในคณะกรรมการนักศึกษาประจำคณะ พวกเขาเลยคิดว่าเรื่องมันคงไม่ได้ยากจนเกินไป ครั้งแรกเลยที่ทางคณะกรรมการนักศึกษาประจำคณะต้องเสนอชื่อผู้เหมาะสมที่จะเป็นประธานเชียร์ฝ่ายชายในปีการศึกษาหน้า ชื่อของผมก็เกือบหลุดเหมือนกัน โดยกฏแล้ว การเสนอชื่อรอบแรก ขอให้มีผู้รับรองเกินกึ่งหนึ่ง และในการประชุมรอบแรก ขอให้มีรายชื่อที่ถูกเสนออย่างเป็นทางการได้ไม่เกิน 5 คน ซึ่งการที่ผมจะติด 1 ใน 5 ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ถึงแม้คณะที่ผมศึกษาอยู่จะมีจำนวนนักศึกษาชายค่อนข้างน้อย แต่นักศึกษาชายที่คณะกรรมการนักศึกษาประจำคณะเห็นว่าเหมาะที่จะเป็นประธานะเชียร์ฝ่ายชายนั้นมีจำนวนเกิน 5 คน การเสนอชื่อรอบแรกจึงมีความสำคัญมาก การประชุมของคณะกรรมการนักศึกษาประจำคณะในครั้งแรกนี้ สิงห์คำรณและสิงห์คำรามเลยต้องฝากอนาคตของพวกเขาที่จะทำการทารุณกรรมผมอย่างเป็นระบบไว้กับพี่ภูมิเพียงคนเดียว

การประชุมคณะกรรมการนักศึกษาประจำคณะครั้งแรกในวาระเสนอชื่อประธานเชียร์ฝ่ายชายนั้น มีผู้เข้าร่วมครบองค์ประชุมคือ 12 คน (เป็นปี 3 และปี 2 คละกันไป) ทุกคนต่างรู้กันดีว่าพี่ปี 4 ที่จะมาตรวจห้องเชียร์ในปีการศึกษาหน้านำโดยสิงห์คำรณและสิงห์คำราม ซึ่งเป็นนักศึกษาปี 3 ในเวลานี้ ที่ทุกคนแปลกใจมากในปีนี้คือคณะตรวจห้องเชียร์เป็นนักศึกษาชายทั้งหมดจำนวน 10 คน ซึ่งไม่เคยมีปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อนเลยตั้งแต่ก่อตั้งคณะมา พี่แต้วประธานคณะกรรมการนักศึกษาประจำคณะจึงขอกล่าวถึงประเด็นนี้ก่อนว่าทำไมปีนี้มันถึงเป็นแบบนี้ พี่แต้วเป็นนักสิทธิสตรีประจำคณะ หล่อนไม่ยอมแน่เมื่อคณะตรวจห้องเชียร์เป็นนักศึกษาชายทั้งหมด หล่อนพูดถึงประเด็นนี้ก่อนว่ามันดูแปลกประหลาดมาก นักศึกษาส่วนใหญ่ในคณะเป็นผู้หญิง แต่คณะตรวจห้องเชียร์ดันเป็นผู้ชายทั้งหมด พี่แต้วยังคิดในใจว่าแล้วยังเป็นพวกขาโหดเกือบจะทั้งหมด นี่มันคือคณะตรวจห้องเชียร์หรือคณะกรรมการรุมประชาทัณฑ์ประธานะเชียร์ฝ่ายชายกันแน่ (ผมมารู้ภายหลังว่าพี่แต้วเปรยกับเพื่อนคนนึงว่าคณะตรวจห้องเชียร์ปีนี้มันเหมือนคณะกรรมการรุมประชาทัณฑ์ประธานเชียร์ฝ่ายชายเพราะมีแต่รุ่นพี่ขาโหดที่เป็นชายล้วน ผมได้ยินแล้วรู้สึกฮึกเหิมมาก)

คณะกรรมการนักศึกษาประจำคณะในปีนั้น (คาบเกี่ยวปี 32-33 แต่ผมไม่ทราบเลยว่าหลักเกณฑ์ในการเลือกคืออะไร) จำนวน 12 คนก็ดันเป็นชาย 6 หญิง 6 แน่นอนว่าพอพี่แต้วพูดถึงประเด็นนี้ขึ้นมา สมาชิกผู้หญิงอีก 5 คนก็รู้สึกว่าคณะตรวจห้องเชียร์จำนวน 10 คนควรมีผู้ชาย 5 และผู้หญิง 5 ถึงจะเหมาะสม สมาชิกชาย 6 คนนั้นเป็นผู้ชาย 4 กะเทย 2 (กะเทยสมัยนั้นอยากให้คนเรียกตัวเองว่ากะเทยมากกว่าการใช้คำอื่น เวลาเล่าเรื่องในประเด็นนี้ในปี 63 ผมเองก็พยายามจะถือหลักการนี้โดยเคร่งครัด) กะเทย 1 คนเสนอว่าคณะตรวจห้องเชียร์ควรมีหญิง 4 ชาย 4 และกะเทย 2 การพูดในประเด็นนี้ทำให้พี่แต้วสนใจมาก เธอกล่าวไปในทำนองที่ว่าถึงแม้คณะเราจะมีกะเทยอยู่จำนวนไม่มาก แต่เท่าที่มีอยู่ถือว่าเป็นกะเทยที่มีคุณภาพสูง การพูดของพี่แต้วถึงกับทำให้ 4 หนุ่ม (ตัดกะเทยออกไปแล้ว 2) ในคณะกรรมการนักศึกษาประจำคณะต้องหันมามองหน้ากัน ผู้ชายพวกนี้มักชอบให้ผู้หญิงกับกะเทยพูดกันจนจบก่อน แล้วพวกเขาค่อยตะล่อมเพื่อให้ได้บทสรุปที่เป็นที่พึงพอใจของพวกเขา พวกเขาจึงยอมที่จะฟังผู้หญิงกับกะเทยพูดในประเด็นเหล่านี้จนแทบจะไม่มีอะไรจะพูด พี่ภูมิจึงกล่าวขึ้นบ้าง

“ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนนะว่าปีหน้าทุกคนอยากให้สิงห์คำรณกับสิงห์คำรามเป็นผู้นำในการตรวจห้องเชียร์” (ขอใช้ฉายาของ 2 คนนี้เป็นชื่อของเขาเลยก็แล้วกันนะครับสำหรับเรื่องเล่าครั้งนี้) พอได้ยินประโยคนี้ทุกคนเลยต้องกลับมามองถึงความเป็นจริงอีกครั้ง มากกว่าที่จะใช้ทฤษฎีสตรีนิยมหรือทฤษฎีเรื่องความหลากหลายทางเพศมาเป็นเกณฑ์หลัก 

“ถ้าทุกคนแน่ใจตามนั้น คิดว่าสิงห์คำรณกับสิงห์คำรามจะทำงานกับผู้หญิงและกะเทยได้เหรอ”

พอพี่ภูมิกล่าวในมุมนี้ขึ้นมา มันเหมือนการเรียกสติของทุกคนให้กลับคืนมา ฝ่ายผู้หญิงคิดได้และคิดตรงกันว่าคงไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะไปประชุมกับพวกขาโหดพวกนี้ กะเทย 1 คนก็คิดแบบนั้น คิดว่าคนเป็นกะเทยไม่ควรไปยุ่งกับพวกขาโหดเลวๆพวกนี้เด็ดขาด แต่กะเทยอีกคนไม่คิดแบบนั้น พี่หว่าหวารู้สึกว่านี่เป็นโอกาสของหล่อน หว่าหวารู้สึกว่าการลงโทษโหดประธานเชียร์ฝ่ายชายในปีนี้คงไม่ได้มีไว้แค่การขู่น้องปีหนึ่งหรือทำลายขวัญน้องปี 1 สิงห์คำรณ สิงห์คำรามกับภูมิจะต้องเล่นแบบจริงๆจังๆและโหดมากๆแน่ๆ หล่อนเชื่อว่าพวกขาโหดต้องมีชื่อของประธานเชียร์ปีหน้าอยู่ในใจอยู่แล้ว พวกนี้ต้องคิดไว้แล้วว่าปีหน้าพวกมันอยากทรมานใครแบบถูกต้องตามกฏหมาย (ขอแทรกครับ ขอแทรกตรงความคิดของพี่หว่าหวานี่แหละว่ามันไม่มีการทารุณกรรมใดที่ถูกกฏหมายหรอกครับ เพียงแต่ในกรณีของผม ผมไม่เอาความและไม่เปิดเผยต่อผู้ใด เก็บมาจนถึงปี 2563 ที่มาเปิดเผยในเว็บไซต์พันทิปอย่างเป็นทางการด้วยเหตุผลบางประการ เหตุผลหนึ่งก็คือสังคมควรได้รับรู้เรื่องที่ผมเล่านี้เพื่อเป็นข้อมูลในการเฝ้าระวังครับ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมดควรรับรู้เรื่องพวกนี้และควรหาวิธีป้องกัน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ สังคมไม่ควรเปิดช่องให้มีการกระทำรุนแรงใดๆในรั้วมหาวิทยาลัย ) หว่าหวาจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป 

หว่าหวาเจ็บแค้นผู้ชายมาก คนแรกก็คือพ่อ พ่อที่ไม่เคยยอมรับฟังเหตุผลใดๆ ไม่เคยมองอย่างแท้จริงว่าจริงๆแล้วหล่อนคือใคร พ่อที่เกลียดหล่อนฝังใจ พอทนไม่ไหวก็ไล่หล่อนออกจากบ้าน แม่มาห้าม พ่อก็มาตบตีแม่อีก ในใจหล่อนนั้นแค้นพ่อแบบสุดๆ แต่แน่นอนว่าหล่อนทำอะไรพ่อไม่ได้ หล่อนสำนึกว่าพ่อคือบุพการีและหล่อนเข้าใจเรื่องของความกตัญญูรู้คุณ ถึงจะคิดในทางกุศล แต่ความเจ็บแค้นยังคงซุกซ่อนอยู่ภายใน มันไม่เคยหายไปไหน ถ้าหล่อนไม่ทำอะไรสักอย่าง ความแค้นมันคงจะจุกอกหล่อนไปตลอดชีวิต ตายไปแล้วตกนรกก็ยังคงไม่หายแค้น ลึกๆแล้ว หล่อนอยากแก้แค้นมาก อยากจะทำทารุณกรรมกับใครบางคนที่ถือเสมือนหนึ่งว่าเป็นตัวแทนของพ่อและคนๆนั้นก็น่าจะเป็นประธานเชียร์ฝ่ายชายของปีการศึกษาหน้า

อีก 4 คนที่หล่อนแค้นมากคือพวกเพื่อนๆที่ล้อหล่อน เตะหล่อน กระทืบหล่อน และกลั่นแกล้งหล่อนตลอดเวลาที่หล่อนอยู่ในโรงเรียน มันไม่ใช่แค่นั้น ครูบางคนก็ล้อหล่อน ประนามหล่อนต่อหน้าคนอื่น โดยเฉพาะครูพละ ครูพละบางคนหล่อมาก หล่อนแอบรักอย่างไม่ลืมหูลืมตา แต่ในท้ายที่สุดก็ประนามหล่อน เห็นหล่อนเป็นตัวตลก และก็หาทางทำร้ายจิตใจหล่อนเกือบจะทุกวิถีทาง หล่อนแค้นพวกมันมาก โอกาสที่หล่อนจะได้แก้แค้นคน 5 คน (พ่อ+เพื่อนอีก 4) ได้มาถึงแล้ว พระเจ้าคงเมตตาหล่อน พระองค์ทรงไม่ลืมหยิบยื่นสิ่งดีๆให้หล่อน หล่อนรู้เพียงอย่างเดียวว่าปีหน้า ประธานเชียร์ฝ่ายชายจะต้องถูกลงทัณฑ์จากนรก พอหล่อนคิดได้จึงยกทฤษฎีความหลากหลายทางเพศขึ้นมา ซึ่งเกือบจะครบทุกทฤษฎีที่มีอยู่ในเวลานั้น เพื่อแสดงให้เห็นว่าหล่อนควรเป็นสมาชิกอีก 1 คนที่อยู่ในคณะกรรมการตรวจห้องเชียร์

พี่แต้วมอบอำนาจให้พี่ภูมิเป็นคนตัดสินใจว่าจะยอมให้หว่าหวา (ตอนนั้นอยู่ปี 3) เป็นสมาชิกอีก 1 คนที่อยู่ในคณะกรรมการตรวจห้องเชียร์หรือไม่ แทนที่พี่ภูมิจะใช้เกณฑ์เรื่องทฤษฎีความหลากหลายทางเพศที่หว่าหวาได้ยกมา พี่ภูมิพยายามนึกให้ออกว่าหว่าหวาจะเป็น “กะเทยขาโหด” ได้หรือไม่ พี่ภูมินึกถึงตอนที่หว่าหวาอยู่ปี 2 นึกถึงเรื่องราวของการรับน้องในปีนั้น ปีนั้นเองหว่าหวาเกือบจะโดนร้องเรียนเหมือนกัน ตอนที่เพื่อนในเอกเดียวกันมอบหมายให้หว่าหวาซ่อมน้องผู้ชายคนหนึ่งที่จงใจโดดการไปรับน้อง ตอนที่เพื่อนในเอกมอบหมายให้หว่าหวาซ่อมน้องผู้ชายคนนั้น พวกเขามอบหมายให้หว่าหวาว๊ากน้องเฉยๆ ไม่มีเจตนาให้หว่าหวาแตะต้องตัวน้องหรือออกคำสั่งใดๆ แต่เมื่ออยู่ด้วยกันแค่สองคน ปิศาจร้ายจึงครอบครองจิตใจหว่าหวา หล่อนสั่งให้น้องผู้ชายคนนั้นถอดเสื้อผ้าออกจนหมด แม้กระทั่งกางเกงในก็ไม่เหลือ แล้วก็เล้าโลมจนองคชาติของน้องแข็งตัวเต็มที่ หลังจากนั้น หล่อนก็ดีดมะกอกตรงองคชาตินั้นไปหลายครั้ง พร้อมกับใช้มือฟาดไปหลายที เคราะห์ดีที่มีเพื่อนของหว่าหวาเข้ามาเห็นเหตุการณ์ จึงได้ห้ามปรามไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่