(เครื่องบินรบของอังกฤษในยุคสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง Cr.ภาพ Keith Tarrier / Shutterstock.com)
เครื่องบินลำแรกที่เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่งไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อการรบ พวกมันทำหน้าที่เป็นผู้สอดแนมตำแหน่งและการเคลื่อนไหวของศัตรู
การรวบรวมข่าวกรองเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการทำสงคราม และนวัตกรรมทางเทคโนโลยีใหม่นี้ทำให้ผู้สอดแนมสามารถมองเข้าไปในดินแดนของศัตรูได้อย่างลับๆ และคาดว่าศัตรูก็ทำแบบเดียวกัน แต่ละฝ่ายจึงจำเป็นต้องทำการลาดตระเวนและเฝ้าระวังป้องกันเครื่องบินของศัตรู
การต่อสู้ครั้งแรกใช้ปืนพกสั้น โดยนักบินจะควบคุมเครื่องบินด้วยมือเดียวและยิงปืนพกออกไปด้านข้างด้วยมืออีกข้างหนึ่ง จากนั้นลูกเรือช่วยยิงคนที่สอง
ก็ถูกเพิ่มเข้ามา โดยนั่งหันหลังชนกับนักบินขับคอยถือปืนกลที่เคลื่อนไปมาได้เพื่อยิงศัตรู นี้คือความคิดของ August Euler นักบินชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นคนแรกที่เห็นความได้เปรียบจากการยิงปืนในลักษณะนี้ และจดสิทธิบัตรการนี้ในปี 1910 สี่ปีก่อนเริ่มสงคราม แม้จะมีนายทหารระดับสูงหลายคนยังไม่เชื่อ
แต่ Euler ก็ยังคงยื่นจดสิทธิบัตรต่อไป
ในปี1914 วิศวกรชาวสวิส Franz Schneider ได้เผยแพร่สิทธิบัตรที่สามารถยิงปืนผ่านใบพัดที่หมุนได้ ระบบควบคุมกลไกจากการหมุนเฟืองล้อเพื่อป้องกันนักบินจากแรงดันไกปืนเมื่อใบพัดอยู่ตรงหน้าปากกระบอกปืน สิทธิบัตรดังกล่าวดึงดูดความสนใจเพียงเล็กน้อยและไม่มีใครพยายามสร้างมันขึ้นมา
ในปีเดียวกัน Raymond Saulnier วิศวกรชาวฝรั่งเศสอีกคนก็ได้ยื่นจดสิทธิบัตรสำหรับการออกแบบที่ต่างจากของSchneider โดยอุปกรณ์ของ Saulnier ถูกสร้างขึ้นจริงและอาจถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ระบบเฟืองเกียร์ตัวแรกของเครื่องยนต์ (synchronization gear) ที่ได้รับการทดสอบ น่าเสียดายที่การออกแบบของ Saulnier แทบไม่ได้ผล เพราะว่าปืนกลที่ใช้ในการประกอบการยิงนั้นไม่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และการทดลองได้หยุดลง
Saulnier ตัดสินใจว่าทางออกเดียวที่ใช้การได้ในตอนนี้คือการยิงตรงผ่านใบพัดและหวังว่ามันจะออกมาดีที่สุด พวกเขาติดตั้งแผ่นเกราะเพื่อป้องกันใบพัดและให้กระสุนหักเหออกไปอย่างปลอดภัยและต่อมายังเพิ่มเหล็กรูปลิ่มด้วย ระบบยังไม่ค่อยดีมากนักแต่ก็ใช้งานได้
การทดสอบยิงผ่านใบพัดประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ของรอบทั้งหมดไม่กระทบกับใบพัดโดยประเมินว่าใบมีดแต่ละใบสามารถรับการกระทบได้หลายครั้งก่อนที่จะเสียหาย อย่างไรก็ตาม เหล็กรูปลิ่ม (wedge)ทำให้ประสิทธิภาพของใบพัดลดลง และแรงที่มาจากผลกระทบของกระสุนบนใบพัดเบี่ยงทำให้เกิดแรงผลักดันต่อเพลาข้อเหวี่ยงของเครื่องยนต์
(ดวลกลางอากาศ / ภาพวาดงานศิลปะที่ปรากฏใน The Illustrated London News)
(เครื่องบินรบแบบสองที่นั่งของอังกฤษยิงใส่เครื่องบินรบ Taube ของเยอรมัน Cr.ภาพ Everett Collection / Shutterstock.com)
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 1 เมษายน 1915 นักบิน Roland Garros ประสบความสำเร็จในการยิงครั้งแรก โดยยิงเครื่องบินเยอรมันตกใกล้กับ Diksmuide ในเบลเยี่ยม และ 15 เมษายนอีกลำใน Ypres และครั้งที่สามในวันที่ 16 ใกล้กับ Langemark ต่อมาเครื่องบินของ Garros ไฟไหม้จากการโดนยิงและถูกบังคับให้ลงจอดหลังแนวเขตเยอรมัน Garros ถูกจับและเครื่องบินของเขาถูกส่งไปประเมินผล
ชาวเยอรมันรู้สึกประทับใจกับใบพัดหุ้มเกราะของ Garros และต้องการให้สิ่งเหล่านี้ติดตั้งบนเครื่องบินของพวกเขา พวกเขาจึงส่ง Anthony Fokker
ผู้ผลิตเครื่องบินชาวดัตช์เจ้าของเครื่องบินปีกชั้นเดียว "the Eindecker " ซึ่งกำลังทำกิจกรรมแนวหน้าในฐานะหน่วยสอดแนมอยู่แล้วมาจัดการให้
แต่ Fokker พบถึงความชุ่ยของวิศวกรรมเหล่านั้น ใน 48 ชั่วโมงต่อมา Fokker กลับมาพร้อมกับวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านั่นคือ ปืนกลที่มีอัตราการยิงตรงกับการหมุนของใบพัด เป็นที่น่าสังเกตุว่า Fokker และวิศวกรของเขา Heinrich Lübbe น่าจะกำลังทำงานเกี่ยวกับอุปกรณ์ synchronize อยู่แล้ว ก่อนที่จะเข้ามาตรวจสอบเครื่องบินที่ถูกจับของGarros
ระบบของ Fokker แตกต่างจากการออกแบบในตอนแรก เขาออกแบบมาเพื่อการยิงปืนอย่างคล่องแคล่ว สิ่งสำคัญที่สุดคืออุปกรณ์ synchronize ของ Fokker ถูกสร้างขึ้นและติดตั้งเข้ากับ " Eindeckers" ของชาวเยอรมันหลายคน แม้ว่าในแง่ของประสิทธิภาพนั้น Eindeckers เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา แต่ก็ยังเป็นเครื่องบินรบที่แท้จริงลำแรก
นักบินเยอรมันสามารถใช้เครื่องบินเป็นอาวุธโดยเล็งเครื่องบินทั้งลำไปที่เป้าหมาย นักบินซึ่งมีความมั่นใจสูงสามารถพุ่งเอาหัวลงโดยเล็งเครื่องบินไปที่เป้าหมายยิงระเบิดได้นานและพุ่งต่ำลงต่อไปจนกว่าจะอยู่นอกระยะ หากเป้าหมายไม่ถูกทำลายนักบินเยอรมันสามารถกลับขึ้นไปและทำซ้ำอีกครั้ง
ปัจจุบันการซ้อมรบนี้พบได้ทั่วไปในการต่อสู้แบบ dogfights (การดวลกันในระยะประชิด) ซึ่งถูกคิดค้นโดยนักสู้ชาวเยอรมัน Leutnant Max Immelmann
การครอบครองปืนsynchronize ที่ใช้งานได้แต่เพียงผู้เดียว ทำให้เยอรมันมีความเหนือกว่าทางอากาศต่อพันธมิตรในการทำลายล้างเครื่องบินของข้าศึก ช่วงเวลานี้เริ่มตั้งแต่กลางปี 1915 - กลางปี 1916 รู้จักกันในชื่อ "Fokker Scourge" หรือ "Fokker Scare"
นักบินชาวฝรั่งเศส Jules Védrinesในห้องนักบินของเครื่องบิน Morane-Saulnier ในเดือนกันยายน1915
ตัวเบี่ยงกระสุนรูปลิ่มปรากฏให้เห็นบนใบพัดของเขา
(แบบจำลอง 3 มิติของ Fokker Eindecker Cr.ภาพ PNGwing)
การครอบครองบนท้องฟ้าของเยอรมนีสิ้นสุดลงในฤดูใบไม้ร่วงปี 1916 ด้วยการมาถึงของเครื่องบินสองชั้นของฝ่ายพันธมิตรที่เหนือกว่าทางเทคนิค
เช่น Nieuport 11 ของฝรั่งเศสและ DH-2 ของอังกฤษ
Nieuport เบาและว่องไวเหนือกว่า Eindecker ของ Fokker ทุกประการ รวมทั้งความเร็วอัตราการไต่และความคล่องแคล่ว Nieuport ยังวางปืนยิงไปข้างหน้า และมันถูกติดตั้งเพื่อยิงเหนือใบพัดเพราะการยิงระหว่างใบพัดพิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ยากจะจัดการได้
แต่ในที่สุดชาวอังกฤษก็ได้จับมือกับ Eindeckerในตำนานเมื่อเดือนเมษายน1916 ขณะที่นักบินชาวเยอรมันได้นำเครื่องบินของเขาลงจอดในสนามบินของอังกฤษโดยไม่ได้ตั้งใจ และพบว่าเครื่องบินที่ถูกยึดนั้นไม่มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าที่เคยได้รับการยกย่อง อังกฤษลอกเลียนแบบ synchronization gear และเครื่องบินพันธมิตรลำแรกที่มีความสามารถในการยิงระหว่างใบพัดได้ถือกำเนิดขึ้น
การครอบงำทางอากาศยังคงแกว่งไปมาระหว่างเยอรมันและพันธมิตรจนกระทั่งสิ้นสุดสงครามในปี 1918 ในช่วงท้ายของความขัดแย้ง เยอรมันได้นำเครื่องของ Fokker มาประยุกต์ใช้ครั้งที่สองคือ Fokker D.VII ที่น่าเกรงขาม แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันความพ่ายแพ้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของเยอรมนี อย่างไรก็ตาม เครื่องบินลำนี้เป็นที่เกรงกลัวของฝ่ายพันธมิตรมากจนเป็นอาวุธเดียวที่กล่าวถึงในสนธิสัญญาแวร์ซายส์ โดยเฉพาะต้องการให้ชาวเยอรมันยอมจำนนและมอบ D.VII ทั้งหมดให้กับฝ่ายพันธมิตร
synchronization gears หมดประโยชน์และหายไปโดยสิ้นเชิงเมื่อเครื่องยนต์เจ็ทไม่ใช้ใบพัดในเครื่องบินรบ
Nieuport 11
Fokker D.VII
ข้อมูลอ้างอิงในบทความ
- John Lienhard, Fokker’s Interrupter Mechanism, Engines of our Ingenuity
- Coronado Eagle, Volume 8, Number 36, 3 September 1997
- Joe Yoon, Fighter Guns & Synchronization Gear, Aerospace Web
- Harry Woodman, Early Aircraft Armament.
- Wikipedia
(ขอขอบคุณที่ของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
" Eindeckers " เครื่องบินรบ Fighter Planes ลำแรก
ก็ถูกเพิ่มเข้ามา โดยนั่งหันหลังชนกับนักบินขับคอยถือปืนกลที่เคลื่อนไปมาได้เพื่อยิงศัตรู นี้คือความคิดของ August Euler นักบินชาวเยอรมัน ซึ่งเป็นคนแรกที่เห็นความได้เปรียบจากการยิงปืนในลักษณะนี้ และจดสิทธิบัตรการนี้ในปี 1910 สี่ปีก่อนเริ่มสงคราม แม้จะมีนายทหารระดับสูงหลายคนยังไม่เชื่อ
แต่ Euler ก็ยังคงยื่นจดสิทธิบัตรต่อไป
ในปี1914 วิศวกรชาวสวิส Franz Schneider ได้เผยแพร่สิทธิบัตรที่สามารถยิงปืนผ่านใบพัดที่หมุนได้ ระบบควบคุมกลไกจากการหมุนเฟืองล้อเพื่อป้องกันนักบินจากแรงดันไกปืนเมื่อใบพัดอยู่ตรงหน้าปากกระบอกปืน สิทธิบัตรดังกล่าวดึงดูดความสนใจเพียงเล็กน้อยและไม่มีใครพยายามสร้างมันขึ้นมา
ในปีเดียวกัน Raymond Saulnier วิศวกรชาวฝรั่งเศสอีกคนก็ได้ยื่นจดสิทธิบัตรสำหรับการออกแบบที่ต่างจากของSchneider โดยอุปกรณ์ของ Saulnier ถูกสร้างขึ้นจริงและอาจถือได้ว่าเป็นอุปกรณ์ระบบเฟืองเกียร์ตัวแรกของเครื่องยนต์ (synchronization gear) ที่ได้รับการทดสอบ น่าเสียดายที่การออกแบบของ Saulnier แทบไม่ได้ผล เพราะว่าปืนกลที่ใช้ในการประกอบการยิงนั้นไม่เหมาะสมกับวัตถุประสงค์และการทดลองได้หยุดลง
Saulnier ตัดสินใจว่าทางออกเดียวที่ใช้การได้ในตอนนี้คือการยิงตรงผ่านใบพัดและหวังว่ามันจะออกมาดีที่สุด พวกเขาติดตั้งแผ่นเกราะเพื่อป้องกันใบพัดและให้กระสุนหักเหออกไปอย่างปลอดภัยและต่อมายังเพิ่มเหล็กรูปลิ่มด้วย ระบบยังไม่ค่อยดีมากนักแต่ก็ใช้งานได้
การทดสอบยิงผ่านใบพัดประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ของรอบทั้งหมดไม่กระทบกับใบพัดโดยประเมินว่าใบมีดแต่ละใบสามารถรับการกระทบได้หลายครั้งก่อนที่จะเสียหาย อย่างไรก็ตาม เหล็กรูปลิ่ม (wedge)ทำให้ประสิทธิภาพของใบพัดลดลง และแรงที่มาจากผลกระทบของกระสุนบนใบพัดเบี่ยงทำให้เกิดแรงผลักดันต่อเพลาข้อเหวี่ยงของเครื่องยนต์
ชาวเยอรมันรู้สึกประทับใจกับใบพัดหุ้มเกราะของ Garros และต้องการให้สิ่งเหล่านี้ติดตั้งบนเครื่องบินของพวกเขา พวกเขาจึงส่ง Anthony Fokker
ผู้ผลิตเครื่องบินชาวดัตช์เจ้าของเครื่องบินปีกชั้นเดียว "the Eindecker " ซึ่งกำลังทำกิจกรรมแนวหน้าในฐานะหน่วยสอดแนมอยู่แล้วมาจัดการให้
แต่ Fokker พบถึงความชุ่ยของวิศวกรรมเหล่านั้น ใน 48 ชั่วโมงต่อมา Fokker กลับมาพร้อมกับวิธีแก้ปัญหาที่ดีกว่านั่นคือ ปืนกลที่มีอัตราการยิงตรงกับการหมุนของใบพัด เป็นที่น่าสังเกตุว่า Fokker และวิศวกรของเขา Heinrich Lübbe น่าจะกำลังทำงานเกี่ยวกับอุปกรณ์ synchronize อยู่แล้ว ก่อนที่จะเข้ามาตรวจสอบเครื่องบินที่ถูกจับของGarros
ระบบของ Fokker แตกต่างจากการออกแบบในตอนแรก เขาออกแบบมาเพื่อการยิงปืนอย่างคล่องแคล่ว สิ่งสำคัญที่สุดคืออุปกรณ์ synchronize ของ Fokker ถูกสร้างขึ้นและติดตั้งเข้ากับ " Eindeckers" ของชาวเยอรมันหลายคน แม้ว่าในแง่ของประสิทธิภาพนั้น Eindeckers เป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดา แต่ก็ยังเป็นเครื่องบินรบที่แท้จริงลำแรก
นักบินเยอรมันสามารถใช้เครื่องบินเป็นอาวุธโดยเล็งเครื่องบินทั้งลำไปที่เป้าหมาย นักบินซึ่งมีความมั่นใจสูงสามารถพุ่งเอาหัวลงโดยเล็งเครื่องบินไปที่เป้าหมายยิงระเบิดได้นานและพุ่งต่ำลงต่อไปจนกว่าจะอยู่นอกระยะ หากเป้าหมายไม่ถูกทำลายนักบินเยอรมันสามารถกลับขึ้นไปและทำซ้ำอีกครั้ง
ปัจจุบันการซ้อมรบนี้พบได้ทั่วไปในการต่อสู้แบบ dogfights (การดวลกันในระยะประชิด) ซึ่งถูกคิดค้นโดยนักสู้ชาวเยอรมัน Leutnant Max Immelmann
การครอบครองปืนsynchronize ที่ใช้งานได้แต่เพียงผู้เดียว ทำให้เยอรมันมีความเหนือกว่าทางอากาศต่อพันธมิตรในการทำลายล้างเครื่องบินของข้าศึก ช่วงเวลานี้เริ่มตั้งแต่กลางปี 1915 - กลางปี 1916 รู้จักกันในชื่อ "Fokker Scourge" หรือ "Fokker Scare"
เช่น Nieuport 11 ของฝรั่งเศสและ DH-2 ของอังกฤษ
Nieuport เบาและว่องไวเหนือกว่า Eindecker ของ Fokker ทุกประการ รวมทั้งความเร็วอัตราการไต่และความคล่องแคล่ว Nieuport ยังวางปืนยิงไปข้างหน้า และมันถูกติดตั้งเพื่อยิงเหนือใบพัดเพราะการยิงระหว่างใบพัดพิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ยากจะจัดการได้
แต่ในที่สุดชาวอังกฤษก็ได้จับมือกับ Eindeckerในตำนานเมื่อเดือนเมษายน1916 ขณะที่นักบินชาวเยอรมันได้นำเครื่องบินของเขาลงจอดในสนามบินของอังกฤษโดยไม่ได้ตั้งใจ และพบว่าเครื่องบินที่ถูกยึดนั้นไม่มีประสิทธิภาพที่เหนือกว่าที่เคยได้รับการยกย่อง อังกฤษลอกเลียนแบบ synchronization gear และเครื่องบินพันธมิตรลำแรกที่มีความสามารถในการยิงระหว่างใบพัดได้ถือกำเนิดขึ้น
การครอบงำทางอากาศยังคงแกว่งไปมาระหว่างเยอรมันและพันธมิตรจนกระทั่งสิ้นสุดสงครามในปี 1918 ในช่วงท้ายของความขัดแย้ง เยอรมันได้นำเครื่องของ Fokker มาประยุกต์ใช้ครั้งที่สองคือ Fokker D.VII ที่น่าเกรงขาม แต่ก็ยังไม่สามารถป้องกันความพ่ายแพ้ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของเยอรมนี อย่างไรก็ตาม เครื่องบินลำนี้เป็นที่เกรงกลัวของฝ่ายพันธมิตรมากจนเป็นอาวุธเดียวที่กล่าวถึงในสนธิสัญญาแวร์ซายส์ โดยเฉพาะต้องการให้ชาวเยอรมันยอมจำนนและมอบ D.VII ทั้งหมดให้กับฝ่ายพันธมิตร
synchronization gears หมดประโยชน์และหายไปโดยสิ้นเชิงเมื่อเครื่องยนต์เจ็ทไม่ใช้ใบพัดในเครื่องบินรบ
- Coronado Eagle, Volume 8, Number 36, 3 September 1997
- Joe Yoon, Fighter Guns & Synchronization Gear, Aerospace Web
- Harry Woodman, Early Aircraft Armament.
- Wikipedia