สวัสดีค่ะ ฉันมีเรื่องจะมาปรึกษาค่ะ
เรื่องมันมีอยู่ว่า ฉันมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่อยู่ข้างบ้าน เราสองคนสนิทกันมาก เล่นกันตั้งแต่ตอนเด็กๆจนถึงปัจจุบัน มีปัญหาอะไรจะปรึกษากัน แม้กระทั่งความรัก จนวันหนึ่ง เพื่อนมาปรึกษาเรื่องความรัก คบกับผู้ชายคนนึง คบกันตอนที่ทำงานด้วยกัน แต่ เพื่อนของฉันบอกว่า "ผู้ชายคนนั้นการศึกษาอาจจะต่ำกว่าเธอ ทำให้เงินเดือนของผู้ชายคนนั้นน้อยกว่าเธอ และผู้ชายคนนั้นศาสนาแตกต่างจากเธออีกด้วย" ฉันเลยตกใจมาก แต่เธอบอกว่า "ไม่ว่าศาสนาไหนหรือรวยจนไม่สำคัญ ขอให้ผู้ชายคนนั้นจริงใจกับเธอ" ฉันเลยบอกว่า"ให้ดูกันไปก่อนค่อยเป็นค่อยไป" พอคบกันได้ไม่นาน เพื่อนของฉัน มาปรึกษาเรื่องผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง ว่าเธอกับผู้ชายคนนั้นจะซื้อรถด้วยกัน แต่ผ่อนกันคนละครึ่ง ฉันเลยงง ว่าทำไมไม่ซื้อแยกกันเอาเอง เพื่อนจะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง แต่เธอบอกว่า "เธอโอเคที่จะผ่อนครึ่งกับผู้ชายคนนั้น" ฉันเลยไม่พอใจ เลยถามว่า"แม่ของเธอ โอเคเรื่องนี้หรือเปล่า" เธอตอบกลับมาว่า "ไม่โอเค" ฉันถามว่าแล้ว"ซื้อทำไม" เพื่อนของฉันตอบมาว่า "ผู้ชายคนนั้นขับรถของทางบ้านมาทำงาน แต่ทางบ้านต้องใช้รถไปทำธุระเช่นกัน ผู้ชายคนนั้นเลยตัดสินใจจะซื้อรถ เลยมาปรึกษาเพื่อนของฉัน เพื่อนของฉันก็ต้องการจะซื้อเหมือนกัน เลยตกลงกันว่าจะผ่อนคนละครึ่ง" ฉันบอกว่า"ถ้าเลิกกันไปรถคันนี้จะได้ใคร" เธอบอกว่า"ให้ถึงวันนั้นก่อนค่อยตัดสินใจกันอีกที" แล้วฉันถามต่อว่า "ซื้อไปแล้วเป็นชื่อใคร" เธอตอบมาว่า "แม่ไม่โอเค เลยไปใช้ชื่อแม่ของผู้ชายคนนั้นแทน เพราะว่าทั้งสองคนอายุไม่ถึง20 ปีบริบูรณ์ ไม่สามารถเป็นเจ้าของรถได้" ฉันเตือนเพื่อนของฉันแต่เพื่อนไม่ฟัง สุดท้ายเธอได้ซื้อรถคันนั้นไป เพื่อนของฉันคบกับผู้ชายคนนั้นมาได้ปีกว่าแล้ว ฉันกับเพื่อนของฉันก็คุยกัน ติดต่อกันปกติ ไม่มีปัญหาอะไรกัน แต่ช่วงงั้นพวกเรายุ่งกับการทำงานเลยไม่รู้ว่า เพื่อนของฉันคบกับผู้ชายคนนั้นเป็นยังไงบ้าง จนวันหนึ่งเธอมาคุยกับฉันเรื่องผู้ชายคนนั้น เธอบอกว่า "เธอกับผู้ชายคนนั้นทะเลาะกัน เพราะผู้ชายคนนั้นได้ออกจากงานแล้ว โดยไม่ปรึกษาเธอเลย" เพื่อนของฉันเลยโกรธมากที่ไม่ปรึกษากันก่อน เพื่อนของฉันก็บอกกับผู้ชายคนนั้นว่า "คุณจะกินอะไรในแต่ละวันให้แบมือขอแม่กินหรอ ควรโตได้แล้วนะ" เธอก็คุยอีกว่าก่อนหน้านั้น ผู้ชายคนนั้นได้หยุดทำงานเพราะต้องไปหาญาติพี่น้องทำพิธีทางศาสนา ต้องใช้จ่ายเงินจำนวนหนึ่ง เลยขอเพื่อนของฉันให้เบิกเงินจากที่ทำงานก่อน แล้วค่อยคืนให้ทีหลัง เธอเลยบอกว่า"โอเคเลยเบิกมาให้" เวลาผู้ชายคนนั้นไม่สบาย เพื่อนของฉันก็ออกค่ารักษาพยาบาลให้ ฉันเลยถามว่า "ผู้ชายคนนั้นให้อะไรกับเธอบ้าง" เธอบอกว่า "ผู้ชายคนนั้น มีเงินเท่าไหร่มาให้เธอหมดเลย แต่มันมีเงินน้อยนิด และ พวกเราซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน" ที่ฉันฟังมาเหมือนเงินเพื่อนของฉันจะให้ผู้ชายคนนั้นมากกว่านะ ฉันเห็นแม่ของเพื่อนสีหน้าของแกไม่โอเคตั้งแต่เพื่อนของฉันคบกับผู้ชายคนนั้น แต่ฉันไม่ได้ไปถามแม่ของเพื่อนหรอกนะ เดี๋ยวหาว่าก้าวก่ายเกินไป ฉันเลยบอกเพื่อนว่า "เธอควรดูแลแม่บ้างนะ รู้สึกช่วงนี้แกสีหน้าไม่โอเคเลย" เธอบอกว่า"โอเค" เธอได้บอกกับฉันว่า เธอทะเลาะครั้งนั้นและเธอได้ เลิกกับผู้ชายคนนั้นทันที เพราะทนพฤติกรรม เอาแต่ใจของเขาไม่ได้ แล้วเขาเป็นคนใจร้อนและขี้หึงด้วย เพื่อนของฉันพูดไปแล้วร้องไป ฉันสงสารเธอแต่ช่วยอะไรไม่ได้มาก ฉันแค่ได้ปลอบใจเธอ ฉันบอกว่ามีคนที่ดีกว่าผู้ชายคนนั้นแน่นอน หลังจากนั้นเธอก็มาหาฉันทุกวัน เธอหยุดงานไม่ได้ทำงานมาเป็นเดือนเธอเสียใจมาก จนกระทั่ง 1 เดือนกว่า เหมือนว่าเพื่อน จะทำใจได้บ้าง แต่ผู้ชายคนนั้นก็ทักเพื่อนมา พร้อมจะปรับตัวใหม่ และเขามีงานใหม่แล้ว ส่วนเรื่องรถเพื่อนของฉัน ได้จ่ายมา 2 เดือนกว่า ตอนช่วงทะเลาะกัน และ หลังจากเลิกกันไปแล้ว เพื่อนของฉัน อีกไม่นานจะครบ 20 ปีบริบูรณ์ เธอจะเอารถเป็นของตนเอง และ คืนเงินที่ผู้ชายคนนั้นจ่ายในรถคันนี้ด้วย ผู้ชายคนนั้นตามทักเธอมาสักพักแล้ว ล่าสุดเพื่อนของฉันกลับไปคืนดีกับผู้ชายคนนั้น และฉันไม่พอใจมาก ที่เพื่อนตัดสินใจอย่างนั้น ฉันพยายามอธิบายให้เพื่อนฟัง ข้อเสียของผู้ชายคนนั้นมีเยอะมาก ที่เพื่อนเล่าให้ฟัง แต่เพื่อนก็ยังจะไปหาเขา เพราะว่ามีความรู้สึกดีๆกับเขา และเขาก็สำนึกผิดแล้วเพื่อนเลยให้อภัย ฉันไม่อยากให้เพื่อนเสียใจแบบนี้อีกแล้ว เพื่อนๆมีวิธีอะไรบ้างคะที่ ให้เพื่อนออกมาจากจุดนี้ฉันไม่ได้สงสารแค่เพื่อนอย่างเดียวนะ สงสารแม่เพื่อนด้วย ตอนที่เพื่อนร้องไห้ ฉันยังเจ็บแทนเลย ช่วยฉันหน่อยค่ะ ฉันอยากรู้จริงๆ
ขอถามเพื่อนๆว่า ควรจะให้เพื่อนไปคบต่อหรือไม่เพราะต่างศาสนา พุทธและอิสลาม
เรื่องมันมีอยู่ว่า ฉันมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่อยู่ข้างบ้าน เราสองคนสนิทกันมาก เล่นกันตั้งแต่ตอนเด็กๆจนถึงปัจจุบัน มีปัญหาอะไรจะปรึกษากัน แม้กระทั่งความรัก จนวันหนึ่ง เพื่อนมาปรึกษาเรื่องความรัก คบกับผู้ชายคนนึง คบกันตอนที่ทำงานด้วยกัน แต่ เพื่อนของฉันบอกว่า "ผู้ชายคนนั้นการศึกษาอาจจะต่ำกว่าเธอ ทำให้เงินเดือนของผู้ชายคนนั้นน้อยกว่าเธอ และผู้ชายคนนั้นศาสนาแตกต่างจากเธออีกด้วย" ฉันเลยตกใจมาก แต่เธอบอกว่า "ไม่ว่าศาสนาไหนหรือรวยจนไม่สำคัญ ขอให้ผู้ชายคนนั้นจริงใจกับเธอ" ฉันเลยบอกว่า"ให้ดูกันไปก่อนค่อยเป็นค่อยไป" พอคบกันได้ไม่นาน เพื่อนของฉัน มาปรึกษาเรื่องผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง ว่าเธอกับผู้ชายคนนั้นจะซื้อรถด้วยกัน แต่ผ่อนกันคนละครึ่ง ฉันเลยงง ว่าทำไมไม่ซื้อแยกกันเอาเอง เพื่อนจะได้ไม่มีปัญหาทีหลัง แต่เธอบอกว่า "เธอโอเคที่จะผ่อนครึ่งกับผู้ชายคนนั้น" ฉันเลยไม่พอใจ เลยถามว่า"แม่ของเธอ โอเคเรื่องนี้หรือเปล่า" เธอตอบกลับมาว่า "ไม่โอเค" ฉันถามว่าแล้ว"ซื้อทำไม" เพื่อนของฉันตอบมาว่า "ผู้ชายคนนั้นขับรถของทางบ้านมาทำงาน แต่ทางบ้านต้องใช้รถไปทำธุระเช่นกัน ผู้ชายคนนั้นเลยตัดสินใจจะซื้อรถ เลยมาปรึกษาเพื่อนของฉัน เพื่อนของฉันก็ต้องการจะซื้อเหมือนกัน เลยตกลงกันว่าจะผ่อนคนละครึ่ง" ฉันบอกว่า"ถ้าเลิกกันไปรถคันนี้จะได้ใคร" เธอบอกว่า"ให้ถึงวันนั้นก่อนค่อยตัดสินใจกันอีกที" แล้วฉันถามต่อว่า "ซื้อไปแล้วเป็นชื่อใคร" เธอตอบมาว่า "แม่ไม่โอเค เลยไปใช้ชื่อแม่ของผู้ชายคนนั้นแทน เพราะว่าทั้งสองคนอายุไม่ถึง20 ปีบริบูรณ์ ไม่สามารถเป็นเจ้าของรถได้" ฉันเตือนเพื่อนของฉันแต่เพื่อนไม่ฟัง สุดท้ายเธอได้ซื้อรถคันนั้นไป เพื่อนของฉันคบกับผู้ชายคนนั้นมาได้ปีกว่าแล้ว ฉันกับเพื่อนของฉันก็คุยกัน ติดต่อกันปกติ ไม่มีปัญหาอะไรกัน แต่ช่วงงั้นพวกเรายุ่งกับการทำงานเลยไม่รู้ว่า เพื่อนของฉันคบกับผู้ชายคนนั้นเป็นยังไงบ้าง จนวันหนึ่งเธอมาคุยกับฉันเรื่องผู้ชายคนนั้น เธอบอกว่า "เธอกับผู้ชายคนนั้นทะเลาะกัน เพราะผู้ชายคนนั้นได้ออกจากงานแล้ว โดยไม่ปรึกษาเธอเลย" เพื่อนของฉันเลยโกรธมากที่ไม่ปรึกษากันก่อน เพื่อนของฉันก็บอกกับผู้ชายคนนั้นว่า "คุณจะกินอะไรในแต่ละวันให้แบมือขอแม่กินหรอ ควรโตได้แล้วนะ" เธอก็คุยอีกว่าก่อนหน้านั้น ผู้ชายคนนั้นได้หยุดทำงานเพราะต้องไปหาญาติพี่น้องทำพิธีทางศาสนา ต้องใช้จ่ายเงินจำนวนหนึ่ง เลยขอเพื่อนของฉันให้เบิกเงินจากที่ทำงานก่อน แล้วค่อยคืนให้ทีหลัง เธอเลยบอกว่า"โอเคเลยเบิกมาให้" เวลาผู้ชายคนนั้นไม่สบาย เพื่อนของฉันก็ออกค่ารักษาพยาบาลให้ ฉันเลยถามว่า "ผู้ชายคนนั้นให้อะไรกับเธอบ้าง" เธอบอกว่า "ผู้ชายคนนั้น มีเงินเท่าไหร่มาให้เธอหมดเลย แต่มันมีเงินน้อยนิด และ พวกเราซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน" ที่ฉันฟังมาเหมือนเงินเพื่อนของฉันจะให้ผู้ชายคนนั้นมากกว่านะ ฉันเห็นแม่ของเพื่อนสีหน้าของแกไม่โอเคตั้งแต่เพื่อนของฉันคบกับผู้ชายคนนั้น แต่ฉันไม่ได้ไปถามแม่ของเพื่อนหรอกนะ เดี๋ยวหาว่าก้าวก่ายเกินไป ฉันเลยบอกเพื่อนว่า "เธอควรดูแลแม่บ้างนะ รู้สึกช่วงนี้แกสีหน้าไม่โอเคเลย" เธอบอกว่า"โอเค" เธอได้บอกกับฉันว่า เธอทะเลาะครั้งนั้นและเธอได้ เลิกกับผู้ชายคนนั้นทันที เพราะทนพฤติกรรม เอาแต่ใจของเขาไม่ได้ แล้วเขาเป็นคนใจร้อนและขี้หึงด้วย เพื่อนของฉันพูดไปแล้วร้องไป ฉันสงสารเธอแต่ช่วยอะไรไม่ได้มาก ฉันแค่ได้ปลอบใจเธอ ฉันบอกว่ามีคนที่ดีกว่าผู้ชายคนนั้นแน่นอน หลังจากนั้นเธอก็มาหาฉันทุกวัน เธอหยุดงานไม่ได้ทำงานมาเป็นเดือนเธอเสียใจมาก จนกระทั่ง 1 เดือนกว่า เหมือนว่าเพื่อน จะทำใจได้บ้าง แต่ผู้ชายคนนั้นก็ทักเพื่อนมา พร้อมจะปรับตัวใหม่ และเขามีงานใหม่แล้ว ส่วนเรื่องรถเพื่อนของฉัน ได้จ่ายมา 2 เดือนกว่า ตอนช่วงทะเลาะกัน และ หลังจากเลิกกันไปแล้ว เพื่อนของฉัน อีกไม่นานจะครบ 20 ปีบริบูรณ์ เธอจะเอารถเป็นของตนเอง และ คืนเงินที่ผู้ชายคนนั้นจ่ายในรถคันนี้ด้วย ผู้ชายคนนั้นตามทักเธอมาสักพักแล้ว ล่าสุดเพื่อนของฉันกลับไปคืนดีกับผู้ชายคนนั้น และฉันไม่พอใจมาก ที่เพื่อนตัดสินใจอย่างนั้น ฉันพยายามอธิบายให้เพื่อนฟัง ข้อเสียของผู้ชายคนนั้นมีเยอะมาก ที่เพื่อนเล่าให้ฟัง แต่เพื่อนก็ยังจะไปหาเขา เพราะว่ามีความรู้สึกดีๆกับเขา และเขาก็สำนึกผิดแล้วเพื่อนเลยให้อภัย ฉันไม่อยากให้เพื่อนเสียใจแบบนี้อีกแล้ว เพื่อนๆมีวิธีอะไรบ้างคะที่ ให้เพื่อนออกมาจากจุดนี้ฉันไม่ได้สงสารแค่เพื่อนอย่างเดียวนะ สงสารแม่เพื่อนด้วย ตอนที่เพื่อนร้องไห้ ฉันยังเจ็บแทนเลย ช่วยฉันหน่อยค่ะ ฉันอยากรู้จริงๆ