หลังจากจบ จากเชียงใหม่ มาหลายสิบปี ก็ไม่ได้นั่งรถไฟ ขึ้นเชียงใหม่นานมากแล้ว

รอบนี้ พอดี จองขึ้น ไปบินพารามอร์เตอร์ ชมวิว ที่เชียงใหม่ ไว้สุดสัปดาห์ เลยทดลอง จองรถไฟนอน อุตราวิถี รถนอนขบวนใหม่ ของการรถไฟ ( ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ใหม่หรอก เพราะว่า เปิดให้บริการ มาสองสามปีแล้ว)

แต่ ว่า เทียบกับ รถนอนด่วนพิเศษเก่าที่ใช้งาน มาเกือบร้อยปีแล้วมั้ง ก็ถือว่าใหม่แหละ 5555555

การจองตั๋วรถไฟ สมัยนี้ จองได้ หลายช่องทาง
ทางด้าน Online เข้าไปที่ เว็บการรถไฟ ตามลิ้งค์นี้ได้เลย

https://www.thairailwayticket.com/eTSRT/
เข้าไปก็จะมีหน้าเว็บตามนี้ เลือกวัน เลือกขบวนรถ เลือกสถานี ตามตาราง ( อ้อ ทำใจไว้ก่อนนะ เว็บ Error บ่อยๆก็คอยย้อนกลับทำซ้ำ )

เมื่อเลือกวัน และ เส้นทางรถแล้ว จะมีขบวนรถที่วิ่ง ขึ้นมาให้ ตามนี้ ถ้าไม่มี ตู้ หรือ ขบวนว่าง จะเป็นสีเทา แทนสีเขียว

ยกตัวอย่าง เที่ยวขึ้น เลือกวันที่ 20 ตุลา 63 ณ ตอนนี้ มีขบวนที่วิ่งและว่าง 

เที่ยวล่อง วันที่ 22 ตุลา มีตู้ว่างตามนี้

 
ถ้าวันที่เราเลือก ขบวนไหนไม่วิ่งหรือเต็มเแล้ว ตรงเลือกตู้จะกลายเป็นสีเทา คลิกเลือกไม่ได้
พอคลิก เลือกตู้ เข้าไปในขบวนที่เลือก ก็จะไปให้แยก ตู้ชั้น หนึ่ง และชั้น สอง อย่างในรูป  ชั้นหนึ่งเต็มแล้ว 
เหลือแต่ชั้นสอง (อันนี้ เป็นของรถด่วนพิเศษขบวนเก่า 13 และ 14)

ส่วนอันนี้ เป็นของ รถด่วนพิเศษ อุตราวิถี (ขบวน 9 และ 10) สังเกตุ ค่าโดยสารจะแพงกว่า ราวๆ 200 บาท

 ก่อนอื่นแนะนำก่อน ว่ารถด่วนพิเศษ สายเหนือมันมีสองขบวน คือ ขบวนเก่า เรียกด่วนพิเศษ เฉยๆ ขาไป คือขบวนที่ 13 ออกจาก กทม.เวลา 19:35 ถึงเชียงใหม่ 8:40
ส่วนเที่ยวกลับ ชื่อขบวนที่ 14 ออกจากเชียงใหม่ 17:00 ถึงกทม. 6:15 น. (ที่ใช้ลูกศร สีม่วงขึดเส้นไว้) 
อันนี้เป็นรถตู้นอนเก่าใช้มาหลายสิบปี สภาพโทรมหน่อย ห้องน้ำโบราณ ส้วมยังนั่งยอง ถ้าจะอาบน้ำต้องใช้ อาบในห้องสุขา รวมกัน

สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆน้อย เอาว่า ยังคงมีกลิ่นอายของรถไฟยุคเก่า อยู่ (กลิ่นก็ยังมี 555555555) ค่าโดยสารของห้องชั้นหนึ่ง ทั้งขบวนนี้ทั้งไปและกลับ ห้องนึง สองคน = 2706 บาท (เตียงล่าง 1453 /เตียงบน 1253)

ส่วนอีกขบวน คือรถด่วนพิเศษ อุตราวิถี ที่ เค้าร่ำรือกันว่าใหม่ๆสวยนั่นแหละ ขบวนนี้ ขาขึ้นจากกทม. เรียกว่า ขบวนที่ 9 ออก 18:10 ถีงเชียงใหม่ 7:15 น.
และขากลับ เรียกว่า ขบวนที่ 10 ออกจากเชียงใหม่ 18:00 น.ถึง กทม. 6:50 น.
ค่าโดยสาร หนึ่งห้อง สองคน 3106 บาท (เตียงล่าง 1653 /เตียงบน 1453)
ทั้งสองขบวน ถ้า อยากเหมาห้อง นอนคนเดียว คิดค่าโดยสารเตียงล่าง บวก 500 บาท )
ส่วนถ้าเป็นคนต่างเพศ เดินทางเดี่ยว เค้าจะไม่จัดให้นอนห้องเดียวกัน
ตู้นอนชั้นหนึ่งของแต่ละขบวน จะมีแค่ 1 ตู้. ตู้ล่ะ 12 ห้อง ห้องล่ะ 2 คนรวม 24 คน

แต่ถ้าเป็นตู้นอนชั้นสอง จะมี 10 ตู้ เยอะหน่อย เค้า จะใช้เป็นม่านกัน ระหว่างฝั่งซ้าย และขวา ของทางเดินยาวไป ตู้ล่ะ ประมาณ 40 ที่นั่ง ไม่ได้เป็นห้อง แยกจากกัน อาจจะต้องคอยระวังทรัพย์สิน ส่วนตัว และความปลอดภัยอื่นๆมากหน่อย ความเป็นส่วนตัวน้อยหน่อย
ตู้นอนชั้นสองค่าโดยสาร สำหรับ ด่วนพิเศษธรรมดา เตียงล่าง 841 / เตียงบน 771

แต่ถ้าเป็นขบวนใหม่ อุตราวิถี เตียงล่าง 1041/ เตียงบน 941
ชั้นสอง ของ ด่วนพิเศษ อุตราวิถี ก็แพงกว่า ขบวนธรรมดาประมาณสองร้อยบาท ต่อที่นั่ง เหมือนกัน

และ ในบรรดาตู้นอน ชั้นสอง ของอุตราวิถี จะมีตู้ หญิงล้วน หนึ่งตู้ ให้กับ หญิงที่เดินทางคนเดียว หรือ กลุ่มหญิงล้วน ที่ต่องการเดินทาง เน้นปลอดภัย ค่าโดยสารเท่ากัน เห็นเพื่อนที่เคยเดินทางตู้หญิงล้วน บอกว่า พนักงาน ดูแลตู้ ก็ใช้หญิงด้วยดูปลอดภัย ประทับใจดี

ในการจองตั๋วรถไฟนั้นจองได้ผ่านเว็บของการรถไฟ โดยเค้าแบ่งมาให้ กับพการจองออนไลน์ 20%
อย่างชั้นหนึ่งทั้งขบวนมีตู้เดียว 12 ห้อง /24 ที่นั่ง ก็แบ่งมาให้จองออนไลน์แค่ 2 ห้อง สี่เท่านั้นเท่านั้น  ส่วนที่เหลือก็ จองได้ทางโทรศัพท์สายด่วนของเค้า 1690 (ซึ่งถามเจ้าหน้าที่บอกว่า ถึงเวลาจองจริงมักแย่งกันสายไม่ว่าง) หรือ ติดต่อกับสถานีรถไฟโดยตรง ซึ่งจะลิ้งค์มายัง Pool รวมอีกที

ณ ปัจจุบัน เค้าเปิดให้จองล่วงหน้าได้ไม่เกิน 30 วัน และถ้าต้องการจองชั้นหนึ่งซึ่งมีห้องน้อย ต้องเฝ้าหน้าจอ วันเปิดล่วงหน้าตอน 8 โมงเช้า แล้วรีบคีย์จองให้ทันเพราะว่ามันจะเต็มเร็วมาก เช่น จะเดินทาง 12 ธันวา นี่ วันที่ 12 พย.8 โมงเช้าต้องรีบมารอคีย์ แล้ว ไม่งั้นพวกวันหยุด ศุกร์เสาร์อาทิตย์จะจองยากมาก และ แม้แต่วันธรรมาด ตู้ชั้นหนึ่ง ก็มักเต็มตลอด 

และการจอง ต้องจองแยกขาไป และกลับ คนล่ะที และคนล่ะวัน ดังนั้น ต้องลุ้นด้วย ว่า จะได้ตั๋วขากลับมั้ย ถ้าวันกลับจองไม่ได้ ก็ต้องกลับชั้นสอง หรือ กลับทางอื่น

ค่าโดยสาร สองคน สามพัน อาจจะดูแพงกว่า เครื่องบินบางไฟลท์ แต่ในแง่เวลาการเดินทาง จะค่อนข้างลงตัว เลิกงานเย็นเร็วนิดนึง ขึ้นรถค่ำ นอนในรถถึงเชียงใหม่เช้า ไม่เสียเวลา ขากลับ ก็ เดินทางค่ำถึงเช้า อาบน้ำไปทำงานต่อ

มาดู ตารางเวลา และสถานีที่จอดกัน ทั้งสองขบวน จอด สถานี ทั้งหมด 17 สถานีเหมือนกัน ตามนี่

สังเกตุได้ว่าในกทม.จอดเยอะ รวม 7 สถานี คือ กรุงเทพ(หัวลำโพง)- สามเสน- บางซื่อ- บางเขน- หลักสี่ ดอนเมือง รังสิต คงเนื่องจาก มีคนขึ้นลง ในกทม.มากเลยอำนวยความสะดวกให้มาก แล้วก็ไปอยุธยา และ จังหวัดสำคัญ เลย รวม อีก 10 สถานีถึงเชียงใหม่ เรียกว่าจอดน้อย แหละ บางจังหวัด อย่าง พิจิตร นี่ ยังไม่จอดแวะเลย ต้องไป ขึ้นลง จังหวัดใกล้เคียง ส่วนปลายทาง นี่ ก่อนถึงเชียงใหม่ จะจอดที่ สถานีขุนตาล ที่แม่เป็นสถานีเล็ก แต่ว่า มีนักท่องเที่ยว ปีนเขาแค้มป์ปิ้งมาก เลยจอดนาน 5 นาที นานเป็นพิเศษ หลายคน ไปถึงตอนเช้า ก็ลงไปถ่ายรูป กับ ถ้ำขุ้นตาล และสถานีกันก็มี

ค่าโดยสาร ถ้าจอง เดินทางสถานีกลางทาง ค่าโดยสาร ก็จะลดต่ำลงไป

แต่ถ้าเดินทางสองคน แยกจองกัน โอกาส จะมาอยู่ห้องเดียวกันจะยาก สำหรับผม จองสองคน  ก็จอง จากกทม.ทั้งสองที่นั่งให้เพื่อน ขึ้นที่ กทม.มาก่อน และต้องแจ้งเค้าด้วย ว่าอีกคน ขึ้นที่ลพบุรี

เพราะว่า ตู้โดยสารชั้นหนึ่งเมื่อคนขึ้นครบแล้ว เค้าจะล้อคตู้ เข้าออก ต้องให้พนักงาน ประจำตู้เปิดให้ เท่านั้น ไม่งั้นคนขึ้นกลางทาง ขึ้นไม่ได้  

มาดูผังขบวนรถ อุตราวิถี ( ขบวน 9-10 )
สังเกตุได้ว่า ตู้ชั้นหนึ่ง มีแค่ตู้เดียว  ขาขึ้น จะอยู่ท้ายขบวน ขาล่อง จะอยู่หัวขบวน มีทั้งหมด 12 ห้อง 24 ที่นั่ง(นอน) ในหนึ่งตู้
ส่วนชั้น 2 มี 10 ตู้ ตู้ล่ะ 40 ที่นั่ง(นอน)  ยกเว้นตู้กลาง ที่ แบ่งไปทำห้องน้ำคนพิการ เหลือ แค่ 36 ที่นั่ง(นอน)


สำหรับทริปนี้ สารภาพเลย ตอนจอง ขาไป เห็นในเว็บเป็นด่วนพิเศษ เหมือนกันทั้ง ทั้งขบวน9 และ 13 เลือก ขบวน 13 ขาไปเพราะว่า เห็นออกช้าหน่อยคนทำงาน ไม่ต้องรีบ
ส่วนขากลับ เลือก10 เพราะว่า กลับเย็นหน่อยมีเวลาเที่ยว

เลยกลายเป็นว่าขาไป ได้ รถขบวนเก่า ขากลับ ถึงเป็นขบวนใหม่ อุตรวิถี ได้ลองสองแบบเลย
สรุปรถ ขาไป ด่วนพิเศษขบวนเก่า เป็นห้องแยก รถเก่า เตียงสองชั้น มีปลั๊กไฟ กับอ่างล้างมือให้ ไม่มีผ้าเช็ดตัว
ห้องน้ำห้องส้วมเป็นแบบเก่านั่งยอง โบราณ กลิ่น ความสะอาด ไม่ค่อยน่าประทับใจ
ยังคงกลิ่นอายรถไฟไทยยุคเก่า ขาไปออกตรงเวลา 19:35 แต่ถึงเชียงใหม่ช้ากว่ากำหนด หนึ่งชม.นิดๆ


แต่ว่า ขากลับ ขึ้น ขบวนอุตราวิถี (ขบวน 10) นี่รถไฟใหม่สวย มีพนักงานต้อนรับ และดูแล ตู้ล่ะหนึ่งคน คอยรอต้อนรับ ยกกระเป๋า ตั้งแต่ บันไดรถไฟ รวมทั้งคอยปูเตียง ทำความสะอาด รวมทั้งมาปลุกก่อน ถึงสถานที่เราจะลง 20 นาที

พนักงานต้อนรับ คอยยืน ข้างขบวนรถเช็คตั๋ว และ ดูแลการขึ้น

ลักษณะตู้ ของชั้น 1 เป็นห้องพัก อยู่ด้านหนึ่ง เรียงไป 12 ห้อง มีหน้าต่าง ออกไปมองวิวด้านข้างทุกห้อง และ ประตู ห้องเปิดออกมาตรงทางเดิน ที่ อีกด้าน เป็นหน้าต่าง มองวิว ของ ขบวนรถอีกด้าน ปลายขบวน เป็นประตูเปิดปิดด้วยไฟฟ้า และกดปุ่ม

ห้องไม่กว้างมาก แต่สะดวกสบาย มีตู้เก็บของชั้นวาง ของ หลายจุด
แต่ละที่นอน มี ปลั๊ก USB ชาร์ตไฟ และปุ่ม คอนโทรล จอ LCD บอกเส้นทางการเดินรถ และ สถานะห้องน้ำว่างมั้ย

ขบวน อุตราวิถี  มีผ้าเช็ดตัวสะอาด (ซักโดยซินไฉฮั้ว) ไว้บริการเผื่อจะอาบน้ำ นอกเหนือไปจากผ้าห่ม ที่เค้าจะเอามาให้ตอนปูเตียง
 
ปกติ ขึ้นไป ตอนเย็นและค่ำ เค้าจัดที่นอนไว้เป็นเก้าอี้นั่งคู่ พักผ่อนชมวิว  แต่ หลังจาก 2-3 ทุ่มไปแล้ว จะมาปรับ ปูเป็นเตียง
ถ้ายังอยากนั่งเล่นก่อนก็บอกเค้า แต่ว่า ไม่เกิน 4 ทุ่ม เพราะว่า หมดเวลาเค้า
ส่วนตอนเช้า เค้าก็จะมาเก็บเตียงให้ (แต่บางที ก็ปล่อยเป็นเตียงนอนไปจน สุดทางเลย 55555555555555 )

บานประตูที่เห็น เห็นเค้าว่า ใช้เป็ด เป็น Connecting Room กับ ห้องข้างๆ ในกรณีที่มาด้วยกันได้

ในห้อง จะมีตู้ เก็บของและกระจก พร้อมน้ำดื่ม และแก้วน้ำไว้ให้

ในตู้ของชั้นหนึ่งนี้ ปลายตู้ด้านนึง เป็นโซนห้องน้ำ มีห้องสุขาหนัก 2 ห้อง ห้องปัสสาวะชาย 1 ห้อง และห้องอาบน้ำ 1 ห้อง ให้ใช้รวมกัน
ลักษณะการออกแบบ คล้ายกับห้องน้ำบนเครื่องบิน 

และ สามารถทราบว่า มีคนใช้ห้องน้ำอยู่หรือหไม่ โดยดูจากจอในห้องเราได้

สำหรับห้องอาบน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่น และ แชมพู และสบู่เหลวให้พร้อม 

แอบทดลองอาบตอนค่ำไปด้วย หลังเที่ยวทั้งวัน ก็โอเคร นะ 55555555

แต่ เช่นกันกับ ขามา ที่เคยร่ำลือกันว่า ออกตรงเข้าตรงเวลาเป๊ะ

ใครเดินทางตอนนี้ลืมไปก่อน เลย รอบนี้ ก็สาย เข้าถึงกทม.ช้ากว่ากำหนด ราวๆ 1 ชม.นิดๆ

ถามเค้า เค้าบอกว่า เนื่องจากกำลังก่อสร้างรถไฟรางคู่หลายจุดย้ายประแจ ทำให้ รถที่เคยวิ่ง แล้ว รถอื่นหลบให้ตลอด คราวนี้ ต้องหยุดหลบคนอื่นบ้าง เหมือนกันเลยช้า ใครเดินทางตอนนี้ เผื่อไว้ด้วย

อีกอย่าง ตั้งแต่ช่วงโควิดถึงตอนนี้ เค้าปิดตู้เสบียง ดังนั้น ต้องหาอาหารมาตุนไว้ทานเอง ถ้าหิวกลางคืน

ราคาค่าโดยสาร หลายคนบอกแพงกว่า เครื่องบิน 

ก็จริง สำหรับ โลว์คอร์ส บางเที่ยว โดยเฉพาะวันธรรมดา อาจจะถูกกว่า แต่ช่วงวันหยุด มักแพงมากๆ
ราคา เฉลี่ยที่นั่งล่ะ พันห้า สำหรับตู้นอน VIP แพงนิด แต่แลกกับการนอนพัก สบายๆ เวลาลงตัว ตื่นไปเที่ยวต่อได้เลย ก็อาจจะเป็นทางเลือก หรือ ให้คนทดลองเดินทางกันดู ถ้าจองทัน

แต่ย้ำ ถ้าอยากได้สวยๆสบาย ไป อุตราวิถี ขาขึ้น ขบวน 9 ขากลับขบวน 10

แต่ถ้าอยากได้ กลิ่นอายความเก่า และ "กลิ่นเก่าๆ"ของรฟท ไทยที่คุ้นเคย ก็เลือก 13 กลับ 14 ครับ